ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #123 : Fractale แฟนตาซีทีแสนเรียบง่ายที่มาพร้อมปรัชญา

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 54



    ใครที่เขามาอ่านบทความผม ช่วยเข้าเป็นกำลังในเว็บ

    http://www.animemangagame.com/

    ด้วยนะครับ

     

    fractale anime เป็นอนิเมชั่น ปี 2011 เรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมติดตามในขณะนี้

                    ก่อนจะพูดถึง fractale anime ผมก็ขอพูดอนิเมชั่นปี 2011 ก่อนว่าทำไมผมดูเรื่องเดียว จะว่ายังไงล่ะ เดียวนี้ก็มีแต่คนมาบอกผมว่าดูอนิเมชั่นปี 2011 เรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ขอบอกว่าเรื่องที่ทุกคนบอกให้ผมดูนั้น ผมไม่ติดตามสักเรื่อง อันเป็นด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนของผมแหละครับ คือผมชอบพระเอกอ่อนแอ ดำเนินเรื่องสบายๆ ดังนั้นการ์ตูนส่วนใหญ่ที่ออกปี 2011 เกือบทั้งหมดไม่ตรงสเป็กผมสักเรื่อง(เหนื่อยกับคนเขียนบทความเรื่องมากคนนี้เสียจริง)อย่างเรื่อง

    เรื่องที่ผมดูแต่เป็นประเภทไม่ดูแล้วก็ไม่เสียหายอะไร

    -Mitsudomoe Zouryouchuu ผมชอบยาเบะมาก ดูเฉพาะตอนที่ยาเบะออก

    - Haiyoru! Nyaruani: Remember My Love(craft-senseiกำลังรอนิยายรักพิมพ์มากๆ

    -Onii-chan no Koto Nanka Zenzen Suki Jya Nai Dakara Ne~!!

    -Kore wa Zombie Desu ka? เรื่องนี้ผมติดตามอ่ะนะ แต่ดูแบบข้ามช่วง และผมไม่อยากเรียกพระเอกว่าซอมบี้เลย น่าจะเรียกว่ามนุษย์อมตะมากกว่า ช่างเถอะ ส่วนเนื้อหาทั่วๆ ไปคือแอ็คชั่นธรรมดา แต่สิ่งที่แปลกคือพระเอกเม่งแต่งชุดโดยทุเรศลูกตามากๆ

    เรื่องที่ผมไม่ได้ดู แต่มีความคิดว่าถ้าจบจะตามเก็บ

    -Level E ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่มีความคิดว่าถ้าจบ จะตามเก็บ

    -Gosick พอดีผมเอียนกับแนวสอบสวน กับโรงเรียนไฮโซ ดังนั้นเลยไม่ได้ดู แต่ผมมีมังงะเล่ม 1 น่ะ ครับ คงไม่ต้องถามว่าผมชอบหรือเปล่า ผมดูแล้วเหนื่อยอีกเรื่อง(ถ้าอวสานผมอาจจะกลับมาดูได้)

    เรื่องที่ผมไม่ดู และไม่คิดที่จะดู

    -Beezlebu พระเอกนักเลงไปหน่อย(เรื่องมากจังว่ะ คนเขียนบทความคนนี้)

