((‘(o__O)’))---สุภาพบุรุษสุด(Teen)---((‘(o__O)’))
ทำอย่างไรได้ก็เกิดมาแบบนี้ ชีวิตสุดขั้วของคนที่โคจรสวนทางกับดวงตะวันและดาวเคราะห์ดวงอื่นในจักรวาล "จะเอาอะไรกับผมมาก"
ผู้เข้าชมรวม
246
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
8.08 น.อีก 2 นาที ชีวิตนักศึกษาของ ไอ้คุณ
ที่นั่งซึ่งควรจะเป็นของพ่อยอดชาย ยังว่างเปล่า ให้ตายเถอะโรมิโอ เขานึกในใจ แม้ว่าอยากตะโกนออกมาดังๆมากกว่า ทำแล้วคงโล่งใจ แต่อาจารย์คุมสอบแกคงไม่โล่งด้วย
อาจารย์จันทราวดี สาวโสดผู้ผ่านโลกมานานแสนนาน จนดูเหมือนจะลืมอายุและสิ่งมีชีวิตผู้ชาย เดินกรีดกรายโปรยน้ำหอมกลิ่นชวนคลื่นเหียนไปทั่วห้องสอบ ใครก็รู้ว่า เธอผู้นี้คือ อภิมหาโหดแห่งโลกนักศึกษา กฎระเบียบคือ ชีวิตและลมหายใจ ซึ่งแกคงแต่งงานกับมันไปแล้ว เพราะไม่เห็นจะมีใครสักที หรือเป็นเพราะผู้ชายบนโลกนี้ไม่มีใครคู่ควรกับแก
โจ๊ย ทำจมูกฟุดฟิด ตอนที่แกเดินเลยไปแล้ว นึกอยากหันไปจิกหัวไอ้เคนสหายรักมาซุบซิบ แบบสาวๆเม้าท์แตกชอบทำ แต่จรรยาบรรณของความเป็นชายยังค้ำคออยู่ พูดมากเดี๋ยวโดนข้อหาเกย์มาบดบังความเจริญ นี่อาจารย์ คิดว่าตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาอยู่รึเปล่านะ ไม่นะ หน้าตาเจ๊ไม่เห็นเหมือนแพนเค้กเลยอ่ะ คิดแล้วปวดกะโหลกเปล่าๆ เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจไปที่กระดาษข้อสอบ ตัวหนังสือยุบยิบ พิมพ์ด้วยตัวพิมพ์มาตรฐาน 16 พ้อยท์ ให้ตายเถอะจอร์ช ทำไมอ่านไม่ออกอ่ะคับนี่ ชายหนุ่มนึกในใจ สงสัย ไอ้ตัวหนังสือพวกนี้มันจะกวนซะแล้ว หรือ เป็นไปได้ว่า เขาเครียดจนตาลายเห็นอะไรก็พันพัวกันไปหมด
เมื่อชำเลืองดูใบหน้าอันอัดแน่นไปด้วยซิลิโคนของแก วินาทีนั้นดูกระหยิ่มยิ้มย่องพิกล เดาได้หลายอย่าง ประการแรก อาจารย์รู้สึกดีที่ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของแกแทบจะไม่ได้กินน้ำหมึกบนกระดาษคำตอบของนักศึกษาเลย พระเจ้ายอดมันจอร์ชมาก หรืออีกข้อที่น่าสนใจ อาจารย์คงดีใจที่จะได้เขียน ตัวเอฟสีแดงสวยงามต่อท้ายชื่อนายธันวาภัทร แทนที่จะเป็นตัวเอเหมือนที่มันเคยได้ ทั้งๆที่คะแนนเข้าห้องแทบไม่มี สวัสดีอาจารย์ก็ไม่เคย เวลาเรียนก็หลับ แต่เวลาสอบมันเต็ม...ทุจริตแน่ๆ แกคงคิดในใจ แต่หารู้ไม่ว่าไอ้คุณธัน มันชั้นเทพครับขอโทษ ถึงจะบ้าแต่ว่าไม่โง่ 555+ โอ้แม่เจ้า... สมแล้วที่อาจารย์ถึงให้ความเอ็นดูขนาดหนัก (กัดฟันอยู่)
เหงื่อเม็ดที่38ผุดขึ้นที่ขมับข้างซ้าย ไหลย้อยลงมาหนึ่งหยด แหมะ ...โจ๊ย เหลือบดูอุณหภูมิที่มุมห้อง
8.15 น. เวลาผ่านไปไวปานวอก พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้แล้ว ไอ้คุณธันตายแน่ครับท่านผู้ชม โจ๊ยแอบเห็นอาจารย์จันทรายิ้มแก้มปริ แอบนึกเป็นห่วงว่าจะหุบไม่ได้ เพราะไอ้ที่ไปฉีดมาแข็งตัวซะก่อน (นรกๆ...-.-)
อยากรู้นักว่าปีศาจตนใดเข้าสิงให้พ่อคุณทะลึ่งไม่มาเข้าสอบวิชานี้ อนาคตอีก2ปีข้างหน้าจะจบพร้อมเพื่อนไหมครับคุณชาย สติสตังโจ๊ย กระเจิดกระเจิงไปไกลถึงสุไหงโกลก พยายามหาททางกลับอยู่แต่ไม่เจอ ไหน จะข้อสอบมหาปะลัยล้างโลกนี่ ไหนจะไอ้คุณเพื่อนผู้น่ารัก มองเห็นอนาคตมันริบหรี่รำไรแล้ว
8.30 น. อีกชั่วโมงครึ่ง โจ๊ยเหลือบดูข้างโต๊ะ ยัง ยังไม่มีใครทำอะไรได้คืบหน้า ยกเว้น แม่กังฟู ศิทย์รักของอาจารย์จัน ขณะที่โจ๊ยขุดภาษาอังกฤษสมัยประถมมาแต่งประโยค ยัยนั่นนั่งกระดิกขาท้าวคางสบายใจ เดาว่าเธอคงเสร็จแล้ว อยากเดินเข้าไปถามแทนอาจารย์ ว่า รับน้ำผลไม้เย็นๆมั้ยหนู... เท่าที่ประเมินด้วยสายตา สรุปว่า ปล่อยเขาไป ปล่อยให้เขาไปสู่เส้นชัยจะดีกว่า
9.15 น. มองดูหน้าปัดนาฬิการอบที่ล้าน (จริงๆนะ--*) ปากกาแทบเปื่อยคามือ ดีไม่ดี คาปาก โจ๊ยเริ่มมองข้อสอบด้วยสายตาพร่ามัว อยากอ้วก อยากตาย ไม่อยากหายใจ บรรยากาศรอบข้างเหมือนยุคสงครามโลกเพิ่งเริ่ม ทุกคนกำลังตกอยู่ในความท้อแท้สิ่นหวัง แม้ว่าหลายคนจะปลงตก หันไปนั่งวาดรูปบนโต๊ะแทน
