คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1++วันทะเลหมอกแห่งชาติ++
“ครูพิ้งค์”
เสียงเด็กชายเด็กหญิงวัยสิบขวบต้น
ๆ ร้องเรียกมาแต่ไกล เวียงพิงค์ยกมือป้องแสงแดดอ่อนยามเช้า
มองตรงไปยังสองคู่หูที่กำลังวิ่งตรงมาหาหล่อน
“ว่าไงเด็ก
ๆ ตื่นแต่เช้าเชียว” หญิงสาวส่งเสียงทักทายออกไป
เมื่อเด็กหญิงกับเด็กชายวิ่งมาหยุดหอบตรงหน้า
“ไปที่ริมผากันค่ะ” เกี๊ยะชักชวนอย่างกระตือรือร้น
หญิงสาวชาวกรุงขมวดคิ้วสงสัย
มองลงไปตามเนินลาดยาว จากมุมนี้มีรีสอร์ตหลายแห่งบดบัง
ไม่สามารถเห็นตรงจุดชมวิวริมหน้าผาได้ชัดนัก
“ไปทำไมจ๊ะ มีหมอกเหรอ”
“ไปดูเองค่ะ” เด็กหญิงคว้าหมับเข้าที่ข้อมือคุณครู
“อ้าว
เดี๋ยวสิ ไม่รอครูไหมก่อนเหรอ” เวียงพิงค์รั้งขบวนไว้ก่อนเคลื่อนย้าย
พลางมองหาเพื่อนสาว ไหมซีตื่นแต่เช้าไล่เลี่ยกับหล่อนแต่ตอนนี้ไปไหนไม่ทราบ
“ไม่ต้องรอแล้ว
ครูไหมเห็นจนเบื่อ” เด็กชายว่าอย่างนั้นแล้วก็ช่วยเพื่อนออกแรงดึงเวียงพิงค์ไปด้วยกัน
คุณครูสาวชาวกรุงถูกเด็กดอยสองคนลากจูงไปทางจุดชมวิวริมผา
ทางเดินลงเป็นถนนลาดชัน เวียงพิงค์นึกถึงตอนเดินกลับ ขาขึ้นคงเล่นเอาหอบน่าดู
เมื่อลงมาถึงริมหน้าผา ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวยืนกระจัดกระจายอยู่ไม่น้อย
แต่ก็ไม่แน่นขนัดอย่างวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา
เวียงพิงค์เห็นมาแต่ไกลแล้วว่าเด็ก ๆ จะพาหล่อนมาดูอะไร
...ทะเลหมอก
ของขึ้นชื่อแห่งภูทับเบิก
“ว้าว” สาวชาวกรุงถึงกับละเมอออกมาเพราะภาพตรงหน้า
เด็ก ๆ อมยิ้ม
มองคุณครูชื่นชมความงดงามของธรรมชาติตรงหน้า มีความภาคภูมิใจเล็ก ๆ ก่อเกิดขึ้นในใจของเด็กที่เกิดและเติบโต
ใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาแห่งนี้มาทั้งชีวิต
“ครูพิ้งค์ไม่เคยเห็นแบบนี้ใช่ไหม” ต๊ะถามตาหยี
พระอาทิตย์โผล่พ้นม่านหมอก
เริ่มฉายแสงสีทองสาดส่องลงมาตัดกับสีขาวสะอาดของปุยหมอก
แดดรุ่งอรุณส่องเข้าตาของเขาพอดี
“ไม่เคยจ้ะ
บ้านครูไม่มีอย่างนี้หรอก” เวียงพิงค์ตอบโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากภาพทะเลหมอกตรงหน้า
พลางเอ่ยต่อว่า
“วันก่อนก็ว่าสวยแล้วนะ
แต่วันนี้อลังการกว่ามาก”
เมื่อช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา
เวียงพิงค์เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบนภูทับเบิกเป็นจำนวนมาก รีสอร์ตห้องพักถูกจองเต็ม
ช่วงรุ่งสาง นักท่องเที่ยวตื่นแต่เช้า ออกมายืนรอชมทะเลหมอกกันอย่างคับคั่ง
สายหมอกคงขี้อาย...
