ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [Charlie and the chocolate factory] Willy Wonka x Reader : Hansel and Gretel
นิทานเรื่องฮันเซลกับเกรเทลบอกว่า
กาลครั้งหนึ่งมีเด็กชายฮันเซลและเด็กหญิงเกรเทล
ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายทิ้งไว้จนพลัดหลงในป่า
เดินทางไปเรื่อยจนพบกับบ้านขนมแสนอร่อย
แล้วเด็กน้อยก็ถูกจับขังโดยแม่มดเจ้าเล่ห์
ด้วยกลอุบายสักนิด พวกเขาก็ได้เป็นอิสระ
กลับคืนสู่วิมานแสนสุข
แต่..ถ้านิทานเรื่องนั้นไม่ใช่แบบที่เคยได้ยินกันมาล่ะ?
หากบ้านขนมคือโรงงานผลิตขนมหวานสุดวิเศษ
แม่มดเจ้าเล่ห์กับแม่เลี้ยงใจร้ายกลายเป็นเจ้าของโรงงานจอมอัจฉริยะ
ฮันเซลกับเกรเทลคือแขกผู้มาเยือนคนสำคัญ
แล้วเรื่องก็จบลงด้วยรอยยิ้มของทุกคน
ฤดูหนาวในเดือนธันวาคมอาจเป็นสิ่งสวยงามของใครหลายๆคนด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่ปกคลุมเป็นของประดับขับให้อาคารต่างๆดูมีเสน่ห์เมื่อมองจากทางหน้าต่างของห้องนั่งเล่นอันอบอุ่นที่มีต้นสนตกแต่งไว้อย่างสวยงามรอต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสที่จะมาถึง แต่สำหรับคนบางกลุ่มแล้ว มันคือความทรมานด้วยความหนาวเย็นแสนสาหัส
คุณนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเตาผิงที่ติดไฟพอประมาณ คุณแทบไม่อยากลุกออกไปไหนเพราะรู้ดีว่าบริเวณเตาผิงคือจุดที่อุ่นที่สุด ซึ่งถ้าคุณออกไปไกลจากบริเวณนี้มากนัก คุณก็จะได้ปะทะกับลมหนาวที่พัดเล็ดลอดเข้ามาตามร่องของกำแพงไม้ในบ้าน ฝ่ามือทั้งสองของคุณถูกันเป็นระยะๆเพื่อสร้างความอุ่น
ถ้าฉันมีเงินเยอะพอล่ะก็ ฉันจะซื้อฮีทเตอร์สักตัวตั้งไว้กลางบ้านเลย...คุณคิด
บ้านของคุณเป็นบ้านหลังเล็กๆอยู่ในชานเมืองที่ค่อนข้างไกลออกมาจากกรุงลอนดอน...หรือเรียกอีกอย่างว่าย่านที่เป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนชั้นกลาง มีรูโหว่เล็กๆตามหลังคาจากกระเบื้องเก่าๆ บันได้ไม้ที่เริ่มผุไปบางส่วนและส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่เหยียบเท้าลงไป แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็มีความสุขดีอยู่แล้ว เพื่อนบ้านทุกคนในละแวกนี้ล้วนแต่ใจดีและน่ารัก โดยเฉพาะบ้านของครอบครัวบั๊คเก็ตที่อยู่ติดกับคุณ ทุกๆวันคุณจะได้รับกะหล่ำปลีหนึ่งหัวที่พวกบั๊คเก็ตปลูกในสวน ส่วนคุณเองก็แบ่งผักอย่างอื่นกลับไปให้บ้างถ้ามีโอกาสเพราะรู้ว่าทุกๆวันครอบครัวบั๊คเก็ตไม่ได้กินอาหารอย่างอื่นเลยนอกจากซุปกะหล่ำปลี ซึ่งคุณมั่นใจว่านั่นไม่มีทางให้สารอาหารที่เพียงพอกับสมาชิกสูงอายุในบ้านเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่กำลังโตอย่างชาร์ลี บั๊คเก็ต
