เพลงรัก (ยูริ-ใสใส)
เพลงสูญเสียคนรักไปเมื่อห้าปีก่อนพร้อมกับคำสัญญาว่าเขาจะกลับมา ใช่..เขากลับมาจริงๆ แต่ความรักครั้งนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?
ผู้เข้าชมรวม
1,266
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
nikkijung
_narak
เพลงค่อยๆ เหยียดแข้งขาของตัวเองที่พับงออยู่ใต้โต๊ะมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงออกไปอย่างเมื่อยขบเต็มทีหลังจากสะดุ้งตกใจด้วยเสียงนาฬิกาไขลานรุ่นเจ้าคุณปู่ส่งเสียงหง่างเหง่งบอกเวลาสามนาฬิกาตรง หญิงสาวหาวหวอดๆ อย่างพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลานอนไปแล้ว อาการปวดตึงที่ขมับและท้ายทอยแสดงถึงความเครียดเคร่งจากการโหมใช้สายตาและสมองกับกองม้วนกระดาษและสมุดหนังสือที่เธอหยิบยืมมาจากห้องสมุดประชาชนที่เพื่อนสนิทเป็นบรรณารักษ์อยู่ อืม..เธอกำลังศึกษาข้อมูลของการล่าแม่มดกับความเกี่ยวข้องกับการล่าอาณานิคมเพื่อใช้ในการทำวิทยานิพนธ์สุดท้ายก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาปริญญาโทและบินไปปารีสเพื่อพักผ่อนกับพี่ชายที่ไปตั้งรกรากมีครอบครัวอยู่ที่นั่นก่อนหน้าอย่างที่ตั้งใจมานานแล้ว หญิงสาวบิดคอไปมา สายตามองผ่านออกไปจากนอกหน้าต่างเห็นแสงดาวพราวระยิบระยับ ดวงดาวในเหมันตฤดูงดงามเสมอ
ร่างโปร่งบางค่อยๆ ผลักม่านผ้าออกมายังระเบียงห้องนอนที่มีชานยื่นออกไปสำหรับทำอะไรเล็กๆน้อยๆโดยเฉพาะการชื่นชมทิวทัศน์และนอนดูดาวในคืนนี้ ใช่แล้ว..นอนดูดาว เพลงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปลากเก้าอี้นวมที่อยู่ใต้ชายคามากลางชานแล้วโถมตัวลงนอน
นิ่ม..อุ่น..เธอหลับตาลงก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ง่วงนอนเหลือเกิน แต่ดวงดาวที่งดงามตรงหน้าก็ทรงอิทธิพลมากกว่าที่จะทำให้เธอหันกลับไปเข้าห้องนอนได้
หนาว..เหงา..เพลงไม่รู้ว่าปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไร ห้าปีแล้วสินะ ห้าปีสำหรับการจากไปของใครบางคน มันดูยาวนานราวกับทั้งชีวิต ทั้งชีวิตที่ราวกับว่าจะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ให้ควรค่าแก่การหายใจ แต่เธอก็ยังอยู่ เพียงเพราะ คำสัญญา
ใช่.. คำสัญญา ว่าเขาจะกลับมาในสักวันหนึ่ง
สายลมบางเบาพัดผ่านละไล้ใบหน้าจนเส้นผมที่ผูกด้วยผ้าเช็ดหน้าหลวมๆ ลู่ไปด้านหลัง เพลงดึงผ้าแพรขึ้นมาคลุมอกตัวเองกันความเหน็บหนาว หากแต่ในหัวใจกลับรู้สึก ถ้ามันเปลี่ยนเป็นอ้อมแขนของสักคนได้ก็คงจะดี
คงจะดี คงจะดีมากกว่านี้แน่ๆ ถ้าวันและคืนย้อนกลับมา ให้เธอได้ถูกเขากอดอีกครั้ง
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อเธอเองนั่นแหละที่เป็นคนโปรยอัฐิของเขาลงในทะเล
ความง่วงงุ่นอย่างประหลาดเข้าครอบงำหญิงสาวจนเธอแทบจะต้านไว้ไม่อยู่ ดวงตาพยายามจะมองขึ้นไปยังท้องฟ้าแต่ก็เห็นเพียงแสงวาววับลางๆ เพลงตั้งใจว่าจะกลับไปนอนหากแต่อยู่ๆเธอก็เกิดรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
"เพลง.."
