ตอนที่ 230 : บทที่ 230 เผชิญหน้าจักรพรรดินีอสูร ตอนจบ
บทที่ 230 เผชิญหน้าจักรพรรดินีอสูร ตอนจบ
เพียงเศษเสี้ยววินาทีให้ได้เห็น !!
ผู้เล่นนับล้านคนได้สลายหายไปไม่มีเหลือ พวกที่โชคดีหน่อยไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่จากศูนย์
ทั้งหมดต่างก็เป็นผู้เล่นที่ถูกมากเมฆสังหารโหด โดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีด้วยสว่านทรงพลังขนาดใหญ่ ที่พุ่งบินเข้ากระแทกเป้าหมาย ทะลุทะลวงอย่างที่สุดเข้ากับร่างกายของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ มีผลให้ถึงตายในทันทีด้วยแรงหมุนอันมหาศาลและคลื่นพลังอนุภาคต่างๆ อีกสารพัดของพลังปราณโบราณและพลังเวทมนตร์ของเขาที่ได้หลอมรวมและผสานพลังทั้งหมดเข้าด้วยกัน
แต่สำหรับผู้เล่นระดับสูงที่เหลือ เหล่าผู้เล่นชั้นนำที่มักจะอยู่ที่รอบๆ ใจกลางกระโจมหลักของนายน้อยบ้ากาม
ทั้งหมดที่เหลือกับโชคร้ายแบบสุดๆ อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยตั้งแต่รับงานมา
ถูกใช้เป็นเครื่องสังเวย ถูกลบหายออกไปจากจักรวาลสามพิภพอย่างถาวร
วงแหวนเวทมนตร์อัญเชิญขนาดใหญ่ยักษ์หยุดการขยายตัว ราวกับรับรู้ได้ถึงสภาพภายนอกที่เกิดขึ้นทั้งหมด ว่าไม่หลงเหลือเครื่องสังเวยมนุษย์ใดๆ เหลืออยู่อีกแล้ว ในขณะเดียวกันวงแหวนเวทกับทำการปลดปล่อยพลังอสูรโบราณบรรพกาลอันเก่าแก่นับล้านๆ ปีออกมาอย่างต่อเนื่อง จนสภาพอากาศของนรกทะเลทรายที่ร้อนระอุอยู่ก่อนแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นอย่างสุดขั้วในเวลาเพียงพริบตา ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นพายุหิมะ และกลายเป็นร้อนดุจนรกหมุนวนเวียนไปอยู่เรื่อยๆ จนเป็นเหตุให้ทุกๆ 5-10 วินาที สภาพอากาศโดยรอบกว่า 30 ตารางกิโลเมตรจะถูกสุ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหยุด สัตว์อสูรจำนวนมากปรับสภาพไม่ทัน ต่างก็ล้มหลายกันไปเป็นหมื่นเป็นแสน
เห็นท่าจะไม่ดี มากเมฆจึงส่งข้อความไปยังซาซ่าและกองกำลังของพวกเธอ
เพื่อให้พาเกรย์หนีออกไปยังสถานที่ปลอดภัย และให้กองกำลังกองทัพนางฟ้าอยู่ให้ไกลจากเทพอสูรตนนี้มากที่สุด
ก่อนที่พวกสาวๆ จะหนีออกไปตามคำสั่งของมากเมฆผู้เป็นเจ้านาย
พวกเธอได้ส่งข้อมูลที่รู้ เกี่ยวกับเทพอสูรที่กำลังจะปรากฏให้เขาได้รู้โดยละเอียด
".. นี่เรา จะต้องมาสู้กับเทพอสูร เลเวลมากกว่าสองแสนอีกหรอเนี่ย .."
มากเมฆบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
หลังจากที่นับจำนวนของผู้เล่นที่ถูกเขาฆ่าให้ตายกับมือเสร็จแล้ว กับจำนวนของผู้เล่นที่ไม่ได้ถูกเขาฆ่าไปก่อนหน้านี้ แต่กับถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยไปแล้วอย่างสมบูรณ์ เพราะแบบนี้เองจึงทำให้มากเมฆ ต้องมาเผชิญหน้ากับเทพอสูรที่มีระดับเลเวลหลักแสนอัพเป็นครั้งแรก
ทันใดนั้นเองเสียงพูดที่ไพเราะอบอุ่น ราวกับเสียงขลุ่ยจากสวรรค์ก็ดังขึ้น
ก่อนที่จะปรากฏเป็นร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งสูงไม่ต่ำกว่า 3,000 เมตรจากพื้น
เทพอสูรตนนี้ เธอมีใบหน้าที่สวยเรียวเล็กได้รูปสมบูรณ์แบบ ดวงตาทั้งสองที่เป็นประกายงดงามสีแดงเพลิงอำพันชวนให้มอง เส้นผมที่ยาวจนไปถึงเอวงามที่บิดไปมา เส้นผมสีแดงเพลิงและสีฟ้าวารีตัดกันเป็นเส้นๆ สวยงามอย่างที่สุด ราวกับธาราสวรรค์ที่ทอดยาวข้ามขอบนภาชวนฝัน เพียงเธอขยับฝีปากพูดขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากที่เล็กชวนมองสีชมพูของเธอ มันช่างชวนให้ชายหนุ่มที่พบเห็นประกบริมฝีปากด้วยอย่างดื่มด่ำร้อนแรง เธอมีเรือนร่างที่สมส่วน หน้าอกภูเขาที่ใหญ่กว่าภูเขาจริงๆ ตรงหน้า เรือนกายที่สุดแสนจะยั้วยวนอย่างที่สุด ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของมากเมฆเข้าอย่างจัง
".. มนุษย์ผู้มีกลิ่นอายแห่งพระเจ้าผู้สร้างเซเลเน่ เจ้าคงเป็นที่รักใคร่ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง เป็นลูกรักที่ได้รับพรอันไพศาลจากพระองค์สินะ ข้า “จักรพรรดินีอสูรเฮเดร่า” แม้จะตกลงสู่หนทางแห่งเทพอสูรแล้ว แต่ข้าก็ยังคงเคารพรักและภักดีต่อพระองค์เช่นกาลเวลาก่อนที่ผ่านมาเสมอ .."
".. ดังนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง หากเจ้าทำให้ข้ารู้สึกที่ด้อยกว่าได้ ไม่ว่าจะวิธีการทดสอบหรือแข่งขันใดๆ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้เอง และกลับคืนสู่มาตุภูมิที่จากมาอย่างว่าง่าย เพราะเห็นแก่ที่เจ้ามีกลิ่นอายของพระเจ้าผู้สร้างเซเลเน่อยู่มาก สักครั้ง .." เทพจักรพรรดินีอสูรเฮเดร่า กล่าวพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่อบอุ่น มิได้โกรธแค้นหรือไม่พอใจที่ถูกมากเมฆ ทำลายเครื่องสังเวยมนุษย์นับล้านคนเลยแม้แต่น้อย
เหตุที่จักรพรรดินีอสูรเฮเดร่าเสนอทางรอดให้แก่มากเมฆ ไม่ใช่เพราะเขามีกลิ่นอายของพระเจ้าผู้สร้างเซเลเน่ พระเจ้าผู้สร้างที่เธอรักใคร่เท่านั้น แต่เป็นเพราะตั้งแต่แรกแล้ว ที่อีกฝ่ายได้มองเห็นการหลอมผสานอันไม่ธรรมดา ของพลังนานาชนิดที่แตกต่างกันของอีกฝ่าย ซึ่งสามารถบรรจุหลอมรวมเข้าด้วยกัน ลงไปในสว่านขนาดใหญ่ยักษ์นับล้านได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ หรือเกิดผลกระทบเป็นลบจนหักล้างกันเอง ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงสนใจใคร่อยากจะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ที่ไม่ได้เห็นมานานนับล้านปี ของโลกเวทมนตร์แห่งนี้อย่างมาก เพราะเธอเชื่อว่าหากเธอได้มองเห็น มองดูขั้นตอนต่างๆ อย่างใกล้ชิดตั้งแต่แรก จะต้องจดจำและเรียนรู้ได้อย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันมากเมฆเองก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงจากสัมผัสพลังแห่งการรู้แจ้งที่อยู่ๆ ก็ทำงานของมันเอง อีกฝ่ายไม่ได้มีแผนการหรืออุบายชั่วร้ายใดๆ อันเป็นผลเสียต่อเขา อาจจะเพราะอสูรที่มีสติปัญญาระดับสูง หรือไม่ก็เทพอสูรมักจะมีลักษณะนิสัย ที่ตรงไปตรงมาอยู่ก่อนแล้วก็เป็นได้ เช่น พ่อกับแม่วานรแปดแขนเป็นต้น
มากเมฆหยุดคิดตัดสินใจสักเล็กน้อย
ก่อนที่จะกล่าวตอบอีกฝ่ายไปว่า ".. จากที่ผมรู้ “จักรพรรดินีอสูรเฮเดร่า” พระนางมีความสามารถในการหลอมรวมธาตุพลังสองชนิด ที่แตกต่างกันเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์ และไม่สูญเสียหรือทำลายคุณสมบัติใดๆ ของธาตุพลังทั้งสองเลยแม้แต่น้อย อย่างธาตุไฟและธาตุน้ำซึ่งเป็นพลังหลักของคุณ ดังนั้นผมจะขอแข่งในเรื่องนี้ หากผมสามารถหลอมรวมหรือผสานพลังธาตุใดๆ ได้มากกว่าสองธาตุพลังโดยไม่สูญเสียหรือเกิดความขัดแย้งใดๆ ของพลังเหล่านั้น พระนางอสูรเฮเดร่าจะให้ผมชนะได้หรือไม่ .." มากเมฆพูดตอบกึ่งถาม ในขณะที่ลอยตัวขึ้นไปอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่กระนั้นมากเมฆก็เตรียมพร้อมไว้เสมอ สำหรับการเป็นเทพสิบวิเช่นกัน หากอีกฝ่ายเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
[ ปัจจุบัน จักรพรรดินีอสูรเฮเดร่า มีเลเวลอยู่ที่ 243,513 จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ]
เธอเป็นหนึ่งในเทพเจ้าชั้นสูงที่ตกจากสวรรค์ เมื่อครั้งมหาสงครามในอดีต จนเธอเข้าสู่วิถีแห่งเทพอสูรเมื่อครั้งบรรพกาลนานมาแล้วนับล้านปี เธอมองมายังมากเมฆด้วยความสนใจมากกว่าเดิม จากที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เกรงกลัวในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย
ก่อนที่จะพูดตอบต่อรองเล็กน้อย ในสิ่งที่เธอต้องการออกไปว่า ".. หากเจ้าทำได้มากกว่า 5 ธาตุพลังหลอมรวมเข้าด้วยกันตรงหน้าข้า โดยไม่สูญเสียคุณสมบัติธาตุพลังใดๆ ข้าจะยอมแพ้และกลับไปแต่โดยดี แต่หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะเอาดวงจิตวิญญาณของเจ้ามาเป็นทาสของข้าในมิติเทพอสูร และจะทำให้เจ้าทรมานแบบตายทั้งเป็น จนทนไม่ได้เลยคอยดู .." จักรพรรดินีอสูรเฮเดร่ากล่าวตอบเสียงดุดันเล็กน้อย ก่อนที่ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาของเธอ จะลดขนาดลงเป็นปกติในขนาดปกติมนุษย์ทั่วๆ ไป และลอยมาอยู่ตรงหน้าของมากเมฆ
ตอนแรกมากเมฆก็คิดว่าจะต้องบู๊กระจายเสียแล้ว
ต่อสู้เล่นงานกันให้ตายไปข้าง แต่ยังดีที่อีกฝ่ายพอจะมีเหตุมีผลอยู่บ้าง
พูดคุยกันได้ บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องอาจจะจบลงด้วยดีก็เป็นได้
".. ขอบคุณที่ให้โอกาส .." มากเมฆพูดตอบ
ก่อนที่จะรอบๆ ตัวของเขาจะปรากฏ ดวงดาวทรงกลมอันเป็นธาตุพลังที่แตกต่างกันออกมาเป็นจำนวนมาก
ไม่ว่าจะธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุไม้ ธาตุทอง ธาตุสายฟ้า ธาตุแสง ธาตุความมืด ธาตุพิษ
