너도 나와 같은 맘이길 바래 매일이
눈이 부시게 아름답길 바래 매일이
You are my only one baby
내일도 너와 내가 설렐 수 있게
Love, Love, Love, My baby
ลอนดอน..
“ไม่อยากไปเลย ไม่ไปแล้วได้หรือเปล่า..”
ใบหน้าสวยเงยขึ้นเล็กน้อยขณะที่ฉันกำลังพันผ้าพันคอผืนหนาที่ฉันเป็นคนถักเองให้เธออยู่
พี่โบนาที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะออกอาการอะไร ตอนนี้กำลังงอแงเป็นเด็กๆเพราะตนกำลังจะต้องไปสัมมนาดูงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมของคณะของเธอที่ต่างเมืองเป็นเวลา
20 วัน
“ไม่ไป ก็ต้องไปลงเรียนใหม่นะคะ
จะเอาอย่างนั้นเหรอ”
ฉันพูดยิ้มๆพร้อมกับติดกระดุมที่เสื้อโค้ทสีเทาของพี่โบนาก่อนจะจัดปกเสื้อที่มันอยู่ประหลาดๆเพราะพี่โบนาเอาแต่ทำตัวยุกยิกๆ
อยู่ไม่สุขเลยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“ลูดายา...เธอไปด้วยกันกับฉันไม่ได้เหรอ”
ปัดฝุ่นเล็กๆตามเสื้อโค้ทของพี่โบนา
ตาใสๆกับเสียงอ้อนๆที่เธอชอบทำเป็นประจำเกือบจะทำให้ฉันใจอ่อน แต่ว่านะ..
“พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าฉันไปด้วยไม่ได้
แล้วฉันก็มีเรียนเหมือนกันนะ อย่าลืมสิ”
“งั้นฉันไม่ไปแล้ว” เธอว่า
ก่อนจะรวบเอาตัวฉันไปกอดจากทางด้านหลัง พี่โบนาเอาคางเกยไหล่ของฉันไว้ก่อนจะเอาแก้มใสของเธอมาแนบกัน
วงแขนกระชับแน่น ฉันค่อยๆซุกใบหน้าลงที่แก้มใสของพี่โบนา
คนๆนี้ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยน เธอไม่เคยอยากจะแยกจากจากฉันเลย
นั่นคือสิ่งที่พี่โบนาทำให้ฉันเห็นอยู่เสมอ..
โซล..
การเป็นแฟนกับรุ่นพี่ที่ฮ็อตที่สุดในโรงเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ..
“โบนา !!! ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ แกดูสิ
คนเต็มหน้าห้องไปหมดแล้ว”
ร่างสูงของประธานนักเรียน ชู โซจอง กำลังเขย่าตัวเพื่อนจอมขี้เซาที่กำลังฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเรียนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเป็นประจำในเวลาใกล้หมดพักกลางวันแบบนี้
และสิ่งที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำในเวลาพักกลางวันหน้าห้องนักเรียนปี 3 ห้อง 2 ก็คือ
มักจะมีรุ่นน้องสาวๆแห่กันมามอบดอกไม้ให้เจ้าคนขี้เซาที่ไม่เคยจะออกมาพบหน้าแฟนคลับของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว..
“อืมม ม...ขอ 5 นาที”
“5 นาทีอะไรของแก.. ลุกขึ้นมา !! ชอนยี
มาช่วยกันหน่อยสิ”
โซจอง พยายามฉุดรั้งแขนของโบนาให้ลุกขึ้น นอนต่อไม่ได้..นี่ออกจะมากไปหน่อย ดูสาวๆพวกนั้นสิจะเข้ามาในห้องให้ได้เลย
ตอนนี้ ชอนยีและซอลอา กำลังกันไว้ให้อยู่
“งื้ออ อ ฉันจะนอน”
“ไม่ได้ !!”
“อื้ออ..บอกเด็กพวกนั้นว่าถ้าอยากให้ดอกไม้ฉันล่ะก็ ให้เอาไปให้ลูดานะ”
โบนาเงยหน้าขึ้นมาพูดทั้งๆที่ตายังหลับอยู่
“ห๊ะ !”
“อื้มม ตามนั้นแหละ..” ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอีกครั้ง
ดูเหมือนการจะปลุกเพื่อนคนนี้ให้ลุกขึ้นมาดีๆน่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เออ เอาไงก็เอากันวะ โซจองเดินออกไปที่หน้าห้องก่อนจะประกาศกร้าวตามสารที่เพื่อนจอมขี้เซาบอกมา
“น้องๆฟังพี่นะ โบนาบอกว่า.. ถ้าจะเอาดอกไม้ให้มันล่ะก็...
ให้เอาไปให้ลูดาแทน..”
“ลูดา.. ไหนอ่ะคะ” หนึ่งในแฟนคลับของคนขี้เซาถามขึ้น..
เออ... ลูดาไหนวะ
โซจองยืนเกาหัวก่อนที่จะนึกได้ว่าเธอก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนของเธอบอกมาเหมือนกัน
ทั้งชอนยีและซอลอาต่างก็ส่ายหน้าแบบฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
ก่อนที่ออดของโรงเรียนจะดังขึ้นเป็นเสียงช่วยชีวิตพวกเธอจนต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
ทำไมพวกเธอต้องมาคอยกันแฟนคลับของโบนาอยู่ทุกๆวันกันล่ะเนี่ย
คนชื่อ ลูดา หาไม่ยากเลย เพราะฉันก็ไม่เคยเห็นใครชื่อลูดาเหมือนฉันน่ะ...