คุณกับชาร์ลีสนิทกันแทบจะเรียกว่าพี่กับน้องเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งหลังจากช่วยงานที่บ้านเสร็จ เขาก็จะแวะมาคุยเล่นกับคุณอยู่เสมอ หรือไม่ก็ชวนคุณไปทานอาหารเย็นที่บ้าน ครอบครัวของเขาจึงเป็นเหมือนกับครอบครัวของคุณด้วย น่าเสียดายที่คุณมีเวลาเจอเขาน้อยลงตั้งแต่เขาได้เป็นผู้ชนะจากการเยี่ยมชมโรงงานช็อกโกแลต แต่ไม่นานหลังจากนั้นครอบครัวของพวกเขาจู่ๆก็ย้ายออกไปโดยไม่ได้บอกกล่าวทิ้งเพียงพื้นที่โล่งๆไว้ทำให้คุณตกใจและเป็นกังวลเอามากๆ แต่แล้วเมื่อวานอยู่ดีๆคุณก็ได้รับจดหมายที่ชาร์ลีเป็นคนเขียนส่งมาให้ พอนึกถึงมันแล้วคุณก็ล้วงมือหยิบจดหมายที่ยับยู่ยี่ไปบ้างออกมาอ่านซ้ำอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ถึงพี่(....) , เพื่อนสนิทและเพื่อนบ้านที่ดีที่สุดของผม
ผมเขียนจดหมายนี้มาเพราะคิดว่าพี่คงจะตกใจที่อยู่ดีๆครอบครัวเราก็หายไป พอดีผมมัวแต่ยุ่งๆเลยไม่มีโอกาสแวะไปคุยกับพี่ด้วยตัวเอง อย่าโกรธกันเลยนะฮะ
คือครอบครัวเราได้ย้ายบ้านจริงๆฮะ แต่ไม่ต้องห่วง มันไม่ใช่สถานสงเคราะห์ของทางการหรือใต้สะพาน* แต่เราได้ย้ายมาอยู่ในโรงงานขนมของคุณวองก้าฮะ! ทั้งครอบครัวแล้วก็บ้านทั้งหลังถูกยกมาไว้นี่หมดเลย
พี่จำรางวัลใหญ่นั่นได้ไหมฮะ รางวัลนั่นคือผมได้เป็นทายาทสืบทอดโรงงานล่ะ มีเรื่องสนุกๆทุกวันเลยฮะ
โอเค ผมว่าถึงตอนนี้พี่คงแอบคิดว่าใครที่ไหนอยู่ดีๆจะยกทั้งกิจการของตัวเองให้คนที่เพิ่งจะเจอกันแค่ครั้งแรกใช่ไหมฮะ ผมขอบอกพี่สั้นๆก่อนว่าคุณวองก้าเขาต้องการหาทายาทสืบทอดต่อก็เลยจัดกิจกรรมตั๋วทองสำหรับทัวร์โรงงานนั่นขึ้นมา เอาเป็นว่ารายละเอียดที่เหลือผมจะเล่าให้พี่ฟังอีกทีเวลาเราเจอกันนะฮะ
ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแล้วผมก็เลยมีเวลาว่างฮะ แล้วก็เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเกิดผม คุณวองก้าเลยบอกว่าผมสามารถเชิญเพื่อนที่อยู่ข้างนอกมาฉลองด้วยกันได้ถ้าผมต้องการ ผมก็เลยเขียนจดหมายฉบับนี้มาหาพี่ล่ะ ทั้งครอบครัวผมคิดถึงพี่มากๆเลย
แล้วเจอกัน
ชาร์ลี บั๊คเก็ต
