ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โอบรักไว้ด้วยสายหมอก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2++ยินดีต้อนรับสู่เขาค้อ++

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.2K
      5
      28 ส.ค. 64




    ช่วงสาย สองสาวเพื่อนรักโบกรถขนกะหล่ำปลีของชาวม้งบนภูทับเบิกลงมาที่เขาค้อ สองสาวนั่งอยู่บนเบาะตอนหน้า ไหมซีคุยเป็นเพื่อนพี่คนขับอยู่ตลอด ส่วนเวียงพิงค์ไม่ค่อยพูดอะไร มองวิวข้างทางสลับกับยกยาดมขึ้นอังจมูก จนไหมซีสังเกตเห็นเพื่อนสูดยาดมหลายทีจึงทักขึ้นมาว่า

                    “เมารถเหรอ”

                    “เวียนหัวนิดหน่อย เราว่าตอนขึ้นมาทางไม่ชันขนาดนี้นะ”

                    “เราขึ้นภูทับเบิกมาอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่ทางนี้ ทางนี้ชันกว่าขับยากกว่าแต่ก็ใกล้กว่านะ” ไหมซีอธิบายแล้วก็บอกว่า

                    “ถ้าเมาก็พยายามหลับไป เดี๋ยวถึงแล้วเราปลุกเอง”

                    “ไม่อยากหลับเลย” เวียงพิงค์มองออกไปนอกหน้าต่าง

                    วิวข้างทางเขียวขจี มองแล้วสดชื่นสบายตา ตอนนี้หมอกยังไม่สลายตัว ระหว่างทางก็เห็นทะเลหมอกมาตลอด ในมุมองศาที่เปลี่ยนไปตามความคดเคี้ยวของถนน สวยไปคนละแบบ

                    เวียงพิงค์ถือคติตลอดมา เวลาไปเที่ยวจะไม่นอนหลับระหว่างการเดินทาง เพราะไม่อยากพลาดโอกาสดูบ้านเมืองของเขา นอกจาก จุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไปให้ถึงแล้ว เวียงพิงค์คิดว่าสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ ระหว่างทางก็เป็นประสบการณ์ดี ๆ ได้เหมือนกัน

                    รถวิ่งลงตามถนนคดเคี้ยวไปได้สักพัก ความชันก็เริ่มลดลง ทำให้อาการมึนศีรษะของเวียงพิงค์ดีขึ้น

                    เจ้าถิ่นบอกว่า “ตอนนี้เราเข้าทางหลวงหมายเลข 12 แล้วนะพิ้งค์ ถนนเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ เลย”

                    “มิน่าล่ะ ยังดูใหม่อยู่เลย” เวียงพิงค์มองถนนลาดยางเรียบกริบกว้าง 4 เลน วิวสวยตลอดข้างทาง มีหมอกลอยฟุ้งเป็นหย่อม ๆ ด้วย น่าจะเป็นถนนที่สวยที่สุดสายหนึ่งที่เวียงพิงค์เคยเห็นมาในชีวิตนี้  

                    “ถนนเส้นนี้แหล่งท่องเที่ยวเพียบ พอทำใหม่แล้ววิ่งสบาย” ไหมซีบอกต่อ

                    รถวิ่งไปสักพักหนึ่งก็เกือบถึงทางแยก ไหมซีรีบชี้ชวนให้เพื่อนมองขึ้นไปบนยอดเขาฝั่งหนึ่ง

                    “ทางขวานี่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่พิ้งค์อยากมาไง ไว้จะพามาวันหลังนะ”

                    เวียงพิงค์มองตาม เห็นรูปถ่ายวัดแห่งนี้มาสักพักแล้ว อยากจะขึ้นไปกราบสักการะ ยลโฉมความงดงามสักที

                    เมื่อรถขนผักเคลื่อนเข้าสู่เขตเขาค้อ เวียงพิงค์ก็เริ่มสังเกตเห็นป้ายรีสอร์ตตั้งติด ๆ กันแทบไม่ได้เว้นช่วง ที่จริงหล่อนก็พอรู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ย่อมต้องมีรีสอร์ตมาก แต่ก็ไม่นึกว่าจะมากมายขนาดนี้ ชนิดที่ว่าป้ายรีสอร์ตบ้านพักแทบจะตั้งเกยกันเลยด้วยซ้ำ

                    “รีสอร์ตเต็มไปหมดเลย”  

                    “สร้างใหม่เรื่อย ๆ จะมีเยอะกว่าบ้านคนละ”

                    “แล้วไม่แย่งนักท่องเที่ยวกันเหรอ”

                    “ช่วงโลว์ซีซั่นก็อาจจะมีบางที่เงียบบ้าง ก็ต้องลดราคาสู้กัน แต่ช่วงไฮส่วนใหญ่เต็มหมดนะ พี่วัศย์บอกว่าคู่แข่งเยอะ เราก็ต้องมีจุดเด่นจุดแตกต่างเป็นจุดขายของเรา และการประชาสัมพันธ์ก็สำคัญ แกศึกษาดูลู่ทางหลายทางอยู่ เห็นว่าตอนเปิดจะเชิญนักรีวิวมืออาชีพมาเข้าพักด้วย”