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตอันแสนสงบของฉันในโรงเรียนดับลง
“เธอชื่อ ลูดา ใช่ไหม..”
“เป็นอะไรกับพี่โบนาเหรอ”
“อ่ะ..นี่ดอกไม้ฝากให้พี่โบนาด้วยนะ.”
และอะไรหลายๆอย่างอีกสารพัด ยังดีว่ายังมีดาวอนกับมิกิที่คอยช่วยฉันให้หลุดพ้นจากกองกำลังพิทักษ์พี่โบนานั่น
ไม่งั้นฉันต้องเป็นบ้าแน่ๆ พี่โบนานะพี่โบนา..
“โอ๊ยย ย....”
ใบหน้าสวยคมแสดงอาการเจ็บปวดจากการโดนทำร้ายโดยการถูกบิดที่ใบหูสวยๆของเธอ นิ้วเล็กๆของผู้ลอบทำร้ายยกขึ้นชี้หน้าเธออย่างคาดโทษ
“พี่ไปพูดอะไรไว้กับแฟนคลับของพี่คะ”
ฉันกดนิ้วดันลงไปบนหน้าผากของพี่โบนาที่กำลังยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆกัน
ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมในสวนสาธารณะที่ฉันชอบมาอ่านหนังสือ
“ก็...ถ้าอยากให้ดอกไม้ฉันล่ะก็ ให้เอาไปให้เธอแทนไง”
พี่โบนาพูดเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนตักของฉันอย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำ จะสบายใจไปหน่อยหรือเปล่า
ฉันหยิกแก้มใสๆของเธอที่หลับตาพริ้มอย่างคนไม่รู้ความผิด
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ”
“เพราะไม่มีดอกไม้ดอกไหนสวยไปกว่าเธอแล้วไงล่ะ ฉันไม่สนใจดอกไม้พวกนั้นหรอก”
พี่โบนาลืมตาขึ้นก่อนจะมองขึ้นมาที่ฉัน
บางทีฉันก็สงสัยเหลือเกินว่าพี่โบนาพูดอะไรแบบนี้ออกมาหน้าตาเฉยได้ยังไง คนสวยๆแบบเธอน่ะ
“ฉันพูดจริงๆนะ”
เธอพูดขึ้นอีกเหมือนกลัวว่าฉันจะไม่เชื่อ
ถ้าถามว่าฉันไม่หวงพี่โบนาเหรอที่มีเด็กสาวมาตามติดแบบนั้น ก็บอกได้เลยว่าหายห่วงไปได้เลย
นอกจากว่าเธอจะไม่เคยสนใจสาวสวยคนอื่นๆ
ที่บางทีฉันคิดว่าอาจจะสวยกว่าฉันด้วยซ้ำแล้ว กิจวัตรประจำวันของพี่โบนาก็มีแค่นอน
และมองหน้าฉันทั้งวันเท่านั้นเอง
“พูดอะไรของพี่น่ะ ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย..”
ร่างเล็กยกหนังสือของเธอขึ้นมาอ่านก่อนจะทำเป็นไม่สนใจดวงตาใสๆจากคนบนตักนั่น
แต่หลังหนังสือเล่มหนาที่ยกขึ้นบดบังใบหน้านั้น
กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้
บางทีพี่โบนาก็ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด..
“ไม่ได้ค่ะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นจูบที่แก้มใสของเธอเบาๆก่อนจะพยายามขยับออกจากอ้อมแขนของพี่โบนาที่ดูจะไม่ยอมปล่อยกันดีๆ
ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะตกรถจนเสียเรื่องเอาแน่ๆ
โฮ่งงๆ ๆ...
เสียงร้องเรียกของลูกสุนัขพันธุ์แจ็ครัสเซลตัวน้อย
เรียกความสนใจจากพวกเธอทั้งสองคน คนตัวสูงกว่าค่อยๆคลายอ้อมแขนจากคนตัวเล็กก่อนจะย่อตัวลงไปให้เจ้าสุนัขตัวน้อยของเธอกระโจนเข้าไปหา
ลูกสุนัขตัวเล็กยืนสองขาโดยเอาขาหน้าของมันมาเกาะตัวเจ้านายของมันเอาไว้
“แมกซ์... ม๊าจะไล่ป๊าออกจากบ้าน”
พูดจบก็ทำตาปริบๆเหมือนจะร้องไห้ ฉันล่ะหมันไส้ที่สุดเลยเวลาที่พี่โบนาแทนตัวว่าป๊ากับหมาของเรา
ถึงมันจะน่ารักดีก็เถอะ แล้วใครจะไล่ใครออกจากบ้านกัน
“อย่ามัวแต่เล่นสิคะ เดี๋ยวก็สายกันพอดี”
“ดูแลม๊าดีๆนะ” พี่โบนากำลังคุยกับ แมกซ์
ฉันสิต้องดูแลมัน เลอะเทอะใหญ่แล้วคนๆนี้
คนตัวสูงยืดตัวขึ้นมาดีๆก่อนจะทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ให้ได้
แต่ยังไงเสียเธอก็ต้องไป ไม่งั้นได้ไปลงเรียนอีกปีแน่ๆ
ระหว่างที่รอรถที่เรียกไว้มารับ
ฉันจัดความเรียบร้อยบนเสื้อผ้าของพี่โบนาอย่างกลัวว่าเธอจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่น และพี่โบนาที่ยังคงอยู่ไม่สุขเหมือนเดิม
“อย่าลืมกินข้าวนะ”
“อย่านอนดึกนะ”
“ดูแลตัวเองดีๆนะ”
“ห่มผ้าด้วยนะ”
พี่โบนาเอาแต่พูดเตือนฉันซ้ำๆเป็นนกแก้วนกขุนทอง
ในขณะที่เรายืนอยู่หน้าประตูบ้านพักของเรา
“ฉันน่ะสิที่ต้องเป็นคนพูด อย่าลืมกินข้าวนะคะ
พี่น่ะเอาแต่ดื่มแต่กาแฟ ดื่มมากๆมันไม่ดีนะ รู้ใช่ไหม”
ฉันกระชับผ้าพันคอที่อยู่บนตัวพี่โบนา
หน้าหนาวของลอนดอนน่ะไว้ใจไม่ได้เลยล่ะ
รถแท็กซี่มาถึงแล้วและจอดรออยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
“รู้แล้วค่ะ”
คนตัวสูงกว่าตอบรับเบาๆก่อนจะเคลื่อนใบหน้าลงมาจูบคนตัวเล็ก
ริมฝีปากแนบชิด จูบบางเบาแต่หากเต็มไปด้วยความรู้สึก มือบางยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม
ก่อนที่จะถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่ง
“ฉันไปก่อนนะ ลูดา..”
