ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7fiction] adorable baby { Markbam } / -ลงชื่อรับเงินคืน-

    ลำดับตอนที่ #19 : markbam baby - 16 -100%-

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 57


    GOT 7 Fiction

    Adorable baby  Mark x Bambam

    By bpuppyy_

    Markbam

    Baby  16

     

     

    “ตกลงว่า... น้องยองแจกับไอ้มาร์คเป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นญาติห่าง ๆ กันว่างั้น?” หลังจากที่อึ้งไปกับทฤษฎีโลกกลมที่มาเกิดขึ้นในกลุ่มของพวกเขา อิมแจบอมคือคนแรกที่กลั่นถ้อยคำออกมาได้...

                    ถามว่ามันเป็นเรื่องน่าตกใจหรืออะไรขนาดนั้นไหม ก็ไม่นะครับ แต่มันแค่มึน ๆ งง ๆ อ่ะครับ ทำไมมันช่างประจวบเหมาะกันขนาดนี้ นี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะครับ ประธานอิมขอทึ่งต่ออีกสักสามนาที

     

                    แล้วนี่บุญหรือกรรมของไอ้หวังล่ะครับ มาเข้าอีหรอบนี้แล้ว

     

    “ใช่ครับ จริง ๆ ไม่ได้เจอมาร์คนานแล้วนะ ไม่คิดว่ามันจะยังอยู่เกาหลี” ยองแจว่า ส่วนคนถูกพาดพิงก็แค่พ่นลมหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา “ถ้าเมื่อวานนี้อยู่ ๆ มันไม่ได้โทรมาหาผมซะเฉย ๆ ผมคงคิดมาร์คว่าหนีลุงต้วนไปบวช หรือไม่ก็ไปอยู่ต่างประเทศไม่คิดจะกลับมาแล้วนะเนี่ย”

                    มาร์ค ต้วนจะบอกให้นะครับ... ชเวยองแจไม่ได้เป็นคนที่ลักษณะนิสัยสัมพันธ์กับใบหน้า เห็นท่าทางแบบนี้ ที่จริงปากคอเราะร้าย... ร้ายกาจมากด้วย

    “คิดไปได้นะ”

    “ก็ทำให้คิดแบบนั้นประจำ โอ๊ะ แล้วนั่น...” ยองแจหรี่ตามองเด็กน้อยหนึ่งเดียวภายในห้องด้วยความสงสัย (แล้วทำไมไม่สนใจพี่โอเซกับพี่จอบอบ้างล่ะครับ มองข้ามกันไปเฉย) “สวัสดีครับ น้องคนนี้หน้าตาน่ารักจัง แฟนเหรอมาร์ค โหย ชอบเด็กก็ไม่บอก มิน่าล่ะ สาว ๆ หนุ่ม ๆ (?)มาต่อคิวกันตรึมไม่เคยสนใจ”

    “รู้ได้ไงว่าฉันไม่สน เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”

    “ไม่รู้ เดาเอา แล้วก็มั่นใจว่าเดาถูก” ยองแจตอบ ตบท้ายด้วยการยักคิ้วให้ลูกผู้พี่อีกหนึ่งที

     

                    โดยมีแจ๊คสัน หวังที่ได้แต่นั่งฟังไปมองหน้าน้องยองแจไป... แล้วก็มองหน้าไอ้มาร์คเพื่อนรักไปด้วย...

                    ควรจะทำยังไงต่อไปคะ นี่น้องหวังเริ่มจะสับสนอลหม่านแล้วนะคะ!

     

    “แบมแบม นี่ยองแจนะ อย่างที่มันบอก... เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เอง” มาร์คไม่ได้สนใจว่ายองแจตะพูดหรือทำอะไรอีก คำแนะนำจากปากของมาร์คทำให้กันต์พิมุกต์ยกมือไหว้ด้วยความเคยชินอย่างเสียไม่ได้

                    ปกติแบมไม่ได้ไหว้นะครับ... แต่ครั้งนี้มือมันไปเองง่ะ ที่จริงมาอยู่เกาหลีแบบค้อมตัวจนเคยแล้วนะ...

    “ฮ่า ๆ น้องแบมแบมน่ารักจัง”

    “น่ารักเหมือนพี่นี่แหละครับ น้องชายพี่เอง”

                ในที่สุด... หวังแจ๊คสันก็สามารถหาบทบาทให้ตัวเองแทรกขึ้นมาได้ หลังจากถูกเซฮุนโอล็อคตัวไว้พักใหญ่ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาจากเกาะฮ่องกงก็ได้หลุดพ้นและเดินเข้ามาหาน้องยองแจในที่สุด

     

                    รวมทั้งปัญหาที่ยังข้องใจของน้องหวัง...

     

    “ไอ้มาร์ค ตอบกูมาเลยนะ มึงรู้เรื่องที่ยองแจจะมาอยู่กับกูใช่ม้ะ” แจ๊คสันถาม

    “กูจะรู้ได้ไง”

    “เอ้า ไม่งั้นมึงจะมาขัดขวางกูด้วยการนั่งหน้าสลอนกันอยู่ที่นี่ได้ไงฮะ อย่าให้กูด่านะ...” เออ อย่าให้แจ๊คสันชำระความนะครับ เห็นเงียบ ๆ นี่เก็บความแค้นเอาไว้เพียบขอบอก

     

                    ไม่มีใครรู้หรอกว่าแจ๊คสันคนนี้แอบเหลือบมองนาฬิกาตลอดเวลา ให้ตายสิครับ ถ้าไม่เห็นว่าน้องแบมแบมแก้มแตกของพี่หวังนั่งตาแป๋วอยู่อ่ะนะ ผมได้ไล่ตะเพิดพวกเพื่อนไม่รักดีกลับบ้านไปหมดแล้ว! 

                    แผนไอ้ต้วนชัด ๆ! คนที่หวังไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุดอีกแล้ว! แม่งหักหลังกูตลอด ตลอด ตลอด!

     

    “เชี้ย งงว่ะ หิวด้วย งั้นมึงเคลียร์ ๆ กันไปก่อนนะ เดี๋ยวกูไปกินรอ” โอเซฮุนไม่ไหวจะฟังเรื่องวุ่น ๆ อีกต่อไป ชายหนุ่มหล่อเสียเปล่าแห่งมหาลัยY เดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องครัวที่มีพิซซ่า (น้องหวังสั่งมา แน่นอนว่าเงินหวังทั้งนั้น) ตามด้วยอิมแจบอมที่คิดว่าเขาไม่อยากจะฟังเรื่องมึน ๆ อีกต่อไป

     

                    กินดีกว่าครับ กินเพื่อเพิ่มพลัง บางทีคืนนี้อิมแจบอมอาจจะต้องใช้พลังงานในการลุ้นเยอะมากเป็นพิเศษ...

                    เรื่องอะไรอ่ะเหรอครับ ไม่บอก! ผมขออุบเอาไว้เงียบ ๆ ก่อนนะทุกคน

     

    “พี่มาร์ค~ จริง ๆ แล้วแบมก็หิวง่ะ” เด็กชายกันต์พิมุกต์อ้อนคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจสักเท่าไหร่นักว่าหวังแจ๊คสันกำลังเครียดขึงมากแค่ไหน

     

                    ก็ถ้าทำหน้าตาให้จริงจังกว่านี้... บางทีน้องแบมตัวน้อยอาจจะคิดว่าพี่ชายเครียดจริง ๆ ก็เป็นได้

     

    “อ่าฮะ งั้นไปกินกันเถอะ”

    “เฮ้ย เดี๋ยวดิ! ไอ้มาร์คมึงมาตอบคำถามกูก่อนดิวะ” ผลตอบรับคือการที่มาร์ค ต้วนและแบมแบมเดินตรงเข้าไปในครัว สมทบกับเซฮุนโอและอิมแจบอมที่กำลังถลุงพิซซ่าอย่างเมามัน

     

                    นี่พระเอก(?)ตัวจริงอย่างผมยังมีพื้นที่อยู่บ้างไหมครับ เฮลโหลว

     

    “พี่แจ๊คสัน... เอาจริง ๆ นะ ถ้าพี่ไม่มัวแต่ยืนท่ามาก ที่จริงเราไปนั่งคุยกันตรงโต๊ะอาหารก็ได้นะครับ”

                    อยากจะบอกว่าถ้าสนิทกันมากกว่านี้... ชเวยองแจอาจจะใช้คำว่า ถ้าพี่แจ๊คสันไม่โง่ ด้วยซ้ำ... แต่อย่าเลยครับ ที่จริงยองแจก็ไม่ได้อยากว่าหวังแจ๊คสันเท่าไหร่

     

                    ยังไงผู้ชายคนนี้ก็น่ารักดี ถึงจะมีความเพี้ยนมากกว่าชาวบ้านไป... ไม่หน่อยเลยก็ตาม

     