เห็นคนมามากก็พากันหลบ มีออกมาให้ยลโฉมโหรงเหรง ไม่สมใจคนรอชมนัก
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงกลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง
วันนี้เป็นวันจันทร์
วันธรรมดานักท่องเที่ยวบางตากว่าวันหยุดมาก
คลื่นทะเลหมอกหลั่งไหลออกมาท่วมท้นในวันนี้
เวียงพิงค์เสียดายแทนนักท่องเที่ยวทุกคนที่พลาดชมของสวย ๆ งาม ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
ฉิวเฉียดไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นเอง
“ครูพิ้งค์ถ่ายรูปไหม”
เวียงพิงค์ละสายตาจากทะเลหมอกเมื่อเด็กชายร้องถาม
“ถ่ายสิ” หล่อนล้วงเอามือถือออกมา
วิวสวยขนาดนี้จะไม่เก็บภาพถ่ายไว้เป็นความทรงจำได้อย่างไร
“ผมถ่ายให้
เกี๊ยะไปยืนกับครูพิ้งค์” ต๊ะรับอาสา
ขอมือถือจากคุณครูมาตั้งกล้อง
เวียงพิงค์กับเกี๊ยะเดินไปที่ริมผา
หันหลังให้ทะเลหมอกเบื้องล่าง หันหน้ามายิ้มสู้กล้อง
ตากล้องกดชัตเตอร์สองสามทีก็เสนอมุมอื่น
“เอามุมนู้นไหมครูพิงค์
มุมนู้นก็สวย”
“เอาจ้ะ”
เวียงพิงค์ถ่ายรูปกับเด็ก
ๆ อย่างสนุกสนาน ได้ทั้งภาพเดี่ยวภาพคู่และภาพหมู่ไปหลายภาพ
รับกล้องมาเลื่อนดูรูปแล้วก็ยิ้มด้วยความถูกใจ
“หมอกจะอยู่นานไหมต๊ะ” หล่อนหันมาถามเจ้าถิ่น
“นานอยู่นะครูพิงค์
แต่ก็เอาแน่ไม่ได้หรอก แล้วแต่วัน”
สาวชาวกรุงพยักหน้า
มองไปรอบ ๆ นักท่องเที่ยวยังคงเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป
บางคนเก็บภาพจนหนำใจแล้วก็ยืนชมนั่งชมซึมซับบรรยากาศกันต่อ
หลายคนเห็นภาพแบบนี้แล้วคงไม่อยากกลับบ้าน เพราะอยู่ตรงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสรวงสรรค์จริง
ๆ
“ถ้าโดดลงไปได้ก็ดีสินะ
หนานุ่มน่านอนกลิ้งจริง ๆ” เวียงพิงค์พูดยิ้ม
ๆ
“โดดลงไป
ก็ได้ไปกลิ้งบนสวรรค์นู่นละครูพิ้งค์” ต๊ะทำปากจู๋ล้อเลียนคำพูดคุณครู
พวกสาว
ๆ หัวเราะ ระหว่างนั้นมีใครอีกคนก้าวเข้ามาร่วมวง ทั้งสามหันไปยิ้มทักทาย
“เด็ก
ๆ พาครูพิ้งค์มาดูหมอกเหรอ” ไหมซีทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิข้าง
ๆ เพื่อนสาว ตอนนี้พวกเขาพากันนั่งพักที่ลานกางเต็นท์ริมผา
“ค่ะครูไหม
วันทะเลหมอกแห่งชาติมาละ” เกี๊ยะพยักพเยิดหน้าไปทางริมผา
เวียงพิงค์ทำหน้างงนิดหน่อยกับคำว่า
‘วันทะเลหมอกแห่งชาติ’
ไหมซีจึงอธิบายให้ฟังว่า
“วันที่หมอกสวยที่สุดบนภูทับเบิกน่ะ นักท่องเที่ยวเขารอหมอกแบบนี้กันนั่นแหละ”
สาวชาวกรุงพยักหน้าเข้าใจ
ไหมซีกล่าวต่อว่า
“พิ้งค์นี่โชคดี ตั้งแต่ต้นปีมา วันนี้น่าจะเป็นวันที่หมอกสวยที่สุดเลย