พี่โบนากระซิบที่ริมฝีปากของฉันก่อนจะผละออกไป
แววตาใสๆที่มีแต่ฉันอยู่ในนั้นเต็มไปหมด คอยมองกลับมาตลอดและก่อนที่เธอจะขึ้นรถไป
กลับเป็นฉันเองที่ทนไม่ได้..
ร่างเล็กวิ่งลงบันไดหน้าประตูบ้านสไตล์อังกฤษก่อนจะข้ามถนนไป
มือเล็กคว้าแขนของเขาไว้ก่อนสองมือจะดึงรั้งใบหน้าสวยคมนั่นลงมาจูบ
“รีบกลับมานะคะ..”
ฉันพูดทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
พี่โบนายิ้มก่อนจะใช้มือของเธอเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาของฉัน เธอพยักหน้าก่อนจะขึ้นรถไป
บ้าจริงๆเลย ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้แล้วแท้ๆ ฉันจะต้องคิดถึงเธอมากแน่ๆ..
การเป็นแฟนกับหนอนหนังสือนั้นไม่เคยเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับฉันเลย..
นอกจากว่าเธอจะมีอะไรมาเล่าให้ฉันฟังเยอะแยะแล้ว เสียงของเธอก็ไพเราะเอามากๆ
และฉันชอบที่จะนอนฟังเธออ่านหนังสือจนหลับไปอย่างที่เราสองคนชอบทำเป็นประจำใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นโปรดของเธอ
ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่บนตักของลูดาที่กำลังอ่านหนังสือของเธออยู่เงียบๆ
“พี่ไม่เบื่อเหรอคะ”
เธอละสายตาจากตัวหนังสือที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบบนหน้ากระดาษและถามคำถามที่เธอมักจะถามอยู่เสมอ
แต่ฉันไม่เคยเบื่อที่จะตอบหรอกนะ ลูดาไม่เคยน่าเบื่อและ..
“ไม่มีวันซะหรอก”
ฉันพูดก่อนจะชันตัวขึ้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนก่อนจะยื่นหน้าไปจูบแก้มขาวๆของเธอเบาๆ
คนตัวเล็กกว่าฉันทำหน้ามุ่ยที่ถูกจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวก่อนจะใช้มือเล็กๆของเธอดันใบหน้าของฉันออก
และทำท่าจะตีฉันด้วยหนังสือเล่มหนาของเธออีก นั่นมันน่ารักมากๆเลยล่ะ
เธอจะรู้หรือเปล่า..
ทำไมคนที่ใครๆก็ว่าสวยแบบฉัน ถึงมาชอบผู้หญิงตัวเล็กๆอย่าง ลูดา
อย่างนั้นเหรอ...
ฉันชอบผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ ก็อาจจะใช่หรือไม่.. ฉันตอบไม่ได้หรอก
แต่ฉันชอบลูดา..
ฉันชอบคนน่ารัก ฉันชอบคนฉลาด ฉันชอบคนเรียนเก่ง ฉันชอบคนที่คอยดุฉัน
ฉันชอบรอยยิ้มที่ไม่ว่าเห็นเมื่อไหร่ก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง และ ฉันชอบลูดา..
ฉันสงสัยว่าเธอจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าฉันมองแค่เธอคนเดียว..
“โบนา..จะสอบปลายภาคแล้วนะ เธอน่ะ อ่านหนังสือบ้างหรือยัง”
เสียงของซอลอาที่กำลังเดินอยู่ข้างๆกันระหว่างที่เรากำลังเดินไปโรงอาหารในช่วงพักกลางวันพูดขึ้น
ส่วนโซจองกับชอนยีน่ะเหรอ พวกสภานักเรียนน่ะเขาไม่กินข้าวกันหรอก
ฉันและซอลอาอยากจะอยู่อย่างสงบๆเลยไม่ได้เข้าร่วมสภานักเรียนน่ะ น่าเบื่อจะตาย
เอาเวลาไปนอนเสียยังดีกว่า
พูดถึงเรื่องความสงบล่ะก็นะ ถ้าไม่เดินกับซอลอาก็ไม่สงบหรอก
แฟนคลับของฉันน่ะกลัวซอลอาจะตาย พวกเธอบางคนคิดว่าซอลอาเป็นแฟนของฉัน..