    *

     

    “ไอ้ฟักแม้วจอบอ! ชิ้นนั้นกูใช้สายตาจองไว้แล้วนะเว้ย มึงมันหน้าด้านหน้าทน! มาแย่งของกูไปต่อหน้าต่อหน้าได้ยังไง!” โอเซฮุนตะโกนลั่น ทั้ง ๆ ที่ในปากยังเคี้ยวแป้งหนานุ่มอยู่ ก็ยังมิวายทวงถามสิทธิ์ที่ตนควรได้รับ

                    สิทธิ์จากการจับจอง... ด้วยสายตา

                    บ้าไปแล้ว

    “ไอ้ห่าน มึงบ้าป่ะเซฮุน แน่จริงมึงไม่ถุยน้ำลายไว้ล่ะ” แจบอมว่า ไม่ลืมที่จะหันไปกำชับกับน้องชายตัวน้อยอย่างแบมแบมว่าไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างกับกริยาเช่นนี้ “นั่งลงดี ๆ เลยสัส เกรงใจชาวบ้านเค้าบ้าง ยองแจมองมึงด้วยสายตารังเกียจแล้วเห็นไหม”

                    เออครับ ยอมรับเลยว่าไอ้จอบอมันไม่ได้โกหก... โห น้องไอ้มาร์คที่จะมาเป็นว่าที่แฟนไอ้แจ๊คสัน (เรียกน้องยองแจก็ได้ไหม) แม่งดูเป็นคนที่ตาต่อตาฟันต่อฟันมากครับ

                    สงสัยถ้าสนิทกันมากกว่านี้ เด็กนี่คงเป็นคนปากไวใจเร็วถ้าผมคนแรกอ้ะ ได้ ได้เลยไอ้น้อง ชเวยองแจได้เจอศึกหนักกับพี่แน่ ๆ ล่ะ (คิดไปไกลอีกละ คิดเองเออเองตลอดเลยนะโอเซฮุน)

     

    “เดี๋ยว อย่าคิดว่ากูจะลืมเรื่องทั้งหมดนะ ตกลงมึงรู้เรื่องยองแจจะมาอยู่กับกูไหมไอ้มาร์ค”

     

                    งานนี้มีฮั้วประมูลไหมวะ แต่ถ้าฮั้ว... แสดงว่ายองแจก็มีใจให้พี่หวังดิ ยอมมาอยู่ด้วยแบบนี้พี่หวังคิดไปไกลแล้วนะครับ!

     

    “ไม่” สั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความ “แบม กินอันนี้ดิ ชอบกินไม่ใช่เหรอ”

    “มาร์ค ขนมปังกระเทียมกูก็ชอบ” เซฮุนเด็กขี้อิจฉา “ไก่นิวออร์ลีนกูก็อยากได้อ่ะ” อิมแจบอมคือคนโตที่ขี้อิจฉามากกว่า

     

                    ชเวยองแจกำลังคิด... คนพวกนี้โตกว่าเขาเกือบ ๆ สามปีจริง ๆ อย่างนั้นหรือ...

                    น้องแบมยังดูโตกว่าด้วยซ้ำ (หมายถึงนิสัยนะครับ ไม่ใช่หน้าตา ถ้าหากเอาหน้าเป็นบรรทัดฐาน ยองแจบอกได้เลยว่าพวกเพื่อนมาร์ค... นำโลดไปไกล)

     

    “โอ๊ยไอ้ซ๊าซ ชาตินี้กูจะได้คำตอบดี ๆ จากไอ้มาร์คไหมวะ”

    “ก็มาร์คมันตอบไปแล้วว่าไม่ เดี๋ยวผมตอบให้ก็ได้พี่ คืองี้ มาร์คไม่รู้หรอกว่าผมจะมาเป็นรูมเมทพี่ เอาจริง ๆ คือมันคงเพิ่งแน่ใจวันนี้แหละ” ยองแจอธิบาย “อย่างที่บอก เมื่อวานมันเพิ่งโทรหาผม แล้วก็คุย ๆ กันทั่วไป แล้วผมก็แค่บอกมาร์คว่าจะไปอยู่คอนโดรุ่นพี่ ชื่อแจ๊คสัน เจอกันที่ฮ่องกง” ยาวไปครับ พี่แจ๊คก็นั่งท้าวคางมองน้องยองแจอธิบายยาวไป “มาร์คมันก็แค่ฟัง ไม่ได้ถามอะไรผม เพราะงั้นถ้ามันจะรู้หรือสงสัย ก็คงจะเป็นแค่เมื่อวาน ไม่มีการนัดแนะอะไรทั้งนั้นอ่ะ พี่คิดใหญ่มากนะ ชีวิตผมไม่ซับซ้อนหรอกพี่แจ๊คสัน”

    “ชีวิตกูก็ด้วย” มาร์คเสริม “ที่มันยุ่งยากก็เพราะมึงทั้งนั้นอ่ะไอ้แจ๊ค”

    “อ้าว พูดงี้เอาน้องกูคืนมา”

    “ไม่” สั้น ๆ ง่าย ๆ และได้ใจความอีกครั้ง...

     

                    แต่เป็นคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ที่ทำเอาเด็กน้อยนั่งหน้าขึ้นสีได้อย่างไม่ยากเย็น ...

     

    “ถ้าว่างแล้วก็ช่วยอธิบายให้ฟังด้วยนะว่าตกลงมันเกิดอะไร ละนี่ผมอยู่กับพี่แจ๊คสันได้ใช่ไหมครับ มาร์ค ว่าไง หรือนายมีห้องว่างให้เราไปพักด้วยปะ”

                    ถามไปทีเล่นทีจริงอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ค่อนข้างจะมั่นใจ... มาร์คคงมีภาระในการเลี้ยงดูเด็กในปกครองที่ชื่อว่าน้องแบมแบมคนนั้นไปแล้วล่ะ...

                    ชเวยองแจไม่ใช่คนฉลาด แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะจับทางใคร ๆ ไม่ถูกหรอกนะครับนะ

                    ส่วนหวัง แจ๊คสันผู้ไม่เคยรู้อะไร บัดนี้กำลังขยิบตาและยกมือขึ้นทำกากบาทอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “เชี่ยหวังเป็นเอามากว่ะไอ้จอบอ” เซฮุนส่ายหน้า เห็นไปขอความคิดเห็นจากเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก (เซฮุนผู้ไม่เคยหรี่โวลุ่มของเสียง) “มึงว่าผลจะออกมาเป็นยังไง...”

     

                    คือโอเซฮุนน่ะ... ถามถึงผลการตัดสินระหว่างศึกชิงรูมเมทของสองเพื่อนรัก

                    แต่สิ่งที่ได้รับเป็นคำตอบจากอิมจอบอนั้นกลับเป็นการตะโกนดัง ๆ แทรกบรรยากาศทุกอย่าง...

     

    “ไอ้สาสสสสสสสสสสสส ผลคือกูได้เอวิชาอาร์ทแล้วครับ เยสสสสสสสส เยสเยสเยส ไอ้เชี้ยรักวิชานี้จัง รักพวกมึงด้วยนะ อย่าลืมไปดูเกรดล่ะไอ้เหี้ยยยยยยย”

     

                    อิมแจบอมอาจจะดีใจเกินไป ดีใจมากจนหันไปเขย่าตัวโอเซฮุนที่นั่งอยู่ด้วยกันจนแทบจะต้องเสียสละพิซซ่าที่ยัดเข้าไปกว่าสามชิ้นออกมา... มึงเขย่ากูขนาดนี้ ส่งกูไปเป็นส่วนผสมมิลค์เชคให้ลู่หานเลยไหมไอ่สัสจอบอ!

                    แน่สิครับ... วินาทีนี้เซฮุนจะคิดยังไงจะพูดยังไงมันสำคัญที่ไหน อิมแจบอมดีใจไม่ลืมหูลืมตาอยู่แล้วล่ะ ยังไม่ลืมกันใช่ไหมว่าถ้าหากได้คะแนนระดับท๊อปคลาส รางวัลอันแสนหอมหวานคืออะไร!

     

    “มึงโอเว่อร์ไปป่ะเนี้ย” แจ๊คสัน หวังถาม เลิกคิ้วด้วยท่าทางเซ็ง ๆ กับการแย่งซีนอย่างมากของอิมแจบอม รวมไปทั้งเป็นการช่วยชีวิตโอเซฮุนที่กำลังจะโก่งคอออกมาอยู่รอมร่อ สงสารมันครับ เดี๋ยวตายก่อนได้มีหุ้นส่วนกับร้านขนมหวาน

                    แล้วอีกเรื่องนะ... ตกลงชาตินี้น้องหวังจะคุยกับพี่มาร์ครู้เรื่องไหมวะครับ

    “มึงไม่เป็นกูไม่รู้หรอกหวัง ยินดีกับกูซะวันนี้เลยนะ เพราะว่านับต่อจากนี้ไปกูจะไม่ใช่ชายโสดที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ อีกแล้วโว้ย!!!!!