ป.ล. คุณวองก้าบอกว่าเขายินดีต้อนรับเพื่อนผมทุกคนตราบใดที่คนๆนั้นไม่ใช่สปายขโมยสูตรขนม ซึ่งผมมั่นใจว่าพี่ไม่ใช่หรอกนะ
ผ่านไปอีกพักใหญ่คุณก็สะดุ้งน้อยๆจากเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นกะทันหัน เมื่อลุกไปเปิดประตูคุณก็พบกับร่างเล็กอันคุ้นตาของชาร์ลี เด็กชายฉีกยิ้มหวานทันทีก่อนจะโถมตัวเข้ามากอดคุณเต็มแรง คุณหัวเราะและยกมือยีผมสีน้ำตาลเขา
"พระเจ้า!! ฉันล่ะคิดถึงเธอชะมัดเลย! ครอบครัวเธอโอเคดีนะ? ฉันล่ะตกใจจริงๆที่อยู่ดีๆก็หายไปเฉยๆแบบนั้น"
คุณร้องออกมาอย่างดีใจ
"พวกเขาโอเคมากเลยฮะ แล้วพี่สบายดีนะ?" เขาถาม
"ถ้าไม่นับอากาศหนาวนี่ล่ะก็สบายดีจ้ะ เธอเองก็สบายดีใช่ไหม?" คุณเอ่ยเมื่อเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเด็กชายตรงหน้า เขาใส่เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมทั้งตัวแล้วแก้มของเขาก็ขึ้นสีชมพูบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี
"อื้อ สบายดีฮะ ตอนนี้ถึงหิมะไอซิ่งจะตกลงมาเยอะไปหน่อย แต่ก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"
คุณกะพริบตาอย่างงๆ
หิมะไอซิ่งเหรอ...เขาหมายถึงอะไรน่ะ
"ว่าแต่ จะไปกันเลยไหมฮะ แต่..ขอโทษด้วยที่ไม่ได้เอาลิฟท์เหาะได้ตัวนั้นมารับ พอดีคุณวองก้าอยากเอามันไปติดตั้งฟังก์ชันของว่างเพิ่มน่ะฮะ พี่จะให้ผมเรียกรถไปหรือจะยังไงดี?"
"ไม่เป็นไรจ้ะ เราเดินไปก็ได้ เธอก็รู้ว่าพี่ชอบเดินชมวิว นี่มันก็จะค่ำแล้วด้วย คงไม่มีรถอยู่ดี" คุณบอกเขาโดยพยายามข่มความสงสัยไว้ในใจ
ลิฟท์เหาะได้ที่มีฟังก์ชันของว่าง? นี่เขาพูดถึงอะไรแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว มันคืออะไรกัน?
คุณคว้าเสื้อโค้ตยาวกันหนาวมาใส่ก่อนจะล็อกประตูบ้านและออกเดินไปตามถนนคู่กับชาร์ลี ระหว่างที่คุณทั้งคู่เดินอยู่ ชาร์ลีก็เล่ารายละเอียดที่เหลือให้คุณฟังทุกอย่างตามสัญญา ทั้งโรงงานที่ผลิตขนมมหัศจรรย์สารพัดชนิด(จากที่เขาเล่า คุณก็แอบคิดว่าขนมบางอย่างน่าจะจัดเข้าประเภทวัตถุอันตรายซะมากกว่า...) เขาเล่าแม้กระทั่งว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนเขาไปทัวร์โรงงานเมื่อราวๆสี่อาทิตย์ที่แล้ว คุณถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความสยดสยองตอนที่เขาบอกว่ามีเด็กคนหนึ่งตัวกลายเป็นสีน้ำเงินแถมพองลมคล้ายลูกบลูเบอร์รี่จนต้องไปลงเอยด้วยการเข้าเครื่องคั้นน้ำผลไม้
"ฉันว่าเธอเหมือนผู้รอดชีวิตจากรายการผจญภัยหฤโหดมากกว่าผู้ชนะรางวัลใหญ่จากโรงงานขนมนะ"