ก็ดีเหมือนกัน จะได้กินข้าวอย่างปลอดภัย
“อ่านแล้ว..” ฉันตอบพร้อมเอาคางเกยกับขอบโต๊ะอาหารหลังจากทานข้าวเสร็จ
“อ่านแล้วอะไรของเธอ วันๆฉันเห็นเอาแต่นอน”
ก็จริงอย่างเธอว่าน่ะแหละ ฉันไปหาลูดาดีกว่า..
“ไปส่งฉันที่ห้องสมุดหน่อยสิ..”
“หือ..อย่างเธอนี่นะ เข้าห้องสมุด” ซอลอาทำหน้าตกใจที่ดูเหมือนโอเวอร์ไปหน่อย
“น้า ~ พาฉันไปหน่อยนะ” ฉันคว้าแขนของเธอมากอด
อย่างที่เธอไม่ค่อยชอบให้ฉันทำ เพราะเธอบอกว่ามันขนลุก อ่อ เห็นสวยๆแบบนี้นะ
ซอลอาคบกับน้องปี 2 ที่ตัวเล็กน่ารักไม่แพ้ลูดาเลยล่ะ ชื่อ ซูบินๆ อะไรนี่แหละ
“ก็ได้ๆ จะไปไหนก็ไปย่ะ ปล่อยได้แล้ว ขนลุก”
ซอลอาสะบัดแขนออกของฉันออกก่อนจะลุกเดินออกไปจนฉันเดินตามเกือบไม่ทัน
ก่อนที่เธอจะเดินมาส่งฉันที่ห้องสมุดตามที่ฉันขอ ลูดาน่ะหาตัวไม่ยากหรอก
ฉันเดินหาเธอตามชั้นหนังสือก่อนจะเห็นไหล่เล็กๆที่คุ้นตาในมุมหนังสือวิทยาศาสตร์
ค่อยๆย่องไปหาเธอก่อนจะสวมกอดจากทางด้านหลังแล้วชิงกดจมูกลงไปที่แก้มใสของเธอ
“อ้ะ..พี่โบนา !”
“ชู่วว ว นี่ห้องสมุดนะ”
“ก็ห้องสมุดน่ะสิ ถึงห้ามเล่นแบบนี้”
เธอดุฉันเสียงแข็งก่อนจะค่อยๆดันร่างของฉันออกไป
เดินหนีไปทางอื่นและแก้มของเธอก็เริ่มแดงขึ้นทุกที เธอนั่งลงที่โต๊ะตัวนึงที่ดาวอนกับมิกิเพื่อนของเธอนั่งอยู่แล้ว
ทั้งสองคนเอ่ยทักทายฉันก่อนจะลุกหนีไปอย่างรู้งานจนคนตัวเล็กหน้าเหวอ
มีเพื่อนดีเหมือนกันนะลูดา
“ลูดา..” ฉันเอ่ยเรียกคนที่กำลังก้มอ่านหนังสือของเธออยู่อย่างขะมักเขม้น
“อะไรคะ..”
“คืนนี้ไปติวหนังสือให้ฉันที่บ้านหน่อยสิ..”
ลูดาขมวดคิ้วได้รูปของเธอลงเล็กน้อยราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
เฮ้ ! แต่ฉันหมายถึงไปติวหนังสือจริงๆนะ..
หิมะสีขาวที่กำลังตกลงมาเหมือนฝนบางๆอาจจะช่วยให้หัวใจของฉันชุ่มฉ่ำขึ้นมาบ้าง
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างคาดหวังว่าจะได้เห็นร่างของใครบางคน บางทีฉันก็แอบอยากให้พี่โบนาดื้อกว่าทุกครั้งแล้วหนีกลับมา
แบบนั้นได้ที่ไหนกันล่ะ
ฉันส่ายหัวให้กับความคิดบ้าๆก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวขาวสำหรับคนสองคน แมกซ์ กำลังวิ่งวนไปมาอยู่ในห้องนอนที่ตอนนี้มีแค่ฉัน
นี่มันก็สัปดาห์นึงแล้ว ถึงพี่โบนาจะคอยถ่ายรูปส่งมาให้ฉันดูทุกวัน
แต่ฉันอยากให้เธออยู่ตรงนื้ นอนอยู่บนตักของฉันที่พี่โบนาบอกว่าเป็นหมอนที่ทำให้หลับฝันดีที่สุด
มือเล็กหยิบแท็บเล็ตสีขาวสะอาดขึ้นมา
ก่อนจะเปิดดูรูปใครบางคนที่กำลังยิ้มร่าเริงอวดสถานที่ใหม่ที่ๆเขาได้ไปพบมา
ลูดาตบมือเรียกเจ้าลูกสุนัขพันธุ์แจ็ครัสเซลให้ขึ้นมานั่งบนตักของเธอด้วยกัน
“แมกซ์.. ดูป๊าของแกสิ”
เจ้าหมาน้อยเอียงคอไปมาเมื่อมือเล็กเลื่อนผ่านรูปแต่ละรูปก่อนจะเลียหน้าจอแท็บเล็ตราวกับว่ามันก็คิดถึงคนในหน้าจอเหมือนกัน
แมกซ์
หันมาเลียใบหน้าของเจ้าของตัวเล็กของมันสองสามทีก่อนจะกระโดดออกไปวิ่งรอบห้องก่อนจะส่งเสียงเห่าน้อยๆเพราะอยากเห็นเจ้านายของมันร่าเริงขึ้นมาบ้าง
Rrrrrrrr...