ราวกับว่ามีเสียงเรียกจากที่ใดที่หนึ่งแสนไกลจากเบาะที่เธอนอนอยู่ เสียงหวานวะแว่วที่ฟังคุ้นหู เพลงหยัดกายขึ้นแล้วสะบัดศีรษะแรงๆขับไล่ความง่วงหงาว เสียงนั้นดังอีกครั้ง
"เพลง ฉันอยู่นี่ มาหาฉันสิ"
ไม่ผิดแน่แล้ว เสียงที่เธอจำได้แม่นยำ เพลงตื่นเต็มตาก่อนจะรีบโผไปที่ขอบระเบียงชาน
"เพลง ฉันอยู่นี่ เห็นฉันไหมเพลง ฉันอยู่ตรงนี้"
หญิงสาวรีบหันหลังกลับวิ่งลงไปชั้นล่าง เสียงนั่นดังมาจากในสวนข้างหน้าเป็นแน่ คืนแรมที่มืดมิดได้รับแสงสว่างจากดวงดาวที่ดูจะพร่างพราวเป็นพิเศษจนสามารถทำให้เธอมองเห็นทุกอย่างได้ เพลงคว้าเสื้อคลุมผ้าเนื้อนิ่มติดมือกันน้ำค้างก่อนจะวิ่งออกไปจากบ้าน
หญิงสาวพยายามเงี่ยงหูฟังเสียงที่อาจจะดังขึ้นอีกครั้งเพื่อหาทิศทางที่แน่นอน เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังทำบ้าอะไรกันแน่ บางทีเธออาจจะกำลังฝันอยู่ หรือมันอาจจะเป็นความจริง วิญญาณของเขาอาจจะกลับมา ใช่..มันอาจจะเป็นอย่างนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือความฝันก็ตาม เพลงจะไม่ปฎิเสธที่จะทำสิ่งที่หัวใจเรียกร้องอีกแล้ว
เพลงไม่มีที่ว่างในหัวใจที่จะรับความรู้สึกผิดแบบครั้งนั้นได้อีกแล้ว
ครั้งที่เพราะความงี่เง่าของเธอเอง ทำให้เขาต้องจากไป
เพียงแค่ในวันนั้น ถ้าเธอทำสิ่งที่หัวใจต้องการ หลังจากที่เขาบอกว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกสักห้าปีแล้วจะกลับมาหาเธอ ถ้าเธอตะโกนเรียกเขาที่เดินจากไปให้กลับมา หรืออะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่การหันหลังแล้วเงียบเฉย บางที วันนี้เธอกับเขาก็อาจจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
ใช่ เพราะเธอหันหลังและเงียบเฉย ทำให้เขาที่เดินข้ามถนนไปอย่างไม่ทันระวังต้องถูกรถชนจนถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา โดยทิ้งคำสัญญาที่ดูจะเหมือนอาการเพ้อของคนกำลังจะตาย ว่าเขาจะต้องกลับมาหาเธออย่างแน่นอน
"เพลง ฉันอยู่นี่ เห็นฉันไหม?" เสียงกระซิบดังขึ้นจากข้างหลัง เพลงสะดุ้งเมื่อถูกฉุดขึ้นมาจากภวังค์ความคิด เธอมั่นใจว่าเป็นเสียงนั้นแน่นอน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปอย่างช้าๆ
ตรงหน้าเธอมีแสงสีนวลจางราวกับแสงดาวที่นุ่มนวลนับร้อยพันช่วยกันทอประสานก่อกอบเป็นรูปร่างโปร่งบางระหง แม้ว่ามันจะดูเลือนลางจนหากถ้าสัมผัสไปอาจจะได้เพียงอากาศธาตุ แต่เงาจางๆ นั้นก็ทำให้หญิงสาวต้องร้องไห้
"จูน..."