คุณพูดเมื่อนึกถึงสภาพเด็กอีกสี่คนที่เหลือหลังกลับจากการทัวร์ตามที่เขาเล่า
"แล้วคุณวองก้าอะไรนั่นก็มีตัวตนจริงๆล่ะสิ ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแค่ชื่อยี่ห้อขนมนั่นซะอีก" คุณถาม ชาร์ลีพยักหน้าเบาๆ
"ฮะ ตอนแรกผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ตัวจริงเขาน่ะเก่งมากเลย พี่น่าจะได้ฟังตอนเขาพาเราทัวร์โรงงานนะ ผมว่าเขาน่ะอัจฉริยะเลยล่ะ" เขาพูดด้วยเสียงชื่นชมขณะที่พวกคุณเดินเลี้ยวตรงหัวมุมถนน หลังจากนั้นเขาก็ยังคงบรรยายถึงสถานที่มหัศจรรย์ต่างๆในโรงงานที่มีคนงานตัวเล็กๆที่เรียกว่าอูมปา-ลูมป้าส์เป็นพันๆคนคอยทำงานให้คุณวองก้า
ยิ่งเดินเข้าใกล้โรงงานมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นขนมหวานที่ปะปนจางๆปนอยู่ในอากาศ จนเมื่อคุณมาถึงหน้าประตูโรงงาน คุณก็ได้กลิ่นเหมือนกับแป้งขนมปังอบใหม่ๆที่แต่งหน้าด้วยเครื่องหลายชนิด ช็อกโกแลต ถั่ว สตรอว์เบอร์รี คาราเมล แล้วก็อะไรอื่นๆอีกหลายอย่างผสมผสานกันที่โชยออกมาพร้อมควันจากปล่องไฟขนาดใหญ่โตของอาคารส่วนต่างๆในโรงงานที่พอมองจากมุมข้างล่างแล้วดูเหมือนกับปราสาทสูงเฉียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ชาร์ลีไขกุญแจประตูเหล็กนำคุณผ่านเข้าไปในเขตโรงงาน คุณกวาดตาดูพื้นที่ทางเดินบริเวณรอบๆที่ปูด้วยพรมสีแดงเข้มดิ้นขอบด้วยสีทอง
ข้างนอกว่าใหญ่แล้ว เข้ามาข้างในนี่ยิ่งกว้างกว่าอีกแฮะ...
"เชิญเลยครับ" เขาเอ่ยพลางผายมือเป็นสัญญาณให้คุณเดิน คุณเดินไปได้ขณะหนึ่งก็หยุดชะงักเพราะอากาศที่ตอนนี้ค่อนข้างจะร้อน
"เอ่อ...ชาร์ลี ฉันว่าอากาศในนี้มันร้อนแปลกๆนะ" คุณทัก เขาตบมือครั้งหนึ่งเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
"จริงด้วย ผมลืมไปเลย ขอโทษที เราต้องถอดเสื้อโค้ตออกก่อนฮะ ถอดแล้ววางทิ้งไว้ตรงไหนก็ได้ เดี๋ยวจะมีคนงานมาเก็บ"
คุณกระพริบตางงๆ
"คนงานเหรอ?" คุณถาม แต่ยังไม่ทันทีชาร์ลีจะตอบอะไร ก็มีคนตัวเล็กๆสี่คนเดินเข้ามาทางประตูเหล็กด้านซ้าย
พวกเขามีส่วนสูงที่เลยหัวเข่าคุณมาเพียงนิดเดียว อูมปา-ลูมป้าส์ทั้งหมดตรงเข้ามาหอบเสื้อโค้ตของคุณกับชาร์ลีออกไปยังประตูบานเดิม
“เอาล่ะ ประตูของเราคือบานนี้ฮะ” เขาบอกพลางเอามือดันประตูบานใหญ่อีกบานที่อยู่ทางขวา..มีเสียงดังแก๊งของเหล็กดังออกมาทีหนึ่ง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..
