ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FicKHR][100x...] Lucifer ยัยคู่หมั้นปีศาจVS.คาสโนว่าตัวร้าย

    ลำดับตอนที่ #2 :  .•°•.°Lucifer: Start

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 113
      0
      26 มี.ค. 55

    ฆ อิตาลี ประเทศแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป ที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอิตาลีนี้ที่ขึ้นชื่อในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะอย่างภาพ Sistine Chapel ด้านแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง อย่าง จานนี เวอร์ซาเซหรือ แม้แต่ด้านมืดอย่าง มาเฟีย อิตาลี ก็เด่นไม่แพ้ประเทศใดๆในโลกใบใหญ่แห่งนี้เช่นกัน เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันเถอะ

    เจสโซ่บริษัท ใหญ่ในใจกลางเมืองอิตาลี บริษัทนี้มีหน้าตาภายนอกก็เหมือนบริษัทใหญ่ ทั่วไป ไม่ต่างอะไรกับบริษัทอื่นๆ แต่ทว่า เบื้องหลังของบริษัทนี้ก็คือ มาเฟีย ตำแหน่งหัวหน้าบริษัทแห่งนี้ก็เหมือนกับตำแหน่งบอส เจสโซ่ แฟมมิลี่ ซึ่งบอสของเจสโซ่แฟมมิลี่ก็คือ เบียกคุรัน หนุ่มร่างสูงผู้มีผมสีขาว นัยน์ตาสีม่วงประกายความโหดเหี้ยมใจข้างในภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ชนะใจสาวมามากมาย ตำแหน่งบอสเจสโซ่แฟมมิลี่ เป้นมรดกตกทอดจากตระกูลที่พ่อของเขา ทิ้งไว้ให้แต่พ่อของเขานั้นยังไม่ได้จากโลกนี้ไปหรอกนะ แต่แค่ว่ามันถึงเวลาที่ต้องสืยทอดตำแหน่งบอสไปยังรุ่นลูกเขา และมันก็ถึงเวลาที่คาสโนว่าอย่างเบียกคุรันต้องแต่งงานเช่นกัน! 

    “คุณเบียกคุรันท่านอดีตประธานมาแล้วค่ะ”น้ำเสียงของเลขาสาวดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกให้ชายผู้นั่งอยู่ในห้องรับแขกหรูได้รับทราบพร้อมกับเปิดประตูให้กับชายวัยทองผู้หนึ่ง ผู้เป็นอดีตประธานบริษัทเจสโซ่แฟมมิลี่ และ ผู้เป็นพ่อของเบียกคุรัน

      ชายวัยทองเดินเข้ามาในห้องรับแขกสุดหรู พร้อมกับหย่อยกายนั่งบนโซฟาคู่ผ้ากำมะหยี่อย่างดีที่อยู่ข้างๆกับโซฟาเดี่ยวผ้ากำมะหยี่ที่ลูกชายคนเดียวของตนกำลังนั่งรออยู่

    ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มหวานให้กับชายวัยทองผู้เป็นพ่อแท้ๆของตน แต่ก็มิได้พูดอะไรออกไปนอกเหนือจากเพียงยิ้มหวาน เพราะเบียกคุรันรู้อยู่แล้วว่าพ่อของตนนั้นมายังที่นี่เพื่อจะมาพูดเรื่องอะไร และก็คงเป็นเรื่องที่เขาจะกล่าวคำปฏิเสธเหมือนคราวที่ผ่านมาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

    “จนมุมแล้วสินะ ถึงเวลาที่สัญญาไว้แล้ว”ชายวัยทองกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยให้กับลูกชายของตน ชายวัยทองมีสีหน้าที่ดีใจมากๆเมื่อเห็นลูกชายของตนไม่มีทางที่จะปฏิเสธเรื่องที่เขาเคยสัญญาไว้กับตน

    “แหม พ่อครับขอ...”

    “พอแล้ว”ชายวัยทองตวาดขึ้นเสียงขึงขัง เพราะกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไป ตอนนี้สีหน้าของชายวัยทองจริงจังมากขึ้นเมื่อเห็นลูกชายของตนกำลังจะผิดคำสัญญาที่เคยให้กับตนไว้เมื่อ 5 ปีก่อน “ถึงเวลาที่แกจะต้องแต่งงานแล้ว แกไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธอีกแล้ว เครื่องบินจะออกเวลา 3 โมง”เมื่อชายวัยทองพูดจบก็ไม่รีรอกุจีกุจอทันที เดินออกจากห้องรับแขกสุดหรูภายในตึงใหญ่บริษัทเจสโซ่แฟมมิลี่อย่างสง่าเสมือนได้ชัยชนะในศึกครั้งนี้