    -เรื่อง Dragon Crisis ดูแล้วเหนื่อยครับ เนื้อหาไม่ได้แปลกใหม่อะไร เหนื่อยชีวิต

    -Freezing นั้นขอบอกว่าผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ผมสนใจผลงานสองเรื่องของคนเขียนเรื่องนี้อย่างรีเบิร์ธ(พี่สาวเลือดสาด) กับเจ้าหญิงอสูร VS(ฮาเร็มยักษ์หน้าอกโต)มากกว่า พอดีสองเรื่องดังกล่าวคนเขียนวาดแค่ 3 เล่มอยู่ ไม่เหมือนกับเรื่องแรกปาไปหลายเล่มแล้ว เลยทำเป็นอนิเมชั่นก่อนอย่างช่วยไม่ได้ แต่ผมขอบอกว่าสองเรื่องหลังผมชอบกว่า Freezing มาก ซึ่ง ในมังงะ Freezing มันไม่ฮาเร็ม ซึ่งถือว่าผิดกฎฮาเร็มน่ะครับ ฮาเร็มนี้ต้องมีแต่พระเอกอย่างเดียว จะเป็นฝ่ายชายคนอื่นที่ไม่ใช่พระเอก ฮาเร็มไม่ได้(เหมือนเซงกิเรย์แหละ)ชักเหนื่อยกับความเรื่องมากของคนเขียนบทความนี้เสียจริง

    -Houkago no Pleiades ผมไม่ถนัดสาวน้อยเวทมนต์

    -Hourou Musuko ดูแล้วผมรู้สึกอาการปวดตับ ตับๆ ตับ ตับ บางทีอาจเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างช้า และการปูพรมที่ไม่เหมาะกับผมก็ได้นะครับ

    -Infinite Stratos ดูแล้วเหนื่อย(อีกแหละ)

    -Kimi ni Todoke season 2 ภาคแรกยังไม่ได้ดูเลยครับ

    -Mahou Shoujo Madoka Magica ไม่รู้ทำไมว่าการ์ตูนเรื่องนี้อยากให้ผมดูกันจัง และก็แปลกดีว่าหลายคนมีความคิดว่าผมจะเขียน ซึ่งผมไม่เขียนหรอก เดี๋ยวนี้ผมพยายามหาการ์ตูนแปลกๆ ที่หลายคนไม่รู้มานำเสนอมากกว่า การ์ตูนที่คนอื่นแนะนำนั้นหลายคนรู้จักแล้ว ดังนั้นเลยไม่เขียนเท่านั้นแหละ และผมบอกแล้วไงว่าไม่นิยมสาวน้อยเวทมนตร์(ต่อให้เนื้อเรื่องมันเทพเท่าไหร่ก็ตาม) สาเหตุง่ายๆครับ มันไม่มีพระเอก(ถึงมีก็พระเอกหล่ออย่างเรื่องเซเลอร์มูนซึ่งผมไม่ชอบอีกแหละ เรื่องมากจังเลยตรู)

    -Rio -Rainbow Gate- ผมไม่ชอบเรื่องไพ่อะน่ะ

    -Starry Sky ผู้ชายล้วนๆ

    -Suite Precure ขนาดภาคแรกผมไม่ดูเลย

    ……………………………………………………………………..

     

    ขอบอกก่อนนะครับหลายคนที่คิดจะดูการ์ตูน Fractale Anime เพราะมีความคิดว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะมีเนื้อหาแฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ ต่อยกันระเบิดเถิดเทิง แอ็คชั่นบู๊ทะลุจอ หรือมีหุ่นยนต์ปลิวว่อน พระเอกเทพละก็ ขอบอกว่าคุณไปหาการ์ตูนเรื่องอื่นดูเถอะครับ เพราะการ์ตูนเรื่องนี้เป็นแนววิทยาศาสตร์สังคม(Social science fiction) ซึ่งเน้นการพัฒนาจิตใจตัวละครแบะการผจญภัยอย่างพอเพียงมากกว่า ซึ่งตอนแรกผมก็คิดเหมือนกับหลายคนแหละครับนึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะมาแบบ Bounen no Xamdou และOverman แต่เมื่อดูหลายตอนเข้าก็เริ่มเข้าใจจุดประสงค์การ์ตูนเรื่องนี้นำเสนอ และเมื่อเข้าใจและปรับตัวได้ การ์ตูนเรื่องนี้จึงสนุกเหลือเชื่อ!!

