ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #418 : 12 ฮาเร็มของโนบิตะ (ฉบับคนห่างเหินโดเรมอน)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.32K
      23
      23 เม.ย. 64

    ผู้เขียนบทความนี้ ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้โดเรมอน อีกทั้งเลิกลาจากการดูโดเรมอนมาเป็น 15 ปีแล้วดังนั้นหากผิดพลาดตรงไหน ขอ อภัยด้วย

     

    แน่นอนว่าหลายคนในที่นี้รู้จักโนบิตะ ตัวเอกจากเรื่องโดเรมอน การ์ตูนอมตะที่ชื่นชอบของใครหลายคน

    โนบิ โนบิตะ (Nobi Nobita) กลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำของใครหลายคน ด้วยภาพลักษณ์ เด็กชายใส่แว่น ชอบ สวมเสื้อโปโลสีเหลือง  กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน และนิสัยโดดเด่นคือมีนิสัยขี้แย เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 คะแนนบ่อยๆ มาโรงเรียนสายเป็นประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง กีฬาก็ไม่ถนัด เอาแต่นอนกลางวัน กับอ่านการ์ตูน จนกลายเป็นตัวละครที่ไม่เอาไหน

    นอกจากไม่เอาไหนแล้ว ชีวิตของโนบิตะก็โครตดราม่า เพราะมักโดนกลั่นแกล้งตากเพื่อนไจแอนท์ และซูเนโอะตั้งแต่เด็ก (จนมันชินแล้วมั้ง) แถม “ซิซูกะ” ผู้หญิงที่แอบชอบ (ดีกรีเพื่อนสมัยเด็ก) ก็มีอุปสรรค์ เพราะซิซูกะไม่ได้แอบชอบโนบิตะเลย แถมยังและมีคู่แข่งหลายคนโดยเฉพาะเดคิสุงิ ที่ภาษีดีกว่าโนบิตะมากๆ เป็นอุปสรรค์ความรักของโนบิตะที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้เลย

    จนกระทั่งวันหนึ่ง โนบิตะก็ได้พบโดเรมอน แมวจากโลกอนาคต ที่บอกว่าจะเปลี่ยนอนาคตของโรบิตะว่า หากโนบิตะมีนิสัยแบบนี้ต่อไป จะกลายเป็นคนไม่เอาไหน แถมยังแต่งงานกับ “ไจโกะ” น้องสาวของไจแอนท์จนชีวิตล่มจม จนลูกหลานเดือดร้อนอีกต่างหาก ดังนี้นโนบิตะต้องปรับปรุงตัวใหม่ซะตอนนี้ เพื่อเปลี่ยนอนาคต

    หลังจากนั้น เป็นต้นมา โดเรมอนก็มาอาศัยในบ้านของโนบิตะ เวลาโนบิตะเดือดร้อนอะไร โดเรมอนจะเอาของเล่น (?) จากโลกอนาคตมาแก้ไขปัญหาของโนบิตะได้เกือบทุกอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มักมีปัญหาน่าปวดหัวตามมามากมาย ซึ่งนี้คือเรื่องย่อของโดเรมอนที่หลายคนรู้กันดี

    แม้ว่าโนบิตะจะเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เอาไหน และเป็นด้านหนึ่งเขาก็มีนิสัยที่ดีอยู่มากเช่นกัน เช่น รักสัตว์ ขี้สงสาร รักเพื่อน อารมณ์อ่อนไหว และรักความยุติธรรม ยอมนำตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่โนบิตะมักมีอีเวนส์ที่โนบิตะต้องมาช่วยสาวๆ  (ส่วนใหญ่เป็นภาคหนังโรง)

    แม้ว่าโนบิตะจะชอบซูซิกะ แต่ก็มีหลายครั้ง ที่โนบิตะมีความรู้สึก “ชอบ” ผู้หญิงคนอื่น นอกเหนือซูซิกะเหมือนกัน และที่น่าเหลือเชื่อคือผู้หญิงบางคนก็ชอบโนบิตะด้วย ซึ่งก็น่าเสียดายเล็กน้อย ถ้ายุคนี้เป็นยุคฮาเร็ม บางทีเราอาจได้เห็นฮาเร็มโนบิตะก็เป็นได้

    และต่อไปนี่คือ 12 ฮาเร็มของโนบิตะ ที่โดดเด่น  

     

    12.วิญญาณหิมะ (Ghost Snow)

    คุณรู้หรือไม่ว่า โนบิตะนั้นมีผู้หญิงมาชอบเยอะมาก  แต่ส่วนมากเป็นพวกไม่ใช่คนซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น พวกหุ่นยนต์ ไม่ก็พวกเหนือธรรมชาติก็มี ผู้หญิงที่ชอบโนบิตะที่เป็นคนจริงๆ นี้น้อยมาก อาจเป็นเพราะดวงของโนบิตะก็เป็นได้มั้ง ที่ไม่ค่อยมีใครคบ เวลาส่วนใหญ่ของโนบิตะจะอยู่กับธรรมชาติ (จะเห็นว่าโนบิตะรักการดูแลต้นไม่ รักสัตว์ มากกว่า) ทำให้ต้องพบเจอกับเรื่องเหล่านี้ก็เป็นได้ (แต่เชื่อไหว่าโนบิตะมีรักครั้งแรก ก่อนซิซูกะด้วยซ้ำ)

    และหนึ่งในสาวที่ไม่ใช่มนุษย์ชอบโนบิตะ คือ วิญญาณหิมะ (หรือ ภูติหิมะ) ปรากฏในตอน “วิญญาณที่โนบิตะรัก” (ไม่ทราบชื่อภาษาอังกฤษ และตอนที่เท่าไหร่ เพราะผมดูยูทูป บอกว่าปี 2016) ตอนเดียวจบ ความยาว 20 นาทีกว่าๆ ซึ่งถือว่าเป็นตอนที่น่าประทับใจพอสมควร

    โดยตอนนี้บ้านของโนบิตะประสบปัญหาฤดูหนาว ไม่มีเชื้อเพลิงมาเติมเครื่องสร้างความอบอุ่น โดเรมอนเลยใช้ของเล่นจากโลกอนาคต “กำไลเรียกภูต” มาใช้ โดยเจ้ากำไรสามารถเรียกภูตจากสิ่งรอบตัวได้ เช่น ภูตไฟ ภูตน้ำ ภูตต้นไม้ เป็นต้น หากแต่เจอต้นพบปัญหาเพราะภูติที่เรียกมาเอาแต่ใจและจบด้วยความล้มเหลว

    จากนั้นโนบิตะก็คิดจะออกไปเล่นข้างนอกเพื่อท้าลมหนาว แต่กลายเป็นว่าโนบิตะเรีกยภูติหิมะที่รูปร่างเหมือนเด็กผู้หญิงสวยแบบไม่ได้ตั้งใจ โนบิตะอยากเล่นกับวิญญาณหิมะเลยขอให้หิมะตกหนัก จนหิมะขึ้นหนา  จากนั้นทั้งสองก็เล่นกัน ระหว่างนั้นวิญญาณหิมะก็แกล้งคนเกินเหตุหลายครั้ง เพราะคิดว่าสนุก ซึ่งโนบิตะก็ได้ห้ามตลอด จนถึงตอนเย็น ซึ่งโนบิตะก็ขอตัวกลับบ้าน หากแต่วิญญาณหิมะยังคงรบเร้าให้โนบิตะเล่นต่อ

    วิญญาณหิมะ - ”ฉันชักชอบเธอแล้วละ เรามาอยู่ด้วยกันตลอดไปเถอะนะ”

    โนบิตะ - “ฉันก็ชอบเธอนะ แต่ถ้าฉันกลับบ้านช้า แม่จะดุอะ”

    วิญญาณหิมะก็ปล่อยให้โนบิตะกลับบ้าน เมื่อโนบิตะกลับมาบ้าน ก็ป่วยเป็นไข้หวัดอย่างหนัก จะไปหาหมอก็ไม่ได้ เพราะหิมะที่วิญญาณหิมะสร้างมามันกลายเป็นพายุหิมะ ทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้ โนบิตะจำเป็นต้องนอนซมอยู่แต่ในบ้าน

