[[SF-SNSD]] :+:Dream:+: (Yuri)
จะความเป็นจริงหรือความฝัน ให้ฉันยืนอยู่ที่ใดก็ได้ เพียงแต่...แค่ขอมีเธออยู่ด้วยก็พอ (YulSic) (SF ที่ทำให้คุณอยากจมอยู่กับความฝันถึงใครซักคน)
ผู้เข้าชมรวม
5,034
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
SF เรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะจินตนาการอันเพ้อฝันของบุงเองค่ะ
ค่อนข้างสั้นเล็กน้อยเนื่องจากเป็นแค่ one-shot
เพราะฉะนั้นไม่มีพาร์ทต่อแน่นอนนะคะ บุงไม่ใจอ่อนแล้ว T__T
ถามว่าปวดตับมั้ย? อันนี้ไม่น่าปวดตับค่ะ
แต่ว่าค่อนข้างโรแมนติก ซึ้ง และเศร้า สุขได้ตามแบบฉบับมะบุง ฮ่าๆ
อยากบอกว่าใครภูมิต้านทานต่ำ
ที่นี่มีแจกยาแก้ปวด ผ้าเช็ดหน้า และยาดม ฟรีนะคะ
เอาล่ะค่ะ ไปสนุกกับความปวดตับกันดีกว่า ^^//
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ควอน ยูริ
...รีดเดอร์ ที่ยอมจมอยู่กับความฝันที่หอมหวาน
มากกว่าต้องเผชิญความจริงอันโหดร้าย...
จอง เจสสิก้า
...ไรท์เตอร์ ผู้เลือกจะผลักดันความเป็นจริงให้อีกคน
เพื่อให้ตื่นขึ้นจากความฝันอันหลอกลวง...
*****************************************************
ยูริ: "...บางทีคนเราก็เลือกที่จะหลีกหนีความเป็นจริงที่โหดร้าย
เพื่อที่จะจมอยู่กับความฝันอันสวยงามเสียมากกว่า
แล้วฉันก็เลือกที่จะเป็นอย่างหลัง..."
เจสสิก้า: "...บางทีคนเราก็หลีกหนีจากความฝันอันลวงหลอกและไม่มีตัวตน
เพื่อจะยอมรับความเป็นจริงที่ไม่เป็นดังหวังแต่สัมผัสได้
แล้วฉันเองก็เลือกที่จะเป็นอย่างหลัง..."
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[[SF-SNSD]] :+:Dream:+: (Yuri)
จะความเป็นจริง หรือ ความฝัน
ให้ฉันยืนอยู่ที่ใดก็ได้
เพียงแต่...แค่ขอมีเธออยู่ด้วยก็พอ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
บรรยากาศเงียบเหงาในช่วงเวลาค่ำคืน ยังคงมีเพียงร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ห่าง เสียงลมพัดหวิวแทบพาหัวใจของควอน ยูริ สั่นไหวไปกับมัน เธอขยับปลายนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ดด้วยความเชื่องช้า อย่างหมดอาลัยตายอยาก ทำไมแต่ละวันแต่ละคืนมันเนิ่นนานเหลือเกิน
เว็บบอร์ดลงนิยายปรากฎขึ้นตรงหน้า วันที่อัพเดทของไรท์เตอร์ที่เธอชอบ ยังคงค้างอยู่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนให้มันเป็นวันนี้ได้
เธอทำเพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วลากเมาส์ลงมาเรื่อยๆ เพื่ออ่านคอมเมนต์ และถึงแม้ว่านักอ่านคนอื่นอาจจะเลิกสนใจ รอวันที่คนแต่งกลับมาอัพ หากมีคนๆ หนึ่ง ที่ใช้นามแฝงว่า Yul-Sic คอมเมนต์ให้เป็นประจำทุกวันซ้ำๆ จนคนอื่นที่เห็นอาจอดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่เบื่อบ้างหรือไง
‘ความคิดเห็นที่ 981
ว้า วันนี้ยังไม่อัพหรอ ไม่เป็นไร ยูลจะรอจนกว่าเจสจะอัพแล้วกันนะ’
‘ความคิดเห็นที่ 982
ยูลไปเที่ยวมาสนุกมากเลยแหละ ขอโทษที่วันนี้มาเมนต์ให้ดึกนะ ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆ นะคะคนเก่ง’
‘ความคิดเห็นที่ 983
กินข้าวให้ตรงเวลานะ มีคนไกลๆ เค้าเป็นห่วงอยู่’
และอีกสารพัดข้อความที่เต็มหน้าจอไปหมด เธอยิ้มเล็กน้อยกับสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะบรรจงเขียนคอมเมนต์ของวันนี้บ้าง
‘ความคิดเห็นที่ 1011