     

     

    Fractale Anime

    แนววิทยาศาสตร์สังคม, ไซไฟ
     มังงะสามารถหาอ่านได้โดย  http://www.mangafox.com/manga/fractale/

    Fractale Anime (ผมขอตั้งชื่อว่า หนุ่มหน้าหม้อ แม่ชี และสาวน้อยดิจิตอล) เริ่มแรกเป็นมังงะ(2010) ผลงานของ Hiroki Azuma, Mari Okada และ Yutaka Yamamoto และต่อมาถูกสร้างเป็นการ์ตูนโทรทัศน์ ผลิตโดย A-1 Pictures และ Ordet กำกับโดย Yutaka Yamamoto เขียนบทโดยคุณมาริ โอคาดะ และออกแบบโดย Hidari คนเขียนรูปประกอบให้กับไลท์โนเวลเรื่องมี่คุงจอมโกหกกับมาจังผู้แตกสลาย( Uso-tsuki Mii-kun to Kowareta Maa-chan) ที่กำลังจะได้เป็นภาพยนตร์ในปีนี้หน้านี้(และผมจะเขียนรีวิวเร็วๆ นี้) ออกอากาศในปี 2011 ที่ฟูจิทีวี และถูกสร้างเป็นไลน์โนเวล ปี 2011

    Fractale เป็นเรื่องราวที่เกิดบนเกาะแห่งหนึ่งที่คล้ายกับนิยายไอร์แลนด์ ที่โลกนี้ปกครองโดยแฟรคเทลซิสเต็ม ที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตและดำรงอยู่ได้ด้วยองค์ประกอบสามอย่างคือ สวัสดิการ การรักษา และสถานภาพความเป็นอยู่ โดยมาแบบคลื่นสัญญาณที่ปล่อยโดย “แสงรุ่นอรุณ” ที่โคจรรอบโลกโดยถ่ายโอนข้อมูลเหมือนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ และอีกรูปแบบหนึ่งคือ Fractale Terminals ซึ่งเป็นอุปกรณ์นาโนที่ปลูกฝังในร่างกายแต่ละบุคคลเพื่อควบคุมการสังเคราะห์อาหารและองค์ประกอบทางการแพทย์ภายในไม่ให้พวกเขาป่วย อีกทั้งยังช่วยให้พวกเขาสื่อสารกันโดยใช้ระบบด็อปเปอร์โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อเชื่อมใดๆ โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้ควบคุมองค์กรหนึ่งที่เรียกว่า “วิหาร” ที่เป็นคนกำหนดโดยบังคับกฎหมาย ซึ่งหากประชาชนขาดสองสิ่งดังกล่าว ก็เหมือนกับอยู่โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

    แน่นอนว่าปกครองโดยแฟรคเทลซิสเต็มนั้นมีหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เพราะการปกครองดังกล่าวมันเผด็จการอีกทั้งยังทำให้เหล่ามนุษย์ขี้เกียจ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำให้มีหลายกลุ่มรวมตัวต่อต้าน “วิหาร” อย่างลับๆ ด้วยการใช้ความรุนแรง แต่กระนั้น "วิหาร” ก็มีอำนาจมากกว่าอยู่ดี เพราะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีและกำลังทหาร อีกทั้งกลุ่มที่ต่อต้านเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ยากจะต้านทานได้

      

    แต่ท่ามกลางโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งนี้ ตัวเอกของเรื่องนั้นดันเป็นพระเอกแสนธรรมดาสามัญที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นกับเรื่องยิ่งใหญ่เหล่านี้เลย แต่เขากลับโดดเข้ามาความขัดแย้งนี้อย่างตกกระไดพลอยโจร