    และคืนนั้นวิญญาณหิมะได้เข้ามาในห้องโนบิตะ เธอได้อาสาที่จะดูดความร้อนเอาไว้ในตัวเธอ เพื่อให้โนบิตะหายไว หากแต่โนบิตะกังวลว่าถ้าทำแบบนี้เธอจะหายไป แต่วิญญาณหิมะตอบกลับว่า มันเป็นเรื่องปกติ เพราะเธอเป็นหิมะอยู่แล้ว พร้อมกับขอโทษโนบิตะที่สร้างความเดือดร้องให้โนบิตะ และทำให้เขาป่วย หากแต่โนบิตะไม่ได้โกรธอะไรเธอและอยากเล่นด้วยกันอีก 

    เช้าวันต่อมา โนบิตะได้ตื่นขึ้นมา และพบว่าเขาหายป่วยแล้ว หิมะก็หายไป กลายเป็นเช้าที่สดใส หากแต่เขาไม่พบวิญญาณหิมะ สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงร่องรอยหิมะบางส่วนที่กำลังละลาย และความทรงจำดีๆ ระหว่างเขาและวิญญาณหิมะเท่านั้น

    ระดับซาบซ่า 5/5


    11. ลูลิ (Lulli)

    เด็กสาวงดงามที่โนบิตะรัก” (A Beautiful Girl that Nobita Loved) ฉายวันที่ 26 มิถุนายน 2009 ความยาวประมาณ 40 นาทีกว่าๆ ถือว่าเป็นหนึ่งในตอนที่ประทับใจของโดเรมอน

    แม้ว่าเนื้อหาจะคล้ายๆ โรโบโกะ แต่ของลูลิจะดราม่ากว่า ลูลิเป็นหุ่นยนต์รุ่นล่าสุดในศตวรรษที่ 22 รุ่นของเธอเป็นที่นิยมมาก หากแต่ต่อมาก็ได้พบข้อบกพร่องว่าพวกเธอมีพลังมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อลูกค้า ทำให้รุ่นของเธอถูกส่งกลับและถูกไปทำลายที่โรงงาน ยกเว้นลูลิเท่านั้น ที่มีคนขโมยเธอออกมา โดยสองวายร้ายที่เจ็บแค้นโนบิตะที่ไปทำลายแผนก่อการร้ายที่อุตส่าห์ทำเอาไว้ (โดยบังเอิญ) จึงได้ทำการแก้ไขลูลิให้เป็นหุ่นยนต์นักฆ่า และส่งไปอดีตเพื่อไปฆ่าโนบิตะ

    กลับมาที่อดีต โนบิตะกำลังกลับบ้าน หลังรู้สึกเสียใจที่ซิซูกะ และเพื่อนๆ ไปดูไอดอลแทนที่จะไปดูนกสีฟ้าด้วยกัน (ซิซูกะจำเป็นต้องตามเพื่อน) เมื่อกลับมาบ้านเขาก็ได้พบเด็กสาวน่ารักคนหนึ่งในแคปซูล เมื่อเธอลืมตา เธอก็แนะนำตัวเองว่าเป็นหุ่นดูแลชื่อลูลิ และเธอก็ชอบโนบิตะ

    โนบิตะตะลึงความน่ารักของเธอ และถามโดเรมอนว่ารู้จักเธอไหม โดเรมอนปฏิเสธ และไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา โดเรมอนเลยขอให้โดเรมีสืบหาตัวตนที่แท้จริงของหุ่นยนต์ตัวนี้ให้

    หลังจากนั้นลูลิก็เอาใจใส่โนบิตะทุกอย่าง เมื่อโนบิตะบ่นอยากได้อะไร เธอก็จัดการหมด แม้มักจบแบบบ้าพลังและล้มเหลวทุกครั้ง

    แม้จะมีงอนๆ กันบ้าง แต่สุดท้ายโนบิตะก็เริ่มรู้สึกชอบรูริ เพราะสิ่งที่เธอทำแม้จะรุนแรง บ้าพลังไปบ้าง แต่เธอก็ปรารถนาให้เขา (และทุกคนรอบตัวโนบิตะ) มีความสุข โนบิตะสัญญาว่าเขาจะพาเธอไปดูนกสีฟ้าด้วยกัน

    อย่างไรก็ตาม ความสุขของโนบิตะก็จบลง เมื่อลูลิเปิดเผยตัวเองว่าเป็นหุ่นยนต์นักฆ่าที่ถูกส่งมาฆ่าโนบิตะ สองวายร้ายได้สั่งให้เธอฆ่าโนบิตะ หากแต่โนบิตะได้เตือนสติเธอถึงช่วงเวลาดีๆ ที่อยู่ร่วมกัน รวมถึงสัญญาจะไปดูนกสีฟ้าด้วยกัน ทำให้ลูลิหลุดจากการควบคุม จนทำให้ผู้ก่อการร้ายต้องจัดการโนบิตะแทน แต่ลูลิได้เอาตัวเข้าปกป้องโนบิตะ ผลสุดท้ายเธอเสียสละตนเองด้วยการเอาตัวเธอระเบิดไปพร้อมกับสองวายร้ายไปพร้อมกัน (แต่สองวายร้ายไม่ได้ตาย แค่บาดเจ็บแล้วถูกจับโดยตำรวจกาลเวลา)

    การจากไปของลูลิทำให้โนบิตะเสียใจมาก ถึงขั้นโศกเศร้าเก็บตัวในห้องหลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็พบนกสีฟ้ามาเกาะที่หน้าต่าง ทำให้โนบิตะนึกถึงความปรารถนาลูลิที่ต้องการให้เขามีความสุข (รวมไปถึงเชื่อว่าลูลิเกิดใหม่เป็นนกสีฟ้า) ดังนั้นเขาจะเศร้าอีกต่อไปไม่ได้ เขาจำเป็นต้องมีความสุขเพื่อลูลิ


    10.โรโบโกะ (Roboko)

    แตกต่างจากลูลิ แม้ว่าโรโบโกะเป็นหุ่นยนต์ดูแล (หรือหุ่นยนต์เพื่อนสนิท) เหมือนกัน แต่โรโบโกะนั้นเข้าขึ้นขี้หึ่งอย่างร้ายกาจ แต่กลายเป็นว่าหลายคนชอบเธอซะงั้น

    โรโบโกะปรากฏมังงะตอนที่ “ฉันรักโรโบโกะ” (I Love Roboko) ส่วนอนิเมะทำมาสองเวอร์ชั่นคือเวอร์ชั่นเก่า 1993 และเวอร์ชั่นใหม่ 1978 โดยเป็นเรื่องที่โนบิตะอยากมีเพื่อนหญิงที่หันมาสนใจ และเอาใจใส่เขาบ้าง โดเรมอนเลยไปเช่าหุ่นยนต์เพื่อนหญิง ชื่อ “โรโบโกะ” ให้มาเป็นเพื่อนกับโนบิตะ (ความจริงหุ่นยนต์เพื่อนสนิทมีราคาแพงมาก โดเรมอนเลยเช่าแบบถูกๆ มาให้  หวยจึงออกมาที่โรโบโกะ)

    ทันทีที่โนบิตะเห็นโรโบโกะก็หัวใจแทบหยุดเต้น เพราะโรโบโตะน่ารักมาก ภายนอกเป็นเด็กสาวอายุ 10-12 ปี ผิวขาวสดใส ผูกริบบิ้นสีแดง แถมยังชอบโนบิตะ ตามใจเขาทุกอย่าง แถมยังช่วยจัดการไจแอนด์ และซูเนโอะที่มารังแกเขาอีก

    อย่างไรก็ตาม โนบิตะต้องมาปวดหัวกับโรโบโกะ เพราะโรโบโกะนั้นมีนิสัยขี้อิจฉา ก้าวร้าว แค่ซิซูกะทักโนบิตะเธอก็แยกเขี้ยวใส่ พอแม่โนบิตะจะด่าโรโบโกะเกือบจะวางมวย ผลคือโนบิตะเลยส่งโรโบโกะกลับอนาคต (ก่อนที่โรโบโกะจะกลายเป็นยัน) พร้อมกลับมาเซ็งอยากหาเพื่อนสาวเหมือนเดิม....