                    เรื่องสร้างรีสอร์ตนี้เป็นโครงการมาตั้งแต่สมัยป้าของหล่อนยังอยู่แล้ว เริ่มสร้างไปได้เล็กน้อย ป้าก็ป่วยหนัก ลุงเขยของหล่อนจึงปล่อยค้างเติ่งไว้อย่างนั้น ต่อมาลุงเขยตาย ลูกชายของเขาได้มรดกที่ดินจึงเข้ามาสานต่องานที่แม่เลี้ยงกับพ่อริเริ่มไว้

                    “พี่วัศย์คนนี้เป็นญาติฝ่ายไหนของไหมนะ” เวียงพิงค์ถามถึงคนที่หล่อนจะต้องไปขออาศัย จำได้ว่าไหมซีเคยพูดถึงอยู่บ้าง แต่หล่อนลืมลำดับญาติไปเสียแล้ว

                    “เป็นลูกชายของลุงเขยเรา แต่เป็นลูกติดมาจากภรรยาเก่านะ ไม่ใช่ลูกกับป้าเรา”

                    “อ้อ”

                    “ลูกกับป้าเราก็มี ลูกสาว แต่เสียไปตั้งแต่เก้าขวบ”

                    สาวชาวกรุงพยักหน้า นับดูแล้วก็ไม่ใช่ญาติสายตรง แต่ฟังจากไหมซีพูดถึงมาหลายครั้ง ดูเหมือนจะสนิทสนมกันพอสมควร

                    “พี่ ๆ จอดข้างหน้านี่ได้เลยค่ะ” สาวเจ้าถิ่นหันไปบอกคนขับรถ

                    หนุ่มใหญ่ชาวม้งจอดรถข้างทาง ฉีกยิ้มกว้างให้อย่างใจดีเมื่อสองสาวหันมายกมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นไหมซีก็เดินนำเพื่อนแบกกระเป๋าเป้ เดินต่อไปอีกร้อยเมตรก็เจอป้ายไร่สตรอว์เบอร์รี ไหมซีเปิดประตูรั้วไม้เข้าไป เวียงพิงค์จึงเดาได้ว่าถึงที่หมายแล้ว

                    “ที่กว้างเหมือนกันเนอะ” สาวชาวกรุงสำรวจพื้นที่บ้านเกิดของเพื่อนสาว

                    ด้านหน้าเป็นแปลงสตรอว์เบอร์รี เนื้อที่กว้างขวางพอสมควร ถัดไปไม่ไกล หล่อนเห็นบ้านไม้ใต้ถุนเตี้ยตั้งเด่นคู่กับต้นไม้ใหญ่ คงจะเป็นบ้านของไหมซีนั่นเอง

                    “ที่บ้านเราสุดแค่ต้นไม้ตรงนู้น เลยจากนั้นก็เป็นที่ของพี่วัศย์” ไหมซีชี้ไปยังแนวต้นไม้ถัดออกไปอีก

                    ที่ดินของพ่อกับป้าของหล่อน ไม่เคยทำเขตรั้วแบ่งแยกชัดเจน ด้วยเพราะเจ้าของที่สองผืนเป็นเครือญาติ เดินไปมาหาสู่กันได้เสมอ

                    เวียงพิงค์ยกมือป้องแดดมองตาม เห็นพื้นที่รีสอร์ตที่กำลังก่อสร้างเลา ๆ แล้ว นั่นสินะ ที่นอนของหล่อนในคืนนี้...

                    ไหมซีพาเพื่อนเดินผ่านแปลงสตรอว์เบอร์รี เวียงพิงค์ถือโอกาสสำรวจไปด้วย

                    “ยังไม่ออกลูกเลย จำที่ไหมเอาไปฝากได้ อยากกินอีก” นึกถึงสตรอว์เบอร์รีลูกโตรสหวานอมเปรี้ยวที่ไหมซีนำไปฝากเพื่อนที่มหาวิทยาลัยทุกปีแล้วเวียงพิงค์ก็เปรี้ยวปาก

                    “ช่วงปลายปีต้นปีนู่นละ พิ้งค์มาเร็วไปนิด เอาไว้ออกแล้วจะเก็บไปฝากอีกนะ หรือไม่ต้นปีพิ้งค์มาอีกสิ ช่วงนั้นหมอกที่เขาค้อกำลังสวย”

                    “ชวนแล้วไม่เกรงใจนะ”

                    “ยังเหลืออะไรต้องเกรงใจกันอีกล่ะ”

                    สองสาวหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน แล้วไหมซีก็ชวนว่า “ไปไหว้พ่อกันเถอะ”

    ++++++++++++++++++++

    Thumbnail Seller Link
    โอบรักไว้ด้วยสายหมอก
    ธุวดารา
    www.mebmarket.com
    นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนหนึ่งปี เวียงพิงค์ชักไม่แน่ใจว่า คืนแรกบนเขาค้อของเธอ จะทำให้อายุยืนจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ มีเรื่องให้ตื่นเต้นจนนอนไม่หล...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×