ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #376 : (ดูอย่างแมวๆ) Anime Winter 2015-2016 ก็แค่นี้แหละ!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.07K
      2
      28 ม.ค. 59

    กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวเริ่มต้นปี  Anime Winter (แต่ตอนที่ผมเขียนรีวิว ร้อนแล้วนะ) ซึ่งเป็นการรีวิวอนิเมะที่ผมดู เฉพาะตอนที่ 1-2  (พร้อมกับคำยืนยันว่าจตะติดตามหรือไม่ตอนท้าย) ส่วนเรื่องอนินิเมะเรื่องไหนไม่ได้กล่าวถึงคือไม่ได้ดู และไม่มีความสนใจใดๆ

    สำหรับซีซั่นปีนี้ ก็เหมือนซีซั่นก่อนๆ แหละครับ คือมีหลายแนว ไม่ได้เน้นหนักด้านใดด้านหนึ่ง แต่แปลกอยู่อย่างว่าซีซั่นนี้ไม่ค่อยมีแนวโมเอะสาวๆ ในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่นัก สมัยก่อนนี้มาที 3-4 เรื่อง มาซีซั่นนี้ไม่ค่อยมีเรื่องไหนเด่นสักเท่าไหร่

    อย่างไรก็ตาม อนิเมะซีซั่นนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวแอ็คชั่น แฟนตาซี   แต่อนิเมชั่นออริจินอลโดยส่วนตัวผมแล้ว ก็ไม่ได้หวือหวาสักเท่าไหร่ ส่วนมากอนิเมะที่ผมติดตามก็เป็นอนิเมะที่ผมชอบคาแร็คเตอร์ ตัวละคร มากกว่า จะดูที่เนื้อเรื่อง

     

    ก่อนอื่นขอพูดถึงอนิเมะที่ผมไม่มีความคิดที่จะดูสักนิดก่อนนะครับ ซึ่งซีซั่นนี้ก็มีหลายเรื่องที่หลายเรื่องที่น่าสนใจเหมือนกัน เป็นต้นว่า

    Active Raid: Kidou Kyoushuushitsu Dai Hakkei อนิเมะออริจินอล ที่เนื้อเรื่องเชยๆ (เห็นคนบอกว่าหลักๆ ใช้พล็อตออนิเมะปี 90 เรื่อง Patlabor เอามาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยอะไรนี่แหละ) โดยเนื้อเรื่องเกี่ยวกับหน่วยที่ 8 ฝ่ายรักษาความปลอดภัยสาธารณะที่ 5 ของกองประจัญบานที่ 3 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Eight” ที่ใช้ชุดเกราะพิเศษ “Willwear” ในการปราบปรามเหตุการณ์ไม่สงบ ในโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เนื้อหาก็ประเภทตำรวจสู้กับผู้ร้าย ATโมเอะ (น่ารักกว่าสาวๆ ในเรื่องเสียอีก) ส่วนคาแร็คเตอร์ผู้ชายตามสูตร (สรุป ไม่ติดตามครับ)

    Boku Dake ga Inai Machi อนิเมะที่ดัดแปลงจากมังงะของคนวาดเรือนรก และเกาะฆ่าเด็ก (ทั้งสามเรื่องลิขสิทธิ์โดยสยาม) คนแต่งขึ้นชื่อเรื่องฉากจบโครตกวนคนหนึ่งเท่าที่ผมติดตามมา และมาแจ้งเกิดกับเรื่องนี้ เพราะได้รับรางวัลและติดอันดับมังงะแห่งปี (ทั้งๆ ที่เนื้อหา วนลูปนรกโครตๆ) สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของซาโตรุ ผู้ชายที่ทำอะไรไม่เคยเป็นชิ้นเป็นอัน เขียนการ์ตูนก็ไม่รุ่ง แต่กลับมีพลังพิเศษสามารถย้อนเวลาไป 1-5 นาทีเมื่อเกิดเหตุ เพื่อแก้ไขเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเหตุร้ายเกี่ยวกับแม่ และเขาได้ย้อนอดีตอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาย้อนหลายปี ในสมัยเขาเป็นเด็กประถม เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไป

    ถือว่าเป็นอนิเมะที่หลายคนอวยซีซั่นนี้ เพราะภาพสวย ตัวละครนางเอก (เพื่อนสมัยเด็กพระเอก) น่ารัก  แต่สำหรับคนอ่านมังงะมาแล้ว หลายคนหัวเราะ หึ หึ เอ็งดูถูกการ์ตูนเรื่องนี้ไปแล้วเฟ้ย เดี๋ยวเอ็งจะได้เห็นความสนุกหักมุมของคนเขียน ชนิดเอ็งโครตปวดตับ ปวดใจ ยิ่งกว่าตอนจบขอนไม้เทพเสียอีก

    เอาคำแนะนำของผมนะครับ ใครที่หวังเรื่องนี้สุขสมหวัง ผมแนะนำให้เลิกติดตามตอนนี้เลยครับ หากจะติดตามก็แนะนำว่าอย่าอวยอะไรมาก อย่าหวังอะไรมาก อวยแม่พระเอกเป็นนางเอก  ผมเองก็ไม่รู้ว่าอนิเมะจะทำออกมาเหมือนต้นฉบับในตอนจบหรือเปล่า แต่เท่าที่ดูสปอย รู้สึกดำเนินเรื่องเร็วครับ มาตอนแรกก็พระเอกย้อยเป็นเด็กประถมแล้ว ในมังงะนี้กว่าจะย้อนก็หลายตอนอยู่ (สรุป ไม่ติดตามครับ)

      Saijaku Muhai no Bahamut แนวโรงเรียนแฟนตาซีแบบ IS กลายเป็นของคู่กับซีซั่นไปแล้ว ไม่ว่าซีซั่นไหนก็ต้องมีสักสองสามเรื่อง แม้เนื้อหามันจะเดิมๆ สูตรสำเร็จก็ตาม (แน่นอนซีซั่นหน้ามีอีกแน่นอน) และไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า  ว่าแนวนี้เอจจิแรงๆ ขึ้น อย่างแนวโรงเรียน IS ล่าสุด แรวเอจจิแรงไม่เบา

                    สำหรับเรื่องนี้ แนวเรื่องผมระหว่างแนว IS กับแฟนตาซีเป็นอนิเมะที่ถูกดัดแปลงมาจากไลท์โนเวล  ซึ่งในไทยนั้นก็มี LC โดยเป็นของสำนักพิมพ์เซ็นซูในชื่อไทยว่า บาฮามุท มังกรเหล็กไร้พ่าย(ผมไม่ได้อ่าน) เป็นเรื่องของพระเอกชื่ออลุกซ์ อาคาเดีย อดีตราชวงศ์อาคาเดียร์เก่าที่ถูกล้มล้างและในฐานะอาณาจักรผู้แพ้ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการรบทั้งหมด จึงตกเป็นหนี้ และต้องทำงานอย่างหนักหาเงินชดใช้ แต่อยู่มาวันหนึ่งดันตกลงไปในห้องอาบน้ำหญิงของโรงเรียนแห่งหนึ่งแล้วชีวิต

    ไม่ได้ดูอนิเมะ ดูมังงะมา ก็ตามสูตรแหละ ไม่รู้จะเขียนอะไรดี ก็ไม่พ้นเรื่องพระเอกเก่ง นางเอกซึน สู้กัน เอจจิ อยู่ดีแหละ (ต่อให้มีอะไรหวือหวา แต่ผมก็อิ่มตัวแนวนี้แล้ว

    ปล. สิ่งที่ขาดไม่ได้แนวโรงเรียนแฟนตาซี IS คือ จะต้องมีลานประลองเกือบทุกเรื่อง ไม่รู้ทำไมถึงจัดหนักหนา ชอบใช้ความรุนแรงสินะ (ไม่ได้ติดตามครับ)

    HaruChika: Haruta to Chika wa Seishun Suru (ไม่ได้ติดตามครับ)

     

    Kono Subarashii Sekai ni Shukufuku wo

    ผมมีความเชื่อว่าอีกไม่นานอาจจะถึงยุคสมัยนิยายเน็ต และต้องเป็นแนวหลงต่างโลก ฮาเร็ม (อย่าวินละ โครตน่าเบื่อเลยแหละ) เห็นได้จากซีซั่นที่แล้วโอเวอร์ลอร์ดที่หลายคนชื่นชอบ  ยอดขายแผ่นก็ไม่เบา เชื่อว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่นิยายเน็ตเรื่องอื่นๆ จะตามมาในไม่ช้า

    สำหรับซีซั่นนี้ก็มีอนิเมะจากนิยายเน็ตหนึ่งเรื่อง คือ เป็นเรื่องราวของนีทคนหนึ่งชื่อ าโต้ คาซึมะ เป็นเด็กติดเกมที่เก็บตัวอยู่บ้าน ตายลงอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทว่า เทพธิดาองค์หนึ่งผู้มีชื่อว่าอควอก็มาปรากฏตัวและถามเขาว่า ต้องการไปเกิดใหม่ที่โลกแฟนตาซีไหม?” และให้เขาเลือกของวิเศษติดตัวไปได้หนึ่งอย่าง คาซึมะจึงเลือก เทพธิดาหรืออควอเป็นของติดตัวไปต่างโลกแทน...