และเจ้าตัวก็วิดีโอคอลมา
“ลูดายา~”
เสียงสดใสของพี่โบนาที่ฉันคิดถึงที่สุด
เธอใส่หมวกไหมพรมสีดำและผ้าพันคอของฉันด้วย หิมะก็กำลังตกเหมือนกัน ฉันสงสัยว่าเหลือเกินว่าพี่โบนาจะสบายดีหรือเปล่า
แต่พอฉันจะพูด เจ้าน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาแย่งซีนแทน
“อ่า.ไม่นะ เธอกำลังร้องไห้อยู่เหรอ”
ฉันส่ายหน้าเบาๆก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูเป็นกังวลของพี่โบนา
ฉันพยายามใช้มือเช็ดน้ำตาออก แต่ดูเหมือนมันจะไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย
“ลูดายา..เด็กดีของฉัน ฉันคิดถึงเธอมากๆเลยนะ”
มือเล็กจับหน้าจอแท็บเล็ตสีขาวแน่น
มืออีกข้างยกขึ้นเช็ดน้ำตาเหมือนเด็กขี้แยคนนึง
“ฉัน..”
“ฉันก็.. คิดถึงพี่มากที่สุดเลย”
รีบๆกลับมาสิ..
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะคิดถึงพี่โบนามากขนาดนี้
พี่โบนาเหรอจะขอให้ฉันติวหนังสือ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ด้วยเหรอ..
แต่ยังไงก็ตามแต่
ตอนนี้ฉันกำลังเดินไปบ้านพี่โบนาหลังจากที่หอบหนังสือที่บ้านใส่กระเป๋าและขออนุญาตพ่อกับแม่ของฉันเรียบร้อยแล้ว
ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่โบนาจะตั้งใจติวหนังสือจริงๆหรือเปล่า
ก็นี่มันก็จะใกล้สอบปลายภาคแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าแต่ทำไมฉันที่อยู่ปี 2
ถึงต้องมาติวหนังสือให้พี่ที่อยู่ปี 3 ด้วยล่ะ
หลังจากที่ทานอาหารเย็นกับครอบครัวพี่โบนาเสร็จแล้ว
คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่โบนาใจดีมากๆเลยล่ะ พี่โบนาก็โม้กับคุณพ่อคุณแม่ไว้ตั้งเยอะว่าฉันเรียนเก่งมากๆ
หลังจากนั้นท่านก็ปล่อยให้เราไปอ่านหนังสือกันตามสบาย
ห้องของพี่โบนาตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวซะเป็นส่วนใหญ่
เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก
“อ่า..เรามาเริ่มกันตรงไหนก่อนดี”
พี่โบนาถอดแจ็คเก็ตสีน้ำเงินตัวหนาของโรงเรียนออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวกับเนคไทที่ปลดไว้เพียงหลวมๆ
นั่งลงที่กลางเตียงก่อนจะหยิบหนังสือออกมาสองสามเล่ม
“พี่เรียนไปถึงตรงไหนบ้างแล้วล่ะคะ
แล้วครูเขาบอกหรือเปล่าว่าออกสอบเรื่องอะไรบ้าง”
“ไม่รู้อ่ะ แหะๆ”
เธอฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน ตกลงว่าวันๆเอาแต่นอนจริงๆใช่หรือเปล่านะพี่โบนา
ฉันเปิดสมุดเลคเชอร์ของเธอขึ้นมาดูแล้วพบว่ามันถูกใช้ไปเพียงไม่กี่หน้าเท่านั้นเอง
น่าตีจริงๆ โอเค งั้นเรามาเริ่มกันใหม่..
ฉันเริ่มด้วยวิชาวิทยาศาสตร์ที่ฉันถนัดก่อน
พยายามพูดให้เธอฟังในเรื่องที่คิดว่าจำเป็นและเป็นไปได้ว่าจะออกสอบ
ในตอนแรกพี่โบนาก็เหมือนจะตั้งใจฟังเป็นอย่างดี แต่พอเริ่มวิชาคณิตศาสตร์
เธอก็เริ่มจะไม่ฟังฉันซะแล้ว หมายถึงพี่โบนาเริ่มจะมองหน้าฉันเพียงอย่างเดียว
แต่ไม่รู้ว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่า
“เข้าใจไหมคะ”
“อื้ออ..” เธอพยักหน้าหงึกๆ ดูเชื่อไม่ได้เอาเสียเลย
“งั้นทำข้อนี้ให้ฉันดูก่อน”
เธอดูเหมือนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พี่โบนาก้มลงเขียนอยู่สองสามบรรทัดก่อนจะทำเป็นถามว่า ตรงนี้เขียนอะไรนะ
จนฉันต้องก้มลงไปดูใกล้ๆ ไม่ทันคนเจ้าเลห์ก็จับใบหน้าของฉันเข้าไปจูบเสียก่อน
มือบางยกขึ้นจับใบหน้าใสของคนตัวเล็กก่อนจะกดจูบลงไปที่ริมฝีปากสวยของเธอ
ริมฝีปากไล่เล็มขบเม้มไปตามริมฝีปากของคนตัวเล็ก
จูบหนักหน่วงขึ้นเมื่อมีเสียงครางในลำคอ แต่เพียงไม่นานก็ผละออกไป
คนตัวสูงกว่าทิ้งตัวนอนหงายลงกับหมอนใบใหญ่
พี่โบนาไม่เคยสัมผัสฉันไปมากกว่านั้น นอกจากที่เห็นว่าเธอชอบจูบฉันเอามากๆ
แต่พี่โบนาจะรู้หรือเปล่าว่าทุกสัมผัสที่เธอมอบให้มันทำให้ร่างกายของฉันร้อนรุ่มไปหมด..