     

                    ห๊ะ... มันพูดอะไรของมันวะ

                    นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด...

                    อ่า... อิมแจบอมผู้กุมความลับอันยิ่งใหญ่ กลุ่มเพื่อนสนิทที่ไม่เคยมีใครปิดบังอะไรต่อกันและกัน... กำลังจะได้รับรู้เรื่องตำนานรักระหว่างชายหนุ่มแห่งราตรี และทีเอวิชาอาร์ทที่ถูกชักนำให้ไปลงเรียนโดยเซฮุนโอ...

     

    “ปาร์คจินยอง TA วิชาอาร์ท นั่นล่ะอนาคตของกูเอง!

                   

                    เหยดเข้ เอาเวลาที่ไหนไปรักกันวะ!

     

    “พี่มาร์ค แบมว่าแบมอยากกินไอติมด้วยอ่ะ...”

     

                    การตื่นเต้นดีใจ... สายตาที่ประหลาดใจและเต็มไปด้วยคำถามทั้งหมดจบลงง่าย ๆ ด้วยประโยคเดียวของเด็กชายกันต์พิมุกต์...

     

                    เล่นเอาพี่ชายที่กำลังดีใจกับการได้A... ถึงกับชะงักเงียบไปในเวลาเสี้ยววินาที

                    แบมแบมสนใจแต่การรับประทานอาหารโดยไม่ได้ฟังพี่แจบอมโวยวายเลยใช่ไหมครับ... ช่างเป็นเด็กที่มีสมาธิอะไรอย่างนี้นะ ครับ พี่แจบอมยอม

     

    “เดี๋ยวอีกสักพักกูกลับก่อนแล้วกันนะ ยองแจ นายก็คุยกับไอ้แจ๊คเรื่องอยู่ที่นี่ไปแล้วกัน ห้องไอ้แจ๊คมันว่าง ค่าห้องไม่ต้องช่วยมันออกนะ แค่มาอยู่เฉย ๆ ก็พอ”

     

                    นั่นปะไร... ต้องกราบขอบคุณมึงไหมวะไอ้มาร์ค ต้วน

                    ถึงมึงจะกวนตีนมากกว่าเดิมไปหน่อย แต่คอยช่วยเหลือเพื่อนแบบนี้ยังนับว่าเป็นมิตรที่ดีครับ

     

    “เดี๋ยวนะไอ้มาร์ค ... ละมึงก็จะยึดน้องกูไปอยู่ด้วยเรื่อย ๆ แบบนั้นอ่ะนะ!

                ก็เออสิวะ!  ไม่ใช่ความคิดของมาร์ค แต่เป็นอิมแจบอมและเซฮุนที่คิดขึ้นดัง ๆ พร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายอีกครั้งและอีกครั้ง

                    ไอ้หวังแจ๊คสันมันเล่นสนว่าที่แฟนมากกว่าน้องขนาดนี้ ยังมีหน้าไปหาว่าไอ้มาร์คยึดน้องมันอีกนะ อยากจะเอามีจิ้มหน้าผากแล้วตอกหน้ามันเหลือเกินครับ

     

                มึง นั่น แหละ ที่ ไม่ รับ น้อง มา เอง ไอ้ ซ๊าซ!’

     

    “ตามนั้นมาร์ค ไว้เจอกันใหม่ มีเรื่องให้คุยอีกเยอะ”

    “ถามไอ้แจ๊คก็ได้ มันตอบนายได้เหมือนกันนั่นแหละ”

     

                    เปิดทางให้แล้วนะ...

                    หลังจากนี้แจ๊คสัน หวังไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องหรือโอดครวญว่ามาร์ค ต้วนขโมยน้องรักของมันแล้วจริงไหม...

                   

    “พี่มาร์ค...” แบมแบมส่งเสียงเรียกขณะที่พวกเขากำลังเดินไปยังมินิคูเปอร์ของมาร์ค เด็กน้อยที่ก้ม ๆ เงย ๆ มองจอมือถือบ้าง มองมาร์คบ้างกำลังยิ้มแหย ๆ ให้กับพี่ชายรูมเมทเพราะข้อความผ่านทางไลน์...

                   

                    ชัดเจนเลยนะ... ว่าไอ้แจ๊คสัน หวังทำการหักหลังเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

     

    “พี่คุณบอกว่าจะมาคุยกับแบมกับพี่มาร์ค... แล้วมันก็วันพรุ่งนี้...”

                    แน่นอนว่าแจ๊คสัน หวังต้องเป็นคนรายงานอย่างแน่นอนล่ะ

                    ไม่ใช่ปัญหาหรอก... เพราะยังไงเขาก็ต้องคุยกับพี่ชายแท้ ๆ ของแบมให้รู้เรื่องก่อนจริงไหม ถึงจะเคยคาดหวังว่าจะมีตัวต้นเรื่องอย่างไอ้แจ๊คมาช่วยนั่งคุยก็ตาม แต่ตอนนี้เชื่อได้เลย แจ๊คสันมันโยนทุกอย่างให้เขาหาทางคุยกับพี่ชายของแบมแบมแน่นอน

     

    “ไม่ต้องคิดมาก ยังไงพี่ก็ต้องคุยกับพี่ชายแบมอยู่แล้วล่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิดน่าอ้วน”

    “ก็แบมกลัวพี่คุณจะว่า...”

    “ไม่หรอก”

     

                    มาร์คมั่นใจ... เพราะเขาเชื่อว่าพี่ชายของแบมดูออกตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราได้เจอกัน

                    ความรู้สึกของมาร์ค... ที่มากเกินกว่าคำว่าพี่ชาย

     

    “คนที่จะโดนว่าน่ะ ต้องเป็นไอ้แจ๊คสันที่ทิ้งแบมซ้ำสองรอบต่างหาก แบมอยากเห็นมนุษย์พูดมากโดนดุไหมล่ะ” มาร์คแกล้งว่า เด็กชายกันต์พิมุกต์ได้แต่ยิ้มกว้างจนตาหยีเมื่อคิดถึงพี่แจ๊คสันที่อาจจะต้องถูกตำหนิจากพี่คุณ

     

                    ขอโทษด้วยนะไอ้แจ๊คสัน เล่นหักหลังด้วยการบอกพี่ชายแบมแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

                    มาร์คของแกล้งคืนบ้างก็แล้วกัน ได้รู้แน่ ๆ ว่าที่จริงแล้วควรจะต้องว่าใคร

     

    “รีบขึ้นรถได้แล้วเด็กอ้วน เดี๋ยวพาไปกินไอติมก่อนกลับบ้านไง เร็วเข้า”

     

                    แบมแบมจะทำใจให้เคยชินกับการถูกเรียกว่าเด็กอ้วนหรือตุ้ยนุ้ยแล้วกันนะครับ!

     

    “โอเคคคคค ไปเดี๋ยวนี้แหละครับพี่มาร์คคคคคคคคค”

     

    *

     

                    กันต์พิมุกต์รู้สึกว่าทุกอย่างจะเข้าข้างและเปิดทางให้เขามีเวลาเตรียมตัวไปเจอพี่คุณมาก ไม่ใช่แค่แบมแบมคนเดียวเท่านั้น เพราะรวมไปถึงมาร์ค ต้วนที่ถูกยกเลิกคลาสในช่วงบ่ายเช่นเดียวกับแบมที่เลิกเรียนตอนกลางวันพอดิบพอดี

     

                    ทว่าตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงนิด ๆ เท่านั้น... แบมแบมตัวน้อยก็เลยต้องมานั่งเล่นคอยพี่มาร์คอยู่ที่ห้องพักคุณครูพี่เฟยแบบนี้

     

    “แบมแบม จะสอบแล้วนะเรา เป็นไงบ้าง เริ่มเตรียมตัวอ่านหนังสือหรือยังเนี่ย” คุณครูสาวสวยถามยิ้ม ๆ ช่วงหลังเธอมีงานเข้ามาค่อนข้างมาก นั่นหมายความว่าเวลาที่จะได้แอบดอดแอบชวนเด็กน้อยของเจ้ามาร์คไปเที่ยวเล่นยอมหายตามไปด้วย

    “แหะ ๆ อ่าน... นิดนึงครับ” มีทำท่าให้คุณครูดูอีกต่างหาก นิดนึงของกันต์พิมุกต์ที่ถูกแสดงออกมาผ่านสัญลักษณ์ทำเอาคุณครูคนสวยหัวเราะอย่างเสียไม่ได้

     

                    แกล้งตอบให้ครูดีใจหรือเปล่าเจ้าเด็กคนนี้

     

    “อย่าลืมอ่านสะสมเอาไว้ล่ะ ปล่อยไว้เยอะ ๆ เดี๋ยวกลายเป็นว่าอ่านไม่ทันนะ”

    “ครับผมครูเฟย~” แบมแบมรับปาก เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากพี่สาวที่เวลานี้รับบทบาทเป็นคุณครูได้ไม่น้อย

     

                    ให้ตายสิ เฟยไม่ปฏิเสธเลยว่าถ้าหากเธอจะมีลูกสักคน ไม่พ้นอยากได้ลูกชายหรือลูกสาวที่มีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดูอย่างแบมแบมแน่ ๆ ล่ะ

                    หรือเธอควรจะไปขอเป็นแม่บุญธรรมเลยดีนะ...  อ่า เธอกำลังคิดมากไปใช่หรือเปล่า อย่าถือสาเลยนะ สาวโสดก็มักจะชอบคิดอะไรไปเรื่อยแบบนี้ ...