ถ้าใครเจอคนแต่ง ฝากบอกด้วยนะคะว่าคิดถึง’
ยูริเป็นคนค่อนข้างติดนิยายในเน็ตพอสมควร ถ้ามีเวลาว่างเธอมักจะติดตามเว็บสำหรับโลกนักเขียน หรือไม่ก็ตามบอร์ดดารานักร้องต่างๆ ซึ่งถึงแม้จะชอบเรื่องไหนมาก เธอทำเพียงคอมเมนต์ให้ทุกตอนที่อ่านจบ ไม่ใช่ทุกวันอย่างเช่นเรื่องนี้
หญิงสาวถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจนับ นิ้วเลื่อนเมาส์ไปเปิดโปรแกรมยอดฮิตอย่างเอ็มเอสเอ็นขึ้นมา รายชื่อคนที่ออนไลน์อยู่ค่อนข้างเยอะมากพอสมควร แม้เวลาจะใกล้ข้ามวันใหม่เข้าไปทุกที
คนหลายคนเข้ามาทักเธอบ้าง แต่ยูริก็แค่ตอบไปพอเป็นพิธีเท่านั้น ในใจยังคงร้อนรุ่มกระวนกระวาย มองชื่อเอ็มที่ราวกับว่าจะแปรเปลี่ยนมันให้เป็นออนไลน์เหมือนคนอื่นๆ ได้
‘เมื่อไหร่จะออนนะ’ เธอคิดในใจ นิยายไม่อัพ เอ็มก็ไม่ออน อีกฝ่ายทำตัวเหมือนไร้ตัวตนบนโลกนี้เหลือเกิน เธอกดโทรศัพท์มือถือด้วยความหมดหวัง เพราะทุกครั้งก็จะได้ยินเพียงแค่ ‘หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...’
เธอยอมรับได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเคยเจอเจสสิก้าตัวจริงนับครั้งได้ แต่ความผูกพันที่มีผ่านทางโลกไซเบอร์มามากนับปี จะหาว่าเธอเป็นคนใจง่ายไปมั้ย ถ้าเธออยากบอกว่า... เธอหลงรักคนๆ นี้ ทั้งที่เคยเจอหน้าไม่กี่ครั้ง ไม่กี่ชั่วโมง หลงรักทั้งๆ ที่ ทำได้เพียงแค่ออนเอ็ม หรือโทรศัพท์หาไปวันๆ สิ่งเหล่านี้ที่เธอทำ เจสสิก้าจะคิดว่าเธอเป็นแค่แฟนคลับที่ติดตามผลงานอย่างเหนียวแน่นรึเปล่านะ
แต่แล้วก็เหมือนว่าฟ้าดลใจ! ยูริกระพริบตาถี่ๆ มือยกขึ้นตบหน้าเต็มแรง เพื่อเตือนสติว่าตนเองไม่ได้ฝันไป ชื่อเอ็มนี้...เมล์นี้... เมล์ที่ไม่ได้ออนไลน์มาตลอดเดือนกว่า!
เธอไม่ลังเลเลยซักนิด ที่จะเลือกทักทันที แม้ว่าอีกฝ่ายจะขึ้นสถานะไว้ว่ายุ่งอยู่ก็ตาม
‘YulSic says: เจสออนแล้ว T___T หายไปไหนมาอ่ะ
Princess says: ขอโทษนะยูล ช่วงนี้เจสยุ่งๆ นิดหน่อย
YulSic says: ทำไมไม่เปิดโทรศัพท์เลย เอ็มก็ไม่ออน นิยายก็ไม่อัพ รู้มั้ยว่ายูลเป็นห่วง
Princess says: ขอโทษจริงๆ งานเจสเยอะมากเลย
YulSic says: ยูลไม่ได้อยากให้เจสขอโทษ ยูลแค่อยากบอกว่า...ยูลคิดถึงเจสมากเลย คิดถึงมากๆ’
ยูริรู้ดีว่าในฐานะของตนเอง มันไม่สมควรเลยที่จะพูดไปแบบนั้น ทว่าเธอห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่อยู่ จะให้เธอทนเก็บต่อไปยังไงอีกไหว ในเมื่อคนที่เธอรักหายไปเป็นเดือนโดยขาดการติดต่อสิ้นเชิงทุกหนทางเช่นนี้ ใครจะรู้บ้างว่าช่วงแรกเธอเพ้อบ้าบอแค่ไหนที่จะพยายามหาทางติดต่อกับเจสสิก้า แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงความฝันอันเลือนลางที่ไม่อาจจับต้องได้
เธอส่งเมล์อันยืดยาวพรรณนาความรู้สึกที่มีให้เจสสิก้ารับรู้ ซึ่งใครอีกคนก็คงไม่ใส่ใจ หรือไม่ได้เปิดอ่าน ข้อความที่เธอทิ้งไว้ตอนออฟไลน์ เพื่อเป็นการหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าเจสสิก้ายังคุยกับเธออยู่ ยังไม่ได้จากเธอไปไหน แม้มันทำให้เธอรู้สึกดีได้ชั่วครู่ แต่สุดท้ายแล้วยูริก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งที่ทำลงไปเช่นนั้น มันไม่ได้ครึ่งของความรู้สึกที่ได้รับตอนใครอีกคนพิมพ์ตอบกลับมาเลย เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน ที่เธอไม่ต้องคุยกับเงาของตนเอง...