“โอ๊ะ! แย่จัง ผมชอบลืมไขกุญแจอยู่เรื่อยเลย” เขาบ่นก่อนล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋าพลางคุกเข่าก้มลงไปไขประตูบานจิ๋วข้างล่างที่ไม่มีขนาดใหญ่ไปกว่าฝ่ามือ
“เรียบร้อยฮะ” เขาหยัดตัวลุกขึ้น ผลักบานประตูออกเผยให้เห็นสถานที่ที่จะเรียกว่าสวยงามที่สุดที่คุณเคยเห็นในชีวิตเลยก็ว่าได้
ภายในห้องช็อกโกแลตนั้นเป็นอะไรที่เหนือจินตนาการที่คุณคาดการณ์เอาไว้มาก ทุกอย่างดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยายแห่งดินแดนความฝัน ห้องทั้งห้องส่งกลิ่นหอมหวานของขนมทุกชนิดผสมผสานไม่ซ้ำกัน ตอนเดินเข้ามาคุณได้กลิ่นหวานๆของคาราเมลผสมกับชะเอมและลูกอมมิ้นท์ แต่พอเดินมาอีกหน่อยก็ได้กลิ่นสตรอว์เบอร์รีกับช็อกโกแลต พืชทุกต้นล้วนแต่เป็นต้นไม้ ดอกไม้หรือต้นไม้ที่ออกลูกเป็นผลไม้แปลกๆ เช่น ต้นที่เป็นทอฟฟี่มีลวดลายสีสันสดใสพาดพันไปตลอดลำต้น ต้นไม้ที่มีลำต้นเป็นช็อกโกแลตและออกผลเป็นทอฟฟี่แอปเปิ้ล(ของกินเล่นจากฝั่งตะวันตก เป็นผลแอปเปิ้ลที่นำมาเคลือบด้วยน้ำตาลเคี่ยวหลายๆชั้นจนคล้ายทอฟฟี่ มีหลายสูตร เช่น บางที่ก็เคลือบด้วยคาราเมลหรือช็อกโกแลต) หรือดอกไม้ที่มีฟองมาร์ชเมลโลอยู่ตรงกลางแทนที่เกสร คุณสาบานได้ว่าคุณได้กลิ่นหวานหอมของแอปเปิ้ลเขียวมาจากหญ้าที่พื้นด้วย
แต่เหนืออื่นใดสิ่งที่สะดุดตาคุณและดูจะเป็นไฮไลท์ของห้องนี้นั่นก็คือน้ำตกขนาดใหญ่สายหนึ่งที่ไหลลงมาเป็นแม่น้ำพาดผ่านไปกลางพื้นที่ และแน่นอนว่ามันเป็นช็อกโกแลต! โดยรวมแล้วที่นี่ไม่ได้ต่างอะไรกับสรวงสวรรค์ของเหล่าเด็กๆเลย ช่างวิเศษจริงๆ
"ที่นี่กินได้ทุกอย่างเลยครับ"
ชาร์ลีพูดขึ้นหลังจากที่คุณหลุดลอยไปกับความตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง
"ทุกอย่างเลยเหรอ?"
คุณถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู คุณแน่ใจว่าอย่างน้อยมันน่าจะมีสักอย่างที่กินไม่ได้ล่ะน่า ยิ่งเรื่องเด็กสี่คนนั่นก็ยังติดอยู่ในหัวคุณอยู่เลย..
"ฮะ กินได้ตั้งแต่ดินยันหิมะเลย"
คุณกระพริบตา
"หิมะเหรอ?"
"ใช่ครับ แต่ต้องรอมันตกลงมาซะก่อน"
เขาพยักหน้าพลางชี้ขึ้นไปข้างบน คุณเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับขวดรูปร่างคล้ายขวดเกลือขนาดมหึมาสองใบอยู่บนเพดาน แต่ฉลากบนขวดไม่ได้เขียนว่า 'เกลือ' มันกลับเขียนว่า 'น้ำตาลไอซิ่ง'
เข้าใจละ..หิมะไอซิ่งที่เขาว่านี่มันก็หมายถึงไอซิ่งจริงๅ...