      ระดับซาบซ่า 2 /5


    9.โซเฟีย (Sophia)

    โซเฟียปรากฏภาพยนตร์ตอนโนบิตะกับสงครามราชาเงือกใต้สมุทร Nobita's Great Battle of the Mermaid King ) เป็นโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว  ออกฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2010

    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อโนบิตะบอกว่าอยากไปดำน้ำเพื่อไปอวดซึเนโอะ โดราเอมอนจึงใช้ "ปั้มซิมุเลเตอร์ผิวน้ำมโนภาพ" ทำให้เมืองจมลงสู่ก้นทะเล และได้0ว่ายน้ำอยู่กับฝูงปลาอย่างสนุกสนาน ต่อมาในตอนเช้าพวกโนบิตะก็ได้พบเด็กสาวน่ารักลึกลับคนหนึ่งนอนอยู่สวนหลังบ้าน โนบิตะใจเต้นตั้งแต่แรกเห็น

    เมื่อเด็กสาวตื่นขึ้น ปรากฏว่าเธอพูดภาษาที่พวกโดเรอมอนไม่รู้จัก โดเรมอนจึงใช้วุ้นแปลภาษา จนเธอสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เธอแนะนำตัวเองว่าชื่อ “โซเฟีย”

    หลังจากที่โนบิตะพาโซเฟียไปรู้จักกับทุกคน และเดินชมเมืองอย่างสนุกสนานแล้ว โซเฟียก็แนะนำตัวว่าจนเองเป็น เจ้าหญิงแห่งชนเผ่าเงือกที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในทะเลบนโลกตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีก่อน

    เมื่อโซเฟียตัดสินใจจะกลับพระราชวัง พวกโนบิตะก็ร่วมช่วยเหลือด้วยการไปยังเมืองใต้ทะเล พวกเขาได้สวมชุดเงือกและสนุกกับการผจญภัยใต้ท้องทะเลแต่ในขณะนั้นเองปลาไหลยักษ์ก็พุ่งเข้ามาจู่โจมพวกเขา แม้จะเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ชิซุกะก็ถูกชนเผ่าปลาปีศาจจับตัวไป

    จากนั้นพวกโนบิตะก็รู้เกี่ยวกับการรุกรานของชนเผ่าปลาปีศาจต้องการจะครอบครองดาบวิเศษในตำนาน ทำให้พวกโนบิตะตัดสินใจที่จะช่วยโซเฟียและชนเผ่าเงือกต่อสู้เพื่อปกป้องดาบแห่งตำนานเอาไว้ จนสามารถเอาชนเผ่าปลาปีศาจได้สำเร็จ

    โซเฟียและพวกโนบิตะกลับมาอย่างวีรบุรุษ โซเฟียได้กลายเป็นราชินีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนโนบิตะได้กล่าวอำลาและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันสงบสุขของพวกเขาอีกครั้ง และเชื่อว่าพวกเขาจะเจอกันอีกครั้งในอนาคตข้างหน้า

    ระดับซาบซ่า 3/5 (แต่ความน่ารักให้เต็ม 5) เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ไม่แตกต่างอะไรจากภาพยนตร์โดเรมอนเรื่องอื่นๆ  คือตามสูตร พวกโนบิตะผจญภัย แล้วช่วยเหลืออาณาจักรที่ได้รับความเดือดร้อน มากกว่านำเสนอเรื่องราวความรักของโนบิตะ (แต่อย่างน้อยก็มีฉากโนบิตะพูดให้กำลังใจองค์หญิงโซเฟียให้กลับมาสู้อีกครั้ง) แม้ภาคนี้จะมีตัวเอกผู้หญิงก็ตาม  แต่อย่างน้อยโซเวียก็สนใจโนบิตะช่วงแรกๆ ส่วนโนบิตะสนใจเธอตอนแรก เช่นกัน   


    8.คุคุ (Kuku)

    เป็นรูทที่ค่อนข้างแปลกๆ นิดหน่อย กล่าวคือคุคุ เป็นตัวละครหญิง ใน โดเรมอนภาคหนังโรงตอน “ตำนานสุริยกษัตริย์ (Doraemon: Nobita's the Legend of the Sun King) ฉายในปี 2000 เป็นตอนที่ 21 ของโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

    เริ่มเรื่องโนบิตะต้องการเอาของวิเศษคืนจากใจแอนด์ แต่เกิดพลาดทำให้เครื่องขัดข้อง มันจึงย้อนเวลาไปยังดินแดน อาณาจักรมายานะ ที่นั่นโนบิตะก็ได้พบกับเจ้าชายธีโอ ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกัน ซึ่งต่อมาทั้งคู่เกิดอยากนึกสนุก จึงสลับตัวกัน เพื่อใช้ชีวิตของอีกฝ่าย ซึ่งโนบิตะในคราบของธีโอนั้นก็ได้รู้จักเด็กสาวคนหนึ่งชื่อ “คุคุ”

    คุคุเป็นลูกสาวของครูสอนศิลปะการต่อสู้ให้เจ้าชายทีโอ รวมถึงเป็นเพื่อนสมัยเด็กของทีโอ (เช่นเดียวกับโนบิตะกับซิซูกะ) ซึ่งคุคุนั้นแทบชอบธีโอเป็นเวลานาน แต่ธีโอกลับไม่เคยรู้สึกชอบเธอเลยแม้แต่น้อย

                    เมื่อโนบิตะ (ในคราบธีโอ) ได้พบคุคุ โนบิตะได้ชื่นชมคุคุว่าเป็นเด็กสาวที่น่ารัก และเอาใจใส่ แน่นอนว่าคุคุก็รู้สึกแปลกใจ เพราะความจริงแล้วเจ้าชายทีโอ เค่อนข้างมีนิสัยก้าวร้าว และถือตัว

                    แม้เจ้าชายจะเปลี่ยนไป กลายเป็นเจ้าชายไม่ได้เรื่อง อ่อนแอ แต่คุคุกลับรู้สึกชอบโนบิตะ (ในคราบเจ้าชาย) ที่เป็นคนอย่างนั้น เพราะเขาเป็นคนใจดี อ่อนโยน มีน้ำใจ ใส่ใจคนอื่น จนเธอรู้สึกชื่นชม

                    มีอยู่ตอนหนึ่ง หลังจากที่โนบิตะกับธีโอสลับตัวกลับเป็นเหมือนเดิม คุคุได้พูดสนิทสนมกับเจ้าชายธีโอ หากแต่เจ้าชายกลับตราดใส่เธอ จนทำให้คุคุร้องไห้และต้องไปนั่งเศร้าที่ริมน้ำ (ซึ่งเธอมักทำแบบนั้นหลายครั้ง)  ซึ่งหมายความว่าคุคุนั้นได้ชอบโนบิตะ มากกว่าธีโอที่มีนิสัยขี้หงุดหงิดด้วยซ้ำ

                    อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาได้ คุคุก็ได้ทราบความจริงว่าแท้จริงแล้วธีโอที่ใจดี ก็คือโนบิตะนั่นเอในขณะเดียวกันธีโอก็ได้ยอมรับความรู้สึกของเธอ ว่าเขาก็ชอบเธอเหมือนกัน  และก็ได้สัญญาว่าเขาจะเป็นคนดีเหมือนกับโนบิตะให้ได้  

                    ระดับซาบซ่า 1/5 (เพราะหมดลุ้นกับโนบิตะไปแล้ว)


    7. ราชินีแจน (Jeanne)