‘Princess says: อื้อ เจสก็คิดถึงยูลเหมือนกิน เห็นทิ้งคอมเมนต์ไว้เยอะเลย ขอบคุณมากนะ ^^
YulSic says: ก็ยูลไม่รู้จะทำไงถึงติดต่อเจสได้นี่ มือถือก็ปิด เมล์ก็ไม่ตอบ ไม่ออนเอ็ม ยูลคิดถึงแทบบ้าแน่ะ
Princess says: นี่ไง เจสก็มาให้หายคิดถึงแล้ว
YulSic says: ไม่ซักนิด ยิ่งกว่าเดิมอีก เจส...ยูลอยากเจอเจสอ่ะ
Princess says: ช่วงนี้เจสไม่ได้มีตีพิมพ์ฟิคนี่? จะให้นัดเจอรับฟิคหรอ??
YulSic says: ไม่ใช่... ยูลหมายความว่า เราไปเที่ยวด้วยกันสองคน น้าๆ รีดเดอร์อยากมีตติ้งกับไรท์เตอร์สองคนบ้าง ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันมันก็นานมากแล้วนะเจส
Princess says: นั่นสิ งั้นยูลอยากไปที่ไหนล่ะ เจสตามใจยูลแล้วกัน แต่เจสว่างแค่พรุ่งนี้วันเดียวนะ
YulSic says: จะจากยูลไปไหนอีกแล้ว T___T’
ยูริชะงักทันที เมื่อเห็นประโยคหลังจากเจสสิก้า ว่างแค่พรุ่งนี้ งั้นแสดงว่าวันอื่นก็จะหายไปอีกแล้วหรอ... ให้เธอทรมานมานับเดือน แล้วก็จะให้เธอรอต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน ใครไม่เป็นเธอไม่รู้หรอกว่าทรมานแค่ไหน เหมือนเป็นตัวอะไรซักอย่าง ที่ถูกสั่งให้รอก็ต้องรอ
ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเพ้อฝันถึงเจสสิก้า รอคอยการกลับมามากแค่ไหน หากน้ำใสๆ อุ่นๆ ที่สัมผัสแก้มเธออยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่เพียงความฝัน แต่เธอรับรู้ถึงมันได้จริง...
