ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โอบรักไว้ด้วยสายหมอก

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1++วันทะเลหมอกแห่งชาติ++

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 64






    “ครูพิ้งค์”               

                    เสียงเด็กชายเด็กหญิงวัยสิบขวบต้น ๆ ร้องเรียกมาแต่ไกล เวียงพิงค์ยกมือป้องแสงแดดอ่อนยามเช้า มองตรงไปยังสองคู่หูที่กำลังวิ่งตรงมาหาหล่อน

                    “ว่าไงเด็ก ๆ ตื่นแต่เช้าเชียว” หญิงสาวส่งเสียงทักทายออกไป เมื่อเด็กหญิงกับเด็กชายวิ่งมาหยุดหอบตรงหน้า

                    “ไปที่ริมผากันค่ะ” เกี๊ยะชักชวนอย่างกระตือรือร้น

                    หญิงสาวชาวกรุงขมวดคิ้วสงสัย มองลงไปตามเนินลาดยาว จากมุมนี้มีรีสอร์ตหลายแห่งบดบัง ไม่สามารถเห็นตรงจุดชมวิวริมหน้าผาได้ชัดนัก

                    “ไปทำไมจ๊ะ มีหมอกเหรอ”

                    “ไปดูเองค่ะ” เด็กหญิงคว้าหมับเข้าที่ข้อมือคุณครู

                    “อ้าว เดี๋ยวสิ ไม่รอครูไหมก่อนเหรอ” เวียงพิงค์รั้งขบวนไว้ก่อนเคลื่อนย้าย พลางมองหาเพื่อนสาว ไหมซีตื่นแต่เช้าไล่เลี่ยกับหล่อนแต่ตอนนี้ไปไหนไม่ทราบ

                    “ไม่ต้องรอแล้ว ครูไหมเห็นจนเบื่อ” เด็กชายว่าอย่างนั้นแล้วก็ช่วยเพื่อนออกแรงดึงเวียงพิงค์ไปด้วยกัน

                    คุณครูสาวชาวกรุงถูกเด็กดอยสองคนลากจูงไปทางจุดชมวิวริมผา ทางเดินลงเป็นถนนลาดชัน เวียงพิงค์นึกถึงตอนเดินกลับ ขาขึ้นคงเล่นเอาหอบน่าดู เมื่อลงมาถึงริมหน้าผา ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวยืนกระจัดกระจายอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่นขนัดอย่างวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เวียงพิงค์เห็นมาแต่ไกลแล้วว่าเด็ก ๆ จะพาหล่อนมาดูอะไร

                    ...ทะเลหมอก ของขึ้นชื่อแห่งภูทับเบิก

                    “ว้าว” สาวชาวกรุงถึงกับละเมอออกมาเพราะภาพตรงหน้า

                    เด็ก ๆ อมยิ้ม มองคุณครูชื่นชมความงดงามของธรรมชาติตรงหน้า มีความภาคภูมิใจเล็ก ๆ ก่อเกิดขึ้นในใจของเด็กที่เกิดและเติบโต ใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาแห่งนี้มาทั้งชีวิต

                    “ครูพิ้งค์ไม่เคยเห็นแบบนี้ใช่ไหม” ต๊ะถามตาหยี

                    พระอาทิตย์โผล่พ้นม่านหมอก เริ่มฉายแสงสีทองสาดส่องลงมาตัดกับสีขาวสะอาดของปุยหมอก แดดรุ่งอรุณส่องเข้าตาของเขาพอดี

                    “ไม่เคยจ้ะ บ้านครูไม่มีอย่างนี้หรอก” เวียงพิงค์ตอบโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากภาพทะเลหมอกตรงหน้า พลางเอ่ยต่อว่า

                    “วันก่อนก็ว่าสวยแล้วนะ แต่วันนี้อลังการกว่ามาก”

                    เมื่อช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เวียงพิงค์เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบนภูทับเบิกเป็นจำนวนมาก รีสอร์ตห้องพักถูกจองเต็ม ช่วงรุ่งสาง นักท่องเที่ยวตื่นแต่เช้า ออกมายืนรอชมทะเลหมอกกันอย่างคับคั่ง

                    สายหมอกคงขี้อาย... เห็นคนมามากก็พากันหลบ มีออกมาให้ยลโฉมโหรงเหรง ไม่สมใจคนรอชมนัก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงกลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง

                    วันนี้เป็นวันจันทร์ วันธรรมดานักท่องเที่ยวบางตากว่าวันหยุดมาก คลื่นทะเลหมอกหลั่งไหลออกมาท่วมท้นในวันนี้ เวียงพิงค์เสียดายแทนนักท่องเที่ยวทุกคนที่พลาดชมของสวย ๆ งาม ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ฉิวเฉียดไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นเอง

                    “ครูพิ้งค์ถ่ายรูปไหม”

                    เวียงพิงค์ละสายตาจากทะเลหมอกเมื่อเด็กชายร้องถาม

                    “ถ่ายสิ” หล่อนล้วงเอามือถือออกมา วิวสวยขนาดนี้จะไม่เก็บภาพถ่ายไว้เป็นความทรงจำได้อย่างไร

                    “ผมถ่ายให้ เกี๊ยะไปยืนกับครูพิ้งค์” ต๊ะรับอาสา ขอมือถือจากคุณครูมาตั้งกล้อง

                    เวียงพิงค์กับเกี๊ยะเดินไปที่ริมผา หันหลังให้ทะเลหมอกเบื้องล่าง หันหน้ามายิ้มสู้กล้อง ตากล้องกดชัตเตอร์สองสามทีก็เสนอมุมอื่น

                    “เอามุมนู้นไหมครูพิงค์ มุมนู้นก็สวย”

                    “เอาจ้ะ”

                    เวียงพิงค์ถ่ายรูปกับเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน ได้ทั้งภาพเดี่ยวภาพคู่และภาพหมู่ไปหลายภาพ รับกล้องมาเลื่อนดูรูปแล้วก็ยิ้มด้วยความถูกใจ

                    “หมอกจะอยู่นานไหมต๊ะ” หล่อนหันมาถามเจ้าถิ่น

                    “นานอยู่นะครูพิงค์ แต่ก็เอาแน่ไม่ได้หรอก แล้วแต่วัน”

                    สาวชาวกรุงพยักหน้า มองไปรอบ ๆ นักท่องเที่ยวยังคงเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป บางคนเก็บภาพจนหนำใจแล้วก็ยืนชมนั่งชมซึมซับบรรยากาศกันต่อ หลายคนเห็นภาพแบบนี้แล้วคงไม่อยากกลับบ้าน เพราะอยู่ตรงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสรวงสรรค์จริง ๆ

                    “ถ้าโดดลงไปได้ก็ดีสินะ หนานุ่มน่านอนกลิ้งจริง ๆ” เวียงพิงค์พูดยิ้ม ๆ

                    “โดดลงไป ก็ได้ไปกลิ้งบนสวรรค์นู่นละครูพิ้งค์” ต๊ะทำปากจู๋ล้อเลียนคำพูดคุณครู

                    พวกสาว ๆ หัวเราะ ระหว่างนั้นมีใครอีกคนก้าวเข้ามาร่วมวง ทั้งสามหันไปยิ้มทักทาย

                    “เด็ก ๆ พาครูพิ้งค์มาดูหมอกเหรอ” ไหมซีทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิข้าง ๆ เพื่อนสาว ตอนนี้พวกเขาพากันนั่งพักที่ลานกางเต็นท์ริมผา

                    “ค่ะครูไหม วันทะเลหมอกแห่งชาติมาละ” เกี๊ยะพยักพเยิดหน้าไปทางริมผา

                    เวียงพิงค์ทำหน้างงนิดหน่อยกับคำว่า วันทะเลหมอกแห่งชาติ

                    ไหมซีจึงอธิบายให้ฟังว่า “วันที่หมอกสวยที่สุดบนภูทับเบิกน่ะ นักท่องเที่ยวเขารอหมอกแบบนี้กันนั่นแหละ”

                    สาวชาวกรุงพยักหน้าเข้าใจ

                    ไหมซีกล่าวต่อว่า “พิ้งค์นี่โชคดี ตั้งแต่ต้นปีมา วันนี้น่าจะเป็นวันที่หมอกสวยที่สุดเลย แสงก็กำลังดี วันเสาร์อาทิตย์นักท่องเที่ยวเขาแห่มารอกันไม่เจอพีค ๆ แบบนี้ เล่นตัวมาวันจันทร์ซะได้ เขากลับกันหมดแล้ว”

