เรื่องบังเอิญ - นิยาย เรื่องบังเอิญ : Dek-D.com - Writer
×

    เรื่องบังเอิญ

    อยากบังเอิญอีกสักคั้ง

    ผู้เข้าชมรวม

    66

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    66

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 พ.ย. 56 / 00:00 น.
    e-receipt e-receipt
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    นี่มันก็นานแล้วนะ  นี่มันก็ผ่านมาเกือบ4ปีแล้วนะ แต่ทำไมเหมือนว่าภาพความทรงจำมันยังไม่เคยลบเลือนไปสักวินาทีเลยล่ะ มันยังชัดเจนเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เสียงลำพึงของผู้หญิงคนหนึ่ง  เสียงนี้ก็เป็นเสียงของฉันเอง ฉันชื่อสีน้ำ  ฉันเป็นเป็นเด็กบ้านๆคนหนึ่ง ที่หน้าตาธรรมดามากๆในสายตาของผู้คน ฉันเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน หรือเรียกว่าเด็กเรียนเลยก็ว่าได้ บ่อยครั้งที่ฉันได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขัน ที่ต่างๆ ชนะบ้าง แพ้บ้างสลับกันไป แต่ฉันก็ไม่คิดมากเพราะฉันคิดว่าตัวของฉันเองไม่ได้เก่งอะไรมากนัก จึงไม่คาดหวังอะไรมาก ฉันใช้ชีวิตไปวันๆไม่ได้พิเศษอะไร เล่นกีฬาบ้าง บ้างก็เตะบอลซึ่งฉันมีนิสัยห้าวๆเป็นผู้ชายซะมากกว่าผู้หญิงซะอีก เพราะที่บ้านฉันเป็นลูกคนสุดท้อง และปะป๋าของฉันก็อยากมีลูกชายมาก จึงเลี้ยงฉันออกแนวผู้ชาย ซึ่งสังเกตได้จากเสื้อผ้าของฉันที่เป็นแนวผู้ชายหมด ฉันจะมีกระโปรงและได้ใส่กระโปรงก็แค่กระโปรงนักเรียนเท่านั้น  การที่ฉันจะใส่กระโปรงเหมือนผู้หญิงทั่วไป มันก็อายตัวเองยังไงไม่รู้ ฉันจึงไม่เคยใส่กระโปรงไปเที่ยวไหนเลยสักครั้ง

    วันหนึ่งชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปหลังจากได้ไปทัศนศึกษาที่โรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังมาก ฉันได้ไปที่ห้องห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องสุดท้ายก่อนที่ฉันจะกลับโรงเรียนแล้ว ฉันได้ไปเจอกับคนๆหนึ่ง เค้าเป็นตัวแทนออกมาอธิบายโครงงาน เค้าเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาธรรมดามาก ไม่ขาวมาก  เฉยๆมาก ไม่โดดเด่นอะไรเมื่อเทียบกับเพื่อนๆร่วมห้องกับเค้า ตอนแรกฉันก็เฉยๆไม่ได้คิดอะไรหรือมีอะไรพิเศษ จนมาถึงจุดๆหนึ่ง พอดีมือเค้ามาโดนฉัน ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเพื่อนผู้ชายคนอื่นแทบจะตบหัวกันได้ จึงไม่ได้คิดอะไร แล้วไม่ได้หวังรอการขอโทษอะไร แต่ทันทีที่มือเค้าสัมผัสกับมือฉัน เค้ากลับรีบขอโทษฉันแบบที่เค้ารู้สึกผิดที่โดนตัวฉัน  ฉันก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ได้ถือโทษอะไร แต่เค้าก็รู้สึกผิดอยู่ดี   ระหว่างนั้นฉันกลับมามองเพื่อนเพื่อนต่างแกล้งโห่ฉันตอนที่เค้าหันหลังไปแล้ว ทำไมฉันรู้สึกแบบนี้นะ ทำไมเค้าเป็นสุภาพบุรุษจัง แต่เค้าก็คงสุภาพบุรุษกับทุกคนล่ะ แต่ฉันนะตอนนี้ทำไมรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจก็ไม่รู้  แล้วก็ได้เวลากลับโรงเรียนแล้วฉันก็ไม่ได้คิดอะไร  แต่เมื่อกลับไปที่โรงเรียนในวันรุ่งขึ้นเพื่อนๆก็ต่างล้อฉัน โดยเอารูปเค้ามาล้อ ฉันก็รู้สึกอายๆ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอายทำไม ยังไงฉันกับเค้าคงไม่มีทางเจอกันได้อีกแล้วเพราะมันยากที่ฉันจะเจอเค้าอีก เพราะนักเรียนในโรงเรียนเค้ามีมากมายหลายพันคน แล้วเค้าชื่ออะไรฉันก็ยังไม่รู้เลย  ฉันก็ไม่คิดอะไรแค่รู้สึกดีเท่านั้นเอง