‘Princess says: เจสก็แค่...ต้องจากไปที่แสนไกลซักพัก
YulSic says: หมายความว่าไง? ยูลไม่เข้าใจที่เจสพูดเลย
Princess says: ยูลไม่ต้องเข้าใจหรอก เป็นไรท์เตอร์ก็เพ้อแบบนี้แหละ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ยูลอยากเจอเจสที่ไหน
YulSic says: จำสวนสาธารณะที่เราเคยเจอกันครั้งก่อนได้มั้ย
Princess says: โอเค ได้เลย... ยูลรู้มั้ย เจสไม่เคยรู้สึกพิเศษกับคนอ่านที่ไหนเท่ายูลแล้วนะเนี่ย ยูลน่ะพิเศษสุดสำหรับเจสแล้ว
YulSic says: ยูลดีใจนะ ต่อให้เป็นได้แค่ Special reader ก็ตาม
Princess says: ไม่ใช่... ยูลไม่ใช่นักอ่านที่พิเศษ แต่ยูลน่ะ...เป็นคนพิเศษ’
คนที่ไกลห่างออกไปในอีกสถานที่หนึ่ง คงไม่รับรู้ว่ายูริกำลังหัวใจเต้นแรงขนาดไหน หน้าแปลกนะ แค่ไม่เจอหน้า ไม่ได้ยินเสียง แต่กับข้อความสั้นๆ ที่เจสสิก้าพิมพ์มา ก็พาหัวใจของยูริโบยบินไปไกลเสียแล้ว คนพิเศษหรอ...เจสสิก้าพิเศษกับเธอแบบไหน ยูริก็ไม่อยากจะรับฟังแล้ว เธอขอเพียงแค่ใครอีกคนยังอยู่กับเธอ เท่านั้นก็พอ
‘YulSic says: เจสก็เป็นคนที่พิเศษของยูลเหมือนกัน ไม่งั้นยูลคงไม่คิดถึงเจสอย่างนี้หรอก
Princess says: ค่ะ เจสรู้ เจสขอโทษนะ เจสคิดถึงยูลมากๆ เลย
YulSic says: พรุ่งนี้เราจะได้เจอกันแล้วใช่มั้ย
Princess says: สัญญาเลยค่ะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราเจอกัน เจสขอไปก่อนนะยูล
YulSic says: จะไปอีกแล้วหรอ T^T
Princess says: นะคะคนดี แล้วค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ บายค่ะ’
เจสสิก้าออฟไลน์ไปแล้ว เป็นการออนเอ็มที่รวดเร็วมากอย่างที่ยูริแทบไม่ทันตั้งตัว เธอรอมาตั้งหนึ่งเดือน แต่อยู่ๆ เจสสิก้าก็กลับมาง่ายๆ หากคุยได้ไม่นาน ก็ต้องจากกันไปอีกแล้ว
ยูริไม่รู้ว่าตนเองจะอ่อนไหวหรืออ่อนแอมากไปมั้ย ที่แค่เห็นใครบางคนออฟไลน์...น้ำตาก็ไหลรินออกมาเสียแล้ว เธอมองดูเข็มวินาทีที่เคลื่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
ทั้งเข็มสั้นและเข็มยาวบรรจบกันที่เลขสิบสอง เป็นสัญญาณของวันใหม่พอดี วันนี้แล้วสินะ ที่เธอจะได้เจอกับคนที่เธอรอคอยมาแสนนาน โดยที่ใครอีกคนไม่เคยรับรู้เลย!
“ยูลจะรอเจสนะคะ...” เธอพูดเบาๆ กับตนเอง หน้าจอคอมพิวเตอร์เบื้องหน้าดับสนิทลง ส่งผลให้ทั้งห้องมืดลงตาม คงมีเพียงแสงไฟสลัวจากทางหัวเตียงเท่านั้น ทำให้เห็นได้ถึงหยดน้ำใสๆ ที่เปื้อนใบหน้าสวยคมของยูริ
สายลมพัดไหวเบาๆ ใบไม้สีน้ำตาลออกแดงเล่นหยอกล้อไปตามแรงลม บรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทำให้หัวใจเกิดความรู้สึกเศร้าและโหยหาได้อย่างน่าอัศจรรย์ อากาศรอบด้านค่อนข้างเย็นเล็กน้อย ด้วยใกล้ช่วงหน้าหนาวแล้ว เหล่าต้นไม้เองก็พากันสลัดใบไม้ทิ้งตามถนนและหนทาง ให้ได้มองอย่างไม่รู้เบื่อ
สองร่างนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เพื่อหลีกหนีกับแสงอาทิตย์ยามกลางวันที่แม้ไม่ร้อนมาก แต่เธอก็ไม่ประสงค์จะนั่งตากแดดเท่าไหร่นัก ระยะห่างที่ยูริจงใจเว้นไว้พอสมควรเพื่อไม่อยากให้เจสสิก้าอึดอัดใจ หากร่างสูงก็ต้องแปลกใจที่คนข้างกายพยายามเลื่อนกายเข้ามาใกล้เธอ ก่อนที่แขนจะเกี่ยวแขนเธอไว้แน่น
“รังเกียจเจสหรอคะ นั่งซะไกลเลย” เจสสิก้าเรียกเธออย่างออดอ้อนให้ยูริได้หน้าแดงเรื่อ ไรท์เตอร์เขาจะรู้บ้างมั้ย ว่ารีดเดอร์คนนี้คิดไม่ซื่ออยู่!
