เรื่องบังเอิญ
อยากบังเอิญอีกสักคั้ง
ผู้เข้าชมรวม
66
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“นี่มันก็นานแล้วนะ นี่มันก็ผ่านมาเกือบ4ปีแล้วนะ แต่ทำไมเหมือนว่าภาพความทรงจำมันยังไม่เคยลบเลือนไปสักวินาทีเลยล่ะ มันยังชัดเจนเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง” เสียงลำพึงของผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงนี้ก็เป็นเสียงของฉันเอง ฉันชื่อ “สีน้ำ” ฉันเป็นเป็นเด็กบ้านๆคนหนึ่ง ที่หน้าตาธรรมดามากๆในสายตาของผู้คน ฉันเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน หรือเรียกว่าเด็กเรียนเลยก็ว่าได้ บ่อยครั้งที่ฉันได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขัน ที่ต่างๆ ชนะบ้าง แพ้บ้างสลับกันไป แต่ฉันก็ไม่คิดมากเพราะฉันคิดว่าตัวของฉันเองไม่ได้เก่งอะไรมากนัก จึงไม่คาดหวังอะไรมาก ฉันใช้ชีวิตไปวันๆไม่ได้พิเศษอะไร เล่นกีฬาบ้าง บ้างก็เตะบอลซึ่งฉันมีนิสัยห้าวๆเป็นผู้ชายซะมากกว่าผู้หญิงซะอีก เพราะที่บ้านฉันเป็นลูกคนสุดท้อง และปะป๋าของฉันก็อยากมีลูกชายมาก จึงเลี้ยงฉันออกแนวผู้ชาย ซึ่งสังเกตได้จากเสื้อผ้าของฉันที่เป็นแนวผู้ชายหมด ฉันจะมีกระโปรงและได้ใส่กระโปรงก็แค่กระโปรงนักเรียนเท่านั้น การที่ฉันจะใส่กระโปรงเหมือนผู้หญิงทั่วไป มันก็อายตัวเองยังไงไม่รู้ ฉันจึงไม่เคยใส่กระโปรงไปเที่ยวไหนเลยสักครั้ง
วันหนึ่งชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปหลังจากได้ไปทัศนศึกษาที่โรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังมาก ฉันได้ไปที่ห้องห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องสุดท้ายก่อนที่ฉันจะกลับโรงเรียนแล้ว ฉันได้ไปเจอกับคนๆหนึ่ง เค้าเป็นตัวแทนออกมาอธิบายโครงงาน เค้าเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาธรรมดามาก ไม่ขาวมาก เฉยๆมาก ไม่โดดเด่นอะไรเมื่อเทียบกับเพื่อนๆร่วมห้องกับเค้า ตอนแรกฉันก็เฉยๆไม่ได้คิดอะไรหรือมีอะไรพิเศษ จนมาถึงจุดๆหนึ่ง พอดีมือเค้ามาโดนฉัน ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเพื่อนผู้ชายคนอื่นแทบจะตบหัวกันได้ จึงไม่ได้คิดอะไร แล้วไม่ได้หวังรอการขอโทษอะไร แต่ทันทีที่มือเค้าสัมผัสกับมือฉัน เค้ากลับรีบขอโทษฉันแบบที่เค้ารู้สึกผิดที่โดนตัวฉัน ฉันก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ได้ถือโทษอะไร แต่เค้าก็รู้สึกผิดอยู่ดี ระหว่างนั้นฉันกลับมามองเพื่อนเพื่อนต่างแกล้งโห่ฉันตอนที่เค้าหันหลังไปแล้ว ทำไมฉันรู้สึกแบบนี้นะ ทำไมเค้าเป็นสุภาพบุรุษจัง แต่เค้าก็คงสุภาพบุรุษกับทุกคนล่ะ แต่ฉันนะตอนนี้ทำไมรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจก็ไม่รู้ แล้วก็ได้เวลากลับโรงเรียนแล้วฉันก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อกลับไปที่โรงเรียนในวันรุ่งขึ้นเพื่อนๆก็ต่างล้อฉัน โดยเอารูปเค้ามาล้อ ฉันก็รู้สึกอายๆ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอายทำไม ยังไงฉันกับเค้าคงไม่มีทางเจอกันได้อีกแล้วเพราะมันยากที่ฉันจะเจอเค้าอีก เพราะนักเรียนในโรงเรียนเค้ามีมากมายหลายพันคน แล้วเค้าชื่ออะไรฉันก็ยังไม่รู้เลย ฉันก็ไม่คิดอะไรแค่รู้สึกดีเท่านั้นเอง