                    “เรานึกว่าทะเลหมอกสวย ๆ ต้องมาดูหน้าหนาวเสียอีก” เวียงพิงค์สงสัย ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเดือนกันยายน หล่อนนึกว่าหมอกฟู ๆ แบบนี้ต้องมาดูช่วงปลายปีอย่างนั้นเสียอีก 

                    “ที่อื่นเราไม่รู้นะ มันก็คาดการณ์ลำบาก ที่จริงทะเลหมอกมีได้ทุกฤดู ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ใช่ฤดูกาลอย่างเดียว อย่างเขาค้อบ้านเรา หน้าหนาวก็จะมีหมอกสวย ๆ เหมือนกัน แต่บนภูทับเบิก ฤดูที่หมอกสวยที่สุดก็คงจะเป็นฤดูฝนนี่แหละ”

                    เวียงพิงค์พยักหน้า รับฟังความรู้ใหม่อย่างตั้งใจ

                    “อ้ะนี่” ไหมซีส่งกระเป๋าให้เพื่อน

                    เวียงพิงค์เห็นก็ยิ้มออกมาทันที

                    “แหม รู้ใจจัง” หล่อนเอื้อมมือออกไปรับ มันคือกระเป๋าใส่อุปกรณ์วาดรูปของหล่อนนั่นเอง

                    “เจอวิวแบบนี้ศิลปินเอกเวียงพิงค์จะพลาดได้ไง จริงไหม” ไหมซียิ้มล้อเลียน

                    เวียงพิงค์หัวเราะแล้วหยิบอุปกรณ์มาแจกให้ลูกศิษย์ด้วย

                    “เด็ก ๆ มาวาดรูปกัน” เวียงพิงค์เห็นเป็นโอกาสอันดี มีธรรมชาติสวย ๆ เป็นแบบให้ฟรี ๆ อย่างนี้แล้ว ก็ไม่ควรพลาดใช้เป็นสื่อการสอนไปเสียเลย

                    “เมื่อกี้พี่สัวโทร.มา บอกว่าพ่อมีไข้ วันนี้เราว่าจะลงไปดูหน่อย พิ้งค์ไปด้วยกันนะ” ไหมซีบอกเพื่อนก่อนที่จะต้องใช้สมาธิในการทำงาน

                    “ไปสิ จะได้ไปเที่ยวบ้านไหมเสียที” เวียงพิงค์ดีใจ คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่หล่อนยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวบ้านเพื่อนสนิทเลยสักที

                    “บ้านครูไหมสวยครับครูพิ้งค์ เป็นรีสอร์ตด้วย” ต๊ะหันมาบอก

                    “รีสอร์ตนั่นไม่ใช่ของบ้านครู เป็นของญาติต่างหาก” ไหมซีแก้ข้อมูล แล้วหันมาบอกเพื่อนเพิ่มเติมว่า

                    “รีสอร์ตกำลังสร้างน่ะ แต่มีบ้านบางหลังเสร็จแล้ว เดี๋ยวพิ้งค์คงได้ประเดิมเป็นแขกคนแรก เราบอกพี่เขาไว้แล้ว จะให้พิ้งค์ไปนอนที่นั่นแหละ นอนบ้านเราไม่สะดวกหรอก บ้านคับแคบ มีคนป่วยด้วย”

                    “แล้วแต่เจ้าบ้านจะจัดให้เถอะจ้ะ เรานอนไหนก็ได้”

    ++++++++++++++++++++++++++++++

    สวัสดีค่ะนักอ่าน

        เรื่องโอบรักไว้ด้วยสายหมอก เคยลงในเด็กดีจนจบมาแล้วหนึ่งรอบในปี 59-60 วันนี้ขอนำมารีอัปอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะลงเนื้อหาประมาณครึ่งเรื่องนะคะ และอัปอย่างน้อยวันละ 1 ตอน (บางวันอาจมากกว่า 1 ตอน) หากนักอ่านท่านใดสนใจอ่านอีบุ๊กฉบับเต็ม คลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ  ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามและสนับสนุนผลงานค่ะ ^^

    Thumbnail Seller Link
    โอบรักไว้ด้วยสายหมอก
    ธุวดารา
    www.mebmarket.com
    นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนหนึ่งปี เวียงพิงค์ชักไม่แน่ใจว่า คืนแรกบนเขาค้อของเธอ จะทำให้อายุยืนจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ มีเรื่องให้ตื่นเต้นจนนอนไม่หล...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×