เรื่องเล่าจากบ้านนอก ตอน ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ - เรื่องเล่าจากบ้านนอก ตอน ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ นิยาย เรื่องเล่าจากบ้านนอก ตอน ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ : Dek-D.com - Writer

    เรื่องเล่าจากบ้านนอก ตอน ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่

    โดย @may

    ตกลงแล้วจะเอาไงแน่นะเนีย ไม่เข้าไจเลย

    ผู้เข้าชมรวม

    3,614

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    30

    ผู้เข้าชมรวม


    3.61K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  อื่นๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 เม.ย. 52 / 09:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ยรม 29:11 พระเจ้าตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เรื่องเล่าจากบ้านนอก..ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่
      เมื่อประมาณ ปี 1994 มีผู้หญิงคนหนื่งอายุประมาณ 30 ปี
      รูปร่างท้วม นุ่งชุดสีซีด เทา ๆ บ้าง น้ำตาล ๆ บ้าง หรือ อะไร ๆ ที่เป็นสีหม่น ๆ
      มาที่คริสตจักรเพื่อฝากลูกสาวอายุ 1 ขวบให้เนอสเซอรี่ที่คริสตจักรเลี้ยงให้
      หน้าตาเธอบอกอาการของคนตรมทุกข์ หลายวันเข้า ก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้ฟังบ้าง
      จากวันละนิดละหน่อย จนรู้สึกว่าที่คริสตจักรเป็นที่พึ่งพิง ก็เริ่มที่จะเล่าทุกเรื่อง
      อันเกี่ยวกับครอบครัวและตนเอง เล่าเรื่องวันไหน น้ำตาท่วมโบสถ์วันนั้น
      เธอเล่าให้ฟังว่าเป็นช่างตัดเสื้ออยู่ที่หน้าโรงพยาบาล มีลูกชายคนหนึ่ง
      ลูกสาวคนหนึ่ง สามีหายไปปีกว่าแล้วนับตั้งแต่คลอดบุตรสาวคนเล็ก
      ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดเวลาที่สามีหายไป ไม่รู้เป็นตายร้ายดีประการใด
      ถามไปถามมาก็ทราบว่าสามีเป็นคนชอบดื่มเหล้า เมาสุรา ติดยาเสพติด เจ้าชู้
      คือ เอาทุกเรื่องที่เป็นอบายมุขว่างั้นเถอะ เราก็พอทราบว่าคนท่านก็คงหายไป
      กับสายลมแสงแดดแห่งความต้องการของตนเอง สืบไปสืบมาก็ทราบว่า
      ไปอยู่ที่จังหวัดตาก ที่ ตำบลหนึ่งอันเป็นแหล่งผลิตยาบ้า คือแหล่งยาเสพติด
      ที่มีราคาถูกที่สุดในสมัยนั้น คือที่ เพชรบูรณ์อาจจะมีราคา 120 บาท ต่อเม็ด
      แต่ที่นั่นราคาต่อเม็ดคือ 17 บาท เค้าก็เลยคิดว่าจะลงรากปักฐานอยู่ที่นั่น
      ก็พ่อคุณเสพยาบ้ามากขึ้น ๆ จนถึงวันละเป็นสิบเม็ด ขืนอย่เพชรบูรณ์
      เจอราคาเม็ดละ 120 บาท เขาคงไม่มีกำลังซื้อ ไปที่แหล่งผลิตเลย 17 บาท
      10 เม็ดก็แค่ 170 บาทเอง แถมมีภรรยาใหม่ที่นั่นอีกต่างหาก
      ...... อยู่มาระยะหนึ่งผู้หญิงลูกติดสองคนที่ว่านี้ก็รับเชื่อพระเจ้า
      เมื่อเริ่มรู้จักการอธิษฐานก็อธิษฐานขอให้สามีกลับมา เมื่อถึงวันศุกร์อธิษฐาน
      ก็ขอให้ที่ประชุมอธิษฐานขอให้สามีกลับมา ผมเคยติง ๆ ว่า
      "ถ้ากลับมาแล้วเป็นเหมือนเดิมจะรับได้ไหม"
      เค้าก็บอกว่า
      "อย่างไรอย่างไรก็รับได้อยู่แล้วค่ะ ขอให้เขากลับมาก็แล้วกัน"
      ...เออความรักปิดบังความผิดมากมายได้จริง ๆนะ ผมเองก็อยากให้เขากลับมา
      เพราะลูกสาวไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย .... อัศจรรย์ครับ ไม่กี่เดือน
      หลังจากหายไป 2 ปี คุณพ่อก็กลับบ้าน มาอยู่กับครอบครัว อยู่มาระยะหนึ่ง