“เปล่าค่ะ ยูลกลัวเจสอึดอัดใจ”
“คิดมากน่า วันนี้เรามาเที่ยวกันนะคะ” คนไม่คิดมากหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กเหมาะกับรูปร่างของตนมาว่างไว้บนตัก แล้วเปิดเอากล่องข้าวออกมา
“เจสทำแซนด์วิซมาให้ยูลด้วยแหละ” ว่าแล้วก็หยิบขนมปังสีขาว ที่ใส่ใส้ไปด้วยทูน่า รวมถึงผักชนิดอื่นๆ จนล้นเปี่ยม ยูริรับมาแล้วค่อยๆ ละเลียดลิ้มรสอย่างเคลิ้มฝัน
“อร่อยจัง ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร เจสอยากทำอะไรเพื่อยูลบ้าง ยูลทำเพื่อเจสมามากแล้ว” เจสสิก้าคงพูดถึงเรื่องคอมเมนต์ถล่มทลายในนิยาย ที่เมนต์โดยคนๆ เดียวอย่างยูริล่ะมั้ง
“ก็มันเป็นทางเดียวที่ยูลจะติดต่อเจสได้นี่”
“ค่ะ ขอโทษที่หายไปโดยไม่บอกนะ คราวหลังเจสจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว” เจสสิก้าค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเศษขนมปังที่ติดอยู่มุมปากของยูริออก การกระทำเช่นนี้ ถ้าไม่บอกว่าพวกเธอเป็นไรท์เตอร์กับรีดเดอร์ คนอื่นคงมองว่าเป็นคู่รักหวานแหววเป็นแน่ หากจะผิดมั้ยถ้าเจสสิก้าอยากให้เป็นอย่างหลังมากกว่า
“เอ่อ...ยูลเช็ดเองก็ได้”
“อยากเทคแคร์ ผิดมั้ย?” คำพูดห้วนๆ แต่ใบหน้าแดงเรื่อนั้นทำให้ยูริต้องเขินอาย อยากเทคแคร์งั้นหรอ... ให้เธอละลายไปตรงนี้เลย ยูริว่ามันง่ายกว่ามั้ย
“ไม่ผิดค่ะ”
“ยูล...ถ้าเจสไม่อยู่กับยูล ยูลต้องสัญญานะว่าจะอยู่ได้” เจสสิก้าเปรยแผ่วเบา ทว่ายูริกลับใจกระตุกทันที เธอดึงมือของอีกคนมาแนบแก้มใสอย่างอ้อนวอน
“ไม่เอา อย่าพูดอย่างนี้สิคะ แค่เจสไม่อยู่เดือนเดียว ยูลก็จะแย่แล้ว”
“บนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ทุกอย่างมีจุดสิ้นสุดของมันทั้งนั้น รับปากเจสสิ ว่าถึงเจสไม่อยู่ เจสจะหายไปนานแค่ไหนอีกกี่เดือน ยูลก็ต้องอยู่ได้”
“ยูลไม่รับปากได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ค่ะ ขอร้องนะ เจสไม่สบายใจเลย ไม่ใช่เจสไม่รู้ความรู้สึกของยูล มันก็เหมือนกับเจส... แต่เจสไม่สบายใจ เวลาเห็นยูลพยายามคอมเมนต์นิยายทุกวันๆ พยายามส่งข้อความหาเจสตอนออฟไลน์ มันทำให้เจสรู้สึกเหมือนว่าเจสไม่ได้หายไป ทั้งที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามสิ้นเชิง” ใบหน้าที่เศร้าหมองลงของเจสสิก้า กับคำพูดแปลกๆ วกไปวนมา ยูริจึงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เธอสับสนไปหมด... เจสสิก้ารู้สึกเหมือนเธองั้นหรอ...
