ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7fiction] adorable baby { Markbam } / -ลงชื่อรับเงินคืน-

    ลำดับตอนที่ #13 : markbam baby - 11

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 57


    GOT 7 Fiction

    Adorable baby  Mark x Bambam

    By bpuppyy_

    Markbam

    Baby  11

     

                    กันต์พิมุกต์ไม่ได้อุดอู้ใช้ชีวิตอยู่ในแต่โซลอย่างเดียวอีกต่อไป!

    “พูซานรออีกไม่นานน้า~ แบมแบมกำลังจะไปหาพูซาน~               เสียงเพลงที่มีเนื้อร้องและทำนองโดยเด็กชายกันต์พิมุกต์ ภูวกุลถูกร้องขึ้นมาอีกครั้ง เช้าวันนี้น่าจะเป็นรอบที่ห้าที่มาร์คสามารถนับได้...

     

                    เข้าใจว่าอารมณ์ดี แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องมีเพลงประจำตัว...

     

    “แบม ถ้ายังไม่หยุดร้องเพลงนี้พี่ไม่ให้ไปด้วยแล้วนะ...”

    “บู้ว เพลงออกจะเพราะ งั้นแบมไม่ร้องก็ได้ เอาเพลงอื่นเนาะ เพลงไหนดี...” เด็กชายแบมแบมยังคงพยายามจะสรรหาเพลงที่คิดว่าเพราะที่สุดมาร้องต่อไป แต่ก็ต้องหยุดและเดินตามมาร์คเงียบ ๆ เมื่อพี่ชายจำเป็นบอกว่าตอนนี้ต้องการความเงียบมากกว่าเรื่องบันเทิงใจ

     

                    เห็นว่าเป็นคนจ่ายตลอดทั้งทริปหรอกน้า~ แบมเป็นเด็กดีใช่ไหมล่ะครับ เชื่อฟังพี่มาร์คทู้กอย่างเลย

     

    “พี่มาร์ค แบมว่าแบมง่วงอ่ะ ถ้าเกิดว่าขึ้นเครื่องแล้วแบมต้องหลับแน่ ๆ แต่ไม่เป็นไรใช่ไหม พี่มาร์คอย่าลืมปลุกแบมให้ไปด้วยกันนะ เดี๋ยวแบมโดนทิ้ง...”

                    ทิ้งไว้บนเครื่องบินโดยสาร... แบมแบมกำลังคิดว่าดูหนังอยู่หรือยังไงกัน

    “รู้แล้ว... อยากนอนก็นอนสิ ยังไงแบมก็ต้องรู้สึกตัวตอนใกล้ ๆ ถึงอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า” กันต์พิมุกต์เถียงกับมาร์คอยู่อีกพักใหญ่ เป็นเรื่องไร้สาระแต่ก็สามารถทำให้มาร์คยิ้มและส่ายหน้ากับท่าทางเด็ก ๆ ของน้องชายแจ๊คสัน หวังได่ง่าย ๆ

     

                    แบมแบมเป็นเด็กที่ชอบทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง... กลายเป็นเรื่องขึ้นมาได้อย่างน่าแปลกใจ

     

    *

     

    “ถึงแล้วครับ ป๊าให้คนมารับหรือว่าจะให้ผมไปที่บ้านเอง...”

                    แบมแบมได้ยินพี่มาร์คคุยโทรศัพท์กับคนที่เรียกว่า ป๊า ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินออกจากประตูของผู้โดยสารขาเข้า ยังคงเป็นเหมือนทุกครั้งที่เดินข้าง ๆ พี่ชายคนนี้ แบมรู้ดีเลยว่าทุกสายตาที่มองมาทางเขาทั้งสองคน จะต้องจับจ้องและสนใจในตัวคนที่ชื่อมาร์ค ต้วนอย่างไม่ต้องสงสัย

     

                    แค่ใส่แว่นกันแดดสีชา แค่หน้าตาหล่อโดดเด่นเกินคนอื่นไปนิดหน่อย... แค่ใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีซีดนี่ทำให้คนมองได้ขนาดนี้เลยงั้นเหรอครับ...