โจ๊ย วาดรูปไม่เป็น จึงได้แต่แอบดูความเคลื่อนไหวของอาจารย์จันเป็นระยะๆ หรือว่าจะตกหลุมรักแกเข้าแล้ว...โอ้ไม่ มองไปมองมา อาจารย์จันทร์เริ่มเปลี่ยนหน้าตาเป็นลาล่าโปงลางสะออน อยากลุกขึ้นเต้นท่าโลมา แต่กลัวอาจารย์จะไม่มีอารมณ์ร่วม แม้ดูไปดูมาแล้วแกจะละม้ายคล้ายลูลู่ในโปงลางสะออน แต่ต่างกันตรงแผงขนตากับปากสีแดงเลือดนกของอาจารย์แกดูอลังการกว่าหลายเท่า นักศึกษาต้องมีความมั่นใจส์...อย่าอายส์ชี่ชาพูชภาษาอังกฤษ โด๊น บี ชาย (ไม่ได้พิมพ์ผิด) นึกแล้วอยากลงไปกลิ้งกับพื้น แต่อย่าจะดีกว่า
พ่อหนุ่มหน้าตี๋หยีตามองโต๊ะเยื้องๆกัน ไอ้เคนจะเสร็จแล้ว โจ๊ยใจหายวาบ อยากเอื้อมมือไปฉวยเอากระดาษคำตอบจากมันมา ถ้าไม่กลัวว่าจะโดนเหยียบจนหน้าจมดิน ติดเอฟแก้ได้ ติดเท้า แก้ยาก อยากลุกออกไปใจขดแต่ติดที่กระดาษยังมีพื้นที่สีขาวมากเกินความต้องการ ครั้นจะไปบอกอาจารย์ว่าเกาะกระแสรณรงค์พื้นที่สีขาวในเมืองใหญ่ก็ใช่เหตุ ปีชาติยังไม่รู้เลยว่าเค้าทำอะไรกัน
เหงื่อตกกีบเป็นอย่างนี้นี่เอง ร้อนจะตาย เอาเงินค่าเทอมมาจ่ายค่าแอร์ดีกว่าไปทำป้ายรณรงค์แต่งกายถูกระเบียบในรั้วมหาวิทยาลัยไหมนะ อาจารย์เองยังทำตัวเป็นแบบอย่างซะขนาดนั้นเลย รู้ก็รู้ว่าไม่ได้ผล ความคิดของโจ๊ยฟุ้งซ่านไปไกล ถึงไหนขี้เกียจวัดระยะทาง
มาสะดุ้งตื่นจากภวังค์อีกที ตอนที่อะไรบางอย่างสั่นหยุบๆในกางเกง ไม่ใช่กล้ามเนื้อกระตุก ขนไม่ลุก จ้าวไม่เข้า ขาไม่สั่น แต่มัน!!! มัน!!! มัน !!! ....โทรศัพท์...!!! มันกำลังสั่น หน้าจอซิมเบี้ยนโชว์รูปแป้นแล้นขาววอกของไอ้คุณธัน นี่เป็นครั้งแรกที่อยากกดรับใจขาดดิ้น ความรู้สึกเหมือนสาวที่แอบปิ๊วโทรมา หากแต่กลัวเงามืดคลืบคลานมากาหัวกระดาษด้วยหมึกแดง ขณะที่ล่อกแล่กมองอาจารย์อยู่ก็เหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตสูงราว 178ยืนชะเง้อชะแง้เป็นแย้หลงหลุมอยู่ที่ช่องสี่เหลี่ยมตรงประตูห้อง โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อเช้าอาจารย์จันทราแกลงยันต์ปิดสนิท ตั้งแต่แปดโมงสิบนาเป๊ะๆ
ไอ้ธัน!!!! มาทำซากอะไรเนี่ย คำสบถโวยวายอยู่ในลำคอ โจ๊ยชะงักงันเล็กน้อย แต่เพื่อนที่อยู่ข้างนอกกำลังบุ้ยใบ้มือไม้ให้ช่วยอะไรสักอย่าง
ในห้องสอบยังไม่มีใครลุก ทุกคนยังดึงดัน รอให้ถึงนาทีสุดท้าย ไม่มีทางเลยที่ประตูจะเปิดเองตอนนี้ หรือจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่หน้าตามันวิงวอนเหลือเกิน ไม่ได้การแล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง ทั้งๆที่ข้อสอบก็ยังไม่เสร็จ ไม่สิ แทบจะไม่ได้เขียนอะไรเลย เดินไปส่งแล้วออกไปก็ใช่ที่ อาจารย์จะรู้ความจริงหมดว่า ไอ้ที่ได้ๆมาน่ะสมองคนอื่น
อาจารย์เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะหน้าห้อง สายตายังส่องกราด ตรวจหาผู้ทำผิดอย่างเคร่งครัด ความสามารถประดุจพญาเหยี่ยว น่าพาไปตรวจหาวัตถุระเบิดภาคใต้มากกว่า
โจ๊ย อาศัยจังหวะอาจารย์จันหลับตาหาว ขว้างยางลบใส่หัวเคน ช่วยอะไรไม่ได้หาคนมาช่วยรับรู้ก็ยังดี
ชายหนุ่มหุ่นน้องๆบิ๊กโชว์(ถ้าดูมวยปล้ำจะรู้จัก)หันมาทำหน้ายุ่ง โจ๊ยพนมมือท่วมหัวกลัวมันลุกมาเตะ แต่เคนส่งสายตาเป็นคำถามกลับมาแทน ตี๋น้อยรีบพยักเพยิดให้ดูที่ช่องหน้าต่างเล็กๆตรงประตูห้อง ซึ่งสหายธันยืนเกาะเป็นตุ๊กแกอยู่ตรงนั้น เคนตกใจเล็กๆ หันมามีเหงื่อหยด1เม็ดเครื่องหมายจุด3จุดและอีกาบินผ่าน...อีก1ตัว (กา...กา)
โจ๊ย ส่งภาษาใบ้เหมือนในช่อง11 แปลความได้ ว่า เอาไงกับมันดีครับเพื่อน เคนก้มหน้าคอตกเป็นคำตอบ พอดีกับที่มีเสียงกระแอมไอจากหน้าห้องสะท้อนมาเข้าหู โจ๊ยกลั้นหายใจสุดชีวิต
สายตาพญาเหยี่ยวมีจุดโฟกัสที่นายจุมพลพอดีพอดิบ ((วิ้งค์ๆๆๆ)) รังสีอำมหิตแผดจ้ามาแต่ไกล ไม่อยากบอกว่าเล่นเอาขนลุกชูชัน โดยมิได้นัดหมาย
เป็นอะไรจุมพล โจ๊ยฉีกยิ้มฟันขาวจั๊วะ อึกอักอยู่3วินาทีถ้วน แล้วต่อมเท็จทูลอิตาลี(มีมั้ยนะ)ก็ทำงาน