    พระเอกของเรื่องนี้มีชื่อว่า “เครน” เด็กชายแสนธรรมดาที่แสนจะอ่อนแอที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปเรื่อยๆ โดยมีด็อปเปอร์ที่เป็นตัวแทนของพ่อแม่เป็นผู้ปกครอง(ส่วนพ่อแม่ตัวจริงของเครนนั้นการ์ตูนจะเฉลยไปเรื่อยๆ ว่าพวกเขาอยู่แห่งหนใด) เครนนั้นมาเป็นคนธรรมดาแต่เขาความหลงใหลเทคโนโลยีที่หลงเหลือจากโลกโบราณ(เครื่องอีเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องกลไก จำพวก กล้องถ่ายรูป วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งในโลกนี้ถือว่าเป็นของไร้ค่า) และเขาไม่มีด็อปเปอร์เป็นของตนเอง

    วันหนึ่งในขณะที่เครนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เขาได้ช่วยเหลือสาวน้อยนักบวชลึกลับคนหนึ่งชื่อ “ฟรีนเน่” ที่โดนกลุ่มบุคคลลึกลับไล่ล่ามา เครนเมื่อพบฟรีนเน่ครั้งแรกก็ตกหลุมรักเธอ และพาเธอไปรักษาที่บ้าน ซึ่งระหว่างทั้งสองพูดคุยกันนั้นเองก็ถูกคอกันแม้เครนจะรู้สึกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแปลกๆ ที่ไม่อยากให้โลกนี้มีแฟรคเทลซิสเต็ม กระทั้งวันรุ่งขึ้นฟรีนเน่ก็หายตัวไปพร้อมกับทิ้งจี้ห้อยคอที่บรรจุข้อมูลระบบแฟรคเทลเอาไว้ ทำให้เครนอยากรู้ว่าในจี้ห้อยคอนั้นคืออะไรกันแน่ เขาเลยพยายามเปิดมันออกโดยใช้คอมพิวเตอร์ แต่สิ่งที่ได้กับเป็นด็อปเปอร์ตัวหนึ่งในรูปของเด็กผู้หญิงจอมยุ่งที่ร่าเริงนาม “เนสช่า” และแล้วการผจญภัยของเคลน(และฮาเร็มของเครน)จึงเริ่มต้นขึ้น.......

    อืม...ตอนที่ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากนะครับ สิ่งแรกที่ผมคิดก็คือดำเนินเรื่องชวนน่าติดตามและสนุกดี แต่คุณรู้หรือ? ไม่ว่าอนิเมชั่นการ์ตูนเรื่องนี้หลายคนตั้งความหวังมากนะครับ โหยดูจากชื่อทีมงานผู้ผลิตสิครับ แค่ชื่อผู้กำกับดังอย่างยามาโมโตะ ยูทากะก็ขายขนมกินได้แล้ว แม้เรื่องราวของเขากับเหล่าคนชอบการ์ตูนจะมีเยอะบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ถูกถอดจากผู้กำกับลักกี้สตาร์(ในขณะที่ทำ 4 ตอน) หรือไปล้อเลียนเด็ดหัวฟิกเกอร์อุยจังจากเคองกลางงานทีวีจนแฟนโอตากุรับไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าว แต่กระนั้นเราก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้กำกับที่มีผลงานผลิตการ์ตูนประสบผลสำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็นฮารุฮิหรือลักกี้สตาร์ โดยเฉพาะท่าเต้น Hare Hare Yukai เขาเป็นคนคิดเอง โดยสร้างสรรค์ในห้องนั่งเล่นของเขา  หากแต่แล้ว ผลงานล่าสุดอย่างการ์ตูนอนิเมชั่นอย่าง Black Rock Shooter ดันมาดับเพราะว่าเนื้อหาสร้างความผิดหวังจากผู้ชมอย่างมาก การ์ตูนดังกล่าวได้รับคำวิจารณ์ด้านลบจนผู้กำกับคนนี้เสียเครดิตอย่างแรง แต่กระนั้นเขาก็กลับมาใหม่อีกครั้งในผลงานการ์ตูนเรื่อง Fractale ซึ่งเขาพยายามอย่างมากที่จะให้ชื่อของเขากลับมา ท่ามกลางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการ์ตูนกำลังถึงจุดซบเซา พร้อมประกาศไปว่าถ้าอนิเมชั่นนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ เขาจะลาออก และนั้นส่งผลทำให้การ์ตูนเรื่อง Fractale ได้รับความสนใจขึ้น