    แจน  (ความจริง  Jeanne ในภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า ฌาน ดาร์ก หรือโจนออฟอาร์ก ส่วนในภาพยนตร์พากย์ไทย ผมไปฟังเป็น จันนุ) น่าจะเป็นอันดับเดียวในรายการ ที่เริ่มต้นเป็นคนไม่ดี ผิดจากผู้หญิงในฮาเร็มโนบิตะที่ทุกคนเป็นคนดีหมด แถมยังมองโลกในแง่ดี  แต่แจนนั้นตรงกันข้ามทุกอย่าง (หารู้ไม่ว่าหากเป็นแนวฮาเร็มแท้ๆ นี้จะปักธงได้ฟินมาก) แถมในมังงะเหมือนผู้ชายอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ความจริงเป็นผู้หญิง

    นอกจากนี้ พิเศษหน่อยที่มีการปรับเปลี่ยน จากที่ผ่าน ภาพยนตร์โดเรมอนมักนำเสนอศัตรูที่เป็นหุ่นยนต์ร้ายๆ หวังจะปกครองมนุษย์ หากแต่คราวนี้ก็หันมานำเสนอมนุษย์รังแกหุ่นยนต์บ้าง

    แจน ปรากฏในโดเรมอนภาคภาพยนตร์ ตอนที่ 23 ตอน โนบิตะตะลุยอาณาจักรหุ่นยนต์ (2002)  เป็นลูกสาวของราชาในอาณาจักรหุ่นยนต์ที่อยู่อีกมิติหนึ่ง แม้อาณาจักรแห่งนี้ประชากรหุ่นยนต์จะมีมากกว่า แต่มนุษย์ก็สามารถอาศัยอยู่กับหุ่นยนต์ได้อย่างสงบสุข และพระราชาก็เป็นคนดีมากที่พยายามพลิกแผ่นดินที่แห้งให้อุดมสมบรณ์

    หากแต่ต่อมา จนกระทั่งวันหนึ่งพระราชาได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเพราะไปช่วยเหลือหุ่นยนต์ ทำให้ลูกสาว แจนขึ้นมาเป็นราชินีปกครองอาณาจักรต่อ เกิดความเกลียดชัง หุ่นยนต์ ที่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนมนุษย์เป็นสาเหตุให้พ่อเสียชีวิต จากนั้นราชินีแจมก็ถูกราชครู "เดสต้า" ยุยงให้ออกกฎหมายกีดกันหุ่นยนต์ให้เป็นเพียงแค่เครื่องมือรับใช้มนุษย์เท่านั้น โดยจับหุ่นยนต์ทั้งหมดในอาณาจักรมาล้างสมอง เพื่อให้หุ่นยนต์ไร้จิตใจ รวมไปถึงสั่งให้ทหารตามล่ามาเรียที่เป็นหุ่นยนต์แม่นม และโปโกะลูกชายของมาเรียให้เข้าโครงการล้างสมองด้วย

    อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางที่มาเรียและโปโกะหลบหนี โปโกะก็ได้แต่หลงเข้าไปในมิติเวลาและหลุดออกมายังห้องของโนบิตะ  (เพราะโนบิตะไปสั่งซื้อหุ่นยนต์ 100 ตัวจากศตวรรษที่ 22 แบบมั่วๆ) นอกจากนี้โปโกะยังได้ รับความเสียหายอย่างหนัก จนโดราเอมอนเองก็ไม่สามารถรักษาหรือทำอะไรได้ หนทางเดียวที่สามารถช่วยเหลือเด็กคนนี้คือ พาโปโกะไปรักษาบนดาวบ้านเกิด

    ต่อมาโนบิตะได้ทราบเรื่องว่า ตอนนี้ดาวแห่งนี้กำลังประสบวิกฤตอย่างหนัก โนบิตะได้เผชิญหน้ากับราชินีแจมแล้วบอกว่าหุ่นยนต์คือเพื่อน ไม่ใช่ทาสของมนุษย์ จากนั้นพวกโนบิตะก็หลบหนี

    ราชินีแจนได้ออกตามล่าพวกโนบิตะ หาแต่ระหว่างทางเดลต้าได้วางแผนให้ราชินีแจมตกลงไปยังหุบเขา เพื่อให้ตนเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป อย่างไรก็ตามราชินีแจมไม่ได้เสียชีวิต แต่ก็บาดเจ็บสาหัส ซึ่งก็ถูกช่วยเหลือโดยพวกโดเรมอน, โปโกะ ,ชาวบ้าน และหุ่นยนต์ที่หนีรอดจากโครงการล้างสมอง  ดูแลจนทำให้ราชินีแจมกลับมาเป็นปกติ

    ราชินีแจนได้ซาบซึ้งมิตรภาพระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์จึงได้สัญญาว่าเธอจะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อมาทั้งหมดก็ร่วมมือกันช่วยเหลือมาเรีย และตบเกรียนเดลต้า (แม้ว่ส่วนใหญ่ราชินีแจมจะดูอยู่เฉยๆ ก็เถอะ เพราะบทส่วนใหญ่โนบิตะและโดเรมอนเด่นกว่า) จนทั้งหมดกลับคืนเป็นปกติอีกครั้ง

    ความซาบซ่า 1/5 ไม่มีฉากโนบิตะปักธงอะไรเลย (นอกจากฉากเผชิญหน้าเท่านั้นแหละ) แต่ยอมรับว่าดูภาพยนตร์เตอนนี้น้ำตาจะไหลอกมาหน่อยๆ


    6.นอนจัง (Non-chan)

    คุณรู้หรือไม่ว่า ซิซูกะไม่ได้เป็นเพื่อนสมัยเด็กและรักครั้งแรกของโนบิตะ หากแต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ “นอนจัง”

    นอนจังเป็นเด็กผู้หญิงที่ปรากฏในตอน “เด็กสาวกับรองเท้าสีแดง” (The Girl With the Red Shoes) มีสองเวอร์ชั่น เก่า และใหม่ (1979) เป็นเพื่อนสมัยเด็กและเพื่อนสมัยเด็กของโนบิตะ สมัยก่อนสมัยที่โนบิตะยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ นั้นทั้งคู่เล่นด้วยกัน สนิทกันมาก จนกระทั่งวันหนึ่งไจแอนด์และซูเนโอะยุ (บีบ) ให้โนบิตะขโมยรองเท้าสีแดงของนอนจังไปซ่อน จนทั้งคู่ก็ผิดใจตั้งแต่นั้น และต่อมานอนจังและครอบครัวย้ายไปอยู่อเมริกา (พ่อของเธอเป็นคนอเมริกัน) และโนบิตะก็ไม่ได้เจอเธออีก

    หลายปีต่อมา โนบิตะได้พบรองเท้าสีแดงของนอนจังในกล่องเก็บของที่ห้อง ทำให้จำเรื่องอดีตได้ เขาอยากเปลี่ยนแปลงอดีต เลยใช้ไทม์แมนชีนย้อนเวลาไปในวันนั้นอีกครั้ง แล้วได้เปลี่ยนตัวเองเป็นเด็ก โดยโนบิตะได้ขอโทษเธอ และให้รองเท้าสีแดง เพื่อให้การจากลาระหว่างโนบิตะกับนอนจังมีความรู้สึกดีๆ ให้ต่อกัน

    อย่างไรก็ตาม นอนจังก็ได้กลับมาหาโนบิตะอีกครั้ง แถมเธอยิ่งน่ารักกว่าเดิม จนไจแอนด์และซูเนโอะต้องตกตะลึง ที่สำคัญเธอก็ยังคงชอบโนบิตะ และเกือบระดับยันด้วย เพราะเกือบวางมวยซิซูกะ ทำให้โนบิตะต้องเสี่ยงตายห้ามทัพเลยทีเดียว

    ระดับซาบซ่า 5/5



                    5.ราชินีริรี (Rire)

     

                    คล้ายๆ ราชินีแจน ต่างนิดหน่อยตรงที่ริรีวางแผนที่จะทำลายโลกมนุษย์ (ส่วนอื่นๆ ก็เหมือน อย่างแจมชอบโปโกะ ส่วนริรีก็ชอบคีโบ โดยมีโนบิตะเป็นศูนย์กลาง จะเรียกฮาเร็มไม่ได้ด้วยซ้ำ) เพราะคิดว่ามนุษย์ทำลายธรรมชาติ ต้นไม้สีเขียว (พล็อตสูตรสำเร็จ)