เอ่อ....อาจารย์ครับ...มีใครมายืนอยู่หน้าห้องไม่ทราบครับ เหงื่อแตกซิกๆ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ...มีหน้าที่ทำข้อสอบก็ทำไปสิ อาจารย์จันทราพูดมาหน้าตาเฉย
แต่เหมือนเค้าจะมีธุระนะครับ โจ๊ยพยายามสุดความสามารถ ตาก็มองเพื่อนที่อยู่นอกห้อง ธันชูนิ้วโป้งให้สองนิ้ว แต่โจ๊ยอยากชูกลับไปให้มันแค่นิ้วเดียว ไม่บอกว่านิ้วอะไร (-x-)-censor-X)
นั่นสิครับ...ผมเห็นนานแล้ว เสียงเคนแว่วมาบ้าง สองหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักแสดงแนวร่วมและจุดยืนที่แข็งแกร่ง
กฎกติกามีระบุไว้ชัดเจน ทุกคนก็ทราบดี...เรื่องของใคร ใครก็รับผิดชอบเอาเอง ครูว่าเธอสองคนทำข้อสอบไปดีกว่า ถ้าเวลาหมดแล้วจะทำไม่ทัน
โอ้ละหนอดวงเดือนเอย......ให้ชักตายสิครับซาร่า เกินกว่าจะเยียวยาจริงๆ อาจารย์จันทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อไป คะแนนเก็บกว่า30%ของพี่ท่านลอยหายไปในกลีบเมฆ ซ้ำร้ายมีหักนู่นหักนี่ ตัดเกรดจะเหลืออะไรไอ้ธัน...
โจ๊ยได้แต่หันไปทำหน้าละห้อยให้เพื่อน อยากบอกเหลือเกินว่าสุดเท้าแล้วไอ้เกลอเอ๋ย จะเหลือก็แค่เดินไปบีบคออาจารย์ตามที่จิตสำนึกข้างทราม เรียกร้องให้ทำ เดชะบุญ ที่มารขาวชนะมารดำหวุดหวิด1-0 อาจารย์จันจึงรอดพ้นจากโทสะร้ายกาจของโจ๊ย ที่สะกดไว้ด้วยขันติ
คำตอบ (ที่ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่า) ถูกเติมลงไปในช่องสุดท้ายอย่างรีบๆ ตี๋หน้าจืดตกอยู่ในอารมณ์หมดอาลัยตายอยากระยะสุดท้าย
ไม่เคยมีวิชาไหนทำเขาเสียความเป็นตัวของตัวเองได้เท่านี้เลย ทั้งๆที่ความรู้ภาษาอังกฤษใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ เรียนวิทยาลัยนานาชาติได้สบายใจไม่กลัวตก แต่อาจารย์จันทร์ คือผู้ที่ขุดหลุมแล้วฝังให้เขารู้สึกต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนแทบจะแทรกร่างหายไป เสียงลือเสียงเล่าอ้าง แว่วมาว่าแกชอบปราบเซียน ถูกของเขา ที่ว่า อย่าว่าแต่เซียนเลย เทพบางคนยังยอมซูฮกยกนิ้วโป้งให้2นิ้ว ทำไปทำมาพาให้หลงคิดว่านี่มันข้อสอบเด็กมหาวิทยาลัยหรือ ข้อสอบศาสตราจารย์ที่ไหน ดับอนาถ...
ยัง...ยังไม่มีใครคิดอยากจะลุก เหลืออีกครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีใครวางปากกาได้ง่ายๆ นี่มันคือศักดิ์ศรี แต่ ขอโทษจุมพลสะกดไม่เป็น ลืมเสียสนิท มั่ว เอ๊ย! ทำ เสร็จ ก็ลุกพรวด เหมือนจะกระโจนใส่โต๊ะอาจารย์ วางข้อสอบกับกระดาษคำตอบด้วยความาดมั่นเหมือนนางงามโพสท่า(น่าน)
การส่งก่อนมี2แง่ ประการแรก ทำได้ ประการที่สอง ทำไม่ได้ ขอไปดีกว่า เรื่องของท่านแล้ว ตามศรัทธาว่าจะมองมุมไหน แต่ตี๋จืดหารู้ไม่ว่าเขาคือฮีโร่ของคนอีกครึ่งห้องที่ทำเสร็จแต่ไม่กล้าถอนรากลุกออกไปด้วยเกรงกลัวต่อสงครามสายตากัดจิกจากทุกมุมห้อง
เคนจังพ่อหนุ่มร่างยักษ์สะบัดก้นตามเพื่อนมาติดๆ อาจารย์จันทราขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนมองลอดผ่านเลนส์รูปไข่ปลายแหลมด้วยสายตาน่ารักน่าชัง!!!!!(จิงจิ๊งสิเอ้า)
มานี่เลยสาด...ไปไหนมาเนี่ย เปิดประตูได้ก็คว้าคอแย้ตัวเมื่อกี้หมับ ธันฉีกยิ้มแบบโฆษณายาสีฟัน เสียดายไม่มีประกายปิ๊งปั๊ง เพราะถูกบดบังด้วยยางจัดฟันสีชมพูแปร๋น
เป็นนางงามเหรอ...ขอเตะทีเด๊ะ โจ๊ยเงื้อขาจะซัดเป้าหมาย แต่อีกฝ่ายกำหมัดดักไว้เสียก่อน แถมตัวใหญ่กว่าด้วย
พ่อคุณธันวาภัทร หน้าไม่มีสีเลือด เหมือนคนใกล้ตาย ทั้งที่ความจริงหน้าของพี่ท่านระรื่นได้ทุกโอกาส แต่เวลานี้ มีแต่ระทมซะมากกว่า
อีกนานมั้ย ไอ้คุณทั้งสองคนครับ...แล้วมึงเอาไงเนี่ยธัน เคนโผล่พรวดตามมา และปรับเข้าสู่โหมดจริงจังทันที
นะ...กว่ากูจะได้พูด...นี่จะไม่ถามเหรอว่าทำไมกูมาสอบสายขนาดนี้ ในที่สุดพ่อรูปงามก็เอื้อนเอ่ยวจีออกมา
เมาค้าง!!! โจ๊ยกับเคนประสานเสียงกันทันที เกิดเป็นความสามัคคีที่น่าประทับใจ
อาจารย์จันทราแง้มประตูออกมา แวบ หัวใจแทบหยุดเต้น ดวงตาหลังแว่นกรอบแหลมนั้น ค้อนจนแทบกระดอนหลุดออกมา เพื่อไม่ให้เป็นการทรมานสังขารอาจารย์โสดแต่ไม่สาว สามหนุ่มจึงรีบจรรีกรีฑาทัพไปยังมุมสงบหน้าอาคารเรียนรวมที่ใช้สอบกันวันนี้