                    ไม่เป็นแม่บุญธรรม ยังไงก็คงได้เป็นพี่สะใภ้ใช่ไหม... จากการรายงานของน้องชายจากมกโพน่ะ ... เฟยพอจะรู้อยู่หรอกนะว่าความสัมพันธ์ของคุณต้วนผู้เงียบขรึม กับเด็กน้อยแก้มป่องคนนี้มันไม่ธรรมดา

     

    “แบม”

                    เสียงนุ่มทุ้มเรียกได้ทั้งเจ้าของชื่อแก้มกลม รวมไปถึงคุณครูที่กำลังนั่งเคลียร์งานอยู่ใกล้ ๆ กัน เฟยยิ้มและยักคิ้วทักทายมาร์ค (ซึ่งมาร์คคงจะกวนกลับไปแล้ว ถ้าหากลูกผู้พี่คนนี้ไม่ใช่ผู้หญิง) ส่วนแบมแบมที่นั่งเล่นอยู่ก็ลุกขึ้นทันที ใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยมีรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกวัน...

                    รอยยิ้มที่มาร์คคิดว่า... เขาเสพติดการได้เห็นมันไปเสียแล้ว

    “พี่มาร์คมาเร็วจัง แบมคิดว่าจะเลิกช้ากว่านี้ซะอีก”

    “พอดีงานเสร็จเร็ว ไม่มีอะไรต่อเลยออกมาก่อน”

    “อ๋อ... คิดว่าใจสั่งมาซะอีก รีบมาขนาดนี้น่ะ” บุคคลที่สามผู้เป็นหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องกล่าวขึ้น แน่ล่ะ เธอคนนี้คือเฟย ลูกผู้พี่ที่มาร์ค ต้วนขอลงความเห็นว่าร้ายกาจทั้งการกระทำและคำพูดไม่ต่างจากชเวยองแจ

                    โอเค... พวกเขาทั้งสามคนเป็นญาติห่าง ๆ กัน เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ค่อยติดต่อกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะยองแจที่อยู่ไกลจากพวกเขาไปมาก ส่วนเฟยก็ต้องเจอกันบ่อย ๆ เพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้...

                    ชีวิตของมาร์คก็ประมาณนี้ล่ะครับ แล้วอีกอย่างที่ผมพอจะเดาได้ ชเวยองแจคงจะคุยกับพี่สาวคนนี้ไปเรียบร้อยแล้วล่ะ ว่าเมื่อวานเจอผมกับแบมอยู่ด้วยกัน

     

                    แล้วคนฉลาดอย่างยองแจก็คงดูออกไม่ยาก... ว่าผมรักแล้วก็เป็นห่วงแบมมากแค่ไหน

     

    “เงียบเหอะเฟย” มาร์คว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่เขาจะเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อห้วน ๆ แบบนี้บ้าง ส่วนพี่สาวคนสวยก็ทำแค่หัวเราะแล้วไหวไหล่

                    หนึ่งคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาอย่างกันต์พิมุกต์... เด็กน้อยก็ได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะเก้อ  ๆ เมื่อโดยคุณครูพี่เฟยแซวขึ้นมาต่อหน้าต่อตาแบบนี้

                    ยังเคยชินไม่ได้สักที ทั้ง ๆ ที่ถูกแซวเล่นนิดเดียวเองนะแบมแบม! ง่า แบมควรทำยังไงดี

     

    “ไปก่อนนะ”

    “งั้น... แบมไปแล้วนะครับคุณครูเฟย เจอกันวันพรุ่งนี้ครับ~ กันต์พิมุกต์ว่า ค้อมตัวลงเพื่อทำความเคารพครูที่ปรึกษา ก่อนที่จะหันไปยิ้มให้กับผู้ปกครองหน้าหล่อที่ยืนอยู่ด้วยกัน “พร้อมออกเดินทางละพี่มาร์คคคคคคค”

     

                    เฟยถึงกับแอบหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงของเด็กน้อยพูดกับมาร์ค มองคนสองคนที่เดินพ้นผ่านจากประตูห้องเธอไปตามทางเดินบนชั้นเรียนด้วยนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยว่าคนพูดน้อยใช้สอยถ้อยคำประหยัดอย่างคุณชายบ้านต้วนจะละลายลงไปได้ง่าย ๆ แบบนี้ มีเด็กน่ารัก ๆ มาอยู่ด้วยตลอดเวลา คงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนทนได้หรอกจริงไหม

                    มีอย่างหนึ่งที่เธอคิดและหวังให้มาร์คทำได้...

     อย่าปล่อยให้หลุดมือไปเชียวล่ะ น้องชาย...

     

    *

     

    “คุณแบมบี้~~~~~

                    ยังไม่ทันที่จะได้ขึ้นไปบนคอนโดอย่างที่ควรจะต้องทำ ด้านหน้าของตึกระฟ้าที่มาร์ค ต้วนใช้อยู่อาศัยมานานหลายปี เวลานี้ปรากฏร่างของเจ้าแมวกิตติมาศักดิ์ที่ได้รับอนุญาตให้เลี้ยงบนคอนโดโดยไม่มีความผิดอะไร

     

                    แน่นอน... แบมแบมที่เห็นแบมบี้เป็นไม่ได้ รีบวิ่งเข้าไปหาแมวตัวน้อย ๆ ที่กำลังเดินเล่นอยู่ในทันที

                    มาร์คยังคงขอยืนยัน ทุกที่สามารถมีแมวได้เสมอไม่ว่าจะเป็นเขตหวงห้ามมากแค่ไหน ถ้าหากว่าแมวพวกนั้นมีเจ้าของที่ชื่อว่าอ๊คแทคยอน

     

    “แบมบี้มาหาแบมแบมเร็วเข้า หวา ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน แบมบี้ทำไมตัวอ้วนขึ้นล่า” แบมแบมก้มลงอุ้มเจ้าแมวเหมียวตัวน้อย ไม่ต้องแปลกใจที่เด็กชายวัย 16 ปีเดินตัวปลิวเข้าไปเล่นแบบนั้น เพราะทั้งกระเป๋าและของสารพัดอย่างอยู่ในมือของมาร์ค ต้วนหมดแล้ว

                    มันเป็นความเคยชิน... มาร์คไม่ค่อยให้แบมแบมช่วยทำอะไรเท่าไหร่... ไม่นับพวกเรื่องของกินหรือของจิปาถะที่เด็กน้อยชอบซื้อเข้ามาในห้องนะ

                    พักใหญ่ที่ชายหนุ่มอายุย่างเข้า 21 ปีต้องยืนดูแบมแบมเล่นกับแบมบี้อยู่อย่างนั้น แอบหัวเราะตามไปบ้างเมื่อเห็นท่าทางชวนขบขันของเด็กอ้วนที่พยายามจะวิ่งไล่จับแมว

     

                    จับเสร็จแล้วก็อุ้มขึ้นมาฟัด ฟัดจนพอใจแล้วก็ปล่อยให้แบมบี้วิ่งหนี... เพื่อให้ตัวเองได้วิ่งไล่

                    บางทีน้องชายของไอ้หวังควรจะหกขวบมากกว่าสิบหกใช่ไหม... ตกลงว่ามาร์คกำลังจะมีคนรัก... หรือว่ามีลูกเข้ามาอยู่ในชีวิตกันแน่นะ

     

    “เฮ้แบมบี้!

                    ไม่ใช่เสียงของพี่แทคยอน...