    ราชินีริรี เป็นเจ้าหญิงโลกสีเขียว ปรากฏตัวในภาพยนตร์โนบิตะกับตำนานยักษ์เขียว (Doraemon: Nobita and the Green Giant Legend)ตอนที่ 28  ออกฉาย 2008   ปกครองในดาวที่เต็มไปด้วยต้นไม้ (ดังนั้นเธอก็เป็นมนุษย์ต่างดาวพืช) ที่ขึ้นครองราชย์ต่อจากราชาคนก่อน (ที่เป็นพ่อแม่ของเธอ) แม้จะยังเด็กแต่ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง แถมต้องแต่งตัวหรูหรา ไปประชุม ทำให้เธอมีบุคลิกแบบผู้ใหญ่ แต่อีกด้านหนึ่งเธอเป็นคนอ่อนโยน และขี้เหงา

    ต่อมา เธอมีส่วนร่วมในการวางแผนจะทำลายมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือเหล่าพืชบนโลก (ถามพืชบนโลกสักคำไหมว่าต้องการให้ช่วยเหลือเปล่า) แต่นั้นทำให้เธอได้พบกับโนบิตะ กับพืชมีชีวิตจิตใจอย่างคีโบ และได้เป็นเพื่อนกัน

    คีโบนั้นเป็นต้นไม้เล็กๆ ที่โนบิตะบังเอิญเก็บมาได้ และโดราเอมอนก็ทำให้ต้นไม้สามารถขยับตัวเหมือนกับมนุษย์ โนบิตะจึงตั้งชื่อให้ว่าคีโบ ซึ่งต่อมาราชินีริรีได้มาจับคีโบเพื่อใช้ปลูกมนุษย์ยักษ์สีเขียวในตำนานขึ้นมา พวกโนบิตะจึงต้องบุกไปยังดาวมนุษย์พืชเพื่อช่วยเหลือตัวคีโบ และนั้นเองทำให้โนบิตะได้พบริรี

    สำหรับริรีแล้ว ตอนแรกเธอไม่ชอบโนบิตะ มองโนบิตะเป็นศัตรู แถมโนบิตะมองโลกในแง่ดีเกินไป หากแต่ตอนหลังคีโบได้กลายเป็นอาวุธทำลายร้าย ริรีก็ท้อใจหมดหวังที่จะช่วยคีโบ มีเพียงโนบิตะเท่านั้นที่พยายามช่วยเหลือคีโบ จนริรีได้ร่วมมือกับโนบิตะ และสามารถช่วยเหลือคีโบได้สำเร็จ และนั่นทำให้ริรีเลิกที่จะมองมนุษย์โลกเป็นศัตรู และเลิกรุกรานโลกไปในที่สุด

    ความซาบซ่า 1/5 เพราะมีการสันนิษฐานจากแฟนโดเรมอนว่า ริรีอาจชอบคีโบ (ออกไปทางซึนเดเระอีกต่างหาก) ทั้งสองอาจมีความสัมพันธ์โรแมนติกในอนาคต


    4.มังเก็ตซึ มิโนโกะ (Mangetsu Miyoko)

    ใกล้มาถึงสุดปลายทางแล้ว สำหรับฮาเร็มของบิตะ สังเกตว่าในภาคโดเรมอนฉบับภาพยนตร์ส่วนมาก ตัวเอกสาวแม้จะมีรูทกับโนบิตะ แต่ส่วนมากโนบิตะก็ไม่ได้ปักธ หรือชอบอะไรมากมาบ (แม้บางคนจะชอบตอนแรก แต่ไม่ปักธง) แถมสาวบางคนก็มีเจ้าของอีกต่างหาก แต่อันดับต่อไปนี่ถ้าจะให้สังเกตจริงๆ บางทีสาวคนนี้อาจชอบโนบิตะ และโนบิตะก็ชอบเธอก็ได้ อีกทั้งยังเป็นตัวละครหญิงที่ได้รับความนิยมหนึ่งในซีรีย์โดเรมอนด้วย )

    มังเก็ตซึ มิโยโกะ เป็นเด็กสาวปรากฏตัวในโนบิตะท่องแดนเวทมนต์ (Nobita's New Great Adventure into the Underworld)  ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ ค.ศ. 1984 และรีเม็กซ์ 2007 โดราเอมอน ตะลุยแดนปีศาจกับ7ผู้วิเศษ ซึ่งเธอน่ารักทั้งสองเวอร์ชั่น (เพียงแต่เวอร์ชั่น 2007 อวยมิโยโกะโครตๆ)

    โดยมิโยโกะนั้นเป็นลูกสาวคนเดียวของศาสตราจารย์มังเก็ตซึ ตอนแรกก็ไม่ได้รู้จักพวกโนบิตะเลยสักนิด จนกระทั่งโนบิตะใช้โทรศัพท์เปลี่ยนโลก ให้จากโลกธรรมดาเป็นโลกเวทมนต์ ซึ่งเป็นโลกที่มิโยโกะกับพ่ออยู่พอดี (ความจริงในเวอร์ชั่นรีเม็กซ์ในโลกความจริงมิโยโกะกับพ่อก็อยู่ เพียงแต่อยู่ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่นักเวทมนต์)

    แม้จะเหมือนสาวทอมบอยผมสั้น แต่ความจริงเธอเป็นเด็กสาวผมยาว อายุ 16 (ดังนั้นจึงให้อารมณ์แบบพี่สาวมากกว่า) และค่อนข้างเป็นมิตร เข้ากับคนอื่นได้ง่าย อีกทั้งยังมีความสามารถมองเห็นจิตใจของคนอื่น ดังนั้นเธอจึงรู้สึกชื่นชนพวกโนบิตะว่าเป็นคนดี อีกทั้งเธอยังชอบคนที่มีความกล้าหาญ (โดยเฉพาะโนบิตะ) และยินดีเสียสละตนเองเพื่อปกป้องคนอื่น อีกทั้งยังเป็นเด็กอัจฉริยะเชี่ยวชาญเวทมนต์ (แต่ในโลกแห่งความจริง ก็จะกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ)

    ในเวลานั้นโลกแห่งความจริงของโนบิตะกำลังประสบดาวเคราะห์เข้าใกล้โลก (มีเฉพาะในเวอร์ชั่นรีเม็กซ์) หากแต่เมื่อโดเรมอนเปลี่ยนเป็นโลกเวทมนต์โลกก็พบปัญหาเมื่อดาวปีศาจเข้าใกล้โลก ซึ่งศาสตราจารย์มังเก็ตซึพยายามที่จะเตือนืทุกคนแต่ไม่มีใครฟัง ในเวลาเดียวกันมิโยโกะได้พบกับพวกโนบิตะขณะหนีจากพวกปีศาจ จึงได้ช่วยเอาไว้ และพบว่าพวกโนบิตะนั้นมีชะตากรรมที่จะกู้โลก

    ต่อมามิโยโกะถูกปีศาจสาปให้เป็นแมว (ตอนแรกเป็นหนี ในเวอร์ชั่นรีเม็กซ์) และพ่อของเธอถูกจับ โชคดีที่เธอได้ไปพบพวกโนบิตะ และทั้งหมดก็ไปดาวปีศาจเพื่อกำจัดจอมปีศาจ จนสามารถช่วยเหลือได้สำเร็จ

     แม้ในซีรีย์ไม่ไดชัดเจน ได้แต่ Wiki ระบุว่ามิโยโกะชอบโนบิตะมากขึ้น หลังจากที่พบว่าโนบิตะเป็นคนกล้าหาญ ยอมเผชิญหน้าอันตรายทั้งๆ ที่รู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะได้ โดยในชุดหนึ่งที่พวกโนบิตะถูกพวกปีศาจจับตัวไปหมด เหลือเพียงโนบิตะกับมิโยโกะ ซึ่งมิโยโกะได้พยายามที่จะช่วยโนบิตะ

    นอกจากนี้ ในเวอร์ชั่นแรกมีฉากโนบิตะอยู่กับมิโยโกะสองต่อสอง โนบิตะได้ขอลามิโยโกะเพราะอยู่คนละโลกกัน หากแต่ในเวอร์ชั่นรีเม็กซ์ได้เปลี่ยนไปคือมิโยโกะยังคงอยู่ในโลกแห่งความจริง พร้อมกับรอยยิ้มสวยๆ ในตอนจบ