แล้วเวลาก็ได้ผ่านไป จนบางทีฉันเผลอลืมเค้าไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วทางโรงเรียนนั้นก็ส่งจดหมายเชิญให้ทางโรงเรียนของฉันไปดูงานอีก ครั้งนี้ฉันรู้สึกไม่อยากไปมากๆ จึงปฏิเสธอาจารย์ไป แต่อาจารย์บอกกับฉันว่าควรไปเพราะว่าจำเป็นต้องทำงาน ไปหาประสบการณ์ ฉันจึงไปแบบไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไปเป็นเพื่อนเพื่อน แล้วเพื่อไปหาตัวอย่างมาทำงาน แต่รูปแบบของงานนิทรรศการต่างไปจากเดิม ครั้งนี้เค้าจัดเป็นซุ้มนิทรรศการต่างๆ ฉันก็เดินดูงานทั่วไป แล้วเพื่อนก็แซวฉันว่าอาจเจอเค้าคนนั้นในงานก็ได้ แต่ฉันก็บอกเพื่อนว่า ไม่มีทางหรอก จะบังเอิญไปไหมคนหลายพันคน บวกกับนักเรียนที่มาดูงานอีกเกือบ5000พันคน ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรที่จะเจอเค้าอีกเพราะรู้ว่าไม่มีทางหรอก โลกคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกนะ แต่เอาเรื่องจริง ในใจฉันก็อยากเจอเค้า ฉันแอบคิดว่าถ้าฉันเจอเค้าฉันจะจำเค้าได้ไหม และเค้าล่ะจะจำฉันได้รึป่าว ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเพื่อนคนนึ่งดึงฉันให้หยุด ฉันตกใจมากกำลังจะหันไปด่าเพื่อนแต่ไม่ทันที่ฉันจะอ้าปากด่า ฉันก็เหลือบไปเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่ง เค้าเปลี่ยนไปมาก ทั้งหน้าตาและทุกๆอย่าง ต่างจากวันแรกที่เราเจอกัน ฉันจำเค้าได้ แต่เชื่อเหอะเค้าจำฉันไม่ได้เลย อาจเป็นเพราะฉันเป็นแค่คนๆหนึ่งที่ผ่านไปที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร จนจะให้เค้าต้องจดจำ แต่ฉันไม่ได้คิดอะไร แต่ที่รู้ๆฉันจำเค้าได้ก็พอ แล้วเพื่อนก็พาฉันไปหาเค้าที่ซุ้ม แต่เราก็ทำเนียนๆไปไม่ได้ทำอะไรให้เค้าสงสัย แต่แปลกนะคนต่อคิวดูซุ้มเค้าก็เยอะอยู่ แต่ที่กลับว่างให้ฉันเข้าไปได้ เพื่อนฉันก็จัดแจงสร้างสถานการณ์ แต่ฉันตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลย มันอึ้งไปหมด ฉันไม่ได้เตรียมตัวเพราะไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ที่รู้ๆใจฉันตอนนี้ทำไมมันอึดอัดอย่างนี้นะ นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมเราใจเต้นแรงมาก และหน้าชาไปหมดแล้ว ความกล้าของเราหายไปไหนนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ทำอะไรได้แค่ก้มหน้าฟังเค้าอธิบาย บางครั้งที่เค้าเผลอฉันก็แอบเงยหน้ามองเค้าบ้าง แต่เค้าคงไม่รู้ตัวหรอก