“ยูลไม่เข้าใจเลย”
“ยูลพยายามที่จะไม่เข้าใจเองต่างหาก ขอร้องนะคะยูล เจสไม่สบายที่เห็นยูลเป็นอย่างนี้ ฮึก... ยูล...เจสอัพนิยายไม่ได้ ตอบเมล์ไม่ได้ ออนเอ็มไม่ได้ ยูลก็รู้”
“ทำไมจะไม่ได้คะ เดี๋ยวเจสหายยุ่งก็ทำได้เอง”
“ยูล...” เจสสิก้าเรียกเสียงแหบพร่า เธอพยายามกลั้นสะอื้น หากหยาดน้ำตากลับไหลรินไม่ขาดสายให้ยูริได้แต่ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยซับมันแผ่วเบา เจสสิก้าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เธอดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่น ปล่อยให้น้ำใสๆ ตกกระทบลงบนไหล่มันของยูริ
“เจสขอโทษนะที่ไม่มีโอกาสได้บอกคำนี้กับยูลจนเมื่อสาย ขอโทษจริงๆ แต่เจสอยากให้ยูลรับรู้ไว้นะ ว่าเจสรักยูลมาก มากกว่าจะเป็นไรท์เตอร์กับรีดเดอร์ เจสรักยูลแบบคนรัก”
ยูริยิ้มกริ่มออกมาทันที แต่เธอไม่ได้เห็นใบหน้าของคนที่กำลังกอดเธออยู่ว่ามันซูบเซียวลงขนาดไหน มือลูบแผ่นหลังที่สั่นสะท้านในอ้อมกอดของตนเองอย่างอ่อนโยน
“ค่ะ ยูลก็รักเจสมากเหมือนกัน รักมานานแล้วด้วย”
“อื้ม เจสรู้ เจสถึงไม่อยากเห็นคนที่เจสรักและรักเจสต้องทรมาน”
“หมายความว่าไง ยูลไม่เข้าใจอะไรซักอย่างที่เจสพูดมาเลย”
“ยูลพยายามจะไม่เข้าใจต่างหาก ยูล...อยู่กับความเป็นจริงสิ ความเป็นจริง ไม่ใช่ความฝัน ตื่นซักทีเถอะนะ ยิ่งยูลเป็นอย่างนี้เจสยิ่งห่วง มันทำให้เจสไม่สบายใจรู้มั้ยคะ”
เสียงร้องไห้เหมือนบาดลึกลงในใจของยูริเข้าไปทุกที พยายามไม่เข้าใจ หรือเข้าใจ ฝันหรือความจริง การหลอกลวงการเชื่อใจ ทุกสิ่งทุกอย่างสับสนปนเปกันไปหมดในห้วงความรู้สึก
“ขอโทษนะที่ความรักของยูลทำให้เจสไม่สบายใจ”
“ไม่ใช่ความรักของยูลทำให้เจสไม่สบายใจ แต่เพราะสิ่งที่ยูลเป็นอยู่ตอนนี้มันทำให้เจสไม่สบายใจ”
“เลิกพูดเรื่องพวกนี้เถอะ ยิ่งฟังยิ่งสับสน” ยูริว่าแล้วดึงร่างของเจสสิก้าออก เธอค่อยๆ เกลี่ยซับหยาดน้ำตา ขณะที่นิ้วเรียวบรรจงทัดไรผมไว้หลังใบหูของอีกฝ่าย เธอไม่เข้าใจเลย ทำไมเจสสิก้าต้องพูดเหมือนจะจากเธอไป จะไม่อยู่กับเธอ ในเมื่อคนตรงหน้านี้เธอสามารถสัมผัสได้ คนที่มีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่หรอ
มือประคองใบหน้าใสไว้ แล้วค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น เจสสิก้าหลับตาลงราวกับยอมรับทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่ยูริค่อยๆ จรดเรียวปากบางลงบนตำแหน่งเดียวกันนั้นแผ่วเบา ลิ้นเรียวผ่านซึมซับเข้าไปในความชุ่มชื้นของริมฝีปาก รสหอมหวานชวนหลงใหลให้ได้เชยชิมไม่รู้เบื่อ
ต่อให้นี่เป็นความฝัน เธอก็ยอมจะจมและหลงวนเวียนอยู่ในนั้น เพียงแค่มีเจสสิก้าอยู่ด้วยก็พอ ถ้าไม่มีอีกคน เธอจะทนอยู่กับความเป็นจริงได้อย่างไร
...หัวใจเธอมันอ่อนแอเกินกว่าจะรับความจริงได้ ขอจมอยู่กับฝันที่ไม่มีวันตื่นแทนได้มั้ย...