    “อ้าว พี่มาร์ค! ไงครับพี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” จากที่เจ้าของเสียงติดขี้เล่นตะโกนเรียกแมวเหมียว กลายเป็นว่าเมื่อได้เห็นเสี้ยวหน้าของคนที่ยืนหันหลังให้กับเขา คิมยูกยอมน้องชายของอ๊คแทคยอนก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นทักทายพี่ชายเพื่อนบ้านทันที

    “ไม่ได้เจอกันตั้งเกือบปี พี่มาร์คหล่อเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย” เด็กหนุ่มทักทายอย่างสนิทสนม มาร์คพยักหน้าและยกยิ้มเล็ก ๆ ให้กับน้องชายร่วมคอนโดที่เขาเคยเห็นหน้าค่าตาเลยคุยกันอยู่หลายครั้ง

    “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ” มาร์คถาม ชายหนุ่มจำได้ว่ายูกยอมมาบอกลาเขาสั้น ๆ เพราะจะต้องไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ...

     

                    แต่ยังไม่ทันที่มาร์คจะได้รับคำตอบ เด็กน้อยที่วิ่งไล่จับกับแบมบี้มานานหลายนาทีก็เดินเข้ามาพร้อมเจ้าแมวเหมียวที่อยู่ในอุ้งมือ

                    และเขารู้ดี... ปฏิกิริยาของคิมยูกยอมหลังจากที่ได้เห็นหน้าของแบมแบม... มันไม่ใช่ท่าทางที่น่าไว้ใจ

     

    “พี่มาร์ค~ เมื่อกี้คุณคนนี้เรียกหาแบมบี้ใช่ไหม แหะ ๆ แบมขอโทษนะครับ คิดว่าพี่แทคยอนเป็นคนปล่อยให้แบมบี้วิ่งเล่นเอาไว้ ก็เลยเล่นกับแบมบี้นานไปหน่อย” เด็กน้อยค่อย ๆ ยื่นเจ้าแมวน้อยให้กับคนไม่คุ้นหน้า โดยมีสายตาติดจะไม่พอใจของมาร์คมองตามอยู่ตลอดเวลา

                    แน่นอนว่าคนที่เขาไม่พอใจไม่ใช่แบม แต่เป็นยูกยอมที่แสดงอาการสนอกสนใจเด็กน้อยของเขาอย่างออกนอกหน้าต่างหาก

    “อ่า... ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ให้แบมบี้ลงมาวิ่งเล่นเพราะพี่แทคยอนสั่งไว้ ดีเหมือนกัน... ไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนใหม่เพราะปล่อยเจ้าแมวดื้อนี่ทิ้งไว้เลยนะครับ ฮะ ๆ”

     

                    มาร์ค ต้วนกำลังนับหนึ่งถึงสิบในใจ...

     

    “แล้วนี่... ชื่ออะไรอ่ะครับ เรียนอยู่ม.ปลายใช่ไหม ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรายูกยอม ที่จริงต้องขึ้นไปสองแล้ว แต่ว่าไปแลกเปลี่ยนมาหนึ่งปี เลยต้องเรียนซ้ำอีกทีน่ะ”

    “อ๋อออออ เราชื่อแบมแบมนะ ตอนนี้อยู่ปี 1 อ้าว งั้นที่จริงเราก็คงรุ่นเดียวกัน แต่ยูกยอมต้องเป็นน้องเราแล้วใช่ไหมล่ะอย่างนี้น่ะ...”

     

                    มาร์ค ต้วนคิดว่าเขาจะต้องขยายช่วงของตัวเลข... เป็นนับหนึ่งให้ถึงร้อยแล้วจริง ๆ นะ...

     

    “ดีสิ เราก็ต้องเข้าเรียนที่สาธิตม.Y เหมือนกัน จะได้ขอคำแนะนำจากแบมได้ไง ใช่ไหม~ ถ้าอย่างนั้นเราขอไอดีหรือว่าเบอร์โทร...”

     

                    มาร์ค ต้วนคิดว่าเขานับมาถึงเลขสามสิบได้ นั่นมันก็ดีมากเกินไปแล้วนะ

     

    โทษทียูกยอม นายถามแบมก็คงไม่ค่อยช่วยอะไรหรอก ถ้าอยากได้คำปรึกษา พี่เองก็พอจะบอกนายได้ เพื่อนพี่ก็มีอีกหลายคนที่พอจะแนะนำนายได้อยู่เหมือนกัน” ประโยคขอเบอร์แบบแนบเนียนของคิมยูกยอมถูกเบรกอย่างชะงัด พี่ชายที่ยูกยอมจะได้แม่นยำว่าเป็นคนประหยัดถ้อยคำกลับพูดประโยคยาว ๆ และยอมจะเป็นที่ปรึกษาให้เขา...

     

                    เอาเป็นว่าคิมยูกยอมพอจะเข้าใจอะไรได้ลาง ๆ แล้วล่ะ

                    คำพูดไม่เท่าไหร่... แต่สายตาและการกระทำที่บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังไม่พอใจ แค่นี้ก็เดาได้แล้วว่าพี่มาร์คกับแบมแบมที่น่ารักคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน

                    ให้ดิ้นเถอะ นี่ผมต้องตกม้าตายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มรุกเลยเหรอ เซ็งชะมัดเลย

     

    “เอ้อ แบมก็เห็นด้วยกับพี่มาร์คนะครับ ยูกยอมอย่าไว้ใจแบมเล้ย ทุกวันนี้แบมรู้จักแต่ห้องเรียนกับห้องพักคุณครูพี่เฟยเท่านั้นแหละ เอ้ย มีม้าหินอ่อนแล้วก็สนามบาสด้วย อย่างอื่นแบมก็เดินตามเพื่อนเอา ฮ่า ๆ” กันต์พิมุกต์แฉ(?)ตัวเองอย่างตรงไปตรงมา

     

                    ก็เรื่องจริงนี่นา... แบมแทบจะไม่ได้ไปไหนเองเลยอ่ะครับ ส่วนมากจะมีอิลฮุนกับมินฮยอกคอยไปด้วยอยู่ตลอด แถมตอนเย็นเลิกเรียนก็มีพี่มาร์คคอยมารับส่งอีกต่างหาก (หรือบางครั้ง... หมายถึงนาน ๆ ครั้งนะครับ ที่แบมอาจจะมีพี่เซฮุนกับพี่แจบอมสลับกันมารับบ้าง ในกรณีที่มันสุดวิสัยจริง ๆ)

                    แบมไม่ผิดใช่ม้า ~

     

    “ฮะ ๆ โอเค ๆ เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นฝากตัวกับพี่มาร์คด้วยแล้วกันนะครับ ยังไง... เจอกันใหม่แล้วกัน” ยูกยอมว่า ค้อมตัวให้กับรุ่นพี่เล็กน้อย ก่อนที่จะยกยิ้มทะเล้นให้กับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งจะได้พบกันวันนี้

     

                    เพื่อนใหม่ที่อยากจะหาทางเลื่อนขั้นให้มันมากกว่าเพื่อนไปสักหน่อย... แต่เพื่อนใหม่คนนี้กลับมีคนคอยหวง คอยตามดูแลอยู่แล้วน่ะสิ

                    ลองหยอดไปอีกที... จะดีไหมนะ

     

    “ถ้าแบมแบมว่าง หรือไม่มีอะไรทำ มานั่งเล่นที่ห้องเรากับพี่แทคยอนก็ได้นะ แบมบี้อาจจะอยากวิ่งเล่น แล้วก็ยังมีแมวของพี่แทคยอนอีกหลายตัวที่...”

    “ขึ้นห้องได้แล้วแบม ขอบใจมากนะยูกยอม แต่พี่คิดว่าแบมไม่น่าจะว่างไปนั่งเล่นกับนายเท่าไหร่ หรือถ้านายอยากมีเพื่อนคุยเล่น จะมานั่งอยู่ที่ห้องพี่ก็ได้นะ ไม่ได้รบกวนอะไร”

     

                    โอเคครับ ยูกยอมเข้าใจพี่มาร์คดีว่าตอนนี้กำลังประชดผมอยู่อย่างเต็มขั้น ยกธงขาวยอมแพ้ก็ได้ครับ ให้ไปนั่งเล่นขายขนมจีบต่อหน้าพี่แบบนั้น มันไม่เท่ากับผมฆ่าตัวตายเลยหรือยังไง

                    สายตาพี่มาร์คแม่งโคตรเอาเรื่อง เห็นเงียบ ๆ แบบนี้ ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าเวลาพี่มาร์คมีแฟน ขี้หวงไม่ใช่เล่น

     

    “นั่นสิ ถ้ามาก็มาได้น้า~ อย่าลืมพาแบมบี้มาด้วยล่ะ เราชอบเล่นกับแบมบี้ อยากมีแมวเหมียว ๆ เหมือนแบมบี้ไว้เล่นที่ห้องสักตัวจริง ๆ เลยน้า~” กันต์พิมุกต์ก็ยังคงไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุต่อไป...