การที่อยู่ๆ ดวงธาตุพลังปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก บ่งบอกให้เห็นให้รู้เลยว่าอีกฝ่าย หรือมากเมฆนั้นสามารถใช้พลังธาตุพื้นฐานของสวรรค์และโลกได้มากถึง 10 ธาตุพลังด้วยกันอย่างไม่มีปัญหา
แต่ในความเป็นจริงมากเมฆนั้น สามารถใช้ธาตุพลังอื่นๆ ได้มากกว่านี้ เช่น เวลา อวกาศ โกลาหล ชีวิต ความตาย
แต่การที่มากเมฆแสดงให้เห็นเพียงสิบธาตุพลัง นั่นก็เพราะเพียงเท่านี้มันก็น่าจะเกินพอแล้วนั่นเอง
ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่มากเมฆได้เคยหลอมรวมเคล็ดวิชาพลังต่างๆ ที่เรียนรู้มาให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ และบรรจุไว้ภายในเคล็ดวิชาที่สร้างขึ้นอย่าง “หมื่นลมปราณดาราทมิฬ” เขาก็คงไม่กล้าที่จะสำแดงพลังออกมาให้เห็นแบบนี้
การหลอมรวมเข้าด้วยกันของ พลังลมปราณ พลังวิญญาณ พลังเวทมนตร์ และพลังอนุภาพธาตุพลังที่มีในเอกภพ
เพราะแต่เดิมการจะหลอมรวมพลังธาตุที่แตกต่างกันสุดขั้วนั้น แตกต่างกันทั้งคุณสมบัติที่มีแต่กำเนิด และความวิเศษเฉพาะของธาตุพลังต่างๆ เข้าด้วยกันได้ โดยไม่สูญเสียอย่างหนึ่งอย่างใดไป มันเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อยที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่มีความรู้ความเข้าใจที่มากพอ
แต่ด้วยมากเมฆที่เคยผ่านการหลอมรวม มหาพลังต่างๆ รวมไปถึงสุดยอดเคล็ดวิชาลมปราณแท้จริงของโลกภายนอก ที่แตกต่างกันสุดขั้วมาแล้วผ่านช่วงเวลาเป็นตายมาอย่างคาดไม่ถึง
อย่างสุดยอดวิชาโบราณ “ลมปราณจักรวาลลึกล้ำ” กับ “วิชาลมปราณเคลื่อนพิภพ” เข้าด้วยกันให้เป็นหนึ่งเดียว
อยู่ภายในมิติเวลาความคิดไร้สิ้นสุด อยู่นานหลายพันปีจนสำเร็จด้วยดี จนแม้แต่ท่านบรรพบุรุษเมฆาเทพในเวลานั้น ยังตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้อธิบายหรือพูดบอกชี้แนะอะไรออกมาอีก เพราะแม้แต่ท่านบรรพบุรุษเอง ก็ยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้นนั่นเอง
แถมในภายหลังมากเมฆยังได้มีโอกาส ในการสืบทอดสุดยอดวิชาแห่งการควบคุม “เคล็ดวิชาราชันย์เก้ามังกร” จากท่านเทพยุทธ์อันดับ 1 ในใต้หล้า ท่านอาจารย์ใหญ่จิ่วถันหลงมาอีกเมื่อไม่นานมานี้
จึงทำให้มากเมฆสามารถค้นพบ ความลับระดับสุดยอดของเคล็ดวิชาที่ได้รับมาใหม่ได้ จากความพยายามของเขาผ่าน “เนตรทฤษฎี” และ “เนตรทรราชย์” ในมิติเวลาความคิดไร้สิ้นสุดอย่างช้าๆ จนในที่สุดเขาก็บรรลุสำเร็จถึงเนื้อแท้ของเคล็ดวิชา “ราชันย์เก้ามังกร” โดยสมบูรณ์ในที่สุด
แต่เดิมเคล็ดวิชาที่ว่า มันดูคล้ายกับเคล็ดวิชาแห่งการควบคุมกระบี่อันสมบูรณ์แบบได้ดังใจ
และไม่สิ้นเปลืองพลังลมปราณใดๆ ให้มากมาย เหมือนกับวิชาควบคุมกระบี่อื่นๆ ตามความเข้าใจตั้งแต่แรกของเขา
แต่ทว่าในความเป็นจริงกับไม่ใช่เลย “เคล็ดวิชาราชันย์เก้ามังกร” มันคือเคล็ดวิชาจากต่างเอกภพต่างมิติ ที่หลุดเข้ามายังโลกมนุษย์เมื่อนานมาแล้ว แต่เดิมมันเป็นเคล็ดวิชาควบคุมแรกเริ่ม พื้นฐานแห่งหลักการความเป็นไป ก่อนที่จะบรรลุความเข้าใจอย่างรู้แจ้ง ถึงหลักการแห่งกฎเกณฑ์อย่างแท้จริงของจักรวาล