เธออาจจะคิดว่าฉันเป็นหนอนหนังสือเรียบร้อยไร้เดียงสาอะไรแบบนั้นหรือเปล่า
แต่ว่าฉันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ..
ฉันลุกขึ้นก่อนจะคร่อมลงไปบนตัวคนที่กำลังนอนอยู่..
มือเล็กค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตนออกทีละเม็ดจนเผยให้เห็นเนินอกขาวภายใต้ชั้นในสีดำ
คนตัวสูงเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงในลำคอ
กระโปรงสีเทาที่เลิ่กขึ้นมาจนเผยให้เห็นต้นขาของเธอทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง..
“ล.ลูดา จะทำอะไร..”
ฉันโน้มตัวลงไปก่อนจะกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเธอ
“ก็ทำ..อย่างที่พีอยากทำไงคะ”
พูดเสร็จก็ค่อยๆบรรจงลูบไปที่ริมฝีปากของพี่โบนาที่เผยอออกมา และไม่ทันเสี้ยววินาทีเธอก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่บนร่างของฉันเสียแล้ว
ฉันคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น..
แค่กระต่ายจอมขี้เซาอย่างพี่โบนาก็กลายเป็นเสือดุขึ้นมาทันที
แล้วติวหนังสือล่ะ..
“เป็นอะไรของแกอ่ะ โบนา..”
โซจองขมวดคิ้วยืนมองเพื่อนที่นั่งทำตาใสลอยไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ออกจากห้องสอบและใบหน้าสวยก็ดูสดใสผิดปกติกว่าทุกวัน
หรือว่าทำข้อสอบจนเป็นบ้าไปแล้ว ปกติออกจากห้องสอบแล้วโบนาก็จะต้องหลับ
มานั่งยิ้มแบบนี้สิแปลก
“ทำได้บ้างหรือเปล่าน่ะ..” ซอลอาถามขึ้น
“แน่นอน..” โบนาหันมายักคิ้วให้เพื่อนๆของเธอก่อนจะหลับตายิ้มจนแก้มปริ
แน่นอนว่าทำได้หรือเปล่าไม่รู้..
“ลูดา..ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เสียงของมิกิและดาวอนดังอยู่ข้างๆหูฉันที่กำลังนอนฟุบอยู่กับโต๊ะม้าหินหน้าอาคารเรียนหลังสอบเสร็จ
“เรายังมีสอบอีกวิชานึงนะ ลุกขึ้นมาติวให้พวกฉันเดี๋ยวนี้เลย”
ออกจะผิดปกติไปเสียหน่อยเพราะปกติแล้วฉันจะต้องเป็นคนปลุกยัยสองคนนี้ให้ลุกขึ้นมาน่ะ
แต่ว่าตอนนี้ฉันง่วงมากๆเลยนะ
ติวเหรอ?
ฉันไม่น่าไปกระตุกหนวดเสือเอาซะเลย TT
แต่คุณรู้อะไรไหม พี่โบนาน่ะน่ารักที่สุดเลย..
ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เคยทำอะไรฉันอีก ระวังแต่จะไปแหย่หนวดเสือเข้า
เธอบอกว่า.. อยากให้เราทั้งสองคนเรียนจบกันเสียก่อน..
แปลกใช่ไหมล่ะ.. ฉันไม่คิดเลยว่าคนเจ้าเลห์แบบพี่โบนา
จะมีความคิดที่น่ารักขนาดนี้
และมันก็ทำให้ฉันรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้จริงจังกับฉันจริงๆ...
ถ้าฉันหายตัวได้ ฉันจะรีบหายตัวไปหาเธอ..
น้ำตาของลูดาที่ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมแท็บเล็บทำให้หัวใจของฉันอ่อนยวบ
ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นคอยเช็ดน้ำตาให้เธอ ถ้าหากฉันร้องไห้ด้วย
เธอจะต้องร้องไห้มากกว่านี้แหงๆ เพราะฉะนั้นฉันจะต้องเข้มแข็งเข้าไว้
“ลูดายา..เด็กดีของฉัน ฉันคิดถึงเธอมากๆเลยนะ”
เจ้าหน้าจอสี่เหลี่ยมนี่ส่งผ่านความรู้สึกของฉันไปถึงเธอได้ไม่ถึงครึ่ง
“ฉันก็.. คิดถึงพี่มากที่สุดเลย”
เสียงของลูดาอู้อี้แต่หากดังก้องในหัวใจของฉัน
ฉันจะรีบกลับไป..