ความเจ็บปวดความอ่อนแอความรวดร้าวทุกอย่างดูเหมือนจะมหายไปสิ้นเมื่อดวงตาที่วาววับนั้นมองตรงมายังหญิงสาวที่ค่อยๆ ทรุดเข่าลงช้าๆ ราวกับว่าไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เพลงกระพริบตาอีกครั้งเพื่อขับไล่ดวงน้ำที่เอ่อคลอจนบดบังภาพตรงหน้าให้มัวหมอง
"เพลงคนดี ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน" มือสีขาวและเรืองรองนั้นค่อยๆ เอื้อมมาเชยคางมนของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยรอยน้ำตา น่าแปลกที่ความอบอุ่นซึมซับผ่านมาด้วย
"จูน เธอ..ธะ..จริงๆ ใช่ไหม? ฉัน..ฉัน..ขอโทษ โฮ...."
สองร่างโผเข้าหากันอย่างที่ใจต้องการมาหลายปีแห่งความห่างหาย วงแขนเรืองรองยังคงกระชับรอบร่างหญิงสาวที่ร้องไห้แทบสิ้นสติ ก่อนที่จะถูกดึงออกมาช้าๆ
"อย่าร้องไห้นะเพลงคนดี ฉันกลับมาแล้ว มาตามสัญญา เห็นไหม? ฉันไม่เคยโกหกเธอเลย ไม่เคยสักครั้ง เห็นไหมเพลง..ที่รัก" เพลงสะอึกสะอื้นเมื่อพิศมองร่างนั้นให้ชิดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อพยายามจะมองให้เห็น เธอกลับมองทะลุไปเป็นต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง
"เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ตลอดไปจริงๆ เชื่อฉันนะ" ร่างสีขาวค่อยโน้มลงมาเบื้องล่าง ก่อนจะแตะริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล และแล้วร่างของจูนก็ดูเป็นรูปธรรม ราวกับว่าเขาเองเป็นคนธรรมดา
จูนพ่นลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอของเพลงเมื่อใบหน้าของเขาเลื่อนมาซุกไซ้เนื้อนวลตรงนั้นแทน เสื้อคลุมตัวบางเลื่อนหลุดออกจากหัวไหล่ เผยให้เห็นเนินอกอิ่มที่ไม่มีชุดชั้นในห่อหุ้ม ปลายยอดชูชันด้วยแรงปรารถนาที่ถูกปลุกเร้ากระตุ้น หญิงสาวหลับตาพริ้มส่งเสียงครางเบาๆ จูนหัวเราะเสียงนิ่ม
"เวลาเพลงร้องแบบนี้ น่ารักที่สุดเลยรู้ไหม?" ถ้อยคำหยอกล้อนั่นทำให้ใบหน้าหญิงสาวแดงผาดขึ้นมาทันที แต่ไม่ทันที่เธอจะได้เอื้อมมือมาทุบหลังเขาเหมือนที่เคย ร่างของจูนก็ทาบทับลงมายังเธอเสียก่อน
"ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน อยากจะทำแบบนี้ ทำแบบนี้ แล้วก็อย่างนี้ด้วย อื้ม.." ใบหน้านั่นซุกลงมาหว่างอกที่เบียดซุกซึ่งถูกมือของจูนกำลังลูบไล้ ก่อนจะเขี่ยปลายยอดเล่นเบาๆ
"หน้าอกของเพลงนิ๊ม..นิ่ม ห๊อม..หอม จนฉันไม่อยากไปไหนเลยล่ะ อยากจะหลับอยู่ตรงนี้ทุกครั้งจริงๆสิ" เขาเปลี่ยนจากปลายนิ้วมาเป็นลิ้นชื้นๆ กับเม็ดปทุมสีชมพู มันตื่นตัวกระตุกไปตามจังหวะการขบจากริมฝีปากของเขาทุกครั้ง เพลงเริ่มร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและซาบซ่าน