    Kono Subarashii Sekai ni Shukufuku wo ถือว่าเป็นเรื่องที่ผมอวยเป็นอันดับต้นๆ ยิ่งกว่านิยายเน็ตทั้งหมดที่อ่านมา ส่วนหนึ่งนิยายได้สื่อถึงความเป็นนีทของพระเอกมากที่สุด  รวมไปถุงเป็นแนวประชดต่างโลกอย่างที่จริง

    อนิเมะเรื่องนี้ใช้การล้อเลียนพล็อตสูตรสำเร็จที่เราเห็นทั่วไปตามการ์ตูนญี่ปุ่น คือแนวพระเอกไปต่างโลก คือ พระเอกโดนอัญเชิญไปโลกแฟนตาซี ผจญภัย ปราบจอมมาร กอลกู้สันติสุขของต่างโลก (ที่ไม่ใช่โลกของเรา) มันเป็นแนวโหลสองโหลไม่ว่ายุคไหนๆ ก็ยังคงเอามาทำ  ปัจจุบันก็มีการดัดแปลงไปบ้าง เป็นว่า พระเอกอาศัยอยู่โลกแฟนตาซีเสียเลย ไม่ต้องเน้นปราบจอมมาร หันมาเก็บฮาเร็มแทน

       อย่างไรก็ตาม  Kono Subarashii Sekai ni Shukufuku wo ไม่ใช่นิยายที่ดำเนินเรื่องตามนิยายหลงต่างโลกที่เรารู้จักกัน หากแต่เป็นนิยายแนวล้อเลียน สิ่งที่เราเห็นนิยายต่างโลกทั่วไป พอมาอยู่เรื่องนี้ตรงกันข้ามหมด เช่น พระเอกนีทแต่มีจิตใจดีงาม นิสัยยุติธรรม ชอบผจญภัย  แต่เจ้าพระเอกซาโต้เรื่องนี้เป็นนีทที่อยากมีชีวิตที่สงบ ไม่ชอบการผจญภัยสักเท่าไหร่ ตามประสาทของคนธรรมดา นอกจากนี้ยังล้อเรื่องสกิลเทพที่พระเอกต่างโลกไหนๆ ก็มีแต่เรื่องนี้ซาโต้ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้จะได้เทพธิดาเพราะนึกว่ามันจะเทพ แต่กลายเป็นว่ายัยเทพธิดาไม่ได้อีกต่างหาก

    ฮาเร็มไม่ต้องพูดถึง สาวๆ เรื่องนี้แม้จะเก่ง แต่เอาเข้าจริงกับมีจุดอ่อนผิดพลาดร้ายแรงชนิดว่าเป็นภาระชัดๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้นิยายเรื่องนี้แตกต่างจากนิยายต่างโลกทั่วๆ ไป ได้อย่างโดดเด่น ไม่แปลกเลยที่จะมีคนเลือกนิยายเรื่องนี้เป็นอนิเมะก่อนนิยายเรื่องอื่นๆ

    สำหรับเนื้อหาจริงๆ น่าจะอยู่ที่การใช้ชีวิตของนายซาโต้ในโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มากกว่าจะมีดราม่า การผจญภัย  หรือเนื้อเรื่องจริงๆ เข้ามา (อย่างน้อยก็ช่วงแรกๆ นี้แหละ) ซึ่งออกไปทางตลกสิ้นหวังมากกว่า