ควันสีขาวที่ลอยออกมาตามลมหายใจบ่งบอกได้ดีว่าอุณหภูมิเริ่มต่ำลงทุกทีๆ
ร่างบางในเสื้อโค้ทสีเทากับผ้าพันคอผืนหนาผืนเดิมกับวันที่ออกเดินทาง
ยืนถูมือตัวเองไปมาอยู่ที่บันไดหน้าทางเข้าบ้านของตน
เรือนผมสีน่ำตาลเข้มมีเศษหิมะเกาะอยู่เต็มไปหมด
ไล่ความเหน็บหนาวก่อนจะยกมือขึ้นกดกริ่งหน้าบ้านพักของตน
“อ้าว.. หนูโบนานี่เอง เข้ามาสิ
ป้าคิดว่าจะไปนานกว่านี้ซะอีก”
เสียงของป้าเจ้าของบ้านพักของเธอว่า
เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวดูเหมือนจะกลับมาก่อนกำหนด
“ลูดาอยู่ไหมคะ”
ฉันถามไว้ก่อน
เพราะฉันไม่ได้บอกเธอน่ะสิว่าฉันจะกลับมาก่อน
“อยู่ข้างบนนั่นแหละจ่ะ”
คุณป้าว่าก่อนจะเดินกลับเข้าห้องของป้าไป
ฉันหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบเชียบ
สงสัยจังว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ฉันไขกุญแจเข้าไปเงียบๆ
ก่อนจะถูกจับได้ด้วยยามเฝ้าประตูตัวเล็กๆ นามว่า แมกซ์ ที่เกือบจะเห่าจนเสียเรื่อง
ฉันนำผ้าพันคอจัดการพันไว้รอบคอของมัน จากนั้นมันก็วิ่งหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรู้งาน
เจ้าลูกสุนัขหูสีน้ำตาลลำตัวสีขาววิ่งดุ๊กๆไปพร้อมกับผ้าพันคอผืนหนา
แล้วไปหยุดที่โต๊ะอ่านหนังสือที่เจ้าของของมันอีกคนที่เจ้าตัวกำลังอ่านหนังสืออยู่
มันส่งเสียงเห่าสองสามครั้งเพื่อเรียกร้องความสนใจจนเจ้านายตัวเล็กยอมละสายตาออกมา
“แมกซ์.. ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเห่าตอน..
ผ ผ้าพันคอ?”
คนตัวเล็กลุกขึ้นก่อนจะแกะผ้าพันคอออกมาจากลูกสุนัขไปรษณีย์ที่ยืนส่ายหางไปมาก่อนจะวิ่งออกไป
ลูดาเดินถือผ้าพันคอออกมาก่อนจะพบกับเจ้าของของมันที่ยืนรออยู่หน้าห้องอยู่แล้ว
“สวัสดี”
เรายืนมองกันอยู่สักพักและเป็นฉันที่เอ่ยทัก
ก่อนจะโดนเธอโถมเข้าใส่..
“คนบ้า.. ทำไมถึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้”
ลูดากอดฉันแน่น เธอพูดเสียงอู้อี้
และน้ำตาบางๆที่เริ่มจะไหลออกมา
“ลูดายา.. ฉันกลับมาแล้วนี่ไง เด็กขี้แย”
ฉันใช้มือเช็ดน้ำตาของเธอออกไป มันดูไม่เข้ากับเธอเอาซะเลย
ฉันไม่เคยเห็นลูดาร้องไห้ขนาดนี้มาก่อน
“ฉันไม่ได้ขี้แย.”
แต่เรื่องเถียงนี่เป็นมาตั้งนานแล้ว
เธอทุบลงมาที่หน้าอกของฉัน ก่อนมือเล็กๆของเธอจะจับใบหน้าของฉันลงไปจูบ
ฉันตอบรับจูบของเธอ และคงเป็นจูบที่เนิ่นนานที่สุด ที่ทดแทนระยะเวลาที่เราห่างกัน
ระยะเวลาไร้รูปร่าง
แต่กลับทิ่มแทงหัวใจของเราอย่างไม่ใยดี..
ในทางกลับกัน
จูบเพียงระยะเวลาสั้นๆตอนนี้กลับรักษาแผลในหัวใจของเราในพริบตา
“พี่น่ะ.. หนีกลับมาเหรอคะ ยังเหลืออีกตั้ง 5
วันนี่หน่า”
ฉันส่ายหน้าน้อยๆให้กลับคำกล่าวหาของเธอ ลูดาคิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกันนะ
“อีก 5 วันทางมหาลัยจะพาไปเที่ยวน่ะ
ใครจะไปหรือไม่ไปก็ได้ ฉันเลยขอกลับมาก่อน คิดถึงเธอจะแย่แล้วน่ะสิ”
คนตัวเล็กก้มหน้าซุกลงกับหน้าอกของฉัน
เธอรั้งเสื้อโค้ทของฉันเอาไว้แน่นราวกับว่าไม่อยากให้ฉันหายไปไหนอีก
ฉันก็ไม่อยากอยู่ห่างจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว..
เย็นวันถัดมา อากาศเย็นลงกว่าเมื่อวันก่อนๆ
เราพา แมกซ์ ออกไปเดินเล่นด้วยกัน
“แมกซ์ อย่ามัวแต่เล่นสิ พี่โบนาช่วยกันหน่อยสิคะ”
ลูดาพยายามรั้งสายจูง แมกซ์
ที่กำลังเอาแต่ใช้ขาหน้าของมันตะกุยหิมะอยู่ไม่เลิก ดูไปดูมาก็น่าสนุกดี
“ดื้อเหมือนใครเลยเนี่ย”
แล้วฉันเกี่ยวอะไรกันนะ
คนตัวเล็กใส่เสื้อโค้ทสีน้ำเงินเข้มตัวหนากลัดกระดุมสองแถวเหมือนกันกับที่ฉันใส่
และใบหน้ายุ่งๆของเธอที่กำลังดุ แมกซ์ อยู่ทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ฉันไม่ได้กลับมาก่อนเพราะคิดถึงเธอมากๆอย่างเดียวหรอกนะ
“แมกซ์ !..”