โต๊ะไม้เก่าๆ สีน้ำตาลอมทุกข์ มีตะไคร่ขอแจมพอเป็นพิธี ดูเป็นวิถีเด็กอาร์ท แต่ผิวข้างบนถูกนั่งถัดถูจนขึ้นเงาสะอาดเอี่ยม พลอยให้ม้าตัวยาวอีกสองฝั่งกลายเป็นที่พักเท้าไป
ธันเดินนำหน้าสหายรักสองหน่อมาด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว อยากเอาคอไปแขวนกับต้นไม้ แต่กลัวหายใจไม่ออก ยังไม่อยากตาย แค่อยากสอบๆให้มันหมดเรื่องไป
ถ้ากูติดเอฟนะ...พ่อกูแร่เนื้อไปทำปุ๋ยแน่ เจ้าตัวแสดงอาการเครียดจัด
ผลการเรียนที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะเลวร้ายแต่นิสัยกับพฤติกรรมที่เป็นปัญหา หลายหนที่ธันยียวนป่วนประสาทจนอาจารย์สาวค้างปีคนนั้น จะเขียนตัวเอฟงามๆสีแดงๆใส่ช่องคะแนนให้ง่ายๆ
แล้วใครใช้ให้มึงเที่ยวไม่ดูตาม้าตาเรือวะ...รู้ก็รู้ว่าสอบยังสะเออะเมาลุกไม่ขึ้
พูดไม่ทันจบโจ๊ยก็หัวทิ่ม เพราะเจอตั้งหนังสือไวยกรณ์400หน้าเข้าไป นี่คงแทรกซึมเข้าไปบ้าง สักนิดนึง หรือจะมีอย่างอื่นซึมออกมาแทน
เมาพี่อามึงดิเมื่อวานกูนอนตั้งแต่ยังไม่3ทุ่ม แล้วที่กูมาสายเนี่ย ก็มีเหตุผล ธันเจ้าของหนังสือตีหน้ายักษ์ใส่เพื่อน
ให้เหตุผลมึงหรูเลิศอลังการล้านแปดแค่ไหน...เค้าก็ไม่ฟังมึงหรอก...เพราะมึงอ่ะ ทำตัวเป็นเป้าให้เค้ายิงเอาง่ายๆเอง...ทีนี้อธิการก็ช่วยมึงไม่ได้ เคนตอกย้ำเข้าไปอีก
เหอะๆ...ก็อธิการคนเก่าเค้าออกไปอยู่บ้านไร่ปลายดอยแล้วนี่หว่า โจ๊ยเสริม ทั้งๆที่ยังหวาดๆว่าจะโดนอีกตุบสองตุบ ดีไม่ดีอาจมาทั้งตั้ง
เออ...ตกลงแม้แต่พวกมึงก็จะไม่ฟังกูใช่มั๊ย(-*-) ธันพูดงอนๆ
โห...ฟังๆ ใคร๊มันจะไม่ฟังเพื่อนว๊า...เน๊อเคนเน๊อ ในที่สุดโจ๊ยก็ใจอ่อนขณะที่หาแนวร่วมเพื่อความปลอดภัยจากหมัดและบาทา
เออ...เล่ามาพวกกูจะฟัง เคนตั้งท่าจิงจัง เหมือนคุณสรยุทธในรายการจับเข่าคุย
เรื่องมันมีอยู่ว่า...ตอนที่กูขับรถมา ก็เห็นตาแก่คนนึง ยืนเก้ๆกังอยู่ข้างทาง ดูๆแล้ว เหมือนรถแกจะเสีย เพราะฝากระโปรงรถแกเปิดอยู่
อ๋อ....มึงไปช่วยลุงเค้าซ่อมใช่มะ โจ๊ยบรรลุสัจธรรมความดี มีประกายในตาวิบวับ นึกชื่นชมเพื่อนในใจ ธันยิ้มเผล่ เห็นยางสีชมพูแปร๋นอีกแล้ว (เปลี่ยนสีเหอะขิขุเกินอ่ะ)
ป่าว กูคิดว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างไรให้ดูดี สวรรค์ทรงโปรด ไอ้รูปหล่อพูดหน้าตาเฉยคราบพระเอกมิวสิควิดีโอมลายหายไปในพริบตา พาลให้อยากเลาะเหล็กที่ฟันพ่อคุณตัวดีออกเหลือเกิน
นี่ยังจะห่วงภาพพจน์อีกหรอ...แค่มึงคิดมันก็ดูไม่ดีแล้ว เคนพยักหน้าหงึกๆ แสดงความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนั้นมันจะใกล้เวลาสอบอยู่แล้ว...ถ้ากูหยุดแล้วใครจะมาสอบแทนกูล่ะ คุณลุงรึไง
ถูกของมัน คะแนนความฉลาดอาจเต็มร้อย แต่จริยธรรม ศูนย์ หรืออาจจะติดลบ แต่ก็ไม่แปลกในเมื่อความเห็นแก่ตัวเร้นกายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีอิทธิฤทธิเยี่ยงเทพ เสกให้หัวใจเท่ากำปั้นที่มีถึง4ห้องของคนเราแคบลงถนัดตา และคุณธัญเขาก็เป็นมนุษย์ตัว(ใช่ว่า)เล็กๆคนหนึ่ง ที่ไม่สูงไม่เตี้ยไม่อ้วนไม่ผอม เป็นพวกรูปร่างจวนๆ ค่อนไปทางมีเนื้อมีหนัง เพราะอุดมไปด้วยไขมันจากการดื่มเบียร์เป็นอาชีพ สูบบุหรี่เป็นนิสัย เที่ยวกลางคืนเป็นสันด-น
ให้ตายเถอะคิมแตจอง ไอ้เด็กนี่เติบโตมาได้อย่างไร แล้วมันเอาปัญญาที่ไหน สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่คะแนนไม่ได้หรูหรา ก็แค่เลือดตาแทบกระเด็นตอนทำข้อสอบ ใครดลจิตดลใจให้พ่อคุณทะลึ่งเลือกเรียนนิติศาสตร์อินเตอร์ทั้งๆที่ภาษาอังกฤษ สู้ได้แค่เด็กประถม เรื่องกฎหมายพับเก็บไปซะ ท่านผู้นี้คงรู้จักแต่ตัวหนังสือในประมวล นั่นก็อีก ไม่สอบเป็นไม่อ่าน คาบไหนบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ วิญญาณนักศิลปะจะเข้าสิง คนอื่นจด ศัพท์ขยุกขยิก แต่เทพบุตรผู้นี้นั่งละเลงลายเส้นใส่เอกสารประกอบการเรียนเป็นที่ครื้นเครงของหมู่คณะ น่าภูมิใจแทนพ่อแม่(มัน)