    อย่างไรก็ตาม อนิเมะหลังจากที่ Kono Subarashii Sekai ni Shukufuku wo ออกฉาย ก็มีเสียงบ่นกันเยอะ เนื่องจากลายเส้นตัวละครไม่เหมือนภาพประกอบประกอบนิยาย หรือในมังงะเลย   อีกทั้งภาพเผา (หน้าตัวละครบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด) ที่น่าติมากที่สุดคือในนิยายและมังงะ  เห็นได้ชัดเลยเทพธิดาเขาใส่กางเกงในลายทาง แต่พอมาเป็นอนิเมะกลับเอาดูเหมือนไม่ใส่ซะงั้น ทำเอาหลายคนคิดว่าท่านเทพเรื่องนี้ท้าลมหนาวซะงั้น

    เท่าที่ดูข้อมูลอนิเมะเป็นของ Studio Deen (ผลงานดังเยอะ) แถมผู้กำกับเป็นเจ้านี้หรือซอมบี้? ก็น่าจะลายเส้นดีกว่านี้ อาจเป็นเพราะเป็นอนิเมะโปรโมทนิยายด้วยมั้ง (แถมมีแค่ 11 ตอนอีกต่างหาก) แต่ถึงกระนั้นแม้จะมองเป็นอนิเมะขายนิยาย แต่ตอน 1-2 ค่อนข้างประทับใจพอสมควร เพราะดำเนินเรื่องได้อารมณ์ และยังคงตลกเข้าถึงต้นฉบับ ที่เป็นแนวล้อตอัญเชิญไปต่างโลกได้เป็นอย่างดี

    ส่วนฮาเร็มนั้น ผมว่าช่วงแรกคงไม่มีหลอก และไม่รู้ว่าจะตัดส่วนไหนบ้าง เพราะต้นฉบับตอนย่อยเยอะพอดู แถมตอน 1-2 ผ่านมายังดำเนินเรื่องไม่ถึงครึ่งเล่มแรกด้วยซ้ำ

     (โดยรวมๆ แล้วผมติดตามครับ)


    Musaigen no Phantom World

    Musaigen no Phantom World (Myriad Colors Phantom World) เป็นอนิเมะจากไลท์โนเวลของ Hatano Souichirou  (ยังไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย) โดยเป็นเรื่องราวในโลกอนาคตอันใกล้ที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดเหตุการณ์โรงงานแห่งหนึ่งทำให้ไวรัส (?) ระบาดจนคนติดไปทั่วประเทศ และส่งผลทำให้สมองของมนุษย์หนึ่งเห็นอีกโลกหนึ่ง ที่เต็มพวกภูติที่เรียกว่า “แฟนธ่อม”  นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้เด็กบางคนมีพลังวิเศษ ซึ่งช่วยให้เขาต่อสู้กับแฟมธ่อมที่นิสัยไม่ดี แม้ส่วนใหญ่แล้วแฟนธ่อมไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยก็ตาม ส่วนพระเอกของเรื่องชื่อ อิจิโจ ฮารุฮิโกะซึ่งเขาเป็นสมาชิกชมรมปราบแฟนธ่อม โดยกลุ่มเขามีเพียงสาวรุ่นพี่ชื่อคาวาคามิ ไม  หากแต่กลุ่มเขานั้นจัดว่าเป็นกลุ่ม F ที่มีผลงานห่วยกว่ากลุ่มอื่นๆ ทำให้พระเอกอยากได้สมาชิกใหม่มาเพิ่มความสามารถกลุ่ม นกระทั่งมาพบกับสาวผมดำที่พึ่งย้ายมาใหม่ชื่ออิซูมิ เรนะ ที่มีความสามารถกินแฟนธ่อมได้ เขาจึงสนใจที่จะชักชวน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายตามมาในอนาคต

    ถ้าผมรู้ว่าอนิเมะเป็นของ Kyoto Animation (Kyoani) ผมคงจะหนี (ฮ่า) เพราะเป็นสติดิโอที่ไม่ค่อยสนับสนุนแนวฮาเร็มสักเท่าไหร่ แถมเวลาทำนิยายแนวฮาเร็มมาทำก็ไม่เน้นเรื่องฮาเร็มอีก ทำเอาผมเซ็ง

    ก็ตามมาตรฐานของสตูดิโอค่ายนี้ ที่อนิเมะทำออกมาสนุกดี ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้ ฉากการเล่าเรื่อง  ยิ่งฉากนมรุ่นพี่เ ที่มีทั้งขย้ำนม นมเด้งเรียกเสียงฮือฮ่าพอสมควร (จนกลายเป็นตัวละครโดดเด่นเรื่องนี้ไปโดยบริยาย) คาแร็คเตอร์ตัวละครแม้จะแบบเดิมๆ แต่ก็มีเสน่ห์ดี (ถ้าเปลี่ยนรุ่นพี่ มาเป็นเพื่อนสมัยเด็กน่าจะดีกว่านี้)

    แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของเรื่องเน้นเรื่องชีวิตประจำวันมากกว่า ไม่หวือหวา ไม่ดราม่า (แม้จะมีปมดราม่าเกี่ยวกับผมดำก็เถอะ) เพราะผมดูไป 1-3 ตอนก็ยังไม่มีอะไรมาก โดยส่วนตัวแล้วสิ่งที่อยากเห็นเรื่องนี้คือการปักธง หรือแนวรักๆ มากกว่า ก็ไม่รู้จะมีหรือเปล่า เพราะค่ายนี้ก็อย่างว่าแหละไม่ค่อยมีเรื่องฮาเร็มสักเท่าไหร่ สรุปคือตามเรื่องนี้เพื่อหวังจะมีฉากปักธงอะไรบ้าง (ติดตามครับ)

            



    Yami Shibai  ซีซั่น 3

    Yami Shibai  (โรงละครแห่งความมืด) การ์ตูนสั้น 3 นาที แนวสยองขวัญ (ระทึกขวัญ ลึกลับ) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานเมือง, ความเชื่อ, เรื่องผีๆ (ทั้งหมดถูกสร้างใหม่ หรือไม่ก็ดัดแปลงจากตำนานเมืองของท้องถิ่นนั้นบ้างบางเรื่อง) แม้การดำเนินเรื่องจะออกมาแบบอินดี้ คือใช้แบบหุ่นกระดาษ เล่าเรื่องแบบโบราณ  บางตอนก็เดาทางได้ ไม่ซับซ้อน (ผมเดาได้นะว่ามามุกนี้แน่นอน) แต่กระนั้นก็ได้รับความนิยม ได้คำชม  ปัจจุบันก็มาถึงภาคสามของซีซั่นนี้แล้ว ซึ่งผมดูไปสองตอนแรกสนุกพอสมึควร

    -ตอนแรก เรื่องราวของชายหนุ่มสองคนที่ขับรถจะไปเที่ยวออนเซ็น แต่เกิดหลงทาง น้ำมันใกล้หมด และตัดสินใจเข้าอุโมงค์ที่ไม่มีแผนที่ และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด!?

    -ตอนสอง เรื่องราวของชายหนุ่มที่ระหว่างทางไปเจอโรงอาบน้ำสาธารณะที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ตั้งอยู่ จึงอยากเข้าใช้บริการ โดยหารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่โรงอาบน้ำสาธารณะธรรมดา!?

                    สำหรับภาค 3 นั้น เท่าที่ดูสองตอนแรก ดูเหมือนจะเน้นความตื่นเต้น พิศวง มากกว่าสองภาคแรก เพราะสองภาคแรกๆ เน้นสอดแทรกสาระ (ส่วนมากเป็น มารยาท คำสอนต่างๆ) ลงไปบ้าง แต่มาภาคสองนี้ สองตอนแรกผี (หรืออสูรกายหว่า) ดูดุดัน น่ากลัวมากขึ้น เน้นความตื่นเต้นมากขึ้น และไม่ตัวเอกที่เป็นมนุษย์ไม่รอดสักราย แต่ก็ดูสนุกดี แต่ในขณะเดียวกันสองตอนแรกผมก็มองไม่ออกหรอกว่ามันสอดแทรกสาระอะไรบ้าง (นอกจากพวกเอ็งเห็นสถานที่แปลกๆ ไม่เคยเจอมาก่อน ก็อย่าไปเข้าสิเฟ้ย เป็นตรูเห็นแว่บแรกก็ไม่อยากจะเข้าแล้ว) ยอมรับว่าผมดูทั้งสองภาคไม่จบเลย กะว่าจะไล่ดูตอนเก่าเสียหน่อย

     

                    Dagashi Kashi

     

    Dagashi Kashi เป็นอนิเมะแนวตลกจบในตอน จากมังงะ แต่งโดยโคโทยามะ แม้พึ่งออกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ได้รับความนิยมมากพอที่จะสร้างเป็นอนิเมะฉายต้นปี 2016