มันหยุดตะกุยหิมะก่อนลูดาจะปล่อยมันวิ่งมาหาฉัน
เจ้านี่ไม่เชื่อฟังม๊าเอาเสียเลย
“ท่าทางมันจะอยากเล่นต่ออีกสักพัก
เธอเดินไปซื้อของก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่กับมันเอง”
“งั้นฉันรอที่เดิมนะคะ”
เธอจูบแก้มของฉันเบาๆก่อนจะเดินออกไป เธอกำลังพูดถึงสะพานเวสท์มินเทอร์น่ะ
เราต้องแวะซื้อของจำเป็นสักสองสามอย่างก่อนกลับบ้าน
และถ้าหากต้องแยกกันซื้อเพื่อเป็นการประหยัดเวลา
เราก็มักจะใช่ที่นั่นเป็นจุดนัดพบกัน
หิมะบางๆยังคงตกลงมาเรื่อยๆ
แต่ผู้คนก็ยังคงสัญจรไปมาตามปกติในยามสายแบบนี้
ทั้งคนในพื้นที่หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวก็ตามที่กำลังดูตื่นตาตื่นใจกับเจ้าหอนาฬิกาที่สูงใหญ่
บิ๊กเบน ยังคงตั้งตระหง่านไม่ว่าจะในฤดูกาลใดก็ตาม
ในวันหยุดแบบนี้ก็ยังมีรถยนต์ผ่านไปมาบ้าง แต่ไม่ถึงกับแออัด
และหญิงสาวชาวเกาหลีตัวเล็กที่กำลังยืนรอใครบางคนอยู่
“พี่โบนา ตามมาช้าจังเลยนะ”
ฉันพูดกับตัวเอง
เพราะอีกคนดูเหมือนจะใช้เวลานานไปหน่อย หรือจะเล่นกันจนลืมดูเวลา
ฉันท้าวแขนลงที่ราวสะพานอย่างรอคอย ก่อนจะได้ยินเสียงเล็กๆที่คุ้นเคย
โฮ่งๆๆ..
แมกซ์...
ทำไมมาคนเดียวล่ะ
โฮ่งๆๆ..
มันเห่าอีกครั้งก่อนฉันจะนั่งลงไปแล้วสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่ปลอกคอสีสดใสที่ฉันเป็นคนเลือกเอง
ถุงกำมะหยี่เล็กๆถูกผูกติดเอาไว้ ฉันแกะสิ่งที่ผูกอยู่กับคอของมันก่อนจะลุกขึ้นมาเพื่อเปิดดู
แหวน..
ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นเจ้าของของมันยืนอยู่ไกลๆท่ามกลางผู้คน
ไม่รู้ตัวเลยเลยว่าเธอเดินเข้ามาถึงตัวฉันตอนไหน มือบางชิงแหวนจากมือของฉันไป
และถึงแม้ว่าเสียงจากรอบข้างจะดังสักแค่ไหน แต่ฉันกลับได้ยินเสียงของพี่โบนาคนเดียว..
“แต่งงานกับฉันนะ..”
ใครจะไปปฏิเสธได้ลงคอ
“ฮึก..แต่งสิ คนบ้า”
ใช่ บ้าจริงๆ ฉันจะร้องไห้ทำไมกัน
เธอดึงตัวฉันเข้าไปกอด ก่อนจะจูบที่หน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา
ฉันซุกหน้าลงกับอ้อมแขนของพี่โบนา
และเธอที่พูดอะไรบางอย่างที่ฉันได้ยินมันสะท้อนผ่านทางหน้าอกของเธอ
“ฉันอยากให้เธอรู้ว่า
ฉันไม่อยากห่างจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว แต่หากระยะทางต้องแยกเราออกจากกัน
ให้แหวนนี้เป็นพยานว่าฉันจะรีบกลับมาหาแค่เธอ”
ฉันเชื่อทุกคำพูดของพี่โบนาหมดหัวใจ และฉันที่จะรอแค่เธอคนเดียวเหมือนกัน..
ขอบคุณที่วันนั้นพี่โบนาออกมายืนตากฝน..
ขอบคุณจูบแนะนำตัวของพี่โบนาในวันนั้น..
ขอบคุณร่มสีส้มของฉัน..
“แกก็เป็นพยานด้วยนะ.. แมกซ์”
โฮ่ง !
………………………………………………………………………
>//////<
มีแต่ความหวานเลี่ยนเต็มไปหมดค่ะ *โปรยกระดาษสี*
แต่งเองเขิลเองค่ะ อิจฉาตาร้อน เป็นชิปเปอร์ผี ><
ด้วยความคิดถึงทั้งหมดเลยค่ะ ฮืออ คนน้องนี่หายเข้ากลีบเมฆไปไหนอ่ะคะ TT
ออกมาให้เห็นหน้าเห็นตาหน่อย จะเฉาตายแล้ว TT
ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้หายคิดถึงกันสักนิดนึงนะคะ ><