สวนสาธารณะแสนสวยงามที่เห็นเมื่อครู่เริ่มเลือนลางลง ผู้คนรอบด้านแปรเปลี่ยนไป มีเพียงคนที่ใส่ชุดคล้ายๆ กันกระจัดกระจายบนสนามหญ้าอันแสนกว้าง รวมถึงร่างสูงของใครคนหนึ่ง ที่นั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่รายล้อมรอบตัว ดวงตาเหม่อลอยมองไปไกล มากกว่าจะให้ความสนใจกับเหล่าคนอื่นๆ ที่ดูมีความสุขกับชีวิตเหลือเกิน
มือวางบนตักราวกับประคองร่างของใครอยู่ ทว่ามันกลับว่างเปล่าไร้สิ่งใดเลย เธอยิ้มออกมาบางๆ ขัดกับแววตาเศร้าหมองที่ไร้จุดหมายนั่นเสียเหลือเกิน
“เมื่อไหร่พี่ยูลจะหายซักทีนะซอ ยุนไม่อยากให้พี่เป็นอย่างนี้เลย” ยุนอาเปรยเบาๆ กับคนข้างกาย ขณะสายตามองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่กลางสนามหญ้าภายในชุดสีเขียวอ่อนเหมือนกับคนอื่นทั่วๆ ไป เธอเป็นห่วงเหลือเกินที่เห็นสภาพของพี่สาวคนเดียวเป็นแบบนี้มานับสองเดือนแล้ว
“ซักวันค่ะยุน ซักวันพี่ยูลต้องเข้มแข็งแล้วเผชิญกับความเป็นจริงได้” ซอฮยอนพยายามปลอบใจคนรัก ที่กำลังจะร้องไห้ทุกทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอรู้ดีว่ายามนี้ยุนอาแทบเรียกได้ว่าไม่เหลือใครแล้วนอกจากเธอ เพราะฉะนั้นซอฮยอนจึงขออยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้คนรักด้วยแรงใจทั้งหมดที่เธอจะมีให้ใครคนหนึ่งได้
“ยุนสงสารพี่ยูล”
“เรื่องแบบนี้ทำใจกันไม่ได้ง่ายๆ นี่”
“นั่นสินะ ถ้ายุนเป็นพี่ยูล ยุนอาจไม่เข้มแข็งแบบนี้ก็ได้”
“ค่ะ...พี่ยูลก็คงช็อคมาก ที่อยู่ๆ พี่เจสก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวันที่นัดกับพี่ยูลเมื่อสองเดือนก่อน ทั้งที่วันนั้นพี่ยูลตั้งใจจะสารภาพรักกับพี่เจสแล้วขอพี่เจสเป็นแฟนแท้ๆ” ซอฮยอนพูดเสียงเศร้า มันคงเจ็บปวดมาก ที่ความหวังทั้งหมดพังสลายลงตรงหน้า คำว่ารักไม่มีสิทธิ์กล่าวออกไป ขณะที่ใบหน้าสุดท้ายของคนรักในความทรงจำ แทนที่จะเป็นรอยยิ้ม กลับกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดและลมหายใจที่ดับสลายไปกับร่างที่ไร้จิตวิญาณ
“เฮ้อ... ตั้งแต่ยุนยึดคอมพ์พี่ยูลไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทุกวันนี้หมอ ยังบอกเลยว่า พี่ยูลพยายามขอใช้คอมพ์อยู่เรื่อยเลย”
“ยุนทำถูกแล้วล่ะ ไม่งั้นพี่ยูลก็คงเอาแต่คอมเมนต์นิยายพี่เจสทุกวันๆ เอาแต่ออนเอ็มกับคนที่ไม่มีลมหายใจแล้ว...” ซอฮยอนพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ขณะที่ยุนอาดึงร่างคนรักมากอดเบาๆ
“แต่นั่นคือความฝันของพี่ยูลเลยนะ มันคือความสุขของคนๆ หนึ่ง ที่เลือกจะทำเพื่อหนีความเจ็บปวด”
“ความเป็นจริงแม้มันจะเจ็บ ซอว่าเราควรจะอยู่กับมัน มากกว่าหลอกลวงตัวเองกับความฝันนะคะ”
“ถ้ายุนเป็นพี่ยูล แล้วซอเป็นแบบพี่เจส... ยุนก็ขอเลือกอยู่กับฝันเหมือนกัน” ยุนอาเริ่มเข้าใจพี่สาวตนเองมากขึ้น ใบหน้าเศร้าหมองไม่ต่างจากคนข้างกาย เธอตระกองกอดคนรักเอาไว้แน่น เธอยังโชคดีที่ความเป็นจริงยังเต็มไปด้วยความสวยงาม ต่างจากผู้เป็นพี่สาวผู้โชคร้ายที่ขอเลือกหลีกหนีหนามแห่งความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงใจ ไปหาความฝัน
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะยุน ซอไม่สบายใจเลย”
“ค่ะ ตอนนี้ความเป็นจริงเรามีกันก็พอแล้วนะ” ยุนอาพยายามปลอบใจ เธอมองยูริด้วยความเป็นห่วง หวังเพียงซักวันที่ยูริจะตื่นจากความฝันเสียที แล้วรับรู้ความจริงที่ว่าไม่มีเจสสิก้าอีกต่อไปแล้ว...
