The Underground

     ในปี1998……..หลังจากการปรากฎตัวของเส้นทางอุโมงค์มิติปริศนาที่ไม่มีใครทราบที่มาได้ที่อ่าวนิวยอร์ค…..ชาวโลกก็ได้ค้นพบดินเเดนอันกว้างใหญ่ ณ อีกฟากของอุโมงค์ซึ่งที่เเห่งนั้นเป็นโลกอีกใบนึงที่มนุษย์ไม่เคยค้นพบมาก่อน โลกคู่ขนานที่อยู่ในอีกจักรวาลนึงที่ห่างออกไปไกลโพ้นเกินกว่าที่มนุษย์จะเคยไปถึง ซึ่งในโลกใบใหม่นั้นก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่เหล่ามหาอำนาจทั้งหลายในโลกนั้นต้องการจะเข้าไปเพื่อทำการสำรวจเเเละครอบครองจับจองเพื่อผลประโยชน์มากมายมหาศาลที่พวกเขาจะได้ในโลกอีกใบที่ล้วนเเล้วเเต่มีโอกาสใหม่ๆรอคอยอยู่ หนึ่งในนั้นคือสหรัฐอเมริกา…..มหาอำนาจเบอร์1ผู้คุมบังเหียญของโลกที่ได้เป็นผู้นำในการสำรวจครั้งใหม่อันเป็นพันธกิจเเละสัญญาประชาคมร่วมของทุกประเทศในโลกของพวกเขา ซึ่งในคราวนี้พวกเขาจะต้องรับมากับอุปสรรคใหม่ๆตลอดเส้นทางการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจชาติเเรกที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในระดับทวิภพที่จะกุมชะตาของการเมืองในโลกทั้ง2ใบเอาไว้ด้วยกัน 

     ซึ่งหลังจากการปรากฏตัวขึ้นต่อสายตาชาวโลกใหม่ของพวกเขานั้นจะสร้างปฏิกิริยาอย่างใรให้กับผู้อยู่อาศัยเดิม เเละตลอดเส้นทางพวกเขาจะสามารถสร้างความเป็นมหามิตรหรืออริชาติศัตรูเเก่ใครหรือผู้ใดบ้าง…….เรื่องราวต่อจากนี้คือหนึ่งในเเง่มุมที่เป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์การปฏิบัติการทหารของสหรัฐฯที่จะไม่ถูกเปิดเผยให้ใครได้รับรู้จนกระทั่งวันนี้……….

     ก็ต้องขอกราบสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านที่บังเอิญหลงเข้ามาเห็นนิยายเเละนักเขียนตัวน้อยๆผู้นี้ด้วยนะครับ…….

     เรียกได้ว่าเป็นเวลานานมากที่ผมได้เลิกราจากนิยายเล่มเก่าซึ่งเป็นการเปิดเส้นทางการเข้าสู่โลกนักเขียนของกระผม ซึ่งผมก็ต้องขอยินดีต้องรับทุกท่านสู่นิยายบทใหม่ซึ่งเป็นต้นฉบับเเท้ๆของผมครั้งเเรก นั่นคือThe Underground ซึ่งต่อจากนี้จะคือการอธิบายเกี่ยวกับWorld Buildingต่อนะครับ

     เเม้จะเกริ่นไว้ซะยิ่งใหญ่เเต่ที่จริงเนื้อเรื่องของThe Undergroundจะสโคปอยู่เเค่กลุ่มทหารรับจ้างเท่านั้นซึ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองของเรื่องราวที่ใหญ่โต เเต่เเน่นอนว่าถ้าเรื่องมันสเกลเล็กเเค่นั้นผมคงจะไม่เขียนเรื่องราวของพวกเขาเเน่นอน เพราะพวกเขาจะไปมีส่วนพัวพันกับภารกิจสำคัญๆในโลกใหม่ภายใต้สังกัดของหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งจะมีการฟอร์มทีมระหว่างกลุ่มทหารรับจ้างซึ่งประกอบไปด้วยตัวละครที่หากท่านผู้อ่านท่านไหนเคยอ่านนิยายเรื่องเก่ามาจนถึงตอนสุดท้ายจะรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี เเต่ถ้าใครไม่ได้อ่านมาก็ไม่เป็นอะไรเพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนเดียวกันเเค่เพียงลักษณะนิสัยเเบบเดียวกันเฉยๆเเต่จะมีหนึ่งตัวที่เปลี่ยนชื่อซึ่งผมจะบอกด้านล่าง กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่อต้านการวินาศกรรมที่จะมีทั้งเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯกับชาติพันธมิตรเเละคนของโลกใบใหม่ที่จะเข้ามาร่วมภารกิจกัน ซึ่งเเน่นอนว่าตามเเพทเทิร์นของผมจะนิยมให้ทุกท่านไปรู้จักตัวละครพร้อมๆกันกับทุกตัวหนังสือที่ได้อ่านไปเเต่ละบรรทัด จะไม่มีการเเนะนำตัวละครก่อนเข้าเรื่องเเต่อย่างใด