    ความซาบซ่า 4/5



    3.ริรุรุ (Riruru)

    เป็นโดเรมอนภาคหนังโรงอีกภาคที่ดีที่สุด (ซึ่งผมก็ชอบพอสมควร เพราะมีทั้งแอ็คชั่น ระเบิดตูมตาม และความประทับใจ)  ดีถึงขั้นต้องมารีเม็กซ์ใหม่ และมีการปรับตัวละครหลักอย่าง “ริลุลุ” ให้น่ารักขึ้น ถูกใจคอผมเป็นยิ่งนัก

    ริลุลุเป็นหุ่นยนต์ (แต่ไม่ได้มาจากโลกอนาคต แต่มาจากดาวหุ่นยนต์อีกดาวหนึ่ง) ปรากฏตัวในโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ตอน โนบิตะกับสงครามหุ่นเหล็ก  ( Doraemon: Nobita and the Steel Troops) ซึ่งภาพยนตร์ชุดนี้ถือเป็นตอนที่ 7 ฉายเมื่อ ค.ศ. 1986 –รีแม็กซ์ 2011 (ในภาครีแม็กซ์มีการเติม ปีกนางฟ้าต่อท้าย) ซึ่งประสบความสำเร็จถล่มทลายมากๆ

    เรื่องราวของภาคนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อโนบิตะได้พบส่วนประกอบของหุ่นยนต์ยักษ์ลึกลับที่ไม่มีที่มาที่ไป ที่ขั้วโลกเหนือพร้อมกับลูกบอลประหลาดที่ส่งสียงร้องตลอกเวลา จึงชวนโดราเอมอนมาประกอบหุ่นยนต์ยักษ์นี้ โดยใช้ของวิเศษ สร้างโลกกระจกที่เหมือนกับโลกอีกใบแต่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ขึ้นมา จนโนบิตะประกอบหุ่นยักษ์นี้ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่พวกเขาก็คือเจ้าหุ่นยนค์นี้ไม่ได้เป็นของเล่น หากแต่เป็นเครื่องจักรสังหารที่ส่งมายังโลก โดยใครเป็นผู้ส่งมายังไม่ทราบ

    ตอนแรก  พวกโดเรมอนตั้งใจเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หากแต่ต่อมาโนบิตะได้พบเด็กสาวลึกลับชื่อ ริลุลุ เธอได้บอกว่าเธอเป็นเจ้าของหุ่นยนต์นั้น ด้วยความน่ารักทำให้โนบิตะเชื่อเธอสนิทใจ จึงพาเธอไปที่โลกกระจก หากแต่เมื่อไปถึงริลุลุได้ใช้หุ่นโจมตีโนบิตะและโดเรมอน ทำให้พวกโนบิตะต้องป้องกันตัว แล้วเกิดการระเบิดขึ้น แรงระเบิดนั้นทำให้ริลุลุสลบไป

    ต่อมา พวกโนบิตะก็ได้รู้ว่า ริลุลุ  ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นยนต์จากดาวเมก้าโทรที่พวกหุ่นยนต์บนดาวดวงนั้นมีนิสัยเหยียดชนชั้นและอยากยึดครองโลกเพื่อเอามนุษย์มาเป็นแรงงาน จึงได้ส่งริรุรุมาเป็นสปาย ซึ่งพวกโดเรมอนพยายามแก้ไขเรื่องดังกล่าว โดยจัดเวทีให้โลกกระจกเป็นเวทีต่อสู้กับกองทัพหุ่นยนต์

    หลังจากนั้นพวกบิตะก็พบริลุลุสลบอยู่ ตอนแรกมีการเสนอว่าให้ทำลายริลุลุเพื่อป้องกันความลับโลกกระจก หากแต่ซิซูกะและโนบิตะไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้ริลุลุเป็นพวกเดียวกับพวกเขามากกว่า จึงได้ซ่อมแซมริลุลุ เมื่อริลุลุได้ตื่นขึ้นมา พวกโนบิตะพยายามบอกเธอให้ถึงความสวยงามของโลก และไม่มีการเหยียดชนชั้นเหมือนพวกดาวหุ่นยนต์ ซึ่งริลุลุเองก็ได้พยายามโน้วน้าวพวกหุ่นยนต์ยกเลิกยึดครองโลก หากแต่พวกหุ่นยนต์ไม่ฟัง ดังนั้นพวกโนบิตะจึงใช้แผนสุดท้ายด้วยการให้ริลุลุและซิซูกะย้อนอดีตและไปยังดาวเมก้าโทรเพื่อโน้มนาวผู้สร้างหุ่นยนต์ต้นกำเนิดให้แก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าผู้สร้างจะยอมรับความผิดพลาด และอยากแก้ไขปัญญาหุ่นยนต์ หากแต่ตอนนี้เขาไม่มีแรงที่จะทำ จนริลุลุจำเป็นต้องแก้ไขปัญญาเสียใหม่ ถึงแม้จะสำเร็จได้ แต่สิ่งที่แลกมาก็คือริลุลุหายไป เพราะว่าอนาคตเปลี่ยนไป ไม่มีหุ่นยนต์เหยียดชนชั้น ริลุลุก็ไม่เกิด

    การหายตัวของรุลิลิสร้างความโศกเศร้าต่อพวกโนบิตะ ต่อมาในฉากจบขณะที่โนบิตะนั่งห้องเรียนตอนเย็นคนเดียว เขาก็พบริลุลุบินผ่านหน้าต่าง ต่อหน้าต่อมา แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง หรือภาพลวงตา แต่มันก็สร้างความดีใจให้แก่โนบิตะและเขาได้เอาเรื่องนี้ไปบอกทุกคน

    ระดับซาบซ่า 2/5 เพราะไม่ได้มีฉากซาบซ่ากับโนบิตะสักเท่าไหร่ (แต่ให้คะแนนความน่ารักเต็ม 5)


    2. เครม (Krem)

    เป็นอีกหนึ่งที่เป็นเด็กสาวที่ชอบโนบิตะ ปรากฏตัวในโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ตอน โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ ( Doraemon: The Record of Nobita: Spaceblazer) ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ ค.ศ. 1981 และต่อมามีการรีเม็กซ์ใหม่ในชื่อ The New Record of Nobita: Spaceblazer (2009)

    โดยเรื่องราว กล่าวถึงเด็กชายคนหนึ่งชื่อโรพอล กับสัตว์เลี้ยงชื่อจามี่ กำลังขับยานขนส่งหนีจากโจรสลัด จามี่ได้กดวาร์ปเพื่อให้หนีพ้น  แต่กลายเป็นว่าเพราะการวาร์ปทำให้ยานเสียหาย มิหนำซ้ำประตูห้องเก็บของในยานก็ไปเชื่อมต่อเข้ากับเสื่อในห้องนอนของโนบิตะอีกด้วย ทำให้โรพอล และจามี่ ต้องติดอยู่ในห้วงอวกาศโดยที่ไม่สามารถไปไหนได้ จามี่เลยตัดสินใจเปิดประตูห้องเก็บของ ข้ามมิติมาที่โลกในช่วงกลางดึกเพื่อหาของกินไปเป็นเสบียง จนได้พบกับโนบิตะและโดราเอมอน พอรู้เรื่องราวทั้งหมด โดราเอมอนจึงเอาผ้าคลุมกาลเวลาออกมาซ่อมยานอวกาศให้ ทำให้โรพอลและจามี่สามารถเดินทางกลับดาวโคยะโคยะ ดาวบ้านเกิดของพวกเขาได้สำเร็จ