เมื่อพิจารณาเป็นอันถ้วนถี่ดีแล้ว ในเมื่อความดีในตัวผู้เป็นเพื่อนหายากเหมือนผู้หญิงสวยแต่ยังโสดแล้ว จงอย่าไปใส่ใจ ศีรษะกับใบหน้าหล่อๆของเขาควรจะเก็บไว้กำนัลสาวๆที่กรูกันมาเทใจให้พ่อหนุ่มมาดดี พ่อชายชาตรีในฝัน โอยยิ่งคิดยิ่งสำลักในความดีที่มีเอ่อท้น
โจ๊ยสาบานได้ว่าจ้องหน้ามนุษย์ชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว นึกอยากเตะมันแก้เซ็งแต่กลัวมันสู้
อ่ะ...ถ้าอย่างนั้นมึงมาสายได้ไง เคนกอดอกเหมือนอาจารย์ฝ่ายปกครองซักนักเรียนมาสายหน้าเสาธง
ก็ไม่รู้ดิ...อยู่ๆกูก็นึกสงสารเค้าว่ะก็เลยถอยรถไปช่วยลุงแก (ไชโยโห่ร้อง)*\(^0^)/*
ให้มันได้อย่างนี้สิ...ค่อยสมกับที่เป็นเพื่อนคนดีๆอย่างพวกกู โจ๊ยเห็นแสงสว่างแห่งความดีในตัวเพื่อนฉายมาเรืองๆแล้ว บางทีการกระทำที่ผ่านมา ใช่ว่าจะตัดสินปัจจุบันของคนๆนึงได้เสียทั้งหมด (หลงโจมตีไปซะเยอะ)
มึงนี่เสียสละจริงๆ...อาจารย์เค้าน่าจะเข้าใจนะเว๊ย ถ้ามึงไปพูดกับเค้าดีๆเนี่ย เคนให้กำลังใจเพื่อนผู้มืดมัวหนทาง
เค้าเคยฟังกูพูดที่ไหนล่ะ..ถ้าสมมุติมึงเป็นอาจารย์มึงจะเชื่อกูมั้ย กูยังไม่เชื่อตัวเองเลยเนี่ย...กูทำอะไรลงไปวะ...สวรรค์มีตาจริงรึป่าว
มีสิ...แต่บังเอิญเอาไปไร่ โจ๊ย
??? ธันและเคนมองตากันปริบๆ
โห...ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไง...ผ่านประถมมากันได้ไงวะค๊าบ
ตลก เดี๋ยวกูก็เตะตลกซะหรอก ก่อนคำว่าเดี๋ยว เท้าคุณธันวาภัทรก็ถึงเพื่อนแล้ว
เอาน่ะ...กูว่าไม่ลองไม่รู้นะ...อาจารย์เค้าเป็นอาจารย์นะเว๊ย เค้าต้องแยกแยะได้สิ แม้สวรรค์ไม่มีตา อาจารย์อาจมองไม่เห็น แต่อาจารย์ยังมีหู มีใจ เค้าต้องเปิดกว้างรับฟังและเข้าใจสิ
(ปรบมือเกรียวกราวอีกครั้ง) เพื่อนๆอยากเอาปริญญาสาขาคำคมแห่งชาติมามอบให้คุณเคน แต่ติดอยู่ที่ยังไม่มีใครมีทีท่าว่าจะเรียนจบโดยสวัสดิภาพราบเรียบ
ธันถอนหายใจหนึ่งเฮือก ปาดเหงื่อหนึ่งที ยืดอก และ...คอตกเพราะใจฝ่อเฉียบพลัน เมื่อหวนลำลึกถึงความดีอันล้นหลามที่เคยก่อไว้กับอาจารย์
ทั้งอวดดี ถือดี ไม่รักดี และเกรดดี ที่หมายถึง ดีด๊อกสุนัข เครดิตไม่ผ่าน ถ้าเป็นธนาคารก็ไม่มีวันอนุมัติสินเชื่อ ฉันใด โจรกลับใจมิอาจกลายเป็นเทวดาฉันนั้น
ทำดีทำไมยากจังครับ....มนุษย์โลก ชายหนุ่มรำพัน
ไม่ลองไม่รู้...ดีกว่าอยู่เฉยๆน่านะเดี๋ยวพวกกูไปกับมึงเอง นี่สิเพื่อน ธัญอยากกระโดดหอมแก้มเคนกับโจ๊ย แต่ติดที่ฝนทำท่าเหมือนจะตก ธรรมชาติอาจกราดเกรี้ยว จึงเปลี่ยนเป็นส่งสายตาซาบซึ้งและตั้งท่าฮึดสู้เหมือนพระเอกในซีรี่เกาหลี แบร็คกราวน์เป็นพระอาทิตย์เจิดจ้า
ต้องสู้...ต้องสู้จึงจะชนะ... สามหนุ่มเดินกอดคอประสานเสียงโหวกเหวก โดยไม่แคร์สายตาประชามิตร และมีเป้าหมายที่ออฟฟิศอาจารย์ที่ตึกมนุษยศาสตร์
ตึกมนุษยศาสตร์ สิ่งปลูกสร้างที่โบราณกาลที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ชั่วเคี้ยวหมาก(ฝรั่ง)แหลก เก๋งซีอาร์วีสีดำก็จอดนิ่มๆหน้าคณะ ก่อนที่นักศึกษาชายสามคนจะกรูกันออกมา
อาจารย์จันทราอยู่ห้อง3310 ตามคำบอกเล่าของคุณลุงผู้รักษาความปลอดภัย ที่ใครเรียกยามแล้วจะไม่หัน ก่อนถามกรุณาเปลี่ยนลุงเป็นพี่ด้วย
ก่อนเข้าห้องสามหนุ่มไม่ลืมที่จะยัดชายเสื้อใส่ในกางเกง เสยผมให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนเน็คไทด์กับรองเท้าหนังเกินกว่าจะพยายาม เพราะวันนี้มิได้เอามา
เคาะประตูเป็นจังหวะ 1 2 3 เคาะเป็นเพลงอาจารย์
เคาะพอเป็นพิธี คุณจุมพลกระซิบกระซาบ
ธัญสูดหายใจหนึ่งที เต็มปอด จนปอดพองโต หรือ กำลังจะ
อาจารย์ไม่อยู่ โต๊ะทำงานว่างเปล่า
มึงดูเดะยัยป้านั่นหายไปไหน ในเวลาที่ต้องการเนี่ยไม่เคยเจอ ธันฟึดฟัดแต่แอบโล่งใจที่ไม่เจอ ต่อให้เจ๋งมาจากไหนก็ไม่มีใครยุ่งกับเธอคนนั้น เพราะเสียประสาทเปล่าๆ
ถ้าเป็นเด็ก เด็กหญิงจันทราวดีจะเถียงคำไม่ตกฟาก เพราะเธอจะเตะคนอื่นให้ตกไปก่อน ด้วยคำพูดที่เหน็บแนมแบบผู้ดี โลกนี้ไม่มีคำว่าถูกต้องสมบูรณ์แบบ ยกเว้น คำว่าจันทราวดี
ป้าไหนยะ--*
!!!!!!!!...