"คุณวองก้าบอกผมตลอดว่าไม่มีฤดูไหนเหมาะกับขนมหวานไปมากกว่าฤดูหนาวอีกแล้ว"
"ไม่งั้นเขาก็คงจะเอาอมยิ้มรสส้มยักษ์มาทำพระอาทิตย์แล้วสินะ" คุณพูดติดตลก ชาร์ลีหัวเราะ
"ผมก็ว่างั้นล่ะฮะ..อ๊ะ! นั่นไง! ไปเร็วครับพี่! เราใกล้ถึงแล้ว"
เขาร้องพลางชี้มือไปยังกระท่อมหลังน้อยๆแสนคุ้นตาอยู่ติดกับเนินเขาช็อกโกแลตที่ห่างออกไปไม่กี่เมตร
บรรยากาศอบอุ่นและคุ้นเคยโอบรอบตัวทันทีที่คุณก้าวขาเข้าไปในกระท่อม ทุกๆคนที่คุณรู้จักอยู่กันพร้อมหน้าครบถ้วนที่โต๊ะอาหาร คุณและคุณนายบั๊คเก็ตกับปู่ย่าตายายของชาร์ลี แล้วก็..ชายผมสีน้ำตาลเข้มที่ตัดเป็นทรงบ็อบแปลกตาที่ใส่เสื้อโค้ตกำมะหยี่สีแดงไวน์นั่งอยู่ริมสุดของโต๊ะที่แม้คุณจะไม่คุ้นหน้าแต่ก็พอเดาออกว่านั่นคือคุณวองก้า เจ้าของโรงงานที่ชาร์ลีพูดถึง
หลังจากทุกคนมะรุมมะตุ้มกอดทักทายคุณเสร็จ คุณบั๊คเก็ตก็พาคุณไปนั่งที่หัวโต๊ะอีกฝั่งติดกับคุณตาจอร์จและคุณวองก้า ซึ่งพอคุณได้สังเกตเขาใกล้ๆแล้ว คุณก็พบว่าเขามีทุกอย่างที่คนทำขนมมักจะมี ทั้งใบหน้ายิ้มแย้มดูอัธยาศัยดีปนอารมณ์ขัน ความแปลกที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง(ถ้าสำหรับเขาล่ะก็คุณหมายถึงทรงผม) กลิ่นกายที่เป็นกลิ่นจากของหวานหลากชนิดและความภูมิใจในสินค้า(คุณเดาจากเข็มกลัดตัว 'ว' ที่เขาติดบนเสื้อ)
คุณกำลังจะตักเนื้ออบพอดีตอนที่เขาเอ่ยทักทาย
"สวัสดี(...) ยินดีที่ได้รู้จักคุณ" เขากล่าวพลางยื่นมือออกมาด้วยท่าทีประหม่า คุณยิ้มน้อยๆและจับมือทักทายกลับก่อนจะหันกลับไปที่โต๊ะ ทุกคนเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างสนุกสนาน ยกเว้นตัวเขาที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับคุณ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ นั่นทำให้คุณขำเล็กน้อย
"คุยได้นะฮะ พี่เขาคุยสนุก ไม่ต้องอายหรอก" ชาร์ลีแซว คุณแอบเห็นเขากลืนน้ำลายแก้เขิน
"อ-เอ่อ งั้น...คุณชอบกินขนมอะไรมากที่สุดเหรอครับ?" เขาถามขึ้นในที่สุด
คุณนึกอยู่สักพัก
"อืม..ชอบช็อกโกแลตแท่งน่ะค่ะ" เขาเลิกคิ้ว ฉับพลัน เขาก็ดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