    หลังจากนั้นโนบิตะกับโดราเอมอนก็พากันไปเที่ยวที่ดาวของโรพอลอยู่เสมอ จนกระทั่งได้รู้ว่าบนดาวโคยะโคยะนั้นถูกกลุ่มวายร้ายรังครวญเป็นประจำ ทำให้โนบิตะคิดจะช่วยเหลือเพื่อต่างดาว ซึ่งต่อมาพวกโนบิตะพบว่าสภาพบรรยากาศของดาวดวงนี้ทำให้พวกตนเก่งขึ้น (ไร้แรงฏโน้มถ่วง สามารถยกของหนักได้สบาย) ทำให้พวกโนบิตะสวมบทฮีโร่ของดาวดวงนี้ไป

    ส่วนเครม ซึ่งเป็นน้องสาวของโรพอลนั้นมีบทไม่ค่อยมากนัก (เพราะฉากสำคัญของเรื่องเครมจะมีบทมากกว่า แถมภาครีเม็กซ์ก็สาวผมแดงรับไปอีกต่างหาก) ส่วนมากมักปราฏด้วยกันกับเครม และมีฉากที่อยู่ด้วยกันโนบิตะเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเครมยังมีฉากที่ให้ของที่ระลึกโนบิตะ โดยเฉพาะฉากมอบดอกไม้หิมะให้โนบิตะก่อนที่จากลา ซึ่งโนบิตะได้นำดอกไม้นี้ไปปลูกไว้ในกระถางใกล้หน้าต่าง โดยหวังว่าสักวันเขาจะได้พบกับพวกเครมอีก

    ความซาบซ่า 2.5/5 (แทบไม่มีบทเลย)


    1.มินาโมโตะ ชิซูกะ (Minamoto Shizuka)

    ในที่สุดก็มาถึงอันดับสุดท้าย แน่นอนก็คือชิซูกะนั่นเอง หากไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะเธอคือนางเอกของโดเรมอน

    หากจะพูดเต็มปากหน่อยชิซูกะเป็นนางเอกตัวประกอบก็ไม่ผิดนัก เพราะส่วนมากคาแร็คเตอร์ดูจะธรรมดา จืดๆ ไม่หวือหวา นิสัยก็ตามสูตร (คือเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น) หลายตอนไร้บท ในภาพยนตร์หลายตอนก็โผล่มางั้นๆ ไม่ค่อยมีความสำคัญของเนื้อเรื่อง โดนผู้หญิงคนอื่นเบียดหลายครั้ง ช่างน่าสงสารจริงๆ (ถ้าเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องอื่นๆ เขาก็จะอวยนางเอกหลักไปแล้ว) ยังดีที่ฉากเซอวิสอาบน้ำ กางเกงในสีขาว โผล่มาให้เห็นเป็นที่ฮือฮ่าสมัยนั้น (ปัจจุบันโดนเซ็นเซอร์ไปแล้ว)

    นอกจากนี้ ชิซูกะเองก็ไม่ได้ติดอยู่ในธรรมเนียม”สุดยอดเพื่อนสมัยเด็ก” ของผมด้วย เพราะหากเทียบกับเพื่อนสมัยเด็กสมัยนี้มันหวือหวากว่า และส่วนหนึ่งชิซูกะตอนแรกๆ ก็ไม่ได้ชอบโนบิตะอะไรมากมายด้วย แม้จะอยู่ด้วยกันประจำ เป็นเพื่อนกัน แต่เธอก็ไม่ได้มีความคิดอะไรกับโนบิตะเลย

    แม้ว่าโนบิตะนั้นแอบชอบชิชูกะมานาน หลังจากที่โนบิตะรู้ว่าอนาคตเขาได้แต่งงานกับไจโกะ โนบิตะถึงขั้นจิตตก  แถมยังมีคนที่เหนือกว่าโนบิตะอย่างเดคิสุงิมาเป็นมารผจญอีกต่างหาก ยิ่งทำให้โนบิตะคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ชิซูกะหันมาชอบตน (จนหลายคนเขาก็ต้องเอาของเล่นโดเรมอนมาอวดชิซูกะเพื่อซื้อใจ แต่ส่วนใหญ่ผลลัพท์ออกมาจะเป็นลบ ยิ่งทำให้ชิซูกะไม่ชอบโนบิตะแทน)

     อย่างไรก็ตาม ในการ์ตูนเรื่องโดเรมอนก็ได้นำเสนอชัดเจนเลยว่า ชิซูกะนั้นชอบโนบิตะ เพียงแต่ความนักของชิซูกะนั้นมาจากการบ่มเพาะ ไม่ได้รักแบบปักธงทีเดียว แต่เกิดจากระยะเวลาที่ยาวนาน ธงค่อยแน่นๆ มากกว่า

    อย่าลืมว่า ทั้งโนบิตะและชิซูกะอยู่ด้วยกันตลอด ทำการบ้านด้วยกัน เล่มด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน บางครั้งชิซูกะก็ปกป้อง ห้ามปรามไจแอนด์รังแกโนบิตะ แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วชิซูกะต้องมาคอยดูแลโนบิตะบ่อยครั้ง ตอนแรกๆ ก็ไม่ชอบ หากแต่นานวัน มันก็กลายเป็นความคุ้นเคยไปในที่สุด

    แน่นอนว่ามีหลายตอนที่น่าประทับใจเกี่ยวกับความรักระหว่างโนบิตะกับชิซูกะ แต่ถ้าจะให้แนะนำก็คงจะเป็น“ความโรแมนติกท่ามกลางภูเขาหิมะ”   และ  "คืนก่อนแต่งานของโนบิตะ" (สามารถหาดูตอนเหล่านี้ได้ในคลิปยูทูป) แต่สำหรับผมแล้วทั้งสองตอน เป็นเพียงแค่อนาคตอีกเส้นเท่านั้น ซึ่งโนบิตะในวัยประถม (เนื้อเรื่องหลัก) อาจจะไม่ไปถึงอนาคตที่ว่าก็ได้

    ในตอน “ความโรแมนติกท่ามกลางภูเขาหิมะ”   เปิดฉากมาโนบิตะขอลอกการบ้านของชิซูกะ หากแต่ชิซูกะปฏิเสธ พร้อมบอกให้โนบิตะหัดทำด้วยตนเองบ้าง ในฉากนี้แสดงให้เห็นว่าโนบิตะพึ่งแต่ชิซูกะตลอด และทั้งสองอยู่ด้วยกันแต่เด็กจริงๆ เมื่อกลับบ้านโนบิตะก็เริ่มกังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชิซูกะไม่ก้าวหน้าเลย อนาคตเขาอาจไม่ได้แต่งงานกับเธอก็ได้ โดเรมอนเลยใช้เครื่องมือจากโลกอนาคตดูเรื่องราวหลายปีข้างหน้า  (14ปีต่อมา)

    โนบิตะ 14 ปีข้างหน้าก็ยังห่วยแตกเหมือนเดิม และในวันนั้นเขาปฏิเสธชิซูกะที่จะปีนภูเขาหิมะ (เพราะตนเองรู้สึกไม่สบาย) ทำให้ชิซูกะไม่พอใจจึงไปปีนภูเขาหิมะกับเพื่อนๆ แต่กลายเป็นว่าชิซูกะประสบภัยหลงในภูเขาหิมะ ทำให้โนบิตะวัยประถมจะไปช่วยเหลือชิซูกะในอนาคต ด้วยการเปลี่ยนตนเองเป็นหนุ่ม และไปอนาคตเพื่อช่วยเหลือ

    ปรากฏว่าแม้โนบิตะไปช่วยเหลือซิซูกะในอนาคต แต่เขากลับเป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ต้องทำให้ชิซูกะช่วยตลอด และในตอนนั้นก็ทำให้ชิซูกะเริ่มมีความคิดที่จะแต่งงานกับโนบิตะ ด้วยเหตุผลว่าจะปล่อยโนบิตะทิ้งไว้ไม่ได้ อยากจะคอยอยู่ข้างๆดูแลตลอดไป

    หลายคนที่ดู ตอนนี้ก็แสดงความคิดเห็นมากมายว่า ชิซูกะแต่งงานกับโนบิตะเพราะสงสาร (บางคนใช้คำแรงว่า สมเพชเวทนา หรือตรงกับสำนวนญี่ปุ่นว่า "ความสงสารของซามุไร") แต่ถ้ามองลึกๆ ผมมองว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ความสงสารของผู้หญิงไม่ใช่เหตุผลหรอกที่จะมาแต่งงาน เพราะยังไงแล้ว เหตุผลที่ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับชายคนนั้นได้ก็คือ ความรัก ว่าชายคนนี้แหละคือคนที่ใช่