"จูนแกล้งเพลงอีกแล้ว เพลงไม่ไหวแล้วนะคะที่รัก"
จูนค่อยๆเลื่อนตัวลงไปต่ำเรื่อยๆ มือไม้ยังคงวนเวียนไปรอบๆ แผ่นหลังเนียนละเอียดที่ชุดนอนผ้าพลิ้วหลุดออกไปจากร่าง กลิ่นหอมหวานของดอกไม้กลางคืนทำให้หัวใจไหวหวิว
"ร่างกายของเพลงกำลังบอกว่า เพลงมีอะไรอยู่ในใจ ฉันว่าฉันรู้นะ ฮะๆ..ที่รัก เธอยังไม่ให้อภัยตัวเองอีกหรืออย่างไร?" คำถามตรงๆของคนรักที่กำลังสาละวนกับช่วงล่างของเพลง ทำให้หญิงสาวชะงักทันที
"ฉะ..เพราะฉัน ฉันทำให้เธอต้องตาย ฉัน..ฮือๆๆ จูน เธอตายแล้ว เธอตายแล้ว" อาการฟูมฟายนั้นทำให้จูนต้องถอนหายใจแรงๆ แล้วขึ้นมาโอบกอดอย่างปลอบประโลมอีกครั้ง ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วงแต่นุ่มนวลให้เพลงหยุดร้องไห้
"เพลงจ๋า ไม่มีใครผิดหรอก มันเป็นชะตากรรมที่ต้องเกิดขึ้นกับฉันอยู่แล้ว อย่าเสียใจไปเลยนะคนดี อะไรที่มันต้องเกิด อย่างไรเสียมันก็ต้องเกิด หากเพลงจะทำอะไรในวันนั้นก็ตามเถอะ มันก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันไม่ตายหรอกนะจ๊ะ"
"เพลงจ๋า เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่เราทำวันนี้และวันข้างหน้าให้มันดีได้นะ ที่รัก การที่เธอเชื่อในคำสัญญาของฉันเป็นเรื่องที่ถูก แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่าเราจะไม่มีทางได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ฝัน เพราะฉะนั้น เพลงจ๊ะ ฉันอยากให้เธอเปิดใจ แล้วลองมองอะไรรอบๆ ตัวเธอดู"
"ให้เพลงรักคนอื่นหรือคะ? เพลงทำไม่ได้หรอก เพลงรักใครไม่ได้ เพลงรักได้แค่จูนคนเดียว ไม่นะ ไหนจูนพึ่งจะพูดไม่ใช่หรือว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แล้วมาบอกแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?"
"ใช่จ้ะ ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป แต่ไม่ใช่แบบนี้หรอกนะ" จูนเว้นวรรคนิดหนึ่งก่อนจะจูบไล้ไรผมของหน้าผากนวล "จูนจะอยู่กับเพลงในความทรงจำจ้ะ"
"ความทรงจำ..อะไรกันคะจูน?"
แสงสีทองหนึ่งค่อยๆ สาดส่องลงมาจากเบื้องบนก่อนจะทาบทับพื้นดินส่วนที่ว่างเปล่า สายลมอุ่นๆหมุนวนอยู่รอบตัวของทั้งสอง ร่างของจูนที่หันไปมองปรากฏการณ์นั้นเรืองแสงสีขาวขึ้นมาอีกครั้ง
"ฉันต้องไปแล้วล่ะนะ คงอีกนานเลยกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง อย่างน้อยก็หลายสิบปีกว่าจะถึงเวลาของเธอเชียวล่ะ"
"ดะ..เดี๋ยวสิคะ จูน จะไปไหน จะทิ้งเพลงไว้อีกแล้วหรือ? ไม่นะคะ ถ้าคุณไป เพลงก็จะไปกับคุณด้วย" หญิงสาวโผเข้ากอดรัดคนรักที่กำลังจะลุกยืนขึ้น จูนกอดตอบเบาๆ พร้อมทั้งห่มคลุมร่างเกือบเปลือยเปล่าของเพลงด้วยเสื้อที่เขาหยิบมาจากพื้น