ดังนั้นหลังจากที่มากเมฆได้เรียนรู้จนเข้าใจถึงแก่นแท้ และบรรลุถึงระดับรู้แจ้งต่อยอดไม่สิ้นสุด
ด้วยพลังพระเจ้าอันเป็นตัวช่วยทั้งหลายที่มี ที่โลกภายนอกเมื่อนานมาแล้ว จึงทำให้เขาเข้าใจถึงหลักการสำคัญๆ และกฎเกณฑ์อย่างแท้จริงของจักรวาลนั้นๆ ที่เขาได้สัมผัสและดำรงอยู่ จนสามารถกระทำในสิ่งที่ต้องการได้อย่างใจ ไม่เว้นแม้แต่จักรวาลสามพิภพออนไลน์ก็เช่นกัน แต่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพราะทุกๆ จักรวารนั้น ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้ว
โดยภายหลักเขาได้เรียกว่าความสำเร็จในครั้งนี้ไว้ว่า
“ก้าวแรกแห่งมหามรรคาแรกเริ่ม” และ “ความเป็นไปของกฎเกณฑ์พื้นฐานของพลัง”
มากเมฆทำการหลอมรวมดวงธาตุพลัง ธาตุต่างๆ เข้าด้วยกันให้กลายเป็นดวงดาราทมิฬอย่างช้าๆ
หลอมรวมสำเร็จด้วยดี และมีพลังของคุณสมบัติของธาตุพลังต่างๆ อยู่อย่างสมบูรณ์ สามารถปรับเพิ่มหรือลดลงได้ตามใจ แก้ไขและแปรเปลี่ยนได้อย่างที่คิด การแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของการหลอมรวมในครั้งนี้ ทำให้จักรพรรดินีอสูรเฮเดร่ายอมแพ้ทั้งกายและใจจริงๆ
".. ล้านปีที่ผ่านมา ข้ามั่นใจมาตลอดว่าข้าเป็นผู้ที่สามารถหลอมรวม สองธาตุพลังที่แตกต่างกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และไม่สูญเสียสิ่งหนึ่งสิ่งใดหายไปแม้แต่น้อย แต่เจ้ามนุษย์ผู้มีกลิ่นอายแห่งพระเจ้าผู้สร้าง กับสามารถหลอมรวมได้ถึงสิบธาตุพลัง ช่างเป็นชายหนุ่มรูปงานและน่าสนใจจริงๆ ข้าแพ้แล้วข้าด้อยกว่าเจ้าอย่างชัดเจน .." จักรพรรดินีอสูรเฮเดร่ากล่าวพูดจนจบก็สลายหายตัวไปจากโลกเวทมนตร์อย่างช้าๆ
".. จบสักที บางทีเรื่องยากๆ มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ได้เหมือนกัน .." มากเมฆถอนหายใจ ก่อนที่จะบินกลับไปหาพวกสาวๆ และเกรย์อย่างหน้าชื่นตาบาน พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนหมดเวลาของสงครามกับ 13 พันธมิตรดังขึ้น
[: ยินดีด้วยค่ะ ผู้เล่นมากเมฆเป็นฝ่ายชนะ ระยะเวลาของสงครามกับ 13 พันธมิตรได้จบลงแล้ว :]
[: ยินดีด้วยค่ะ ผู้เล่นมากเมฆเป็นฝ่ายชนะ ระยะเวลาของสงครามกับ 13 พันธมิตรได้จบลงแล้ว :]
[: ยินดีด้วยค่ะ ผู้เล่นมากเมฆเป็นฝ่ายชนะ ระยะเวลาของสงครามกับ 13 พันธมิตรได้จบลงแล้ว :]
ในขณะเดียวกันที่โลกภายนอกประเทศไทย
นายน้อยลำดับที่สามของตระกูลแห่งหนึ่งได้ตื่นขึ้น พร้อมกับอาการเจ็บแสบที่ตูดอย่างหนัก หลังจากที่ได้รับรู้ถึงความจริงบางอย่างที่แทบจะรับไม่ได้ และจากที่ตรวจสอบทั้งหมดโดยละเอียดแล้วหลายครั้งผ่านเอไอผู้ช่วย
นายน้อยบ้ากามได้แต่ร้องตะโกน อย่างกับคนบ้าอยู่คนเดียวนานสองนาน
".. ไอ้สารเลว “มากเมฆ เมฆาเทพ” มึงกับกูต้องมีสักคนที่ต้องตาย .."
".. เชี่ยไม่น่าติดตั้งอุปกรณ์เสริมสมจริง เวลามีอารมณ์เลย แม่งไอ้เครื่องบ้านี่ก็ทำมาดีเกิ้น .."
นายน้อยบ้ากามเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ ด้วยท่าเดินแปลกๆอย่าน่าทุเรศ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยังสบายดีอยู่เรอะ