ฉันตอนนั้นคงทำได้แค่นี้จริงๆ แล้วฉันก็เดินออกมา พร้อมกับความดีใจและความเสียใจที่อีกไม่กี่นาทีเราก็ต้องจากกันเป็นครั้งที่2แล้วนะ แล้วเรื่องบังเอิญจะมีอีกไหมนะ การไปครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆนะ เหมือนฉันได้เจอในสิ่งที่ฉันรอมานาน และเมื่อได้เจอแล้วทำไมเวลามันแสนสั้นจังนะ นี่หรอที่เค้าว่าเวลาของความสุขมักจะสั้นกว่าเวลาของความทุกข์เสมอ เฮ้อ….. เราเผลอคิดอะไรไปเนี่ย บ้าจริง เค้าก็คือเค้า เราก็คือเรา เรามันต่างกันเกินไปจริงๆ แล้วฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย
หลังจากวันนั้น ฉันก็ไม่เคยลืมเค้าได้เลย มีคนเข้ามาในชีวิตฉันก็หลายคน ทั้งรุ่นพี่ทั้งเพื่อนแต่ฉันก็ไม่เคยเก็บมาใส่ใจเลยสักครั้ง แต่ทำไมฉันไม่เคยลืมเค้าคนนั้นเลยนะ บ้าจริงๆ สีน้ำเธอบ้าไปแล้วเธอบ้าไปจริงๆ ให้ตายเหอะ กับแค่คนที่เธอเจอเพียง2ครั้งเธอกับเอามาคิดเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งที่เค้าจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำไมอยากลืมกลับจำนะ ฉันถามตัวเองเสมอมา แต่ก็อดไม่ได้ ฉันได้ชื่อเค้ามาแล้วฉันก็ลองหาชื่อเค้าทางออนไลน์ เพื่อดูข่าวคราวความเป็นไปของเค้า แล้วมันก็มีด้วยเค้าได้ไปต่างประเทศ เค้าเก่งมากที่ได้ไปแข่งต่างประเทศ ฉันดีใจกับเค้าด้วยทั้งที่ไม่เคยคิดเลยว่าเค้าจะเก่งมากขนาดนี้ แล้วเราล่ะมันธรรมดามากๆเลยด้วยซ้ำ เค้าเก่งมากจริงๆ ไม่น่าเลยเราฝันเฟื่องไปเรื่อย บ้าจริงๆเลยเรา เฮ้อออ เลิกคิดเหอะ แต่ทำไมมันเลิกไม่ได้นะ บางครั้งก็แอบน้อยใจตัวเองด้วยซ้ำ
1ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ไวมากสำหรับใครบางคน แต่สำหรับฉัน ณ ตอนนี้มันช้ามากช้ามากจริงๆ ฉันเฝ้าลุ้นทุกวันว่าจะมีงานนิทรรศการดูงานที่นั่นอีกไหม ลุ้นและมีความหวังอยู่ทุกวัน แต่ข่าวร้ายอาจารย์บอกฉันว่าอาจไม่มีแล้วเพราะเกิดเหตุการณ์ที่โรงเรียนแห่งนั้น ฉันได้แต่เศร้า แต่ก็ต้องตัดใจไป เพราะว่ามันทำอะไรไม่ได้นี่นา ถือว่ามันเป็นความบังเอิญชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น คงไม่มีแล้วความบังเอิญครั้งใหม่ที่เราจะเจอกันอีกต่อไปหรอกมั้ง แต่อย่างไรฉันก็ดีใจนะที่ได้เจอเค้าคนนั้น คนที่สร้างความรู้สึกแปลกๆให้ฉันจนถึงวันนี้ และฉันก็ไม่คิดจะลืมมันด้วย ปล่อยให้มันเป็นความรู้สึกดีๆแบบนี้ตลอดไปก็แล้วกันนะ ฉันถอนหายใจ แล้วเปิดหนังสือตั้งใจเรียนต่อไป คนเราต้องเดินหน้าต่อไปสินะ
เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนสนิทของฉันได้มาบอกข่าวดีที่สุดให้ฉันทราบเกี่ยวกับนิทรรศการที่โรงเรียนแห่งนั้น ฉันรู้สึกดีใจมาก นี่เป็นข่าวดีที่ฉันรอฟังมาตลอดหนึ่งปี ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายแล้วสินะ ที่ฉันจะมีโอกาสเจอเค้าคนนั้นอีกครั้ง ครั้งเดียวครั้งสุดท้ายจริงๆไม่มีทางเริ่มใหม่ได้อีกแล้ว เพราะเราต้องแยกไปเรียนตามความฝันของตัวเองอีกต่อไป ฉันได้แต่แอบดีใจแล้วลุ้นที่จะได้เจอเค้าอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันรู้ว่าว่าเค้าได้เสนอโครงงานฉันแอบดีใจที่คราวนี้จะได้เจอเค้าจังๆด้วยความตั้งใจไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว เวลาที่เค้าเสนองานคือ10โมงเช้า ฉันมีความหวังอีกครั้ง ฉันคิดในใจอยากไปนั่งมองเค้า อยากมองเค้าให้นานที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายจริงๆ ไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว ไม่มีแล้ว แต่เมื่อไปถึงงานก็พบว่ามันเลยเวลาที่เค้าเสนองานไปแล้ว ฉันรู้สึกหมดหวังแล้ว แล้วไม่คิดว่าจะเจอเค้าอีกแล้ว โอกาสของเราหมดแล้วสินะ ทั้งที่มันยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ ระหว่างที่ฉันกำลังหันหลังกลับด้วยความสิ้นหวัง ทันใดนั้นเอง ตาสองคู่ของฉันก็เหลือบไปเห็นเค้านั่งอยู่ที่บันได เชื่อไหมว่าตอนนั้นมีคนนั่งกับเค้ามากมายเกือบ10คน แต่ฉันกลับมองเห็นเค้าคนเดียว เค้าคนเดียวเท่านั้นจริงๆ นี่ฉันฝันไปหรือป่าว นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม นี่มันบังเอิญครั้งที่3แล้วหรออ ไม่น่าเชื่อ ฉันจะไม่เชื่อโดยเด็ดขาดถ้าหากวันนี้ไม่เจอกับตัวเอง เค้ามาช่วยเพื่อนเค้านำเสนองานเป็นรายต่อไปน่ะ อยากขอบคุณเพื่อนเค้าคนนั้นจริงๆที่ทำให้เค้าอยู่ต่อ และทำให้ฉันได้เจอเค้าอีกครั้ง ขอบคุณจริงๆ ฉันเดินเข้าไปดูเพื่อนเค้าเสนองานและเค้าก็เดินเข้ามา สายตาและหูสองข้างของฉัน สาบานได้เลยว่ามันไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ได้ยินแค่เสียงของใจตัวเอง และภาพผู้ชายคนนึ่งที่ฉันเฝ้ามองอยู่ตั้งนานแม้เค้าไม่ได้มีบทบาทในการนำเสนองานอะไรนี่ด้วยซ้ำ ณ ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรอีกแล้วคิดแต่ว่า ฉันอยากใช้เวลาทุกวินาทีนี้ โอกาสสุดท้ายนี้ มองเค้าให้มากมี่สุด มองเค้าทุกรายละเอียด มองเค้าเพราะฉันรู้ตัวดีเสมอว่าฉัน คงได้แค่มองเค้าแบบนี้เท่านั้น ได้แค่มอง มองเค้าอยู่ตรงนี้ มองเค้าอยู่ไกลๆ คงได้แค่มอง
และแล้วการนำเสนองานก็จบลง ความสุขของฉันคงจบไปด้วยสินะ ฉันคงต้องหันหลังออกจากความฝันกลับสู่โหมดปัจจุบันแล้วสินะ แต่ยังไม่จบนะ ฉันได้เจอเค้าอีกครั้งตอนเค้าเสนองานที่เค้าทำในหอประชุม ฉันไม่สนใจงานของใครได้แต่มองหาเค้า และฟังเค้าอธิบายทั้งที่ฉันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ทำเหมือนสนใจ เค้าจะรู้ไหมนะที่ฉันสนใจน่ะไม่ใช่งานของเค้าหรอก แต่ฉันสนใจตัวของเค้าต่างหาก ฉันยอมรับนะว่าโรงเรียนแห่งนี้มีคนน่าตาดีมากมายหลายร้อยคน แต่ทำไมฉันไม่สามารถระสายตาออกจากเค้าได้เลยจริงๆ ฉันฟังเค้าอธิบายจนจบ รู้ไหมถ้าเค้าถามว่าฉันได้อะไรในงานของเค้า