"ไม่หรอกจ้ะ จากวันนี้ไป เพลงจะได้พบกับสิ่งที่เพลงควรจะได้พบจริงๆ ระหว่างเราเป็นเพียงช่วงชะตาสั้นๆที่ชักนำให้เราได้มาพบ เอาไว้ถ้าชาติหน้า ถ้าบุญกุศลหนุนหลังเราทั้งคู่ เราคงจะได้เกิดมารักกันอีกนะจ๊ะ" ราวกับถ้อยคำตัดเยื่อตัดใยจากจูนคนที่เธอเฝ้าคอยมาตลอดเวลาห้าปี เขาก้าวเข้าไปสู่แสงสีทองนั่นโดยไม่ทันที่เพลงจะได้ไขว่คว้า สายลมพัดหมุนวนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เงาร่างสีขาวจางๆ ของจูนจะค่อยๆ กลายเป็นกลุ่มละอองดาววาวระยับล่องลอยขึ้นไปสู่เบื้องบน
"ระวังตอนวิ่งขึ้นบันไดนะจ๊ะเพลง ฉันเป็นห่วงเธอนะที่รัก"
ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้งราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ถ้าไม่เพราะรอยแดงๆ ที่ถูกฝากรักเอาไว้ยังคงติดตรงตำแหน่งหน้าอกด้านซ้ายเป็นหลักฐานละก็ เพลงต้องคิดว่าตัวเองฝันไปแน่ๆ
หญิงสาวปาดน้ำตาที่เปียกปอนใบหน้า เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรอย่างไรต่อไปดี ทุกอย่างดูจะมืดมนสับสนไปหมด เพลงส่งเสียงร้องเรียกจูนไม่ออก เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน หายไปได้อย่างไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่ความจริงหรือไม่? บางทีเธออาจจะกำลังฝันอยู่จริงๆ ก็ได้นะ
เพลงลุกยืนอย่างอยากเย็นก่อนจะรีบสวมชุดนอนที่ดูจะมอมแมมด้วยดินในสวนที่เธอลงไปนอนกลิ้งเกลือก เศษใบไม้แห้งติดผมเผ้ารุงรังผสมกับคราบน้ำตาเหนอะหนะทำให้หญิงสาวไม่ต่างอะไรไปจากลูกแมวหลงทาง ..ความจริง บางทีจูนอาจจะแค่หยอกเธอเล่น เขาอาจขึ้นไปรอที่ห้องอยู่แล้วก็เป็นได้
ร่างบางรีบถลาวิ่งไปยังที่พักซึ่งเป็นบ้านแบ่งให้เช่าซึ่งเจ้าของเป็นหญิงชราที่ไม่มีลูกหลานและต้องอยู่ตัวคนเดียวเมื่อสามีเธอเสียชีวิต ความจริงบ้านหลังนี้มีคนมาเช่าอีกคนหนึ่งนอกจากเพลงด้วย แต่หญิงสาวทำงานหนักอยู่เสมอจนแทบไม่มีเวลาได้พบปะกับคนอื่นมากนัก จำได้ว่าเคยเห็นหน้ากันสองสามครั้ง แล้วก็พอจะนึกออกว่าเขาทำงานเกี่ยวกับออกแบบสวนสวยงาม ก็ดูจะเป็นอาชีพที่ไม่เลว ถ้าไม่เพราะความน่ารำคาญที่เขาเคยมายุ่งย่ามกับระเบียงห้องเธอที่ปลูกต้นไม้กระถางเอาไว้เมื่อครั้งเข้ามาเช่าบ้านนี้ใหม่ๆ แล้วละก็ มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้
เพลงดึงชายเสื้อตัวเองขึ้นให้พ้นพื้นเมื่อกำลังจะก้าวขาวิ่งขึ้นบันไดบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวแต่มีใต้ถุนสูงลักษณะแบบบ้านโบราณ อารามลิงโลดดีใจทำให้ไม่ทันระวังชายกระโปรงตัวเองส่วนหนึ่งที่ย้วยลงมากองละพื้น
"ว้าย~~!!!"
"โครม~~!!!"
"โอ้ย!!"