    “โอเค ๆ ไว้เจอกันใหม่นะครับ ไปนะแบมแบม ไปแล้วครับพี่มาร์ค โชคดีครับพี่”

     

                    ผลสรุปของการทดลองหยอดเด็กพี่มาร์คอีกครั้ง... ล้มเหลวไม่เป็นท่าครับ คิมยูกยอมรายงาน

     

    *

    - 65% -

     

    *

     

    “พี่มาร์ค ๆ” เสียงใสก้องของเด็กชายกันต์พิมุกต์ดังขึ้นบนรถมินิของมาร์ค สารถีรูปหล่อเอียงคอ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เด็กน้อยพูดประโยคต่อมา “แบมอยากเลี้ยงแมวจริง ๆ นะ แบบว่า... พี่มาร์คไม่ต้องซื้อก็ได้ ไปขอพี่แทคมาสักตัวน้า แบมสัญญาจะดูแลดี ๆ เลยอ่ะ แล้วแบบตอนต้องย้ายไปอยู่กับพี่แจ๊คสัน...”

                    มาร์คยิ้มบาง... แบมแบมยังคิดว่าเขาจะปล่อยให้ไปอยู่กับแจ๊คสัน หวังอีกอย่างนั้นหรือ...

                    พูดด้วยความสัตย์จริงนะครับ ต่อให้ต้องพูดต่อหน้าพี่ชายแท้ ๆ ของแบม มาร์คก็คงยังยืนยัน ถ้าหากมันเป็นเมื่อสามเดือนก่อนหน้า มาร์คคงไม่มีทางที่จะตอบรับหรือยอมให้แบมแบมต่อเวลาอยู่กับเขาต่อไปแน่ ๆ

                   

                    แต่วันนี้และตอนนี้... คงไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เด็กอ้วน ๆ ที่ชอบอ้อนให้เขาพาไปกินไอศกรีมต้องเดินออกไปจากชีวิตอีกแล้ว...

                    ไม่อยากเชื่อ... ว่าเขาอยู่ในโลกที่เงียบเหงาแบบนั้นมาได้ยังไง

                    ไม่อยากเชื่อ... ว่าช่วงเวลาก่อนหน้าที่ยังไม่มีแบมแบมอยู่ตรงนี้ ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตได้ยังไง

                    จนถึงเวลานี้มาร์คก็ไม่อยากเชื่อเลยสักนิด... ว่าทุกช่วงชีวิตและทุกห้วงความคิดของเขา จะมีแต่ชื่อของแบมแบมเข้ามาอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้

     

                    เวลาสามเดือน... กับการที่มีเด็กคนหนึ่งเขามาเป็นอีกส่วนของชีวิต

                    มันอาจจะฟังดูน้อย... หรืออาจจะมาก... เขาก็ไม่อาจไปตัดสินหรือบังคับความคิดของใครได้ แต่สิ่งที่ทำได้และเขาจะทำต่อไป... คือทำตามที่สมองและเสียงของหัวใจเขาต้องการ

     

                    และคำตอบเดียวจากทั้งสองกลไกลที่แสนซับซ้อนในร่างกาย... คือแบมแบม

     

    “ให้เลี้ยงแน่ ๆ... แล้วแบมก็ไม่ต้องคิดเรื่องจะไปอยู่กับไอ้แจ๊คหรือย้ายไปไหนแล้วนะ”

    “อ้าว...”

    “ต่อให้ไอ้แจ๊คสันมันจะซื้อห้องเพิ่มให้แบมไปอยู่กับมัน ยังไงพี่ก็ไม่ให้แบมไปอยู่ดี”

     

                    ตรงไปตรงมาดีใช่ไหม...

                    มาร์ค ต้วนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนจะราบเรียบและธรรมดา... สายตาก็ยังคงจับจ้องท้องถนนและขับเคลื่อนมินิคูเปอร์ต่อไป...

                    แต่หัวใจดวงน้อย ๆ ของเด็กชายกันต์พิมุกต์... กำลังเต้นระรัว...

     

                พี่ไม่ให้แบมไป พี่มาร์คจะทำให้แบมเป็นโรคหัวใจอีกแล้วนะครับ

     

    “เข้าใจแล้วครับ... แบม แบมอยู่กับพี่มาร์คแหละเนาะ เหมือนพี่แจ๊คสันก็จะวุ่น ๆ อยู่ใช่ม้า ถ้างั้น...” ย้อนรำลึกถึงพี่ชายที่มีงานรัดตัว(?)อย่างแจ๊คสัน หวัง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเข้าสู่การร้องขอแมวน้อยอีกครั้ง “ถ้าพี่มาร์คให้แบมเลี้ยงแมวเหมียวจริง ๆ แบมจะตอบแทนด้วยการเป็นเด็กดีนะครับ! สัญญาเล้ย” เด็กชายแบมแบมแก้มกลมไม่พูดเปล่า ยกเอานิ้วก้อยข้างหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้พี่ชายให้ว่าเขาจริงจังกับสัญญามากแค่ไหน

     

                    เพราะเห็นความตั้งใจ... มาร์คก็เลยต้องปล่อยมือที่กำลังบังคับพวงมาลัย... มาเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กน้อยที่กำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาใสแป๋ว

                    แล้วจะปฏิเสธลงได้ยังไงกัน

     

    “แค่นี้ก็เป็นเด็กดีแล้ว ถ้าดีกว่านี้... เดี๋ยวพี่ก็แย่กันพอดี”

                    มาร์คต้องแย่แน่ ๆ ถ้าหากว่าแบมแบมไม่ได้หยุดความน่าเอ็นดูเอาไว้แค่นี้...

                    ให้ตายสิ เขารู้ตัวดีว่าเขาต้อง... แย่แน่ ๆ เลยล่ะ

     

    *

                    การพบกันอีกครั้งระหว่างพี่มาร์คกับพี่ชายตัวจริงของแบมแบมอย่างพี่นิชคุณ... แบมต้องอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ว่ายังไงดีล่ะครับ

     

                    กดดัน? ม่าย แบมว่าแบมไม่ได้กดดันนะ แต่แค่บรรยากาศมันเงียบ ๆ ไปหน่อยเท่านั้นอ้ะ

                    สนุก? ม่าย ข้อนี้ตัดออกไปได้เลย แบมน้ำลายจะบูดอยู่แล้วนะ!

                เครียด? ก็ม่ายยยยยยย

                    ทะมึน? อืม... มาคุ? อืม... แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับแย่อ้ะ รวม ๆ แล้วคือมันเงียบสงบมากเกินไปล่ะมั้งครับ แบมไม่รู้แล้วล่ะว่าจะอธิบายยังไง

                    อย่างเดียวที่มั่นใจตอนนี้ แบมแบมกำลังเบื่อแล้วก็หิวมากด้วยง่ะ

     

    “พี่คุณ~~~ เงียบ ๆ แบบนี้แบมกำลังจะเบื่อแล้วน้า ทำไมพี่ ๆ ถึงเอาแต่นั่งกอดอกมองกันไปมองกันมาล่า อาหารก็ยังไม่เข้ามาสักที แบมหิวแล้วน้า” สองเรื่องรวมกันเป็นหนึ่งอย่างคือแบมแบมหิว มาร์คยิ้มขำ ไม่ต่างจากนิชคุณที่ลูบกลุ่มผมของน้องชายด้วยความเอ็นดู

                    ไอ้ที่ว่ากอดอกมองกันไปมองกันมา ที่จริงต้องบอกว่านิชคุณคือฝ่ายที่นั่งกอดอก แล้วพิจารณาลักษณะท่าทางของมาร์คอยู่ต่างหาก

                    ชัดเจนกว่าครั้งก่อนมาก... แล้วที่ทำให้เขาชอบใจ มันก็คงหนีไม่พ้นสายตาจริงจังที่ไม่หลบเวลาที่เขาจ้องไปหา ไม่มีการหลบเลี่ยงหรือแสดงความหวั่นใจเลย แม้แต่ครั้งเดียว

                   

                    แจ๊คสัน หวังย้ำนักย้ำหนาว่าเพื่อนคนนี้เจ๋งมาก นิชคุณเองก็ไม่ได้เถียง เขาเห็นด้วยทุกอย่าง คนที่เขาอยากจะเรียกมาเขกหัวสักครั้งมากกว่าใคร ต้องบอกว่าเป็นน้องชายคนสนิทตั้งแต่เยาว์วัยคนนั้นมากกว่า