    แต่ โลกนี้ไม่ได้โรยด้วยกุหลาย(สิครับท่าน) หลังจากการ์ตูนเรื่อง Fractale ออกฉาย ก็มีโพสเม้นหนึ่งใน Blog ของ ยามาโมโตะ ว่า หยุดพึ่งงานของคนอื่นซักทีเถอะ ทำไมไม่หัดคิดที่จะสร้างงานออริจินัลของตัวเองบ้าง?” แค่นี้แหละครับเส้นสติของผ็กำกับคนนี้แตกทันที และตอบกลับไปว่า ถ้าอยากให้เลิกนักจะออกจากวงการตอนนี้เลยก็ได้ และไม่มีเงื่อนไขด้วย ขอสัญญา”

    อ้างเนื้อหาจาก

    http://akibatan.com/2011/01/yamamoto-yutaka-retire/

       

    คำถ ามที่ตามมาก็คือ การ์ตูนเรื่อง Fractale เป็นอย่างที่คนโพสคนนั้นพูดจริงหรือ? คำตอบคือถูกต้องเพียงหนึ่งในสามครับ คือการ์ตูนอาจมีองค์ประกอบเหมือนการ์ตูนอดีตดังๆ หลายเรื่องบ้าง เช่นลาพิวต้า หรือยูเรก้า 7 และนาเดีย(มีใครรู้จักสองเรื่องนี้บ้าง??) แต่ก็ไม่ได้มากจนน่าเกลียด ตอนผมดูครั้งแรกผมรักในโลกแฟนตาซีของการ์ตูนเรื่องนี้ผมชอบมาก ด้วยเนื้อหาพื้นฐานแน่น แนวคิดโลกจินตนาการปลอมแปลง ที่หน้าฉากดูดี แต่หลังฉากนั้นเต็มไปด้วยปัญหาความขัดแย้ง ความสับสนปมทางเลือกของเครนว่าสิ่งไหนเขาควรเลือก นี้คือพื้นฐานของการ์ตูนเรื่องนี้ต้องการนำเสนอ นี้ไม่นับแองค์ประกอบรายละเอียดต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมา เช่น โอตากุบ้ากลไก(ที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ สาวลึกลับ ความผจญภัย ที่มาการพัฒนาจิตใจ แม้เรื่องราวเหล่านี้การ์ตูนแฟนตาซีเหล่านี้จะถูกนำเสนอจนปุปะ กระนั้นเรื่องนี้ก็นำเสนอได้น่าดูระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะถามว่ามันจะทำให้ผู้ชมหลายคนชื่นชอบจนฮิตอย่างที่ผู้กำกับคาดหวังหรือไม่ คำตอบคือไม่....

    อืม.....การที่จะทำให้อนิเมชั่นเรื่องหนึ่งฮิตอย่างถล่มทลาย หรือกลายเป็นตำนานนั้น ก็มีหลายองค์ประกอบด้วยกัน นอกเหนือจากทีมงานหรือบริษัทผู้จัดทำ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา การออกแบบตัวละคร การแสดงบทบาทของตัวละคร ฉากหลัง การเคลื่อนไหว การนำเสนอ แนว(ที่ส่วนมากแอ็คชั่นบู๊มักดังเสมอ) และสุดท้ายคือดวง ว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะได้ผลตอบรับที่ดีหรือเปล่า?