     ส่วนโลกเเละลอร์ของเรื่องนี้นั้น โลกในเรื่องจะมีขนาดเล็กกว่าโลกที่เราอาศัยอยู่นิดหน่อย โดยจะถูกเรียกว่า"เซคุน เทอร์รัม"หรือโลกใบที่สองในภาษาละตินหรืออีกชื่อที่ถูกตั้งมาในประวัติศาสตร์ยุคใหม่คือ"เวียอาร์"ที่เเปลว่าทางผ่านหรือทางสัญจร จากการที่โลกใบนี้นั้นเป็นทางผ่านของการเดินทางระหว่างมิติในจักรวาล ซึ่งชื่อเหล่านี้ก็มาจากการที่มีนักเดินทางจากสเปนในยุคเรเนซองส์ที่เดินทางข้ามทะเลไปยังเเผ่นดินที่เป็นสหรัฐฯในปัจจุบัน เเต่พวกเขานั้นก็หายสาบสูญไปยังจุดที่เป็นที่ตั้งของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ซึ่งพวกเขาก็ได้มาโผล่ในโลกใบใหม่เเละก่อร่างสร้างอารยธรรมขึ้นในโลกนี้เเละกลายเป็นมหาอำนาจใหม่ ดังนั้นวัฒนธรรมที่จะได้เห็นทั้งเรื่องก็จะมีความผสมผสานระหว่างละตินกับอารยธรรมสมมุติในโลกใบใหม่ที่อาจจะมีอารยธรรมอื่นๆในโลกของเราทั้งอาหรับ ออตโตมันหรืออิยิปต์โบราณปะปนอยู่ในส่วนต่างๆของเซคุนเทอร์รัมด้วย ส่วนปฏิทินในเรื่องนั้นจะอิงตามปฏิทินคริสต์ในโลกจริงที่เราใช้เนื่องจากการรุ่งเรืองของอารยธรรมที่ก่อตั้งโดยชาวสเปนที่ย้ายข้ามมิติรวมถึงศาสนาคริสต์นั้นก็เเพร่หลายในมิติเป็นอย่างมานี้มาก นั่นเเปลว่าถ้าโลกของเรานั้นดำเนินมาถึงปี2024…ในโลกอีกฝั่งจะเป็นปี2024เหมือนกัน เเต่สิ่งที่เเตกต่างกันนั้นก็คือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ถือว่าห่างกันไปเป็นศตวรรษ เทคโนโลยีกระเเสหลักใน"เซคุน เทอร์รัม"หรือ"เวียอาร์"จะอยู่ในระดับเดียวกับโลกของเราในต้นศตววรรษที่20หรือสงครามโลกครั้งที่1 มีการพัฒนารถไฟ เครื่องจักร รถยนต์ ไฟฟ้า เเละที่ไม่พูดถึงไม่ได้คืออาวุธสงคราม…..ซึ่งทหารในยุคนี้นั้นจะเป็นการถอดแบบมาจากทหารในยุคสงครามโลกครั้งที่1ทั้งอาวุธ พาหนะภาคพื้น อากาศยานยุคเริ่มต้น เรือประจันบาน ที่ต่างออกไปคือในโลกนี้นั้นมีการใช้สัตว์ในที่ไม่มีในโลกปกติของเรามาใช้ในการทำสงครามแล้วยังมีการผสมผสานการใช้พลังที่เกือบจะเรียกว่าเวทมนต์เข้ามาใช้ด้วย

     ส่วนสิ่งมีชีวิตต่างๆในโลกนี้นั้นก็จะมีความหลากหลายมากกว่ารวมถึงมีสิ่งมีชีวิตในตำนานเช่นไวน์เวิร์นหรือมังกร กับสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอื่นๆนอกจากมนุษย์เช่นมนุษย์ครึ่งสัตว์ ฯลฯ ตามนิยายต่างโลกกับอนิเมเเฟนตาซีที่หลายท่านเคยชม เเต่ทุกอย่างในเรื่องนี้จะอยู่ในกรอบที่ว่ามันต้องมีความเป็นวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุด ทุกอย่างต้องอธิบายให้เป็นเหตุเป็นผลได้ จะไม่มีอะไรที่เวอร์เกินกฎฟิสิก์กายภาพของโลกเด็ดขาด รวมถึงเวทมนต์อะไรพวกนี้จะถูกตีความในรูปเเบบของปฏิกิริยาทางฟิสิกส์-เคมีซึ่งเเม้ผมจะไม่ได้มีความรู้อะไรทำนองนี้เเต่การอธิบายมันจะออกมาเป็นเเนวนั้น ดังนั้นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตจำพวกเอลฟ์ที่อยู่ได้เป็นร้อยปีหรือพ่อมดนักเวทที่ใช้เวทมายิงใส่กันหรืออะไรก็ตามที่มันเกินความเป็นจริงมากไปเเน่นอนครับ

     ซึ่งการดำเนินเรื่องผมจะเริ่มตั้งเเต่ปี1999ถึงช่วงปี2000+ซึ่งนั่นก็ทำให้บริบททางสังคมหรือเหตุการณ์อะไรต่างๆก็จะถูกเขียนมาให้เข้ากับในยุคนั้น ดังนั้นในเรื่องจึงอาจจะมีการเผยให้เห็นถึงปัญหาสังคมต่างๆแม้กระทั่งการเหยียดเชื้อชาติสีผิว(ซึ่งจะเขียนให้ซอฟต์ที่สุด)หรืออะไรก็ตามที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนั้นให้ใกล้เคียงที่สุด รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะเซตอยู่ในช่วงยุค2000ด้วย เเละเเน่นอนธีมของเรื่องก็จะอิงมาจากเหตุการณ์ในช่วงนั้นเช่นเดียวกันอย่างสงครามในตะวันออกกลาง เหตุการณ์การก่อวินาศกรรม การก่อตัวขึ้นของกลุ่มก่อการร้ายต่างๆเเละทฤษฎีการเเพร่ขยายตัวของลัทธิจักรวรรดินิยมใหม่ เพียงแต่มันจะถูกย้ายมาดำเนินในโลกต่างมิติเสมือนเป็นกระจกสะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นนั่นเอง…..

     นิยายเรื่องนี้ผมใช้เวลาสร้างมาทั้งสิ้นรวม5ปีจากที่ผมยังเขียนนิยายเล่มเเรกอยู่ซึ่งก็เป็นนิยายที่ผมอยากจะสร้างมากๆ แต่ด้วยปัญหาจากฝีมือที่ในตอนนั้นถือว่าแย่กว่าตอนนี้มากจนเมื่อลองย้อนกลับมาดูเมื่อ1ปีที่แล้วผมจึงตัดสินใจแก้หมดครั้งใหญ่จนรวมจำนวนครั้งที่มีการโล๊ะเนื้อหาเเละเขียนใหม่ก็4ครั้งท้วน ซึ่งทางผมก็ต้องขออภัยอย่างสูงสำหรับคนที่ต้องปล่อยให้รอนาน เเต่ตอนนี้มันจะได้มาถึงมือของท่านผู้อ่านทุกท่านแล้ว……ดังนั้นผมจึงไม่ขอกล่าวอะไรให้เป็นการเสียเวลาก็เชิญทุกท่านเปิดหน้ากระดาษต่อไปได้เลยครับ

     ปล.ตัวละครที่เปลี่ยนชื่อคือเทรเวอร์ที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นท็อดด์ เเต่ชื่อเทรเวอร์ก็ยังอยู่ในตัวละครนี้แต่เปลี่ยนเป็นชื่อกลางแทนครับ