เพลงหลับตาแน่นเพราะคิดว่าตัวเองคงจะต้องตกกระทบกับขั้นบันไดหรือพื้นแข็งๆ เป็นแน่ หากแต่ก้นที่จ้ำเบ้ากับอะไรที่นิ่มๆ ทำให้เธอต้องรีบหันไปมอง
เป็นถาดใส่ต้นอ่อนของต้นไม้ที่มีดินและหญ้าชื้นๆ บุรอง
และมันอยู่ในมือของใครคนหนึ่ง
นั่นหมายถึงร่างของเพลงที่อยู่ในอ้อมแขนเขาด้วย
"คุณเพลงเป็นอะไรหรือเปล่า? หรือว่าเป็นลม อยู่ๆ ก็ล้มลงมาเฉยๆ เลยนะฮะ"
เจ้าของคำพูดสะบัดผมสั้นๆ ละต้นคอที่ตัดอย่างเรียบง่ายที่มาปรกหน้าผากสองสามครั้งก่อนจะหันมายิ้มให้กับหญิงสาวอย่างห่วงใย เพลงรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นด้วยเหงื่อจากร่างกายของเขา ฝ่ายนั้นเหมือนจะรู้สึกตัวเลยรีบพยุงให้เธอลุกขึ้น
"พอดีมิ้มออกไปรื้อกล้าดอกไม้ในกรีนเฮ้าส์มาน่ะฮะ กลัวว่าเด็กๆ จะหนาว แต่ว่า.." เขาก้มลงมองถาดที่ถูกเพลงทับเสียยับเยิน ก่อนจะรีบก้มลงประคับประคองซากต้นไม้ที่ถูกทำลาย เพลงอยากจะหัวเราะในความใสซื่อนั่น หากแต่สำนึกบอกให้เธอรู้ว่าสำหรับคนรักต้นไม้ นี่เป็นเรื่องใหญ่พอดู เลยก้มไปช่วยเก็บบ้าง
"เพลงขอโทษนะคะที่ทำให้เด็กๆ ต้องบาดเจ็บ ความจริงเพลงกะ....อุ้ย~!" มือหนาใหญ่รีบคว้าข้อมือบางไว้ทันก่อนที่เธอจะสัมผัสกับก้อนดิน เพลงตาโตด้วยความงุนงง หารู้ไม่ว่า หน้าตาของเธอยามนี้ทำให้หัวใจของฝ่ายนั้นหวั่นไหวไปกว่าที่เคยเป็นอยู่มากแค่ไหน
"อุ้บ~! คุณเพลงมอมแมมจัง เหมือนเจ้าหญิงน้อยที่ปีนลงมาจากปราสาทเลย ฮ่าๆ นี่มิ้มเพ้อเจ้ออะไรอยู่เนี่ย เอ้อ..คือ มิ้มจะบอกว่า คุณเพลงขึ้นไปนอนเถอะ ของพวกนี้เดี๋ยวมิ้มเก็บเองฮะ ไม่อยากให้มือคุณเพลงต้องสกปรก แล้วอีกอย่าง ต้นไม้สองสามต้นมันเทียบกับความปลอดภัยในชีวิตคุณเพลงไม่ได้หรอก" ระหว่างพูดเขาก็ทำหน้าตาเฉยๆ เพียงแต่ว่าไม่รู้ทำไมความรู้สึกของเพลงถึงได้แปลกๆไปนัก ทั้งที่ก็ไม่ใช่คนพึ่งรู้จักกันแท้ๆ
จากวันนี้ไป เพลงจะได้พบกับสิ่งที่เพลงควรจะได้พบจริงๆ ระหว่างเราเป็นเพียงช่วงชะตาสั้นๆที่ชักนำให้เราได้มาพบ เอาไว้ถ้าชาติหน้า ถ้าบุญกุศลหนุนหลังเราทั้งคู่ เราคงจะได้เกิดมารักกันอีกนะจ๊ะ
หญิงสาวขบเม้มริมฝีปาก เธอพอจะเข้าใจความหมายในคำพูดของจูนมากขึ้นแล้ว ดวงตาที่พึ่งจะหยุดหลั่งรินน้ำตาค่อยๆ แหงนมองท้องฟ้า ดวงดาวยังคงระยิบระยับสดสวยไม่ต่างอะไรจากที่เคยเป็น หากแต่ถ้าเธอไม่ได้คิดไปเอง มีดาวดวงหนึ่งกำลังกระพริบกระพรายมาหาเธอแน่ๆ
อย่างนี้ใช่ไหมคะจูน..สิ่งที่อยากจะบอกฉัน
ถ้าชาติหน้ามีจริง ฉันก็หวังว่าเราจะได้พบกันอีกค่ะ
ผลงานอื่นๆ ของ บัวกะรัต ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ บัวกะรัต
ความคิดเห็น