"นึกว่าคุณจะชอบเค้กหรือขนมอะไรที่มันแฟนซีกว่านี้ซะอีก แต่ก็ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้ผมเห็นสุภาพสตรีทั้งหลายเขาชอบลูกกวาดสีสวยๆในขวดโหลกัน แต่พวกเธอไม่รู้หรอกว่าลูกกวาดนั่นน่าเบื่อแค่ไหน นอกจากรสหวานเลี่ยนกับสีผสมติดลิ้นแล้วก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูดสักนิด นั่นเลยจุดประกายให้ผมเริ่มทดลองผลิตลูกกวาดแบบใหม่ที่เปลี่ยนรสชาติได้ทุกครั้งที่มันกลิ้งไปมาบนลิ้น พายแอปเปิ้ล บลูเบอร์รี ลูกพีช อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่รสชาติของน้ำตาลเหลว คุณคิดว่าไง?" เขาเอ่ย อาการประหม่าหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้พูดถึงสิ่งที่เขาถนัด
คุณยักไหล่น้อยๆ
"ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ค่อยได้กินขนมเท่าไหร่ ได้กินก็ตอนชาร์ลีเขาเอามาแบ่งให้ตอนวันเกิด" คุณบอก ยังจำได้ดีว่าเมื่อก่อนเด็กชายได้กินช็อกโกแลตแค่ปีละแท่งในวันเกิดตัวเองเท่านั้น
"โอ้..นั่นมัน..แย่จัง รู้ไหมว่าทำไม เพราะขนมทุกชนิดสามารถสร้างสารที่ทำให้เรามีความสุข ว่าแต่ คุณได้ลองกินอะไรในนี้บ้างรึยัง?"
คุณยิ้มพลางสั่นหัว เขาตาโตด้วยความแปลกใจก่อนจะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
"อะไรกันนี่! งั้นรอช้าไม่ได้แล้ว! คุณคร้าบ รีบทานข้าวเย็นแล้วออกไปจัดอะไรสักอย่างข้างนอกนั่นเถอะ! หญ้ารสแอเปิ้ลสักกำ! ฟักทองทอฟฟี่ไส้มูส! บางทีอาจจะดื่มช็อกโกแลตอุ่นๆจากน้ำตกนั่น! หรือ-"
"-หรืออาจจะผลัดไว้เป็นวันพรุ่งนี้จ้ะ ฉันคิดว่าตอนก่อนนอนไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมกับของหวานหรอกนะจ๊ะ" คุณนายบั๊คเก็ตขัดขึ้น คุณกับเขามองหน้ากันก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
"โถ่ พูดจริงๆนะครับคุณนาย ผมคิดว่าแขกคนพิเศษคนนี้ของเราสมควรจะได้ลองชิมทุกๆอย่างตามใจปรารถนา โอกาสแบบนี้ไม่ได้มาบ่อยๆนะคุณ" เขาว่าอย่างออกรส
ปู่ย่าตายายทั้งสี่ของชาร์ลีหัวเราะชอบใจกับท่าทางตื่นเต้นแบบเด็กๆของเขา ส่วนคุณนายบั๊คเก็ตหันไปมองหน้าสามีก่อนจะยิ้มน้อยๆพลางถอนใจ
"งั้นพรุ่งนี้ทำไมคุณไม่พาเธอไปเดินชมโรงงานซะล่ะ?"
เขาดีดนิ้วดังเป๊าะขึ้นมา สีหน้าฉายแววรื่นเริงซุกซน
"จริงด้วย! ใช่ ใช่แล้ว! ใช่เลย! ทำไมผมถึงไม่คิดได้เร็วกว่านี้กัน คุณผู้หญิง-" เขาเอ่ยพลางผายมือมายังคุณ
"วันพรุ่งนี้คุณจะยินดีเยี่ยมชมโรงงานของผมไหมครับ?"