    Fractal สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเอารวมคะแนนองค์ประกอบเหล่านั้นมารวมกันผลลัพธ์ออกมากลับไม่ดีมาก สาเหตุหลักใหญ่ๆ คงจะเป็นการออกแบบตัวละคร ที่ภาพออกแบบตอนแรกที่ออกแบบมานั้นตัวละครออกน่ารักน่าชัง  แต่เมื่ออนิเมชั่นออกมาหลายคนกลับผิดหวังเมื่อตัวละครที่ออกมานั้นแตกต่างกับตอนแรกอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะตัวละครพระเอกเครนที่ในมังงะจะดูออกมืดมนเล็กน้อย หากแต่เมื่อเป็นอนิเมชั่นกลับเหมือนเด็กผู้ชายธรรมดา เป็นต้น นี้ไม่นับเรื่องคนพากย์เสียงตัวละครที่ไม่ตรงบุคลิกตัวละครนั้นๆ อีก  นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องเพลงประกอบการ์ตูน ซึ่งหลายคนบอกว่าเสียงเพลงนั้นใช้เพลงคลาสสิก หากแต่ยังขาดความจริงใจในการแสดงอารมณ์ ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่นักวิจารณ์หลายคนกล่าวถึงการ์ตูนเรื่องนี้ในเชิงลบเป็นส่วนมาก

       

    เอาละ ผมก็พูดถึงเบื้องหลังของการ์ตูนเรื่องนี้ไปแล้ว คราวนี้มาดูความคิดเห็นของผมดีกว่า แม้การ์ตูนจะมีจุดจับผิดเยอะก็ตาม แต่กระนั้นผมกลับมองอนิเนชั่นการ์ตูนเรื่องนี้สนุกกว่าการ์ตูนทุกเรื่องที่ผมดูช่วงนี้ สาเหตุคงจะเป็นสิ่งที่การ์ตูนนำเสนอครับ ดูไปคิดไป เพราะแนวของเรื่องคือนิยายวิทยาศาสตร์สังคม(Social science fiction)ที่นำเรื่องวิทยาศาสตร์มาผสมกับสังคมมนุษย์ โดยทำให้เป็นสังคมสมมติให้น่าสนใจ โดยโลกนิยายวิทยาศาสตร์สังคมนั้นส่วนมากเป็นโลกคอมมัวนิสต์ที่มีแนวคิดมาจากโจเซฟ สตาลินที่ได้วาดแนวคิดลัทธิสังคมนิยมแบบเพ้อฝันในแบบวิทยาศาสตร์

    ผมเคยบอกว่าแนวคิดของการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนฉากเปิดเรื่องไอร์แลนด์(หรือจะเป็นนิยายคลาสสิกเรื่อง This Perfect Day) ซึ่งไอร์แลนด์เคยถูกทำเป็นภาพยนตร์กำกับโดยไมเคิล เบย์ ที่ เล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในเมืองใต้ดิน ซึ่งเข้าใจว่าพวกตนเป็นผู้ที่รอดชีวิตจากสภาพแวดล้อมบนโลกที่ปนเปื้อนไปด้วยสารพิษจนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่ได้ จนกระทั่ง ลินคอล์น ซิกซ์-เอ็คโค (ยวน แม็กเกรเกอร์) และ จอร์แดน ทู-เดลต้า (สการ์เล็ต โจฮานส์สัน) หนีออกไปจากเมืองนี้ และค้นพบความจริงว่าสภาพแวดล้อมบนโลกยังดีอยู่ คนบนโลกยังไม่ตาย เมืองใต้ดินนั้นแท้ที่จริงก็คือบริษัทขนาดใหญ่ และพวกเขานั้นเป็นแค่มนุษย์โคลน ให้คนบนโลกใช้เป็น อะไหล่เท่านั้น