ฉันยอมรับนะว่าฉันคงตอบเค้าไม่ได้หรอกเพราะทุกวินาทีที่เค้าพูด ฉันไม่ได้ฟังมันเลยด้วยซ้ำฉันได้แต่จ้องมองหน้าเค้า มองหน้าเค้าตลอดเวลา มองเค้าให้มากที่สุดเพราะว่าเวลาของฉันมันจะหมดลงแล้ว แล้วฉันก็แกล้งถามข้อมูลของเค้าโดยประจวบเหมาะที่ทางโรงเรียนได้ให้งานมาจดชื่อบุคคลตัวอย่าง ฉันก็ไม่ลังเลที่จะเลือกเค้าด้วยซ้ำ เค้าบอกชื่อ และอีเมล์ให้ฉัน เพื่อว่ามีอะไรจะได้ถาม ฉันแอบดีใจมากดีใจที่สุดเลยทีเดียว ว่าฉันได้ก้าวและใกล้ชิดเค้ามากขึ้นก้าวหนึ่ง ฉันแอบคิดในใจว่ามันคงเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากเลยนะสำหรับฉัน ฉันได้ถามความฝันในอนาคตของเค้าเพื่อจดลงในสมุดใบงาน เค้าก็ได้บอกว่าซึ่งเค้ามีความคิดที่แปลกมาก แต่มันเป็นความคิดที่ดีที่ฉันจะขอจดจำ ความฝันของเค้าฉันยังจำได้มาตลอดเกือบ4ปี ไม่เคยลืมเลยด้วยซ้ำ
หลังจากกลับมาบ้านฉันก็ได้แอดเค้าเป็นเพื่อน เค้าก็ตอบรับและฉันก็ไปทักเค้าแบบเนียนๆมาก เค้าทีแรกก็จำฉันไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่น้อยใจหรอกนะ เพราะฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะน้อยใจนิ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้เป็นคนรู้จักด้วยซ้ำไม่แปลกที่เค้าจะลืมแล้วก็ไม่ใส่ใจ แค่เค้าตอบทักฉันนี่ก็เป็นความสุขมากๆแล้ว แต่รู้ไหมฉันติดตามเค้ามาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ มีข้อความหนึ่งที่เค้าถามฉันว่า แล้วพุ่งนี้จะมาดูงานอีกไหม รู้ไหมฉันแอบดีใจมากแม้ว่าเค้าอาจไม่คิดอะไรที่พิมพ์มาแต่เชื่อไหมฉันคิดไปไกลแล้วว่าเค้าอยากที่จะเจอฉันอีก ซึ่งมันก็เป็นแค่ความคิดของฉันคนเดียวเท่านั้น บางครั้งเค้าอาจไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำก็ได้
แล้ววันที่ฉันไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้ เมื่อฉันรู้ว่าเค้ามีแฟนแล้ว แต่อาจไม่ใช่แฟนเพราะดูแล้วเหมือนเค้าจะชอบผู้หญิงคนนั้นมากด้วยซ้ำ บางทีก็ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะเฉยๆด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างไรก็เหมือนเค้ากับผู้หญิงคนนั้นสนิทกันเกินเพื่อนเพราะว่าฉันเห็นรูปของเค้าก็จะมีผู้หญิงคนนั้นข้างๆเสมอ จนบางครั้งฉันก็แอบคิดว่า ถ้าฉันได้ใกล้ชิดกับเค้า ได้สนิทกับเค้าเหมือนผู้หญิงคนนั้น เค้าจะมีใจให้ฉันบ้างไหมนะ แต่บางทีถ้าฉันได้สนิทกับเค้าจริงๆถ้าฉันไม่ใช่สำหรับเค้าต่อให้ฉันใกล้เค้าเพียงใด มันก็ห่างอยู่ดีเพราะฉันไม่ใช่สำหรับเค้า ฉันรู้มาว่าแฟนเค้านิสัยดีมาก เรียนก็เก่ง ฐานะทางบ้านก็ดีมากไปเที่ยวต่างประเทศตั้งหลายครั้ง ต่างกับฉันโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว ถ้าเค้าสองคนเป็นแฟนกันก็ดีสินะ มันคงเป็นอะไรที่เหมาะสมแล้วดูดีมาก มากกว่าที่จะเป็นฉัน ฉันไม่มีทางสู้อะไรเค้าได้เลย แพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้เลยด้วยซ้ำ ฉันต้องดีใจสินะ ที่ได้เห็นคนที่เราแอบรักเค้ามีความสุขกับคนที่เค้ารัก คนที่ดีแล้วเหมาะสมกับเค้า แม้คนๆนั้นอาจไม่ใช่เรา เราไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่เริ่มแล้วด้วยซ้ำ เราไม่มีสิทธิ์ ฉันบอกตัวเองเสมอมา แล้วเค้ากะเธอคงมีความสุขกันมากเลยสินะ ได้เรียนด้วยกันอยู่ในมหาลัยเดียวกัน ได้เจอหน้ากันทุกวัน กำลังใจในการเรียนของเค้าสองคนคงเต็มไปด้วยความรักของเค้าสองคน เราไม่ควรจะไปมองไปยุ่งไปติดตาม ไปทักเค้าสินะ ฉันบอกตัวเอง
จากนี้ก็เกือบสี่ปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกันอีกเลย ความบังเอิญคงมีแค่3ครั้งเท่านั้นแล้วสินะ ถึงอย่างไรเราอยากบอกนายว่า “เราไม่เคยเสียใจเลยนะที่ได้เจอนายเมื่อสี่ปีที่แล้ว ไม่เคยเสียใจที่เจอนาย ไม่เคยโทษความบังเอิญที่ให้เรามาเจอกัน ในทางกลับกันเราอยากขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้เจอกัน ทำให้เด็กน้อยบ้านๆคนนี้ได้มีความรู้สึกพิเศษกับใครคนนึ่งที่เราไม่เคยรู้จัก แต่เรากลับรู้สึกดีกับเค้ามากมายขนาดนี้ เราอยากบอกนายว่าไม่มีสักวินาทีเลยนะที่เราจะลืมนายถึงแม้ว่าเราจะรู้ตลอดมาว่าทุกวินาทีของนายอาจไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเราด้วยซ้ำ ไม่ผิดหรอกที่นายจะไม่เคยจำเรา เราอาจไม่ใช่สำหรับนายนะ แต่นายใช่สำหรับเรานะ เราจะไม่ลืมนายนะ จะผิดไหมที่เราขอมองนายอยู่ตรงนี้ แต่สบายใจได้เลยเพราะเราจะไม่ไปยุ่งกับนายอีกละ เราจะไม่ทักนายอีกเพราะอาจทำให้นายกับเค้าไม่สบายใจได้ แต่เราไม่ขอลืมนายได้ไหม มันลืมยากจริงๆนะ ถ้านายมีความรู้สึกดีๆกับใครไปแล้ว มันยากนะที่จะเอามันกลับมา คงไม่ว่าเราใช่ไหมที่เราจะจำนาย เราขอได้ไหมขอแค่เก็บความทรงจำที่ดีๆที่เรามีให้นายไว้ในใจเรา แล้วมันจะอยู่แค่ในใจเราคนเดียวเท่านั้น เราสัญญานะว่าจะไม่ให้มันออกมาแน่ๆ เราจะเก็บมันไว้ในใจแบบนี้ตลอดไป
การที่ฉันได้เจอเค้าทำให้ฉันรู้ว่าคนเราสามารถรักใครคนหนึ่งได้ทั้งที่เจอกันเพียงครั้งเดียว นี่ใช่ไหมที่เค้าเรียกว่ารักแค่เพียงสบตา
ความรักไม่ใช่การครอบครองสินะ มันเป็นการที่เราได้เห็นคนที่เรารักนั้นมีความสุขกับคนที่เค้ารักแม้คนๆนั้นไม่ใช่เราก็ตาม
แล้วสุดท้ายนี้ ไม่จำเป็นหรอกว่าสีน้ำต้องคู่กับพู่กัน(ฉันลืมบอกไปว่าเค้าชื่อพู่กัน)บางทีสีน้ำไม่จำเป็นต้องใช้พู่กันระบาย ฉันมือระบายก็ได้นินะ!
ความรักครั้งนี้สอนให้ฉันได้รู้ว่า บางทีความทุกข์มันก็สร้างรอยยิ้มให้กับเราได้นะไม่จำเป็นหรอกที่รอยยิ้มจะอยู่กับความสุขอย่างเดียวน่ะ มันอยู่ที่เราจะเลือกยิ้มมันในเวลาที่เราทุกข์หรือสุขเท่านั้นเอง
ผลงานอื่นๆ ของ สีน้ำกับพู่กัน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ สีน้ำกับพู่กัน
ความคิดเห็น