มีเสียงดัง ครึก! ตอนที่เธอคนนั้นทะลึ่งพรวดจากใต้โต๊ะ เจ็บสาหัส แต่เก็บอาการด้วยมาดขรึมตามแบบฉบับ ไม่รู้จะสงสารโต๊ะหรือศรีษะเธอดีที่บังเอิญปะทะกัน
กล้ามเนื้อมุมปากกระตุกหงึกๆ แต่สมองของทั้งสามหนุ่มสั่งให้ลืมไปซะว่าหัวเราะแบบฮาก๊ากเขาทำกันอย่างไร สติช่วยชีวิต วินาทีนั้น หลุดฮา ชะตาขาด
อ...อาจารย์ ลงไปทำอะไรใต้โต๊ะครับ เคนตะกุกตะกักถาม ด้วยความสงสัย ธันคิดในใจว่ามันถามทำไม...(-*-)
ไม่เกี่ยวกับเธอ... ใบหน้าเย็นชานั้นเชิดสูง เหมือน คอมีเฝือกดามอยู่ก็ไม่ปาน
ครับ....-- ไม่น่าเลย โจ๊ยเพิ่งพยักเพยิดให้ดูว่ามีกรรไกรตัดเล็บวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเมื่อกี้ไม่มี เดาได้ว่าแกคงมุดโต๊ะตัดเล็บอยู่
มีธุระอะไร เธอขยับแว่นและนั่งอย่างสง่างาม (เกินควร) สายตาจับจ้องนักศึกษาทั้งสามตั้งแต่หัวจรดเท้า
เคนแอบยัดชายเสื้อเข้าไปอีกนิด กลัวจะไปเตะตาใครเข้า เพราะเธอคนนี้ ระเบียบมาเป็นที่หนึ่ง สำคัญมากกว่ารัฐธรรมนูญ รึเปล่า อันนี้สุดปัญญานึก
เอ่อ...ผมจะมาขอคุยกับอาจารย์เรื่องที่ผมไม่ได้เข้ามาสอบเมื่อเช้านี้ครับ ธันวาภัทรพยายามบ้องแบ้วสุดชีวิต
ใช่...เธอไม่ได้มาสอบ และเธอก็หมดสิทธิแล้วด้วย อาจารย์จันทราชี้จุดดับอับแสง สงครามเย็นมาแล้ว
แต่ผมมีเหตุจำเป็นนะครับ...อาจารย์ช่วยฟังผมหน่อยนะครับ
การร้องขอไม่เป็นผล ใบหน้าเต่งตึงด้วยแรงดึงของหมอศัลยกรรมยังเรียบเฉยไร้อารมณ์ ในขณะที่ความอดทนของเขาเริ่มลดลงไปกึ่งหนึ่ง
กฎก็คือกฎ ถ้ามีแล้วไม่ปฏิบัติตาม จะมีไว้ทำไม และเธอก็ไม่ต้องเหนื่อยกรุเรื่องมาบอกฉันด้วย...ขี้เกียจฟัง
แต่ผมจำเป็นจริงๆนะครับ
อาจารย์ไม่ลองฟังเหตุผลของเขาหน่อยหรือครับ เคนพยายามช่วยพูดแม้เห็นความหวังริบหรี่รำไร และเมื่อหันไปเห็นสีหน้าเหมือนแมวเหนื่อยชีวิตของเพื่อนแล้ว ยิ่งพาให้เศร้า
ให้สอบอย่างไง ก็คงไม่ดีกว่าที่เป็นอยู่หรอกมั๊ง ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเยาะ เด็กดีๆน่ะ...เค้าไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก เคยได้ยินมั๊ย ที่เขาบอกว่าคนดีชอบแก้ไขน่ะ แต่เธอ เธอกำลังจะมาแก้ตัว หมายความว่าไงก็คงรู้นะ
อุณหภูมิที่เครื่องปรับอากาศตอนนั้น 23องศาเซลเซียส แต่ธัญกลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เส้นเลือดใหญ่ใกล้ขมับเต้นตุบๆ หัวใจรัวถี่เรวสูบเลือดขึ้นหน้าและกำลังจะดันกะโหลกให้แตกละเอียดด้วยอารมณ์ระอุ ชายหนุ่มกำหมัดแน่น เกร็งจนมือสั่น ขบกัดกรามแทบหักบิ่น
พายุก่อตัวแล้ว ฝนห่าใหญ่กำลังจะมา เอาสาวพรห์มจรรย์ที่ไหนมาปักตะไคร้ทั้งสวนก็ไม่สงบ (เป็นความเชื่อนะจ๊ะ) ยิ่งถ้าเธอคนนั้นคืออาจารย์จันทราวดีด้วยแล้ว จากดีเปรสชั่นอาจผกผันเป็น เฮอริเคนลูกใหญ่ เพราะต้นตอของภัยภิบัติไม่ได้เกิดในทะเล แต่เกิดที่เจ๊คนนั้นนั่นเชียว
โจ๊ยเห็นท่าไม่ดีจึงสะกิดเคนให้ลากตัวเพื่อนรักออกมาจากห้อง แต่ธัญขืนตัวเอาไว้ ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะชายที่ได้ชื่อว่าน้องๆนักมวยปล้ำอย่างเคนยังต้องยอม
ระเบิดลูกใหญ่กะลังนับถอยหลังรอเวลา ปล่อยตูมให้วินาศไปทั้งคนโดนและตัวมันเอง สายเกินไปจริงๆที่ใครจะไปอุดปากธัญ
แล้วอาจารย์ทราบได้ไงครับ ว่ามันจะไม่มีอะไรดีขึ้น ในเมื่อยังไม่ให้โอกาสผมได้แก้ตัว ธัญเริ่มมีโมโห แต่ยังควบคุมมันได้อยู่
โอกาสน่ะมี...แต่เธอคือคนที่ทำลายมัน ธันวาภัทร น้ำเสียงของเธอถูกบังคับให้สงบนิ่งไม่ไหวติง เพื่อความองอาจน่าเกรงขาม แต่ในใจนั้นหวั่นอยู่ไม่น้อย
บรรยากาศในห้องพักครูตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับวันก่อนดาวหางพุ่งชนโลก คิดแล้วเสียวสันหลัง พาลให้หัวใจระส่ำระสาย ทางที่ดีควรจะอพยพออกจากเขตอันตราย ใครก็รู้ว่าเธอคนนี้กัดใครแล้วไม่ปล่อยไปได้ง่ายๆ แม้จะไม่ปราดเปรียวอย่างชีต้า แต่เธอจะตะปบจนเหยื่อในมือให้เหี่ยวแห้งตายอย่างช้าๆและทรมาน
