เมื่อประมาณ ปี 1994 มีผู้หญิงคนหนื่งอายุประมาณ 30 ปี
รูปร่างท้วม นุ่งชุดสีซีด เทา ๆ บ้าง น้ำตาล ๆ บ้าง หรือ อะไร ๆ ที่เป็นสีหม่น ๆ
มาที่คริสตจักรเพื่อฝากลูกสาวอายุ 1 ขวบให้เนอสเซอรี่ที่คริสตจักรเลี้ยงให้
หน้าตาเธอบอกอาการของคนตรมทุกข์ หลายวันเข้า ก็เริ่ม
เล่าเรื่องราวให้ฟังบ้าง
จากวันละนิดละหน่อย จนรู้สึกว่าที่คริสตจักรเป็นที่พึ่งพิง ก็เริ่มที่จะ
เล่าทุก
เรื่องอันเกี่ยวกับครอบครัวและตนเอง
เล่าเรื่องวันไหน น้ำตาท่วมโบสถ์วันนั้น
เธอ
เล่าให้ฟังว่าเป็นช่างตัดเสื้ออยู่ที่หน้าโรงพยาบาล มีลูกชายคนหนึ่ง
ลูกสาวคนหนึ่ง สามีหายไปปีกว่าแล้วนับตั้งแต่คลอดบุตรสาวคนเล็ก
ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดเวลาที่สามีหายไป ไม่รู้เป็นตายร้ายดีประการใด
ถามไปถามมาก็ทราบว่าสามีเป็นคนชอบดื่มเหล้า เมาสุรา ติดยาเสพติด เจ้าชู้
คือ เอาทุก
เรื่องที่เป็นอบายมุขว่างั้นเถอะ เราก็พอทราบว่าคนท่านก็คงหายไป
กับสายลมแสงแดดแห่งความต้องการของตนเอง สืบไปสืบมาก็ทราบว่า
ไปอยู่ที่จังหวัดตาก ที่ ตำบลหนึ่งอันเป็นแหล่งผลิตยาบ้า คือแหล่งยาเสพติด
ที่มีราคาถูกที่สุดในสมัยนั้น คือที่ เพชรบูรณ์อาจจะมีราคา 120 บาท ต่อเม็ด
แต่ที่นั่นราคาต่อเม็ดคือ 17 บาท เค้าก็เลยคิดว่าจะลงรากปักฐานอยู่ที่นั่น
ก็พ่อคุณเสพยาบ้ามากขึ้น ๆ จนถึงวันละเป็นสิบเม็ด ขืนอย่เพชรบูรณ์
เจอราคาเม็ดละ 120 บาท เขาคงไม่มีกำลังซื้อ ไปที่แหล่งผลิตเลย 17 บาท
10 เม็ดก็แค่ 170 บาทเอง แถมมีภรรยาใหม่ที่นั่นอีกต่างหาก
...... อยู่มาระยะหนึ่งผู้หญิงลูกติดสองคนที่ว่านี้ก็รับเชื่อพระเจ้า
เมื่อเริ่มรู้จักการอธิษฐานก็อธิษฐานขอให้สามีกลับมา เมื่อถึงวันศุกร์อธิษฐาน
ก็ขอให้ที่ประชุมอธิษฐานขอให้สามีกลับมา ผมเคยติง ๆ ว่า
"ถ้ากลับมาแล้วเป็นเหมือนเดิมจะรับได้ไหม"
เค้าก็บอกว่า
"อย่างไรอย่างไรก็รับได้อยู่แล้วค่ะ ขอให้เขากลับมาก็แล้วกัน"
...เออความรักปิดบังความผิดมากมายได้จริง ๆนะ ผมเองก็อยากให้เขากลับมา
เพราะลูกสาวไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย .... อัศจรรย์ครับ ไม่กี่เดือน
หลังจากหายไป 2 ปี คุณพ่อก็กลับบ้าน มาอยู่กับครอบครัว อยู่มาระยะหนึ่ง