      ภรรยาก็ดาวน์รถให้เพื่อวิ่งรับส่งผักที่ตลาดกลางสินค้าเกษตร อ.หล่มสัก
      ไป ปากคลองตลาดที่กรุงเทพบ้าง ที่ตลาดไทบ้าง พอเริ่มมีเงินมีรายได้
      เค้าก็เริ่มใช้ชีวิตเหมือนเดิม ดื่มเหล้าหนักตอนรอผักขึ้น พอออกรถก็ง่วงเลย
      ต้องอาศัยยาบ้าเป็นแรง ...แล้วก็.. ติดยาเหมือนเดิม หลังจากนั้นไม่นาน
      เค้าก็หายไปอีก .... ภรรยาก็มาที่คริสตจักรอธิษฐานขอให้สามีกลับมาอีก
      ...คราวนี้ที่อยากให้กลับไม่ใช่เพราะอาลัยอาวรณ์อะไรดอก ที่อยากให้กลับเพราะเค้าเอารถไปด้วย ไฟแนนซ์ ตามยึดอยู่แล้วตัวภรรยาเองเป็น
      ผู้ค้ำประกัน ต้องรับผิดชอบภาระหนี้หากไม่เอรถมาคืนไฟแนนซ์
      ... อธิษฐานไประยะหนึ่งพระเจ้าก็ทรงช่วยให้สามารถตามเอารถกลับมาได้
      แถมด้วยคุณคนขับไปคือสามีก็กลับมาเป็น Package ร่วม ตานี้หลัง ๆ มา
      ความรักเร่มเยือกเย็นลงก็ทะเลาะกันบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น บางทีภรรยา
      ก็หลบสามีมาที่โบสถ์ ครั้งหนึ่งที่เสียวไส้เอามาก ๆ คือวันที่สามีเค้าโกรธจัด
      ตามเอาเรื่องภรรยาที่โบสถ์ ตรงดิ่งมาหาภรรยาผมเองในฐานะหัวหน้าชุมชน
      ผู้จำเป็นต้องกล้าหาญก็ต้องตัดสินใจออกไปขวางตรงกลางห้ามเขา
      คิดในใจอยู่ว่าเออถ้าเค้าไม่ฟังเราคงเละเพราะตัวเล็กกว่ากันเยอะ
      (ตอนนั้นผมน้ำหนัก 48 กก.ส่วนสูงแค่ 165 ซม.)
      กล้ามฝ่ายนั่นเขาเป็นมัด ๆ สูงเกือบ 180 ซม. น้ำหนักก็กว่า 70 กก.
      แต่ขอบพระคุณพระเจ้าเจ้าพ่อประคุณยังฟังคำห้ามปราม
      แต่กระนั้นในครอบครัวนี้ก็เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นระยะ ๆ
      ..... ครั้งหนึ่งตอน 4 ทุ่มคืนวันหนึ่ง ลูกชายคนโตเขามาเคาะประตูเรียกผมว่า
      “ ลุง ๆ แม่บอกให้มาเรียกลุง” ผมก็ถามว่าทำไม่เหรอเรียกไปทำไม
      อ่อ..เด็กตอบว่า “พ่อด่าลุงมากเลยแม่บอกว่าให้ไปฟัง”
      .....ผมก็เลยขับรถออกไปจอดหน้าบ้านของสองสามีภรรยาคู่กรณี
      เดินดิ่งเข้าไปในบ้าน บรรยากาศฉ่งเช้ง ๆ เปลี่ยนทันที สามี-ภรรยาคู่กรณี
      นั่งเงียบ เอ ไม่มีเสียงด่าดังข้อกล่าวหา แต่พอผมนั่งภรรยาเค้าก็รายงาน ว่าสามีเค้าด่าอาจารย์ดังนี้ ๆ ๆ โห แต่ละข้อกล่าวหาฉกรรจ์ทั้งนั้น เป็นอาจารย์
      แต่ชอบตั้งวงเหล้า งี้ เป็นชู้กับภรรยาคนอื่นงี้ สารพัดเลยแฮะข้อกล่าวหา
      นั่งฟังรายงานการกล่าวหาเหลือสองข้อ คือ ยังไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์กับเป็นเกย์เท่านั้น เออ คุณฝ่ายภรรยาเห็นพวกมาเสริมก็เอาใหญ่
      เชียวบอกต่อไปอีกว่า
      “นี่นะคะอาจารย์หนู่อธิษฐานขอให้พระเจ้าเก็บมันไปเสียเพราะเป็นหนามใหญ่ในชีวิตหนู”
      ( เออ เมื่อก่อนขอให้สามีกลับมาตอนนี้ขอให้พระเจ้าเก็บมันไป ตกลงเอายังไงกันแน่ )
      ผมขำในใจแต่สีหน้าวางมาดขรึมเพื่อสยบตัวต้นเหตุแล้วเรียกชื่อเขาว่า
      “เอ๋ เธออยู่ดี ๆ มา พาดพิงถึงฉันจนเสียหายอย่างนี้ได้ไง ...คิดอย่างไรพูดออกมาสิ"
      .... เค้าเงียบไปพักหนึ่งเพื่อรวบรวมความกล้าหาญแล้วบอกว่า
      “เวลาถียงกันผมเถียงสู้ไม่ได้เพราะด่าอย่างไร ๆ เมียผมก็ไม่รู้สึกเจ็บสักที
      จะด่าพ่อ ด่าแม่มัน มันก็เป็นลูกกำพร้า ด่ามันอย่างอื่นไม่มีอาการตอบสนอง
      คิดจะกล่าวต่อว่าพระเจ้าก็ไม่กล้าหาญ ... นึกได้ก็เลยด่าอาจารย์พอด่า
      อาจารย์เค้ารู้สึกเจ็บมากผมก็เลยด่า ๆ ไปงั้นแหละไม่อยากแพ้มัน..คือ
      ไม่เจตนาให้ร้ายอาจารย์ ครับ....ขอโทษ” 