ในขณะที่พ่อทูนหัวธันวาภัทรก็เป็นนิวเคลียร์ลูกย่อมๆ ที่มีสัมผัสไวต่อแรงกดดัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกส่งให้มาเรียนในมหาวิทยาลัยอันห่างไกลความเจริญ เพื่อตัดปัญหาอันตรายจากกัมมันตรภาพรังสีอำหิต ที่ชอบปล่อยออกมา
เอ่อ...ผมว่ารบกวนอาจารย์มากแล้ว ขอตัวดีกว่าครับ โจ๊ยรีบตัดบทอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมที่จะจับแขนธัญไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ สองหนุ่มชักชวนแกมบังคับให้ธันตามพวกเขาออกไปจากตรงนั้น ซึ่งเป็นเรื่องหนักหนาอยู่ไม่น้อย
หลังจากพ้นเขตภัยพิบัติ มือของเพื่อนที่พันธนาการชายหนุ่มกับอารมณ์เดือดพล่านไว้ ก็ถูกสะบัดจนหลุด ประกายตาแข็งกร้าวยังจับจ้องไปในทางที่เดินจากมา กว่าจะยัดพ่อคุณทูลหัวขึ้นรถได้ โจ๊ยกับเคนหอบไปหลายหน
แดดเปรี้ยงๆตอนบ่ายแก่ ไม่ต่างอะไรกับไฟระอุในใจของชายหนุ่ม ผู้เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน อยากถามเหลือเกินว่าอะไรคือคำว่า ดี ที่อยู่ในพจนาณุกรมของอาจารย์
ใจเย็นธัน... โจ๊ยตบบ่าให้กำลังใจ แต่ธัญเหมือนจะไม่รับรู้ เขาได้แต่นั่งนิ่งหลังพวงมาลัยรถ แล้วจู่ๆก็บีบแตรรัวถี่ยิบ เสียงดังลั่น!!!
วินาทีนั้น ในสมองของธันมีแต่คำถามว่า ทำไม วิ่งวนอยู่เป็นล้านๆ ผู้หญิงคนนั้นมาโกรธเกลียดอะไรนักศึกษาถึงขนาดนั้น
ไอ้ธัน! เคนเอื้อมมือจากเบาะหลังมาล็อคแขนเพื่อนไว้ มองออกไปนอกรถ เห็นคนในตึกหันมาเป็นตาเดียว
มานี่กูขับให้ดีกว่า โจ๊ยยื่นข้อเสนอเพื่อความปลอดภัย
ไม่ต้อง...กูขับเอง ไม่ทันสิ้นคำขาด วัตถุสีดำก็แล่นผ่านถนนหน้าคณะมนุษยศาสตร์ไปด้วยความเร็วที่ตำรวจจราจรแทบกุมขมับ
สองหนุ่มเคนโจ๊ยแหกปากลั่นด้วยความตกใจ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาแขวนไว้กับความบ้าของไอ้เพื่อนคนนี้เลยให้ตายเถอะ ไม่สิ ต้องให้ไม่ตายเถอะ (โฮโฮT^T)
ผ่านถนนหลักในมหาวิทยาลัย ออกสู่ถนนใหญ่ ด้วยความเร็วน่าหวาดเสียว สองหนุ่มสวดมนต์ทุกบทเท่าที่นึกออก รถขนอ้อยโฉบไปทางขวา นั่นรถบรรทุกน้ำมัน ไกลๆโน่นรถโดยสาร พ่อทูลหัวแซงทีเดียวสามคันรวด เหมือนในเกมส์แข่งรถ ดีที่ไม่โอเวอร์ก่อนจะถึงเป้าหมาย เพราะ ไม่มีปุ่มplay agianให้กลับไปแก้ตัว
ธัญวาภัทรกำลังโกรท และเพื่อนๆรู้ดีว่าควรปล่อยมันไป พายุลูกนี้เกินต้านาน หากแต่จะสงบเองในภายหลัง
ธัน ขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มน้าตาดีในบรรดาเด็กมหาวิทยาลัยและเพื่อนร่วมคณะหลายๆคน บ่อยครั้งที่ถูกยัดเยียดให้ทำหน้าที่ในกิจกรรมอันเป็นหน้าเป็นตาแก่คณะ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ชอบอยู่นอกคอกมากกว่าบนเวที จึงปฎิเสธทุกครั้งไป โดยให้เหตุผลน่าฟังว่า อย่างผมจะไปเป็นตัวอย่างใครได้
สำหรับหนุ่มคนนี้ หน้าตาดีๆเป็นแค่โชคที่ช่วยให้เขาไม่ต้องดิ้นรนหาคู่ควงเหมือนคนอื่นๆ สาวคนไหนที่หลงมาติดร่างแห อย่าหวังจะพบรักแท้เหมือนในนิยาย ความรักกับเขาก็เหมือนเกมส์ที่เล่นได้ไม่มีวันจบ จนกว่าความปรารถนาจะหมดไป
ควันสีขาวบางเบาลอยตัวอ้อยอิ่ง แทรกอณูเล็กๆในชั้นบรรยากาศ หมุนวน บิดเกรียว เปลี่ยนรูปร่างไปตามแรงลมแผ่วเบา ท้องฟ้าเบื้องบนมืดสนิท จุดสว่างเล็กนั้น ไม่น่าจะเป็นหิ่งห้อย บนนั้นคงสูงไป และถ้าไม่ใช่ไฟจากเครื่องบิน มันก็คงเป็นดาว ใช่มันเป็นดาว เพราะมันอยู่ที่เดิมไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน หรือ มันอาจจะเคลื่อน ไม่มีใครรู้ นอกจากนักดาราศาสตร์ แต่พวกเขาไม่ใช่นักดาราศาสตร์ ไม่ได้อยากดูดาว แต่บังเอิญโคจรมาปรากฏตัวในที่เดิมๆ เหมือนวันก่อนๆ เช่นเดียวกันกับดวงดาว ไม่ได้เป็นไปตามกฎธรรมชาติและแรงโน้มถ่วง แต่เป็นไปตามอารมณ์และเงินในกระเป๋า แม้จะไร้แสงสว่างในตัวเอง แต่หลายคนในที่นี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีไฟ
chill out ตัวอักษรเท่ๆเขียนไว้อย่างนั้น ไม่มีตรงไหนเขียนว่าร้านอาหาร ผับ หรือบาร์ แต่ลูกค้าของที่นี่รู้ได้ด้วยความเคยชิน
หลังจากผ่านช่วงสยองต้องหวีดมาได้โดยสวัสดิภาพ สามชีวิตที่ยังเหลืออยู่ของ ธัน เคน โจ๊ย ก็ย้ายพลมาปักหลักที่ร้านขาประจำใกล้ๆมหาวิทยาลัย สถานที่ของผี(เสื้อ)กลางคืน ซึ่งพร้อมใจกันมาบินวนเวียนคลุกเคล้าควันบุหรี่และ ดื่มกินน้ำสีอำพันจากขวดแก้วใสๆ แม้ราคาจะน่าเวียนหัว แต่ไม่มีใครบ่น เพราะพวกเขาถือว่ามันเป็นส่วนของความสุขที่ต้องจ่ายไป นักศึกษาไม่น้อยก็คิดแบบนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าหันไปโต๊ะข้างๆก็เจอคนคุ้นหน้าคุ้นตา
บนแผ่นดินที่รถประจำทางเป็นของหายาก ไม่ต้องถามถึงรถไฟฟ้า หรืออะไรที่อยู่ใต้ดิน มหาวิทยาลัยแสนรักของพวกเขาหลบตัวอย่างเอียงอายในอ้อมกอดของผืนหญ้าและทุ่งนาเขียวขจี สภาพแวดล้อมนอกรั้วมหาวิทยาลัยขัดแย้งกันกับค่าเทอมและสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องเรียนเช่นเดียวกับ เด็กเลี้ยงควายใส่รองเท้า NIKE AIR ฟังชื่อแล้วไม่เท่แต่แอบเก๋ในตัวเอง(อ่ะนี่)
ละแวกนั้นใกล้กันกับกำแพงสถานศึกษา จึงมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหลากหลายให้ทัศนา เป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดไป ให้ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยในที่เจริญแล้ว นักศึกษาเองก็ไม่เข้าใจ ว่าที่ในเมืองมีมากมายทำไมไม่ไปสร้าง มาปักหลักทำไมกลางทุ่ง โอ้ธรรมชาติฉันรักเธอ
ผู้ปกครองมากมายยอมจ่ายค่าเทอมสูงๆเพื่อคุณภาพทางการศึกษา อันเป็นที่กล่าวขวัญไปถึงสามภพ(อันนี้ก็เกิน) เอาเป็นว่าการันตีหนักหนาว่าจบไปเป็นต้องสบายได้งานดี ใครสอบชิงทุนที่นี่ได้ก็ขั้นเซียน แถมคุณภาพชีวิตยังดีมีอากาศบริสุทธิ์ เรียนๆอยู่ถึงกับได้กลิ่นกองฟาง เปียกน้ำค้างยามเช้า (โบชัวร์มหาวิทยาลัยคงเขียนประมาณนี้) ไม่ต้องไปทนปวดประสาทกับปัญหารถติด และอาชากรรมร้ายแรงเหมือนใน เมืองใหญ่ๆ
แม้จะเป็นมหาลัยเอกชน ที่ของคนสอบอะไรไม่ติด แต่ขอโทษ ถ้าเงินไม่ถึง ปัญญาไม่มีอย่าหวังจะได้มาเดินเก๊กหน้าหล่อให้สาวเหล่ได้นะจ๊ะ
นาย
คุณจะเอาเวลาที่ไหนไปดูลูก...ให้ลูกมาอยู่กับฉันแหละดีแล้ว คุณนายริมชลา บอกกับสามีหลังจาก ขอแยกทางกับสามี แต่ไม่ได้หย่ากันตามกฎหมาย
ธัน ย้ายอยู่กับแม่ตั้งแต่ ม.4 เทอมปลาย ด้วยเหตุผลบางประการ จากเด็กนักเรียนใส่ฟอร์มหรูๆในโรงเรียนนานาชาติ คุณชายไฮโซ ต้องลดระดับ มาเรียนโรงเรียนใกล้บ้านที่แม่หาให้ เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็ยังไม่ไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ในสายตา ของเธอคนนั้นในมหาวิทยาลัยที่เธอเลือกแล้วว่าเหมาะแก่การปล่อยเสือน้อยๆให้วิ่งซุกซน โดยไม่เป็นอันตรายกับใคร และตัวมันเอง
ธันโชคดี หรือโชคร้ายก็ไม่รู้ ที่บังเอิญสอบชิงทุนได้ ในคณะที่ เพื่อนสมัยมัธยมต้องร้องจ๊าก ว่าพ่อคุณจะไปรอดหรือ ไม่ใช่เพราะมันไม่เก่ง แต่เพราะ พฤติกรรมของท่านผู้นั้นขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงกับ คำว่า นักกฎหมายพ่วงท้ายมาด้วยหลักสูตรนานาชาติอีกแน่ะ
3หนุ่ม นั่งทอดอารมณ์ปล่อยตามบรรยากาศชวนรื่นรมย์ของยามค่ำคืนที่ฟ้ากระจ่างใส เห็นดาววิบวับจนลืมไปว่ามียุงบินวนเวียนอยู่ใกล้ๆ หากแต่ว่า ดาวบนฟ้า หรือจะมาแข่งกับแสงวิ๊งๆจากใบหน้าขาวนวลของสาวๆที่เพิ่งเดินผ่านไป
พวกเธอเป็นใคร...เป็นไปได้มั๊ยว
ผลงานอื่นๆ ของ KyZz ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ KyZz
ความคิดเห็น