    ในตอน “คืนก่อนแต่งงาน” ที่โนบิตะและโดเรมอนได้ไปอนาคตเพื่อดูชิซูกะในวันแต่งงาน โดยชิซูกะ ถามพ่อของเธอในคืนก่อนแต่งงานว่า "หนู...รู้สึกหวั่นๆยังไงไม่รู้..ชีวิตคู่ของหนูจะไปได้สวยหรือเปล่านะ" คุณพ่อของชิซูกะตอบกลับไปทันที่ว่า "แน่นอนสิลูก!! จงเชื่อมั่นในตัวของโนบิตะ" "ลูกตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกโนบิตะคุง เด็กคนนี้ปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ขณะเดียวกัน ก็ร่วมโศกเศร้ายามผูอื่นเป็นทุกข์ นี่แหละคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นมนุษย์"

    ส่วนหนึ่งที่ชิชูกะเลือกที่จะแต่งงานกับโนบิตะ เพราะชิซูกะมองโนบิตะว่าเป็นคนดี มีจิตใจดี มีเมตตาโอบอ้อมอารี ไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใคร รักเพื่อน ๆ ทุกคน  ไม่ว่าคนหรือสัตว์  ไม่มีการเสแสร้ง แม้โนบิตะจะเป็นคนไม่ได้เรื่อง แต่เขาเองก็มีการพัฒนา และเขาเองก็พยายามจะทำด้วยตนเองโดยไม่หวังพึ่งคนอื่น  ซึ่งสำหรับชิซูกะแล้วชายที่เธอชอบไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง ขอให้เป็นคนดีต่อสังคม และเป็นชายที่ให้ความสำคัญกับเธอ และเป็นชายที่เธอสามารถทำเพื่อเขาก็พอใจแล้ว

    ความซาบซ่า 4.5/5 หักไป เพราะผมเชื่อว่าอนาคตที่ว่านั้นอาจเปลี่ยนแปลง บางทีอนาคตของโนบิตะอาจถูกเขียนขึ้นมาใหม่ก็เป็นไปได้


    0. โกดะ ไจโกะ (Goda  Jaiko)

    หลายคนอาจลืมไปแล้ว แม้ว่าปัจจุบันเส้นทางอนาคตของโนบิตะจะบอกว่าโนบิตะจะคู่กับชิซูกะ หากแต่เส้นที่แท้จริงที่ก่อให้เกิดเรื่องราวต่างๆ นาๆ ทำให้โดเรมอนข้ามอนาคตมาช่วยโนบิตะในยุคปัจจุบัน ก็คือในอนาคตโนบิตะแต่งงานกับไจโกะ

    ในเส้นโลกเดิม โดเรมอนกับเซวาชิได้บอกกับโนบิตะว่า ในอนาคตโนบิตะแต่งงานกับไจโกะ  ซึ่งเป็นน้องสาวไจแอนด์ หลังจากนั้นชีวิตการแต่งงาน ชีวิตของโนบิตะก็ล้มเหลวมาตลอด ไปตั้งบริษัทก็เจ๊ง ทำให้ชีวิตครอบครัวตกต่ำ ยากจน ซึ่งการส่งโดเรมอนเพื่อมาช่วยเหลือโนบิตะก็เพื่อให้ชีวิตโนบิตะดีขึ้น ทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลง

    แน่นอนหลังจากที่โนบิตะรู้ว่าตนเองจะได้แต่งงานกับไจโกะก็รับไม่ได้ เพราะคนที่เขาชอบมากที่สุดก็คือชิซูกะต่างหาก แถมไจโกะก็อ้วน หน้าตาขี้เหร่ เหมือนไจแอนด์ใส่วิก ใครอยากจะไปเอา

    คำถามไจโกะผิดอะไร คำตอบไจโกะไม่ผิดอะไรเลย โนบิตะผิดเองล้วนๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากโนบิตะเองทั้งสิ้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไจโกะเลย

    แม้ว่าไจโกะอาจไม่ได้น่ารัก แต่กลับมีนิสัยดีเหลือเชื่อ แม้ในเล่มแรก ๆ นั้น ผู้เขียนได้วาดคาแร็คเตอร์ให้ไจโกะเป็นเด็กผู้หญิงที่ดื้อ ซน เอาแต่ใจ และชอบเล่นอะไรแผลง ๆ แต่ในช่วงหลังของการ์ตูน คาแร็คเตอร์และนิสัยของไจโกะได้เปลี่ยนไป กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาก ๆ ไจโกะใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียนการ์ตูน มีความพยายามที่จะส่งต้นฉบับการ์ตูนของตัวเองให้สำนักพิมพ์พิจารณา ถึงแม้จะถูกปฏิเสธหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ย่อท้อ เพื่อที่จะได้นำผลงานของตัวเองได้ตีพิมพ์ให้ได้  จนในที่สุดผลงานของเธอก็ผ่านการพิจารณา และในอนาคตเธอจะกลายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้หากเราดูจากอนาคตจะพบว่าไจโกะเป็นภรรยาที่ดีมาก แม้ว่าโนบิตะจะทำอะไรผิดพลาด แต่ไจโกะก็ยังอยู่เคียงข้าง ไม่ได้หนีไปไหน มีลูกด้วยกันถึง 6 คน และชีวิตครอบครัวแม้จะยากจน แต่ก็อยู่ได้ ไม่เห็นทุกข์ทรมานแต่อย่างใด (ยกเว้นโดเรมอนโวยวายเพราะหูขาด แต่ไม่มีปัญญาหาเงินมาซ่อมหู)

     สรุปคือโนบิตะชอบผู้หญิงเพราะหน้าตา มากกว่าจิตใจ

    อย่างไรก็ตาม ประเด็นโนบิตะกับไจโกะนั้น คนแต่งเลือกที่จะไม่เปิดประเด็นมากมายอะไรนัก เพราะสังเกตว่าบทของไจโกะน้อยมาก ไจโกะไม่ได้ชอบโนบิตะเลย ไม่มีอีเวนส์ใดๆ ทั้งสิ้น (นอกเสียจากโรบิตะช่วยเหลือไจโกะบางครั้ง)  สิ่งเดียวก็เธอสนใจโนบิตะมีเพียอยากจะให้โนบิตะมาเป็นตัวเอกในการ์ตูนตลกที่ตัวเองเป็นคนเขียนนั่นเอง  แถมไจโกะยังมีเด็กผู้ชายคนอื่นที่แอบชอบอีก ทำให้เรื่องราวความรักของโนบิตะและไจโกะแทบไม่มีเลย (ซึ่งโนบิตะก็ไม่อยากทำอีเวนส์ปักธงด้วย) มันจึงเป็นปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโดเรมอนไปว่าเหตุใดอนาคตโนบิตะถึงแต่งงานกับไจโกะได้

     (มีทฤษฏีหนึ่งบอกว่า ความจริงอนาคตที่แท้จริงโนบิตะไม่ได้แต่งงานกับไจโกะ แต่โดเรมอนได้โกหกเพื่อให้โนบิตะปรับปรุงตัว แต่ทฤษฏีนี้ผมไม่เชื่อสักเท่าไหร่ เพราะคนแต่งคงไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนขนาดนั้น )

    ระดับความซาบซ่า 0

     

     

    ก็จบเพียงเท่านี้ครับสำหรับฮาเร็มโนบิตะ ซึ่งอันดับนี้ไม่นับสาวๆ ที่ปรากฏในโดจิน (เช่น เซนะ) โดยส่วนตัวแล้วผมเลิกดูโดเรมอนไปนานแล้ว พอดีไปเจอเรื่องฮาเร็มของโนบิตะ เลยกลับไปดูอนิเมะดู ซึ่งก็ยอมรับว่ามีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจอะไรอยู่เหมือนกัน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×