                    เนื้อหาของการ์ตูนเป็นเรื่องราวของร้านขนมในชนบทแห่งหนึ่ง โดย โคโคนัตสึ เด็กหนุ่มตัวเอกผู้เป็นลูกชายของเจ้าของร้านไม่ต้องการที่จะสืบทอดกิจการต่อจากผู้เป็นพ่อ เพราะอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน  ในวันหนึ่ง เด็กสาวที่ชื่อ โฮตารุ ลูกสาวของแฟรนไชส์ขนมชื่อดังก็ได้โผล่มาที่ร้านเพื่อมาเชิญพ่อของโคโคนัตสึไปทำงานด้วยกัน แต่พ่อของพระเอกปฏิเสธพร้อมยื่นข้อเสนอให้ว่าหากโฮตารุทำให้โคโคนัตสึยอมรับช่วงต่อกิจการร้านขนมนี้สำเร็จ เขาก็จะยอมไปทำงานด้วย

                    จุดขายของการ์ตูนเรื่องนี้คือ การขายตัวละครยัยคุณหนูที่น่ารัก แต่เพี้ยน อย่างโฮตารุจนการ์ตูนน่าสนใจมากโข (จนมีโดจินออกมาแล้ว) นอกจากนี้มุกตลกของเรื่องน่าจะเป็นเรื่องการดักแก่ขนมและของเล่นรุ่นพ่อรุ่นแม่ของญี่ปุ่น ซึ่งตัวละครเรื่องนี้เอามาเล่นแบบเด็กๆ หากแต่ปัญหาคือขนมและของเล่นเหล่านั้นคนไทยเรานั้นไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตามากนัก แต่ก็มีบางชิ้น บ้านเราก็พอมีอยู่บ้าง (เป็นต้นว่า ขนมตังเม, โดนัทราคาถูก) ดังนั้นแม้หลายคนชมการ์ตูนเรื่องนี้ว่ามันโครตตลก  แต่ผมแค่หึ หึยังไงชอบกล เพราะไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่น เลยไม่ได้มีความหลังกับขนมเหล่านี้

                    ตัวอนิเมะก็ถือว่าทำออกมาดี แต่ยัดมุกตลกไปไวเหมือนกัน แถมดูเหมือนจะโฟกัสไปที่ตัวละคร มากกว่าจะพูดเรื่องของขนม

     

     

    Sekkou Boys

    Sekkou Boys อนิเมะตลกยาวประมาณ 6-7 นาที อิชิโมโตะ มิกิ หญิงสาวจากโรงเรียนศิลปะที่เกลียด งานประติมากรรม ได้ไปสมัครบริษัทบันเทิงแห่งหนึ่ง จนผ่าน และได้ทำงานเป็น ไอดอลหนุ่มทั้งสี่ในนามวง Sekko Boy แต่ที่แปลกคือไอดอลหนุ่มหล่อทั้ง 4 นั้นไม่ใช่คน หากแต่เป็นงานประติมากรรมทั้งสี่ St. Giorgio, Medici ,Hermes และ Mars ที่พูดได้

    เป็นอนิเมะแนวตลกและประหลาด แม้มองเผินๆ ก็แนวไอดอลธรรมดา แต่พอไอดอลมาเป็นรูปปั้นนิ่งๆ ที่เอาแต่พูด ก็ดูน่าสนใจซะงั้น แค่พูดอย่างเดียวก็ทำได้ฮ่าแตกแล้ว เสียอย่างเดียวเนื่องด้วยผมเป็นคนที่มีทักษะจำชื่อคนต่ำมาก ประกอบกับรูปปั้นหน้ามันเหมือนๆ กัน พอเวลาถึงฉากพูดกัน ผมก็สับสนว่าใครเป็นคนพูด

    เป็นอนิเมะที่ตลกมากๆ ที่คุ้มค่าจะเสียเวลาดูครับ



    สรุปตามความชอบส่วนตัวคือซีซั่นนี้ติดตามมากที่สุดคือ Kono Subarashii Sekai ni Shukufuku wo ส่วนรองลงมาก็ Yami Shibai  ซีซั่น 3 และ Sekkou Boys ส่วนเรื่องอื่นๆ ติดตามบ้าง ไม่ติดตามบ้าง ก็แล้วแต่สถานการณ์

    ซีซั่นนี้ก็ยังคงไม่มีอะไรหวือหวา หรือมีกระแสแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยอนิเมะก็มีหลายแนวขึ้น ก็แล้วแต่สะดวกครับ ว่าใครชอบอนิเมะแนวไหน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×