    โลกของ Fractal ก็เหมือนโลกของไอร์แลนด์ เมื่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งถูกรัฐบาล(หรือองค์กร)หนึ่งเลี้ยงดู โดยให้ระบบคุณภาพชีวิตสูง  หลายคนคิดว่าสิ่งนี้คือโลกในอุดมคติที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะความจริงแล้วกลับตรงกันข้ามเพราะสิ่งที่ได้คือกลุ่มคนเหล่านั้นถูกจำกัดเสรีภาพและความคิด ความอิสระคือภาพลวงตา มนุษย์ได้หลงลืมสิ่งที่พวกเขาควรรับรู้ ไม่ว่าจะเป็น รสชาติอาหาร ความเจ็บปวด  ครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้า ความรัก ฯลฯ หากแต่ความคิดเหล่านี้สำหรับพระเอก “เครน” แล้วเขาไม่ได้ใส่ใจนักในตอนแรก เพราะสำหรับเขาแล้วก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่สนเรื่องที่หนักสมองอะไรเลยทั้งสิ้น กลับกันเขาสามารถกลับตัวสภาพแวดล้อมเหล่านี้อย่างเรียบเฉย อาหารสังเคราะห์กินทุกวันโดยไม่จำเป็นต้องสนรสชาติขอให้อิ่มท้องก็พอ  พ่อแม่ที่เลี้ยงดูหรือเพื่อนรักของเขาเป็นด็อปเปอร์ไม่ใช่คนจริงๆ เขาก็ไม่สนใจ นี้คือปกติสุขเล็กๆ ของเครน ท่ามกลางโลกที่เผด็จการบ้าเลือด

                     

                    คาแร็คเตอร์พระเอกแบบเครนถือว่าเป็นรูปแบบพระเอกธรรมดาทั่วไป ในการ์ตูนแฟนตาซี ที่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่และไม่คิดจะอยากไปไหนทั้งสิ้น แต่ด้วยพล็อตทั่วไปของแฟนตาซีที่จำเป็นต้องมีเหตุการณ์หนึ่งที่พระเอกต้องออกเดินทางผจญภัย นั่นก็คือการมาของบุคคลหนึ่งนั้นก็คือนางเอกที่หนีจากการตามล่าของเหล่าร้าย(พล็อตที่เห็นประจำตามการ์ตูนแนวแฟนตาซีทั่วไป)

    หลังจากที่เครนพบฟรีนเน่แลกเปลี่ยนความคิดกัน ทำให้ความคิดเดิมๆ ของเครนได้เปลี่ยนไป เขาพบว่าเขามีความรู้สึกเหงา เริ่มสนใจในโลกกว้าง ต่อมาเขาก็รู้จักเนสซ่าจิตใจของเครนก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มรู้สึกถึงความสนุกในการค้นพบสิ่งแปลกใหม่ หลังจากนั้นการผจญภัยของเครนก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขากับเนสซ่าและฟรีนเน่ถูกลักพาตัวโดยกลุ่มต่อต้านวิหารในตอนที่ 2-4 ในช่วงนั้นเครนก็เริ่มสนใจโลกแห่งความอิสระเสรีและการทำงานด้วยกำลังของตัวเอง หากแต่ในช่วงท้ายของตอนที่ 3-4 ความคิดของเครนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เนื่องจากสิ่งที่กลุ่มต่อต้านที่ทำนั้นขัดแย้งกับความคิดของเขาเป็นอย่างมาก เมื่อกลุ่มต่อต้านใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ลากผู้บริสุทธิ์โดนลูกหลงให้ตายตกตามกัน ตามด้วยฉากสงครามย่อยๆ ระหว่างกลุ่มต่อต้านจำนวนหยิบมือสู้รบกับพวกวิหารที่เต็มไปด้วยอาวุธสงครามที่ทันสมัยและจำนวนคนมากกว่า ที่เครนมองยังไงกลุ่มต่อต้านดังกล่าวก็ไม่สามารถเอาชนะได้เลย เครนมองสงครามเหล่านี้ไร้เหตุผล เราจะสู้เพื่ออะไรในเมื่อการต่อต้านเหล่านี้ไร้ประโยชน์ สิ้นหวัง โดยสิ้นเชิง