      เออ อย่างนี้ก็มี พอหลังจากวันนั้นก็ไม่มีศึกสงครามพาดพิงมาที่คริสตจักร
      ( ก่อนหน้ามีเรื่อย ทีมงาน พี่น้อง คือหลายคนในคริสตจักรเจอหมอนี่
      เอาเรื่องมาตลอด ) หลังจากเหตุการณ์วันนนั้นมาคุณสามีของเค้าก็เริ่มป่วย
      ทรงแล้วก็ทรุด ตรวจสุดท้ายรู้สึกว่าเป็นมะเร็งที่หลอดลมเพราะสูบยาบ้ามานานแสดงอาการว่าไม่รอดแน่ ท้ายสุดของชีวิตเค้าก็รับเชื่อพระเจ้า มาร่วมนมัสการ
      ที่คริสตจักร มามาดใหม่ กลับใจแล้ว เออ ด่าอาจารย์มานาน ตอนนี้มานั่งฟัง
      อาจารย์เทศน์ หมอนี่บาปมาก็เยอะ เยอะจริง ๆ พระเจ้าก็รักเค้านะ ผมเองก็ยอม
      รับเขาอย่างไม่ขัดเขิน ว่าเขาเป็นพี่น้องที่รักของเรา
      เชื่อพระเจ้าไม่ถึงเดือนมั้ง เขาก็สิ้นใจ เชื่อปุ๊บ ก็ตายปั๊บ ดีจริง ๆไม่ต้องเสี่ยง
      การหลงหาย ไม่ต้องกลับใจซ้ำซ้อน คำอธิษฐานภรรยานี่ขลังจริง ๆ ขอพระเจ้า
      ให้นำสามีที่หายไปนานกลับ พระเจ้าก็เอากลับมา
      (แต่คงลืมขอว่าขอให้กลับมาแบบดี ๆ ปกติ ๆ )
      ขอให้พระเจ้ารับเอาไปพระเจ้าก็รับเอาไป
      สามีทั้งหลายระวังนะครับ อย่าไปทำให้ภรรยาเจ็บช้ำน้ำใจ
      ประเดี๋ยวอธิษฐานขอให้พระเจ้ารับไปแบบกรณีนี้
      มนุษย์นี่หลายใจจริง ๆ ตกลงบางทีก่อนเราจะขอจากพระเจ้าก็ตัดสินในใจให้
      แน่ ๆ ก่อนว่า ตกลงจะให้กลับมาหรือ รับเอาไปเสีย

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×