แสงก็กำลังดี วันเสาร์อาทิตย์นักท่องเที่ยวเขาแห่มารอกันไม่เจอพีค ๆ แบบนี้
เล่นตัวมาวันจันทร์ซะได้ เขากลับกันหมดแล้ว”
“เรานึกว่าทะเลหมอกสวย
ๆ ต้องมาดูหน้าหนาวเสียอีก” เวียงพิงค์สงสัย
ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเดือนกันยายน หล่อนนึกว่าหมอกฟู ๆ แบบนี้ต้องมาดูช่วงปลายปีอย่างนั้นเสียอีก
“ที่อื่นเราไม่รู้นะ
มันก็คาดการณ์ลำบาก ที่จริงทะเลหมอกมีได้ทุกฤดู
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ใช่ฤดูกาลอย่างเดียว อย่างเขาค้อบ้านเรา
หน้าหนาวก็จะมีหมอกสวย ๆ เหมือนกัน แต่บนภูทับเบิก
ฤดูที่หมอกสวยที่สุดก็คงจะเป็นฤดูฝนนี่แหละ”
เวียงพิงค์พยักหน้า
รับฟังความรู้ใหม่อย่างตั้งใจ
“อ้ะนี่” ไหมซีส่งกระเป๋าให้เพื่อน
เวียงพิงค์เห็นก็ยิ้มออกมาทันที
“แหม
รู้ใจจัง” หล่อนเอื้อมมือออกไปรับ
มันคือกระเป๋าใส่อุปกรณ์วาดรูปของหล่อนนั่นเอง
“เจอวิวแบบนี้ศิลปินเอกเวียงพิงค์จะพลาดได้ไง
จริงไหม” ไหมซียิ้มล้อเลียน
เวียงพิงค์หัวเราะแล้วหยิบอุปกรณ์มาแจกให้ลูกศิษย์ด้วย
“เด็ก
ๆ มาวาดรูปกัน” เวียงพิงค์เห็นเป็นโอกาสอันดี
มีธรรมชาติสวย ๆ เป็นแบบให้ฟรี ๆ อย่างนี้แล้ว ก็ไม่ควรพลาดใช้เป็นสื่อการสอนไปเสียเลย
“เมื่อกี้พี่สัวโทร.มา
บอกว่าพ่อมีไข้ วันนี้เราว่าจะลงไปดูหน่อย พิ้งค์ไปด้วยกันนะ” ไหมซีบอกเพื่อนก่อนที่จะต้องใช้สมาธิในการทำงาน
“ไปสิ
จะได้ไปเที่ยวบ้านไหมเสียที” เวียงพิงค์ดีใจ
คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่หล่อนยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวบ้านเพื่อนสนิทเลยสักที
“บ้านครูไหมสวยครับครูพิ้งค์
เป็นรีสอร์ตด้วย” ต๊ะหันมาบอก
“รีสอร์ตนั่นไม่ใช่ของบ้านครู
เป็นของญาติต่างหาก” ไหมซีแก้ข้อมูล
แล้วหันมาบอกเพื่อนเพิ่มเติมว่า
“รีสอร์ตกำลังสร้างน่ะ
แต่มีบ้านบางหลังเสร็จแล้ว เดี๋ยวพิ้งค์คงได้ประเดิมเป็นแขกคนแรก เราบอกพี่เขาไว้แล้ว
จะให้พิ้งค์ไปนอนที่นั่นแหละ นอนบ้านเราไม่สะดวกหรอก บ้านคับแคบ มีคนป่วยด้วย”
“แล้วแต่เจ้าบ้านจะจัดให้เถอะจ้ะ
เรานอนไหนก็ได้”
++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะนักอ่าน
เรื่องโอบรักไว้ด้วยสายหมอก เคยลงในเด็กดีจนจบมาแล้วหนึ่งรอบในปี 59-60 วันนี้ขอนำมารีอัปอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะลงเนื้อหาประมาณครึ่งเรื่องนะคะ และอัปอย่างน้อยวันละ 1 ตอน (บางวันอาจมากกว่า 1 ตอน) หากนักอ่านท่านใดสนใจอ่านอีบุ๊กฉบับเต็ม คลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามและสนับสนุนผลงานค่ะ ^^
|
ความคิดเห็น