    แล้วเวลาก็ได้ผ่านไป จนบางทีฉันเผลอลืมเค้าไปแล้วด้วยซ้ำ  แล้วทางโรงเรียนนั้นก็ส่งจดหมายเชิญให้ทางโรงเรียนของฉันไปดูงานอีก ครั้งนี้ฉันรู้สึกไม่อยากไปมากๆ จึงปฏิเสธอาจารย์ไป แต่อาจารย์บอกกับฉันว่าควรไปเพราะว่าจำเป็นต้องทำงาน ไปหาประสบการณ์  ฉันจึงไปแบบไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไปเป็นเพื่อนเพื่อน แล้วเพื่อไปหาตัวอย่างมาทำงาน  แต่รูปแบบของงานนิทรรศการต่างไปจากเดิม ครั้งนี้เค้าจัดเป็นซุ้มนิทรรศการต่างๆ ฉันก็เดินดูงานทั่วไป แล้วเพื่อนก็แซวฉันว่าอาจเจอเค้าคนนั้นในงานก็ได้  แต่ฉันก็บอกเพื่อนว่า ไม่มีทางหรอก จะบังเอิญไปไหมคนหลายพันคน บวกกับนักเรียนที่มาดูงานอีกเกือบ5000พันคน  ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรที่จะเจอเค้าอีกเพราะรู้ว่าไม่มีทางหรอก  โลกคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกนะ  แต่เอาเรื่องจริง ในใจฉันก็อยากเจอเค้า ฉันแอบคิดว่าถ้าฉันเจอเค้าฉันจะจำเค้าได้ไหม และเค้าล่ะจะจำฉันได้รึป่าว  ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเพื่อนคนนึ่งดึงฉันให้หยุด  ฉันตกใจมากกำลังจะหันไปด่าเพื่อนแต่ไม่ทันที่ฉันจะอ้าปากด่า ฉันก็เหลือบไปเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่ง เค้าเปลี่ยนไปมาก ทั้งหน้าตาและทุกๆอย่าง ต่างจากวันแรกที่เราเจอกัน  ฉันจำเค้าได้ แต่เชื่อเหอะเค้าจำฉันไม่ได้เลย อาจเป็นเพราะฉันเป็นแค่คนๆหนึ่งที่ผ่านไปที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร จนจะให้เค้าต้องจดจำ  แต่ฉันไม่ได้คิดอะไร แต่ที่รู้ๆฉันจำเค้าได้ก็พอ แล้วเพื่อนก็พาฉันไปหาเค้าที่ซุ้ม แต่เราก็ทำเนียนๆไปไม่ได้ทำอะไรให้เค้าสงสัย  แต่แปลกนะคนต่อคิวดูซุ้มเค้าก็เยอะอยู่  แต่ที่กลับว่างให้ฉันเข้าไปได้  เพื่อนฉันก็จัดแจงสร้างสถานการณ์  แต่ฉันตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลย มันอึ้งไปหมด ฉันไม่ได้เตรียมตัวเพราะไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ที่รู้ๆใจฉันตอนนี้ทำไมมันอึดอัดอย่างนี้นะ  นี่เราเป็นอะไรไป  ทำไมเราใจเต้นแรงมาก และหน้าชาไปหมดแล้ว  ความกล้าของเราหายไปไหนนะ   แล้วฉันก็ไม่ได้ทำอะไรได้แค่ก้มหน้าฟังเค้าอธิบาย  บางครั้งที่เค้าเผลอฉันก็แอบเงยหน้ามองเค้าบ้าง แต่เค้าคงไม่รู้ตัวหรอก  ฉันตอนนั้นคงทำได้แค่นี้จริงๆ  แล้วฉันก็เดินออกมา พร้อมกับความดีใจและความเสียใจที่อีกไม่กี่นาทีเราก็ต้องจากกันเป็นครั้งที่2แล้วนะ  แล้วเรื่องบังเอิญจะมีอีกไหมนะ  การไปครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆนะ  เหมือนฉันได้เจอในสิ่งที่ฉันรอมานาน และเมื่อได้เจอแล้วทำไมเวลามันแสนสั้นจังนะ นี่หรอที่เค้าว่าเวลาของความสุขมักจะสั้นกว่าเวลาของความทุกข์เสมอ เฮ้อ…..   เราเผลอคิดอะไรไปเนี่ย  บ้าจริง  เค้าก็คือเค้า เราก็คือเรา  เรามันต่างกันเกินไปจริงๆ แล้วฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย

    หลังจากวันนั้น ฉันก็ไม่เคยลืมเค้าได้เลย  มีคนเข้ามาในชีวิตฉันก็หลายคน  ทั้งรุ่นพี่ทั้งเพื่อนแต่ฉันก็ไม่เคยเก็บมาใส่ใจเลยสักครั้ง  แต่ทำไมฉันไม่เคยลืมเค้าคนนั้นเลยนะ  บ้าจริงๆ  สีน้ำเธอบ้าไปแล้วเธอบ้าไปจริงๆ ให้ตายเหอะ  กับแค่คนที่เธอเจอเพียง2ครั้งเธอกับเอามาคิดเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งที่เค้าจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ   ทำไมอยากลืมกลับจำนะ  ฉันถามตัวเองเสมอมา  แต่ก็อดไม่ได้  ฉันได้ชื่อเค้ามาแล้วฉันก็ลองหาชื่อเค้าทางออนไลน์ เพื่อดูข่าวคราวความเป็นไปของเค้า  แล้วมันก็มีด้วยเค้าได้ไปต่างประเทศ  เค้าเก่งมากที่ได้ไปแข่งต่างประเทศ ฉันดีใจกับเค้าด้วยทั้งที่ไม่เคยคิดเลยว่าเค้าจะเก่งมากขนาดนี้ แล้วเราล่ะมันธรรมดามากๆเลยด้วยซ้ำ  เค้าเก่งมากจริงๆ  ไม่น่าเลยเราฝันเฟื่องไปเรื่อย  บ้าจริงๆเลยเรา เฮ้อออ  เลิกคิดเหอะ  แต่ทำไมมันเลิกไม่ได้นะ บางครั้งก็แอบน้อยใจตัวเองด้วยซ้ำ

    1ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ไวมากสำหรับใครบางคน  แต่สำหรับฉัน ณ ตอนนี้มันช้ามากช้ามากจริงๆ ฉันเฝ้าลุ้นทุกวันว่าจะมีงานนิทรรศการดูงานที่นั่นอีกไหม  ลุ้นและมีความหวังอยู่ทุกวัน  แต่ข่าวร้ายอาจารย์บอกฉันว่าอาจไม่มีแล้วเพราะเกิดเหตุการณ์ที่โรงเรียนแห่งนั้น  ฉันได้แต่เศร้า  แต่ก็ต้องตัดใจไป เพราะว่ามันทำอะไรไม่ได้นี่นา  ถือว่ามันเป็นความบังเอิญชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น คงไม่มีแล้วความบังเอิญครั้งใหม่ที่เราจะเจอกันอีกต่อไปหรอกมั้ง  แต่อย่างไรฉันก็ดีใจนะที่ได้เจอเค้าคนนั้น  คนที่สร้างความรู้สึกแปลกๆให้ฉันจนถึงวันนี้  และฉันก็ไม่คิดจะลืมมันด้วย  ปล่อยให้มันเป็นความรู้สึกดีๆแบบนี้ตลอดไปก็แล้วกันนะ  ฉันถอนหายใจ  แล้วเปิดหนังสือตั้งใจเรียนต่อไป  คนเราต้องเดินหน้าต่อไปสินะ

    เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนสนิทของฉันได้มาบอกข่าวดีที่สุดให้ฉันทราบเกี่ยวกับนิทรรศการที่โรงเรียนแห่งนั้น  ฉันรู้สึกดีใจมาก นี่เป็นข่าวดีที่ฉันรอฟังมาตลอดหนึ่งปี  ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายแล้วสินะ ที่ฉันจะมีโอกาสเจอเค้าคนนั้นอีกครั้ง  ครั้งเดียวครั้งสุดท้ายจริงๆไม่มีทางเริ่มใหม่ได้อีกแล้ว เพราะเราต้องแยกไปเรียนตามความฝันของตัวเองอีกต่อไป  ฉันได้แต่แอบดีใจแล้วลุ้นที่จะได้เจอเค้าอีกครั้ง   ครั้งนี้ฉันรู้ว่าว่าเค้าได้เสนอโครงงานฉันแอบดีใจที่คราวนี้จะได้เจอเค้าจังๆด้วยความตั้งใจไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว  เวลาที่เค้าเสนองานคือ10โมงเช้า  ฉันมีความหวังอีกครั้ง  ฉันคิดในใจอยากไปนั่งมองเค้า อยากมองเค้าให้นานที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย  ครั้งสุดท้ายจริงๆ  ไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว  ไม่มีแล้ว  แต่เมื่อไปถึงงานก็พบว่ามันเลยเวลาที่เค้าเสนองานไปแล้ว  ฉันรู้สึกหมดหวังแล้ว แล้วไม่คิดว่าจะเจอเค้าอีกแล้ว  โอกาสของเราหมดแล้วสินะ  ทั้งที่มันยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ  ระหว่างที่ฉันกำลังหันหลังกลับด้วยความสิ้นหวัง  ทันใดนั้นเอง  ตาสองคู่ของฉันก็เหลือบไปเห็นเค้านั่งอยู่ที่บันได  เชื่อไหมว่าตอนนั้นมีคนนั่งกับเค้ามากมายเกือบ10คน แต่ฉันกลับมองเห็นเค้าคนเดียว เค้าคนเดียวเท่านั้นจริงๆ  นี่ฉันฝันไปหรือป่าว  นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม นี่มันบังเอิญครั้งที่3แล้วหรออ  ไม่น่าเชื่อ  ฉันจะไม่เชื่อโดยเด็ดขาดถ้าหากวันนี้ไม่เจอกับตัวเอง  เค้ามาช่วยเพื่อนเค้านำเสนองานเป็นรายต่อไปน่ะ  อยากขอบคุณเพื่อนเค้าคนนั้นจริงๆที่ทำให้เค้าอยู่ต่อ และทำให้ฉันได้เจอเค้าอีกครั้ง ขอบคุณจริงๆ  ฉันเดินเข้าไปดูเพื่อนเค้าเสนองานและเค้าก็เดินเข้ามา  สายตาและหูสองข้างของฉัน สาบานได้เลยว่ามันไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ได้ยินแค่เสียงของใจตัวเอง และภาพผู้ชายคนนึ่งที่ฉันเฝ้ามองอยู่ตั้งนานแม้เค้าไม่ได้มีบทบาทในการนำเสนองานอะไรนี่ด้วยซ้ำ  ณ ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรอีกแล้วคิดแต่ว่า ฉันอยากใช้เวลาทุกวินาทีนี้  โอกาสสุดท้ายนี้ มองเค้าให้มากมี่สุด  มองเค้าทุกรายละเอียด  มองเค้าเพราะฉันรู้ตัวดีเสมอว่าฉัน คงได้แค่มองเค้าแบบนี้เท่านั้น  ได้แค่มอง มองเค้าอยู่ตรงนี้ มองเค้าอยู่ไกลๆ คงได้แค่มอง