ภรรยาก็ดาวน์รถให้เพื่อวิ่งรับส่งผักที่ตลาดกลางสินค้าเกษตร อ.หล่มสัก
ไป ปากคลองตลาดที่กรุงเทพบ้าง ที่ตลาดไทบ้าง พอเริ่มมีเงินมีรายได้
เค้าก็เริ่มใช้ชีวิตเหมือนเดิม ดื่มเหล้าหนักตอนรอผักขึ้น พอออกรถก็ง่วงเลย
ต้องอาศัยยาบ้าเป็นแรง ...แล้วก็.. ติดยาเหมือนเดิม หลังจากนั้นไม่นาน
เค้าก็หายไปอีก .... ภรรยาก็มาที่คริสตจักรอธิษฐานขอให้สามีกลับมาอีก
...คราวนี้ที่อยากให้กลับไม่ใช่เพราะอาลัยอาวรณ์อะไรดอก ที่อยากให้กลับเพราะเค้าเอารถไปด้วย ไฟแนนซ์ ตามยึดอยู่แล้วตัวภรรยาเองเป็น
ผู้ค้ำประกัน ต้องรับผิดชอบภาระหนี้หากไม่เอรถมาคืนไฟแนนซ์
... อธิษฐานไประยะหนึ่งพระเจ้าก็ทรงช่วยให้สามารถตามเอารถกลับมาได้
แถมด้วยคุณคนขับไปคือสามีก็กลับมาเป็น Package ร่วม ตานี้หลัง ๆ มา
ความรักเร่มเยือกเย็นลงก็ทะเลาะกันบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น บางทีภรรยา
ก็หลบสามีมาที่โบสถ์ ครั้งหนึ่งที่เสียวไส้เอามาก ๆ คือวันที่สามีเค้าโกรธจัด
ตามเอาเรื่องภรรยาที่โบสถ์ ตรงดิ่งมาหาภรรยาผมเองในฐานะหัวหน้าชุมชน
ผู้จำเป็นต้องกล้าหาญก็ต้องตัดสินใจออกไปขวางตรงกลางห้ามเขา
คิดในใจอยู่ว่าเออถ้าเค้าไม่ฟังเราคงเละเพราะตัวเล็กกว่ากันเยอะ
(ตอนนั้นผมน้ำหนัก 48 กก.ส่วนสูงแค่ 165 ซม.)
กล้ามฝ่ายนั่นเขาเป็นมัด ๆ สูงเกือบ 180 ซม. น้ำหนักก็กว่า 70 กก.
แต่ขอบพระคุณพระเจ้าเจ้าพ่อประคุณยังฟังคำห้ามปราม
แต่กระนั้นในครอบครัวนี้ก็เกิด
เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นระยะ ๆ
..... ครั้งหนึ่งตอน 4 ทุ่มคืนวันหนึ่ง ลูกชายคนโตเขามาเคาะประตูเรียกผมว่า
“ ลุง ๆ แม่บอกให้มาเรียกลุง” ผมก็ถามว่าทำไม่เหรอเรียกไปทำไม
อ่อ..เด็กตอบว่า “พ่อด่าลุงมากเลยแม่บอกว่าให้ไปฟัง”
.....ผมก็เลยขับรถออกไปจอดหน้าบ้านของสองสามีภรรยาคู่กรณี
เดินดิ่งเข้าไปในบ้าน บรรยากาศฉ่งเช้ง ๆ เปลี่ยนทันที สามี-ภรรยาคู่กรณี
นั่งเงียบ เอ ไม่มีเสียงด่าดังข้อกล่าวหา แต่พอผมนั่งภรรยาเค้าก็รายงาน ว่าสามีเค้าด่าอาจารย์ดังนี้ ๆ ๆ โห แต่ละข้อกล่าวหาฉกรรจ์ทั้งนั้น เป็นอาจารย์
แต่ชอบตั้งวงเหล้า งี้ เป็นชู้กับภรรยาคนอื่นงี้ สารพัดเลยแฮะข้อกล่าวหา