    หลังจากที่อดีตประทานบริษัทออกไปแล้วชายผมขาวก็เปลี่ยนจากท่านั่งที่ดูสุขุมเป็นท่านั่งเท้าแขนกับเบาะหลังโซฟาดูๆไปเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ในจิตใจกับร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูกแต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้ก็คือนิ่งเงียบ พร้อมกับทำตามคำสั่งที่พ่อของตนได้กล่าวไว้เมื่อสักครู่ ภายในห้องเงียบสงัดอย่างบอกไม่ถูกปกติเขาจะต้องเรียกเลขาให้ไปนำขนมหวานชิ้นโปรดของเขามาขบเคี้ยวเล่นแต่ตอนนี้เขาได้แต่นั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยสายตาอันแสนหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

    เช้าวันรุ่งขึ้นเวลา 9.00 นาฬิกา ตัดมายังประเทศญี่ปุ่น ณ บ้านหลังใหญ่ของตระกูลอาซาชิ อาซาชิที่แปลว่าแสงอาทิยต์ในยามเช้า ช่างดูแล้วเข้ากับหญิงสาวนามว่า อาซาชิ มิสะ ลูกสาวคนเดียวของตระกูลอาซาชิ หญิงสาวผู้มีหน้าตาใบหน้างดงาม เรือนผมสีส้มอมเหลืองกับนัยน์ตาสีเขียวประกาย เธอผู้เป็นที่หมายปองของชายหยุ่มหลายๆคน เพราะเธอนั้น ฐานะดีมากจนถึงมากที่สุด และการเรียนก็ดี หน้าตาก็สวยสง่า ชายหนุ่มใดที่ได้เธอไปครอบครองนักว่าเป็นบุญวาสหนาอย่างยิ่งเลยทีเดียว เพราะบ้านของเธอนั้นผลิตรถแข่งส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับสองของทวีปเอเชียจึงไม่แปลกที่เธอจะมีกระเป๋าหลุยส์วิตตองคล้องแขน แหวนเพรช 2 กะรัต ต่างหูSwarovski กำไรหยกของแท้ รถยนต์BMW และ ของแบด์นเนมชั้นนำราคาแพงหูฉีกอื่นๆ มาครอบครองเป็นเจ้าของ

    หญิงสาวร่างบางสำรวจเสื้อผ้าของตนเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องนอนขนาดบิ๊กของตนเอง เพื่อเช็กความมั่นใจอยู่หน้ากระจกเป็นเวลามาแล้วกว่า 15 นาที

    “คุณหนูค่ะ คุณท่านเรียกเจ้าค่ะ”เสียงของสาวใช้ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะบานประตูใหญ่ดัง ปึงๆ เป็นสัญญาณบอกให้คนในห้องลงไปหาชายวัยทองรูปร่างอ้วนผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ แต่หญิงสาวผู้อยู่หลังบานประตูใหญ่กลับกล่าวปฏิเสธออกมาว่า “ขอเวลาอีก 10 นาที”

    “ไม่ได้นะค่ะคุณหนูคุณท่านบอกว่าเรื่องด่วนมาก”สาวใช้ยังซักไม่เลิกเพื่ออ้อนวอนให้คนในห้องออกมา

    “เรื่องอะไร”มิสะถามสาวใช้อยู่เซาซี้อยู่นอกห้องของตน ด้วยอารมณ์หงุดหงิดตะขิดตะขวงใจ

    “แขกมาแล้วค่ะ”หลังจากเสียงของสาวใช้ได้พูดจบหญิงสาวภายในห้องมีสีหน้าตกใจ หญิงสาวเลิกส่องสำรวจเรือนร่างหน้าตาของตนที่กระจกทันที แล้วเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องนอนขนาดบิ้กของตนอย่างไม่รอช้าไม่สนใจสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูว่าจะโดนแรงกระตูที่เธอเปิดออกมากระแทกใส่ใบหน้าของสาวใช้หรือไม่

    “มานั่งสิ มิสะลูกรัก”หญิงวัยทองผู้เป็นภรรยาหล่าวขึ้นเพื่อชักเชิญให้ลูกสาวของตนที่เดินจ้ำอ้าวมาถึงหน้าห้องรับแขกขนาดใหญ่ มานั่งคุยที่โซฟาผ้าหนังสีขาวอย่างดีกับแขกแปลกชายวัยทองหนึ่งคน และแขกชายหนุ่มอีกหนึ่งคน

    หญิงสาวผู้เดินอย่างเร่งรีบมาถึงหน้าห้องรับแขกมิรอช้ารับเข้าไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวหนังสีขาวที่อยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่มผมขาวผู้เป็นแขกแปลกหน้า

    “นี่ คือ เบียกคุรันเจสโซ่ เขาเป็นแขกคนสำคัญของเรา”ชายวัย40ปีกว่ากล่าวกับลูกสาวสุดรักสุดหวงของตน หญิงสาวร่างบางก็ส่งยิ้มหวานให้กับแขกชายผมขาวทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตน

    “ไหนๆ ก็ให้ทั้ง2คนลองไปคุยกันดีกว่า จะได้ไม่มีปัญหาหลังแต่งงาน”หญิงสาววัยกลางคนพูดขึ้นทำเอาหญิงสาวร่างบางตกใจและอึ้งไปด้วยในเวลาเดียวกัน “แต่งงานอะไรกันค่ะแม่ ใครแต่งกับใครค่ะ”สาวร่างบางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น พร้อมกับยิ้มหวานทั้งๆที่ในใจอยากจะตวาดออกมาอย่างงั้น

    “อ้อแม่ลืมบอก เบียกคุรัน เจสโซ่ เขาเป็นคู่หมั้นของลูกน่ะจ๊ะพยามยามสนิทกับเขาเค้าไว้นะ”หญิงวัยทองกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแสนจะแฮปปี้ แต่ มิสะลูกสาวคนเดียวของตนไม่ได้รู้สึกแฮปปี้ด้วยเลยสักนิด มันตรงกันข้ามต่างหากเล่า

    “อืม งั้นขอเชิญคุณอาซาชิ เลยน่ะครับ”ชายผมขาวที่เงียบงันอยู่นานได้กล่าวขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มแสนหวานพิมพ์ประจักษ์บนใบหน้าทำเอาสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องแทบเป็นลมเลยทีเดียว แต่สาวร่างบางไม่มีท่าทีที่จะสะทกสะท้านเลยสักนิด แต่เธอนั้นก็ส่งยิ้มหวานให้เขาแล้วก็ทำหน้าบึ้งบูดเบี้ยว และเดินออกไปจากห้องรับแขกพร้องมับชายร่างสูงผมสีขาว โดยทันที

    ทว่าหญิงสาวไม่ได้เดินไปทางห้องรับแขก หรือ เดินคุยกับชายหนุ่มผมขาวที่ตามมาแม้แต่น้อย เพราะธอนั้นเดินกลับห้องของตนต่างหากเมื่อหญิงสาวเดินถึงหน้าบันได ชายหนุ่มที่เดินตามหลังได้ร้องทักขึ้น

    “เฮ้ ไม่คิดจะคุยกันหน่อยหรอ”ชายผมขาวทักขึ้นอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังตรึงอยู่บนใบหน้าตั้งแต่เมื่อสักครู่ที่ห้องรับแขกใหญ่

    “คาสโนว่าอย่างนายน่ะ ตกชั้นเจอมาเยอะแล้วชั้น เบื่อ !”มิสะเน้นกับคำพูดที่ว่า เบื่อ เหมือนกับจะยั่วยวนกระตุกต่อมโมโหให้เดือดขึ้นมา ซึ่งสำหรับชายร่างสูง เบียกคุรัน นั่นเป็นการเปิดศึกกับเขา

    ทันใดที่หญิงสาว ผู้ยืนอยู่ข้างหน้าโดยหันหลังให้ชายผมขาว กำลังจะเดินจากไปชายผมขาวได้รั้งตัวของหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอด พร้อมกระซิบไปเบาๆที่หูว่า”แล้วคาสโนว่าร้ายย่างนี้เคยเจอไหมล่ะ”น้ำเสียงที่เบาแต่แฝงไปด้วยความกวนเหมือนกับการตอบรับการเปิดศึก ระหว่างเขากับเธอ!

    เรื่องไม่คาดฝันๆได้เกิดขึ้นกับเขา เบียกคุรัน แต่มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอ มิสะ เพราะมิสะได้ใช้ศอกเล็กๆของเธอทิ่มไปที่หน้าท้องของเขาอย่างรุนแรง แล้ว ก็เหยียบที่เท้าของเขา เบียกคุรันไม่ทันตั้งตัวก็ได้พ่ายแก่เธอ มิสะ คุณหนูสุดซาส์ ในยกแรกเสียแล้ว เขาวางมือจากเธอ แล้วยืนกุมที่ท้องของตนและทำตัวคดงอเหมือนกุ้ง รอยยิ้มได้เลือนหายไปจากใบหน้าของเขา สีหน้าบูดเบี้ยวและอารมณ์เดือดเข้ามาแทนที่ ตอนนี้เขาโกรธแล้วแต่เขาจะทำอะไรเธอได้ล่ะ เพราะเธอได้เดินบิดสะโพกขึ้นบันไดไปแล้ว ระหว่างที่หญิงสาวเดินขึ้นบันไดพลางกล่าวคำพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยสะใจว่า

    “สงครามระหว่างชั้นกับนาย นายจะไม่มีวันลืมแน่นอน!t em
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×