    อย่างไรก็ดีหลังจากจบตอนที่ 4 การ์ตูนก็ยุติฉากตื่นตาตื่นใจชั่วคราว เพราะเนื้อหามุ่งเน้นความสัมพันธ์ของเครนกับตัวละครทั้งหลายบนเรือเหาะขนาดใหญ่(ตามประสาการ์ตูนแนวผจญภัย) แต่กระนั้นเนื้อหาก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เมื่อเครนต้องพยายามทำให้สมาชิกกลุ่มต่อต้านยอมรับตัวตนของเขา(เครนไม่ได้เข้ากลุ่มแต่ขออาศัยอยู่กินเท่านั้นแหละ)  พร้อมกับสานสัมพันธ์ความขัดแย้งระหว่างฟรีนเน่และเนสซ่าไปด้วย

    หลังจากนั้นเนื้อหาของ Fractal ก็เริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อเครนได้พบอะไรหลายอย่างระหว่างการผจญภัย กลุ่มขัดแย้งหลายกลุ่มที่ใช้วิธีสกปรก ประชาชนที่ถูกทอดทิ้งโดยวิหาร พร้อมกับเนื้อหาที่หักมุมเล็กน้อย ซึ่งผมชอบตอนที่ 6 มากที่เครนได้พบคุณลุงคนหนึ่งระหว่างทาง และคุณลุงคนนั้นมีนิสัยเหมือนเครนมาก และดูเหมือนเขาจะรักเครนมากด้วย ก่อนที่ฉากสุดท้ายเนื้อหาก็ได้เฉลยว่าเขาคือพ่อที่แท้จริงของเครนนั่นเอง

    Fractal อาจไม่ใช่การ์ตูนที่ยอดเยี่ยมในสายตาของใครหลายคน หรือมีแนวคิดที่แปลกใหม่นัก แต่สำหรับผมแล้วก็การ์ตูนนี้น่าติดตาม โดยไม่สนคะแนนเป็นตัววัดความสนุก เพราะผมเดาไม่ออกเลยว่าเนื้อหาต่อไปจะเป็นอย่างไร มันจะจบออกมาแบบไหน ความขัดแย้งของการเลือกข้างของเครน บวกกับฮาเร็มของเครนฟรีนเน่กับเนสซ่า และฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจผสมกับมุกตลกสอดแทรกเป็นบ้างครั้ง

    นอกเหนือจากนั้นก็คือสิ่งที่การ์ตูนสอดแทรกเข้าไป ปรัชญาต่างๆ ที่ถูกนำเสนอ ทฤษฏีอยู่อย่างพอเพียงก็ถูกนำไปใช้ในเรื่อง โดยเน้นว่าทุกวันนี้มนุษย์เรานั้นสบายมากเกินไป พึ่งพาเทคโนโลยีหรือสวัสดิการของรัฐบาลมากเกินไป ไม่รู้จักทำงานด้วยตนเอง การเคร่งศาสนาจนเกินความพอดี ไม่รู้จักความโศกเศร้าผิดหวัง ทำอะไรผิดนิดหน่อยก็หวังแต่พึ่งพระเจ้า จนขาดทักษะช่วยเหลือตนเอง ขาดการสร้างมนุษย์สัมพันธ์แก่คนรอบข้าง ซึ่งหากวันใดในวันข้างหน้าหากมนุษย์เหล่านั้นปราศจากเรื่องช่วยเหลือดังกล่าว พวกเขาจะทำอย่างไรเพื่อมีชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า

     
                   เอาเป็นว่า ใครที่เบื่อการ์ตูนแอ็คชั่นบ้าพลัง ก็หันมาดูการ์ตูนผจญภัยไร้มลพิษอย่างเรื่อง
    Fractal ดูนะครับ อาจได้ข้อคิดจากเรื่องไม่มากก็ไม่น้อย


    + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×