นั่งฟังรายงานการกล่าวหาเหลือสองข้อ คือ ยังไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์กับเป็นเกย์เท่านั้น เออ คุณฝ่ายภรรยาเห็นพวกมาเสริมก็เอาใหญ่
เชียวบอกต่อไปอีกว่า
“นี่นะคะอาจารย์หนู่อธิษฐานขอให้พระเจ้าเก็บมันไปเสียเพราะเป็นหนามใหญ่ในชีวิตหนู”
( เออ เมื่อก่อนขอให้สามีกลับมาตอนนี้ขอให้พระเจ้าเก็บมันไป ตกลงเอายังไงกันแน่ )
ผมขำในใจแต่สีหน้าวางมาดขรึมเพื่อสยบตัวต้นเหตุแล้วเรียกชื่อเขาว่า
“เอ๋ เธออยู่ดี ๆ มา พาดพิงถึงฉันจนเสียหายอย่างนี้ได้ไง ...คิดอย่างไรพูดออกมาสิ"
.... เค้าเงียบไปพักหนึ่งเพื่อรวบรวมความกล้าหาญแล้วบอกว่า
“เวลาถียงกันผมเถียงสู้ไม่ได้เพราะด่าอย่างไร ๆ เมียผมก็ไม่รู้สึกเจ็บสักที
จะด่าพ่อ ด่าแม่มัน มันก็เป็นลูกกำพร้า ด่ามันอย่างอื่นไม่มีอาการตอบสนอง
คิดจะกล่าวต่อว่าพระเจ้าก็ไม่กล้าหาญ ... นึกได้ก็เลยด่าอาจารย์พอด่า
อาจารย์เค้ารู้สึกเจ็บมากผมก็เลยด่า ๆ ไปงั้นแหละไม่อยากแพ้มัน..คือ
ไม่เจตนาให้ร้ายอาจารย์ ครับ....ขอโทษ”
เออ อย่างนี้ก็มี พอหลังจากวันนั้นก็ไม่มีศึกสงครามพาดพิงมาที่คริสตจักร
( ก่อนหน้ามีเรื่อย ทีมงาน พี่น้อง คือหลายคนในคริสตจักรเจอหมอนี่
เอาเรื่องมาตลอด ) หลังจากเหตุการณ์วันนนั้นมาคุณสามีของเค้าก็เริ่มป่วย
ทรงแล้วก็ทรุด ตรวจสุดท้ายรู้สึกว่าเป็นมะเร็งที่หลอดลมเพราะสูบยาบ้ามานานแสดงอาการว่าไม่รอดแน่ ท้ายสุดของชีวิตเค้าก็รับเชื่อพระเจ้า มาร่วมนมัสการ
ที่คริสตจักร มามาดใหม่ กลับใจแล้ว เออ ด่าอาจารย์มานาน ตอนนี้มานั่งฟัง
อาจารย์เทศน์ หมอนี่บาปมาก็เยอะ เยอะจริง ๆ พระเจ้าก็รักเค้านะ ผมเองก็ยอม
รับเขาอย่างไม่ขัดเขิน ว่าเขาเป็นพี่น้องที่รักของเรา
เชื่อพระเจ้าไม่ถึงเดือนมั้ง เขาก็สิ้นใจ เชื่อปุ๊บ ก็ตายปั๊บ ดีจริง ๆไม่ต้องเสี่ยง
การหลงหาย ไม่ต้องกลับใจซ้ำซ้อน คำอธิษฐานภรรยานี่ขลังจริง ๆ ขอพระเจ้า
ให้นำสามีที่หายไปนานกลับ พระเจ้าก็เอากลับมา
(แต่คงลืมขอว่าขอให้กลับมาแบบดี ๆ ปกติ ๆ )
ขอให้พระเจ้ารับเอาไปพระเจ้าก็รับเอาไป
สามีทั้งหลายระวังนะครับ อย่าไปทำให้ภรรยาเจ็บช้ำน้ำใจ
ประเดี๋ยวอธิษฐานขอให้พระเจ้ารับไปแบบกรณีนี้
มนุษย์นี่หลายใจจริง ๆ ตกลงบางทีก่อนเราจะขอ
จากพระเจ้าก็ตัดสินในใจให้
แน่ ๆ ก่อนว่า ตกลงจะให้กลับมาหรือ รับเอาไปเสีย
ความคิดเห็น