    และแล้วการนำเสนองานก็จบลง  ความสุขของฉันคงจบไปด้วยสินะ  ฉันคงต้องหันหลังออกจากความฝันกลับสู่โหมดปัจจุบันแล้วสินะ แต่ยังไม่จบนะ ฉันได้เจอเค้าอีกครั้งตอนเค้าเสนองานที่เค้าทำในหอประชุม ฉันไม่สนใจงานของใครได้แต่มองหาเค้า และฟังเค้าอธิบายทั้งที่ฉันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ  แต่ฉันก็ทำเหมือนสนใจ เค้าจะรู้ไหมนะที่ฉันสนใจน่ะไม่ใช่งานของเค้าหรอก แต่ฉันสนใจตัวของเค้าต่างหาก  ฉันยอมรับนะว่าโรงเรียนแห่งนี้มีคนน่าตาดีมากมายหลายร้อยคน แต่ทำไมฉันไม่สามารถระสายตาออกจากเค้าได้เลยจริงๆ ฉันฟังเค้าอธิบายจนจบ  รู้ไหมถ้าเค้าถามว่าฉันได้อะไรในงานของเค้า  ฉันยอมรับนะว่าฉันคงตอบเค้าไม่ได้หรอกเพราะทุกวินาทีที่เค้าพูด ฉันไม่ได้ฟังมันเลยด้วยซ้ำฉันได้แต่จ้องมองหน้าเค้า  มองหน้าเค้าตลอดเวลา  มองเค้าให้มากที่สุดเพราะว่าเวลาของฉันมันจะหมดลงแล้ว  แล้วฉันก็แกล้งถามข้อมูลของเค้าโดยประจวบเหมาะที่ทางโรงเรียนได้ให้งานมาจดชื่อบุคคลตัวอย่าง  ฉันก็ไม่ลังเลที่จะเลือกเค้าด้วยซ้ำ  เค้าบอกชื่อ  และอีเมล์ให้ฉัน เพื่อว่ามีอะไรจะได้ถาม  ฉันแอบดีใจมากดีใจที่สุดเลยทีเดียว ว่าฉันได้ก้าวและใกล้ชิดเค้ามากขึ้นก้าวหนึ่ง  ฉันแอบคิดในใจว่ามันคงเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากเลยนะสำหรับฉัน  ฉันได้ถามความฝันในอนาคตของเค้าเพื่อจดลงในสมุดใบงาน  เค้าก็ได้บอกว่าซึ่งเค้ามีความคิดที่แปลกมาก  แต่มันเป็นความคิดที่ดีที่ฉันจะขอจดจำ  ความฝันของเค้าฉันยังจำได้มาตลอดเกือบ4ปี ไม่เคยลืมเลยด้วยซ้ำ 

    หลังจากกลับมาบ้านฉันก็ได้แอดเค้าเป็นเพื่อน เค้าก็ตอบรับและฉันก็ไปทักเค้าแบบเนียนๆมาก เค้าทีแรกก็จำฉันไม่ได้  แต่ฉันก็ไม่น้อยใจหรอกนะ  เพราะฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะน้อยใจนิ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน  ไม่ได้เป็นคนรู้จักด้วยซ้ำไม่แปลกที่เค้าจะลืมแล้วก็ไม่ใส่ใจ  แค่เค้าตอบทักฉันนี่ก็เป็นความสุขมากๆแล้ว  แต่รู้ไหมฉันติดตามเค้ามาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้  มีข้อความหนึ่งที่เค้าถามฉันว่า  แล้วพุ่งนี้จะมาดูงานอีกไหม  รู้ไหมฉันแอบดีใจมากแม้ว่าเค้าอาจไม่คิดอะไรที่พิมพ์มาแต่เชื่อไหมฉันคิดไปไกลแล้วว่าเค้าอยากที่จะเจอฉันอีก ซึ่งมันก็เป็นแค่ความคิดของฉันคนเดียวเท่านั้น บางครั้งเค้าอาจไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำก็ได้

    แล้ววันที่ฉันไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้  เมื่อฉันรู้ว่าเค้ามีแฟนแล้ว  แต่อาจไม่ใช่แฟนเพราะดูแล้วเหมือนเค้าจะชอบผู้หญิงคนนั้นมากด้วยซ้ำ บางทีก็ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะเฉยๆด้วยซ้ำ  แต่ถึงอย่างไรก็เหมือนเค้ากับผู้หญิงคนนั้นสนิทกันเกินเพื่อนเพราะว่าฉันเห็นรูปของเค้าก็จะมีผู้หญิงคนนั้นข้างๆเสมอ จนบางครั้งฉันก็แอบคิดว่า ถ้าฉันได้ใกล้ชิดกับเค้า ได้สนิทกับเค้าเหมือนผู้หญิงคนนั้น  เค้าจะมีใจให้ฉันบ้างไหมนะ  แต่บางทีถ้าฉันได้สนิทกับเค้าจริงๆถ้าฉันไม่ใช่สำหรับเค้าต่อให้ฉันใกล้เค้าเพียงใด มันก็ห่างอยู่ดีเพราะฉันไม่ใช่สำหรับเค้า  ฉันรู้มาว่าแฟนเค้านิสัยดีมาก  เรียนก็เก่ง ฐานะทางบ้านก็ดีมากไปเที่ยวต่างประเทศตั้งหลายครั้ง  ต่างกับฉันโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว  ถ้าเค้าสองคนเป็นแฟนกันก็ดีสินะ มันคงเป็นอะไรที่เหมาะสมแล้วดูดีมาก  มากกว่าที่จะเป็นฉัน ฉันไม่มีทางสู้อะไรเค้าได้เลย  แพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้เลยด้วยซ้ำ  ฉันต้องดีใจสินะ ที่ได้เห็นคนที่เราแอบรักเค้ามีความสุขกับคนที่เค้ารัก คนที่ดีแล้วเหมาะสมกับเค้า  แม้คนๆนั้นอาจไม่ใช่เรา  เราไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่เริ่มแล้วด้วยซ้ำ  เราไม่มีสิทธิ์  ฉันบอกตัวเองเสมอมา  แล้วเค้ากะเธอคงมีความสุขกันมากเลยสินะ ได้เรียนด้วยกันอยู่ในมหาลัยเดียวกัน  ได้เจอหน้ากันทุกวัน  กำลังใจในการเรียนของเค้าสองคนคงเต็มไปด้วยความรักของเค้าสองคน  เราไม่ควรจะไปมองไปยุ่งไปติดตาม ไปทักเค้าสินะ  ฉันบอกตัวเอง