ยุนอาใช้เวลาทอดอารมณ์อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพาซอฮยอนเดินออกมาจากที่แห่งนั้น โดยไม่ได้มองไปยังแผ่นป้ายที่อยู่เบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย
‘โรงพยาบาลเฉพาะโรคทางจิตเวช’
เสียงลมพัดหวิว พาใบไม้พัดไหวตามแรงแห่งพระพาย ร่างบางเลือนลางของใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลด้วยแววตาอันแสนเศร้า เสียงสะอื้นดังมาจากภายในหัวใจ อย่างที่คนทั่วไปคงไม่มีวันได้ยินเสียงร่ำไห้ซึ่งดังมาจากโลกอีกมิติหนึ่ง อันเกินกว่าจะเชื่อมต่อกับโลกแห่งความเป็นจริงได้
“ฮึก...ยูล เจสจะอยู่กับยูลตลอดไป ไม่ว่าความฝันหรือความเป็นจริงก็ตาม...ที่รัก” เจสสิก้าเปรยเบาๆ ทั้งที่รู้ดีว่าต่อให้พูดดังแค่ไหน ก็ไร้คนได้ยินสิ้นเชิง
“ลาก่อนค่ะยูล เข้มแข็งไว้นะคะ” ถ้อยคำสุดท้ายเธอไม่รู้ว่าจะส่งถึงใจของใครคนนั้นได้หรือเปล่า ยูริไม่ผิดที่เลือกจะหนีความเจ็บปวด กับความจริงที่ว่าบนโลกที่เธอยืน ไม่มีคนรักอย่างเจสสิก้าอีกต่อไปแล้ว บางทีการเลือกความฝันให้กับหัวใจของตนเอง แม้มันจะหลอกลวงและไร้ตัวตน แต่มันก็ทำให้ใครคนหนึ่งยืนหยัดสู้ต่อไปได้ กับความฝันลมๆ แล้งๆ ของหัวใจ ที่หวังเพียงซักวันหนึ่ง เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วความฝันนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความจริงได้ซักครั้ง
หากใครหลายคนกลับไม่เข้าใจเธอ และยัดเยียดให้เธอต้องมาอยู่ที่แห่งนี้ ในสายตาคนอื่นเธอคงเหมือนคนบ้า ที่ไม่อาจอยู่ร่วมสังคมกับใครได้
ทว่าในสายตาของร่างบางที่โปร่งแสงในขณะนี้ กลับเต็มไปด้วยความรัก และเป็นห่วง รวมถึงสงสารที่ตนทำให้ใครอีกคนถูกกีดกันออกจากโลกภายนอก ให้จมอยู่กับความฝันไปตลอดชีวิตเช่นนี้
“เจสรักยูลนะ” สิ้นคำ ร่างของเจสสิก้าก็ค่อยๆ เลือนลาง สายลมพัดไหวอีกครา พาหัวใจของยูริเลือนหายไปไกล
บนโลกแห่งความเป็นจริง พวกเธออาจถูกโชคชะตาอันโหดร้ายกีดกันให้ต้องพลัดพรากแยกจาก ไม่อาจร่วมเดินบนทางเส้นเดียวกันได้
หากสำหรับยูริแล้ว...เจสสิก้ายังคงเป็นฝันดีที่สุดสำหรับเธอ และเป็นความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย...
The End.
จะว่าซึ้งก็ไม่ซึ้ง จะว่าเศร้าก็ไม่เศร้า จะว่าปวดตับมันก็ไม่ใช่
บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะว่า SF นี้อยู่ในช่วงอารมณ์ไหน
บุงแต่งมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายมากๆ
ประกอบกับอาการเพ้อฝันของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง
ทำให้เรื่องออกมาค่อนข้างสะเทือนใจมากกว่ากระตุกอารมณ์ =[]=
และปนเปกับความงุนงงบวกอึดอัดใจเล็กน้อย
(อ่านแล้วอยากอัดไรท์เตอร์ได้ ฮ่าๆ)
ในสายตารีดเดอร์แล้วมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้
ก็ช่วยคอมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ
บุงอยากรู้ความคิดเห็นของทุกคนน่ะค่ะ >/|\<
ผลงานอื่นๆ ของ Ma-Bung (มะบุง) ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ma-Bung (มะบุง)
ความคิดเห็น