    จะบอกว่าแจ๊คสันแอบเอาเรื่องของแบมแบมกับมาร์คมาบอกก็ได้ เขารู้เพราะน้องชายชาวฮ่องกงสายตรงมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดตามที่ได้รู้มา นิชคุณเชื่อเกินร้อยว่าหวังแจ๊คสันเชียร์เพื่อนตัวเองมากแค่ไหน แต่เด็กนั่นก็ยังอุตส่าห์บอกให้เขาทดสอบจิตใจของมาร์ค ต้วนด้วยการไว้ท่าทีเยอะ ๆ และอย่ายอมง่าย ๆ

    กลัวเขาจะคิดว่าแจ๊คสันเต็มใจยกน้องให้เพื่อนง่าย ๆ ล่ะมั้ง เด็กพวกนี้นี่นะ

    “โอเคครับ พี่คุณไม่จ้องหน้าแล้วก็ได้ แบมนั่งรออีกพักนึงเดี๋ยวอาหารก็คงมาแล้วนะ” นิชคุณว่า ดูมีท่าทีสบาย ๆ ขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่น้องชายบ่นอุบขึ้นมา

    “เยี่ยมเลยครับ” กันต์พิมุกต์ยิ้มกว้าง ที่สุดแล้วบรรยากาศเงียบงันที่ถูกสร้างขึ้นมาต่อเนื่องยาวนานหลายนาทีก็จบลงด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยในที่สุด

     

                    มาร์คก็ยังคงเป็นมาร์ค... ถึงหลายครั้งที่ผ่านมามาร์คจะหยอดคำหวาน หรือพูดจาเหมือนไม่ใช่คนเดิมมากแค่ไหน ทว่านิสัยที่แท้จริงของชายหนุ่มก็เป็นเพียงผู้ชายเงียบ ๆ คนหนึ่งเท่านั้น

                    ชอบเป็นฝ่ายรับฟังมากกว่า... ยิ่งฟังเสียงหัวเราะและคำพูดน่ารัก ๆ จากเด็กผู้ชายแก้มกลม ๆ คนนี้ ต่อให้ต้องนั่งอยู่ที่เดิมทั้งวันโดยไม่พูดอะไรออกมา เขาคิดว่าเขาก็ทำได้...

     

    “มาร์ค นั่งเงียบ ๆ ไม่อยากพูดอะไรหน่อยงั้นเหรอ” แล้วก็เป็นนิชคุณที่ถามขึ้น ตามด้วยนัยน์ตากลมแป๋วของเด็กแก้มป่องที่มองมาด้วยท่าทางสงสัยไม่ต่างกัน

                    หลายครั้งที่มาร์คมีส่วนร่วมกับการถามตอบและการสนทนา แต่ก็มักจะเป็นการพูดโต้ตอบที่ไม่ได้ยาวยืดหรือสานต่อกันมากมาย ยอมรับตามตรง ส่วนนึงคงเป็นเพราะเขาไม่ได้สนิทกับพี่ชายของแบมเท่าไหร่นัก

                    เอาล่ะ... จะบอกว่าผมเกรงใจหรือกลัวก็ได้ แต่ผมพร้อมจะพูดกับพี่ชายแบมเสมอนะครับ ถ้าถูกยิงคำถามขึ้นมา

    “ผมแค่นั่งฟังก็พอแล้วครับ” ตอบไปอย่างที่ใจคิด นิชคุณยิ้มบาง ๆ พอจะรู้อยู่หรอกว่ามาร์ค ต้วนน่ะนิสัยคนละขั้วกับน้องชายเขาแค่ไหน

                    คนละขั้วกันแบบสุดโต่งกับแจ๊คสัน หวังชนิดที่ว่าไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้

                    ส่วนกับน้องชายแท้ ๆ ของเขาอย่างแบมแบม... นิสัยของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่นิชคุณยอมรับ จากการที่เขาเฝ้ามองและพบเจอไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา เขาคิดว่า... มันคงเป็นความต่างที่ลงตัว

                    แต่ถ้าถามว่าเขาจะไว้ใจยกแบมแบมให้ง่าย ๆ ไหม...

     

    “ถ้างั้นพี่คงต้องเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยอย่างจริงจังสินะ” นิชคุณว่า “คงรู้ ๆ กันอยู่แล้ว... ว่าที่พี่มาเจอเราวันนี้ เพราะเหตุผลอะไร”

                    เหตุผลที่ทำให้นิชคุณผู้มีงานรัดตัวไม่น้อยไปกว่าใคร... ต้องเลื่อนงานออกไปทุกอย่าง แล้วจองไฟลท์ตรงมายังกรุงโซล เพื่อพูดคุยกับน้องชาย...

                    และว่าที่น้องเขย... ในอนาคต... ไกล ๆ

                    คงไม่คิดว่าผมจะยกน้องให้กับมาร์ค ต้วนง่าย ๆ ใช่ไหมครับ

                    ความรักน่ะ... ต้องดูแลกันไปยาว ๆ นะครับ... แล้วน้องชายของผมก็เพิ่งจะอายุเท่านี้ คบกับคนที่อายุมากกว่าตั้งหลายปี ถ้าหากวันนึงแบมแบมต้องเสียใจขึ้นมา

                    นิชคุณคงไม่มีวันให้อภัย... ทั้งตัวเขาเองที่ปล่อยปละละเลยทุกเรื่องไปอย่างง่ายดาย รวมไปทั้งมาร์ค ต้วนเพื่อนของแจ๊คสันคนนี้ แน่นอน แม้แต่แจ๊คสัน หวังที่ออกตัวแทนเพื่อนเป็นอย่างดี ก็ต้องโดนหางเลขไปด้วยแน่ ๆ

    “ทราบดีครับ ผมพอจะเดาออกว่าไอ้แจ๊ค... แจ๊คสันคงบอกพี่ แค่ไม่คิดว่ามันจะบอกเร็วขนาดนี้” มาร์คโต้ตอบไปตามความจริง “อีกอย่าง... ผมคิดว่ามันจะต้องอยู่ด้วยกันกับพวกเราตอนนี้ด้วยนะครับ แต่มันกลับไปตามหารักแท้ซะเฉย ๆ...”

                    รักแท้?

    นิชคุณเลิกคิ้วเหมือนกับต้องการคำอธิบายอีกครั้ง

    “พี่คุณ! พี่แจ๊คกำลังมีความรัก~ พี่คนนั้นจะมาเป็นเมทของพี่แจ๊คด้วยล่ะ คือแบบนี้... พวกเราก็เลยคุยกันใหม่ ว่าแบมจะต้องอยู่กับพี่มาร์คไปเรื่อย ๆ ก่อน...”

     

                    เอาอีกแล้วนะแจ๊คสัน หวัง...

     

    “พี่คุณไม่โกรธพี่แจ๊คสันใช่ไหมครับ...”

    “ผมว่าพี่ควรจะด่าไอ้แจ๊คนะครับ” มาร์ค ต้วนพูด ขอยืนยันว่าไม่ได้ต้องการยุยงให้พี่ชายของแบมตำหนิแจ๊คสันแม้แต่น้อย

                    เขาแค่พูดไปตามเรื่องตามราว ไอ้แจ๊คมันรักมันหวงน้องเขาไม่เถียง แต่เอาตามหลักความเป็นจริง หวังแจ๊คสันละเลยหน้าที่ของพี่ชายหลายครั้งใช่ไหมครับ...

     

                    ถึงการละเลยของมันจะมีผลประโยชน์โดยตรงกับมาร์ค ต้วนคนนี้ก็เถอะครับ

     

    “เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง... ที่ต้องพูดกันวันนี้คือเรื่องของแบมกับมาร์ค”

     

                    แบมแบมแทบจะกลั้นหายใจ... ไอ้ตอนแรกที่ว่าไม่กดดัน ขอเปลี่ยนเป็นทั้งกดดันแล้วก็ตื่นเต้นมาก ๆ ได้ไหมครับ แบมแบมเปลี่ยนใจแล้ว

     

    “ครับ”

    “ตกลงว่ารักน้องพี่ใช่ไหม มั่นใจแล้วนะว่าจะดูแลแบมแบมได้” นิชคุณถาม เขาไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา ในเมื่อมาร์คไม่ใช่คนประเภทหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือเกรงกลัวกับการพูดตรงอยู่แล้ว

                    ต่อหน้าแบมแบมเลยก็ยิ่งดีจริงไหม ต่อให้นิชคุณจะทั้งเอ็นดูและแอบสงสารกับท่าทางทำตัวไม่ถูกของน้องชายก็เถอะ นั่งเกาจมูกเกาคอแบบนั้น

     

                    น้องชายที่เขาทั้งรักและดูแลมาอย่างดีตลอดเวลา น้องชายที่เป็นที่รักของครอบครัว...