    จากนี้ก็เกือบสี่ปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกันอีกเลย  ความบังเอิญคงมีแค่3ครั้งเท่านั้นแล้วสินะ  ถึงอย่างไรเราอยากบอกนายว่า  เราไม่เคยเสียใจเลยนะที่ได้เจอนายเมื่อสี่ปีที่แล้ว ไม่เคยเสียใจที่เจอนาย ไม่เคยโทษความบังเอิญที่ให้เรามาเจอกัน  ในทางกลับกันเราอยากขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้เจอกัน  ทำให้เด็กน้อยบ้านๆคนนี้ได้มีความรู้สึกพิเศษกับใครคนนึ่งที่เราไม่เคยรู้จัก แต่เรากลับรู้สึกดีกับเค้ามากมายขนาดนี้  เราอยากบอกนายว่าไม่มีสักวินาทีเลยนะที่เราจะลืมนายถึงแม้ว่าเราจะรู้ตลอดมาว่าทุกวินาทีของนายอาจไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเราด้วยซ้ำ  ไม่ผิดหรอกที่นายจะไม่เคยจำเรา เราอาจไม่ใช่สำหรับนายนะ  แต่นายใช่สำหรับเรานะ เราจะไม่ลืมนายนะ  จะผิดไหมที่เราขอมองนายอยู่ตรงนี้ แต่สบายใจได้เลยเพราะเราจะไม่ไปยุ่งกับนายอีกละ  เราจะไม่ทักนายอีกเพราะอาจทำให้นายกับเค้าไม่สบายใจได้  แต่เราไม่ขอลืมนายได้ไหม  มันลืมยากจริงๆนะ  ถ้านายมีความรู้สึกดีๆกับใครไปแล้ว มันยากนะที่จะเอามันกลับมา  คงไม่ว่าเราใช่ไหมที่เราจะจำนาย  เราขอได้ไหมขอแค่เก็บความทรงจำที่ดีๆที่เรามีให้นายไว้ในใจเรา  แล้วมันจะอยู่แค่ในใจเราคนเดียวเท่านั้น  เราสัญญานะว่าจะไม่ให้มันออกมาแน่ๆ   เราจะเก็บมันไว้ในใจแบบนี้ตลอดไป

    การที่ฉันได้เจอเค้าทำให้ฉันรู้ว่าคนเราสามารถรักใครคนหนึ่งได้ทั้งที่เจอกันเพียงครั้งเดียว นี่ใช่ไหมที่เค้าเรียกว่ารักแค่เพียงสบตา 

    ความรักไม่ใช่การครอบครองสินะ มันเป็นการที่เราได้เห็นคนที่เรารักนั้นมีความสุขกับคนที่เค้ารักแม้คนๆนั้นไม่ใช่เราก็ตาม

    แล้วสุดท้ายนี้ ไม่จำเป็นหรอกว่าสีน้ำต้องคู่กับพู่กัน(ฉันลืมบอกไปว่าเค้าชื่อพู่กัน)บางทีสีน้ำไม่จำเป็นต้องใช้พู่กันระบาย ฉันมือระบายก็ได้นินะ!

     

    ความรักครั้งนี้สอนให้ฉันได้รู้ว่า บางทีความทุกข์มันก็สร้างรอยยิ้มให้กับเราได้นะไม่จำเป็นหรอกที่รอยยิ้มจะอยู่กับความสุขอย่างเดียวน่ะ  มันอยู่ที่เราจะเลือกยิ้มมันในเวลาที่เราทุกข์หรือสุขเท่านั้นเอง

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น