คุณหัวเราะพร้อมๆกับที่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนพวงแก้มขณะยื่นมือไปจับมือเขา
"ยินดีค่ะ ขอบคุณนะคะคุณวองก้า"
"โอ้ไม่ ไม่ ไม่ ได้โปรดเรียกวิลลีเถอะ เรียกนามสกุลมันทำให้รู้สึกแปลกๆน่ะครับ"
คุณยิ้มให้เขา
"ก็ได้ค่ะ วิลลี"
เขาฉีกยิ้มกว้างก่อนคว้ามือทั้งสองข้างของคุณขึ้นมาพลางดึงให้คุณเต้นรำไปรอบๆห้อง
"วิเศษ! วิเศษ! วิเศษ!!! โอ้คุณผู้หญิงงงง! ผมมีความสุขมากๆเลย! พูดจริงๆนะเนี่ย! มีความสุขยิ่งกว่ากินช็อกโกแลตอีก! มันแบบ แบบ..ว้าว!!"
เขาร้องลั่นออกมาด้วยความสุขพาให้คุณอดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่วนไปด้วยอย่างสนุกสนาน วินาทีนี้คุณได้รู้แล้วว่า เขาเป็นคนที่น่าสนใจและมีสเน่ห์มาก การลงตัวระหว่างความเป็นเด็กและผู้ใหญ่ทำให้เขาสามารถรังสรรค์ความสุขจากจินตนาการออกมาอย่างไม่มีขีดจำกัดจนในที่สุดเขาก็ได้ส่งมอบความสุขนั้นแก่ผู้คนผ่านผลงานซึ่งก็คือขนมสุดพิเศษหลายชนิด วันนี้คุณเองก็ได้รับความสุขนั้นแล้วเช่นกัน ไม่ใช่แค่ความสุขจากขนมในโลกความฝันและจินตนาการ แต่ยังเป็นความสุขที่มาจากตัววิลลี วองก้า เจ้าของโรงงานแสนวิเศษ นักทำช็อกโกแลตอัจฉริยะ ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความสุข อารมณ์ขัน เอกลัษณ์และเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร
ฮันเซลกับเกรเทลถูกเชื้อเชิญจากพ่อมดแห่งโลกขนม
ออกเดินทางเข้าสู่โรงงานของหวานมหัศจรรย์จากจินตนาการ
เคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งยั่วยวนชวนฝันภายในดินแดนน่าอัศจรรย์
พ่อมดนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์กลมนตราหลากหลาย
ชวนให้ผู้มาเยือนหลงใหลไปในมนต์วิเศษ
ฮันเซลกับเกรเทลไม่ได้ถูกพ่อมดกักขัง
หากแต่พวกเขาจับจูงมือเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุข
\
**special**
เสียงหนึ่งดังขึ้นฉุดให้คนทั้งสองหลุดจากโลกสายไหม
"ถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดนะจ๊ะ" คุณนายบั๊คเก็ตพูดขำๆ
"ผมบอกแล้วว่าคุณวองก้าจะต้องชอบเธอ" ชาร์ลีกระซิบกับปู่โจ
...................................................................................................................................................................................................................
ป.ล.1 สารภาพว่าตอนแต่งช่วงต้นๆไรต์ก็แฮปปี้ดี๊ด๊าดีๆอยู่ ได้เขียนถึงขนมนั่นขนมนี่ละมีความสุขเพลินดี แต่พอไปได้ครึ่งเรื่องเริ่มเกิดอาการเลี่ยนเลยพักเขียนไปวันนึงแล้วค่อยมาแต่งต่อ....
ป.ล.2 ลังเลอยู่ระหว่างอลิซในแดนมหัศจรรย์กับฮันเซลเกรเทล สุดท้ายก็เลือกธีมอันเซลกับเกรเทลเพราะคิดว่ามันเชื่อมโยงกะเรื่องนี้มากที่สุดล่ะนะ
ป.ล.สุดท้าย มีข้อติชมอะไรหรืออยากรีเควสอะไรก็บอกกันได้จ้า ^ ^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น