     

    “มั่นใจครับ ถ้าหากว่าผมกลัว ผมก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ แล้วก็คงปฏิเสธการเจอหน้าพี่ไปแล้วล่ะครับ ผมขอพูดตามตรง คงไม่มีใครชอบถูกจับจ้องเหมือนจับผิดตลอดเวลาหรอกนะครับ”

    “ต้องขอโทษด้วยที่พี่อาจจะเสียมารยาทกับนายไปหน่อย แต่อีกอย่างที่พี่อยากจะพูดกับนาย การยอมมาคุยกับพี่ต่อหน้าแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะซื้อใจกันได้นะมาร์ค” นิชคุณพูดพลางเลิกคิ้ว กดยิ้มให้กับคนอายุน้อยกว่าที่ยังมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนอย่างเคย

                    เขาเชื่อว่าเขาจะได้รับคำตอบดี ๆ จากคน ๆ นี้อย่างแน่นอน

    “ผมไม่ได้มาเพื่อซื้อใจใครครับ ที่ผมมาก็เพราะผมต้องการแสดงความจริงใจของผมเท่านั้นครับ ต่อให้พี่บอกให้ผมเลิกยุ่งกับแบม หรือถึงพี่จะไม่ชอบหน้าผม ผมก็จะทนนั่งอยู่ตรงนี้ต่อไปอยู่ดี”

    “เพราะ?”

    “เหตุผลเดียวของผมก็คือแบม”

     

                    มาร์ค ต้วนเกลียดการโกหกยิ่งกว่าอะไร...

                    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ออกจากปากของผู้ชายคนนี้... มั่นใจได้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าทั้งหมด... มันคือสิ่งที่มาจากส่วนลึกและความจริงใจ

     

    “วันนี้พี่ยอมรับนายเพราะคำพูดทั้งหมด แต่สิ่งที่นายต้องทำต่อไปคืออะไรรู้ดีใช่ไหม”

    “ครับ... ผมรู้ดี พี่คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมไม่ผิดคำพูดกับใคร”

                    นิชคุณไหวไหล่ อมยิ้มน้อย ๆ กับประโยคแสนเรียบง่ายของมาร์ค ต้วนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปมองใบหน้าของน้องชายตัวน้อยที่นั่งเงียบตลอดเวลาที่พวกเขาคุยกัน

     

                    แบมแบมได้ยินทุกอย่าง... แล้วนิชคุณก็คิดว่าน้องชายของเขากำลังมีความสุขในเวลานี้

                    ถึงจะยังไม่เลิกก้มหน้าเพราะความเขินก็เถอะนะ...

     

    “แบมแบม พี่คุณคุยกับมาร์คเสร็จแล้วนะ แบมแบมไม่อยากพูดอะไรบ้างเหรอครับ” พี่ชายของกันต์พิมุกต์แกล้งว่า แล้วก็ได้รับคำตอบด้วยการสั่นหัวดุ๊กดิ๊กปฏิเสธว่าแบมไม่อยากพูดอะไร

     

                    ตั้งตัวไม่ทัน ขอเวลาแบมแบมเดี๋ยวนะครับทุกคน ตอนนี้หลายอย่างในสมองของแบมกำลังตีกันมั่วไปหมด ฮือ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ กำลังยืนดูผู้ใหญ่ต่อสู้กันอยู่เลย

                    (แบมฟังเอาจากเสียงและการเคลื่อนไหว... เพราะตลอดบทสนทนา แบมแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองทั้งพี่คุณแล้วก็พี่มาร์คเลยสักนิดเดียว)

     

    “ฮ่า ๆ แต่อาหารมาแล้วนะแบม รีบทานดีกว่าครับ เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้ พรุ่งนี้แบมยังต้องไปโรงเรียนนะ พี่คุณก็ต้องกลับไทยเหมือนกัน”

    “งั้นแบมไปส่งพี่คุณแล้วไม่ไปโรงเรียนได้ไหมอ้ะ!

    “แบมแบม”

                    ไม่ใช่เพียงหนึ่ง แต่เป็นถึงสองเสียงที่เรียกชื่อของเด็กชายกันต์พิมุกต์ด้วยต้องการห้ามปราม เล่นเอาเด็กน้อยยู่หน้าลงเพราะโดนขัดใจทันที

                    ไม่ไปก็ด้าย

    “ไม่ต้องทำหน้างอเลยครับ จะสอบอยู่แล้วนี่นา ถ้าได้คะแนนไม่ดี พี่ไม่ส่งตั๋วเครื่องบินกลับไทยมาให้นะ” นิชคุณแกล้งว่า ก่อนที่คนเป็นน้องจะยอกย้อนกลับมาทันที

    “พี่คุณไม่ส่งให้ หม่ามี๊ก็ส่งมาให้แบมอยู่ดี”

    “งั้นพี่จะบอกมี๊ว่าไม่ต้องส่งมาให้มาร์ค”

     

                    อ้าว...

                    เดี๋ยวนะครับ... หมายถึงว่าจะให้พี่มาร์คไปไทยด้วยกันตอนปิดเทอมด้วยเหรอครับ?!

     

    “ไม่ต้องทำตาโต ก็ตามนั้น มี๊อยากเจอมาร์คน่ะ ถือว่าพี่บอกล่วงหน้าแล้วนะมาร์ค”

                    แจ๊คสัน หวังอาจจะตกใจ... ดูเหมือนว่ามาร์คจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี... ดีมากซะด้วยสิ

    “อ้าว แล้วถ้าพี่มาร์คติดงาน ไปด้วยกันไม่ได้อ้ะครับพี่คุณ...”

    “ในกรณีนั้น แบมอยากอยู่เกาหลีหรือกลับไทยล่ะครับ”

     

                หนักใจอ้ะ

                    ก็ถ้าแบมกลับไทย... จะไม่ได้เจอพี่มาร์ค...

                    แต่ถ้าแบมไม่กลับ... แบมก็จะคิดถึงหม่ามี๊แล้วก็พี่คุณอยู่ดี...

     

    “ช่วงปิดเทอมนี้ผมว่างพอดีครับ... ถ้าหากไม่เป็นการรบกวนเกินไป หวังว่าผมคงจะได้ไปเที่ยวประเทศไทยเป็นครั้งแรกนะครับ”

     

                    โอกาสคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง...

     

    “เรื่องสำคัญเรื่องสุดท้ายที่พี่อยากจะพูดกับนายนะมาร์ค อย่าทำลายความไว้ใจที่พี่ให้ไปง่าย ๆ ล่ะ นายรู้ดีอะไรเป็นอะไร จริงไหม”

                    เขายอมรับมาร์ค ต้วนแล้วก็จริงอยู่นะครับ... แต่แบมแบมน่ะยังเด็กเกินไป

    “แน่นอนครับ ”

     

                    จนกว่าจะถึงเวลา...

                    ถึงจะต้องใช้ความความอดทนและรอคอยนานมากสักนิด แต่มาร์คคิดว่านั่นคงไม่ใช่ปัญหาสำคัญของเขานัก

     

                    ทำยังไงได้ล่ะครับ... ในเมื่อหัวใจที่เคยคิดว่าไร้ความรู้สึกของผม เลือกที่จะเปิดต้อนรับเด็กน้อยให้เข้าไปอยู่ข้างในได้ง่าย ๆ ซะอย่างนั้น

     

                    เวลาสามเดือน... ไม่ได้น้อยไปสำหรับคำว่าตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นใช่ไหมครับ

     

    *

     

                   

    TBC last chapter

     

                    ก็ใจมันหายละลายละลายละลายละลายไปกับเธอ เฮ้อ เจออย่างเนี้ยคนอ่อนไหววุ่นวายยยยย TT  งื้ด ๆ พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นนางเอกของพี่ต้วนกันไหมคะ เรามาเป็นเด็กพี่มาร์คกันเถอะ ฮื่อ พี่มาร์คคนมาดแมน พี่มาร์คคนแสนดี พี่มาร์คที่หนึ่งของน้อง *ทำไมติ่ง* 5555555555

                    จะถึงตอนจบแล้วน้า ตอนจบที่เป็นการจบไม่ลง ฮา~ นับว่าเป็นบทสรุปความรักของพี่มาร์คคนซึนที่อบอุ่นที่สุดในโลก และน้องแบมแบมแก้มป่องที่ใคร ๆ ก็ต้องตกหลุมรัก

                    รวมไปถึงพระเอกแพคคี่ทรีโอ้ หวังอิมโอ ที่พร้อมจะอวดคู่ควงมาเดินโชว์ทุกคนให้เป็นขวัญตา!

                    เจอกันตอนหน้าค่ะ! ชุ้บ ๆ -3-

    ปล.รายละเอียดการรวมเล่มจะออกแล้วน้า~ คิดว่าน่าจะมาพร้อม ๆ กับการลงตอนสุดท้ายเลยค่า อย่าลืมสนับสนุนและมาเป็นเด็กพี่มาร์คกันเยอะ ๆ น้า ~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×