     

                    แบมก็แต่งตัวคล้าย ๆ กันอ้ะ ทำไมถึงได้ไม่เท่เหมือนพี่มาร์คบ้างเล่า แบมไม่เข้าใจ~

                    ครั้งหน้าจะใส่แว่นกันแดดมาด้วยแล้วกัน แบมจะต้องเท่เหมือนพี่มาร์คให้ได้!

     

    “งั้นเจอกันที่บ้านครับ”

    “พี่มาร์คคุยกับคุณพ่อของพี่มาร์คเหรอครับ” เด็กชายกันต์พิมุกต์ถาม ค่อนข้างจะมั่นใจอยู่แล้วว่าคำตอบคือใช่ แต่ถามไปเพื่ออะไรแบมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากได้รับการตอบรับจากพี่มาร์ค หนุ่มน้อยก็ยังถามต่อไป “แล้วคุณพ่อพี่มาร์คว่ายังไงบ้าง~ เราจะไปบ้านพี่มาร์คกันใช่ม้า แล้วคุณพ่อพี่มาร์คดุไหม แล้ว... ถ้าแบมไปด้วยนี่จะไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า...”

    “ถ้ามาไม่ได้พี่จะชวนแบมมาทำไม... ไม่ต้องคิดมากหรอก ไปกันได้แล้ว ลากกระเป๋ามาด้วยอ้วน”

    “ว่าแบมอ้วนอีกแล้วนะพี่มาร์คคคคคคค”

     

                    ครอบครัวของมาร์คทำกิจการด้านการขนส่งทางน้ำและมีบริษัทแม่อยู่ที่พูซาน เป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกชายคนเดียวของสกุลต้วนจำเป็นต้องเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีมานานกว่าครึ่งชีวิต ...

                    ส่วนมาก... มาร์คไม่ได้อยู่กับครอบครัวสักเท่าไหร่ เขาใช้ชีวิตด้วยตัวเองที่โซล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและครอบครัวจะห่างเหินหรือไม่สนิทสนมกันนัก ตรงกันข้าม เขากับพ่อแม่ค่อนข้างจะสนิทและสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างไม่ต้องปิดบัง

     

                    แน่นอนว่าเรื่องของกันต์พิมุกต์น้องชายแจ๊คสัน หวัง ป๊าและแม่ของเขาก็รับรู้เป็นอย่างดี

     

    “มาร์ค!

                    เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเรียกความสนใจจากมาร์คและแบมแบมทันทีที่ลงจากรถ ชายวัยกลางคนเจ้าของใบหน้าและท่าทางใจดีกำลังเดินมาหาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม โดยที่แบมแบมตัวน้อยยังไม่ทันได้ตั้งตัว พี่มาร์คที่เด็กชายกันต์พิมุกต์มักจะเห็นว่ามีหน้าตาเรียบเฉยอยู่เสมอกำลังยิ้มกว้างและแท๊กมือกับคุณลุง(?)ใจดีอย่างคุ้นเคย

     

                    เดี๋ยวนะครับ... ถ้าแบมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นพ่อลูกกัน... ก็แล้วทำไมถึงได้แท๊กมือดูสนิทยังกับเป็นเพื่อนซี้แบบนั้นล่ะครับ

                    ทิ้งให้เด็กชายยืนขมวดคิ้วอยู่กับตัวเองได้ไม่นาน ชายวัยกลางคนก็หันมาทักทายกันต์พิมุกต์ด้วยรอยยิ้มใจดีโดยมีมาร์คส่ายหน้าขำ ๆ กับท่าทางมึนงงของเด็กในปกครอง

     

    “แบมแบมใช่ไหมเรา ป๊าเคยได้ยินมาร์คเล่าให้ฟัง แต่มาร์คคงไม่ได้บอกเราสินะ ว่าคุยกับป๊าว่ายังไงบ้าง”

     

                    เด็กชายกันต์พิมุกต์ส่ายหน้า...

                    พี่มาร์คเนี่ยนะคุยเรื่องเกี่ยวกับแบม... หูฝาดหรือได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ ขอเช็คอีกทีนะคุณพ่อของพี่มาร์ค

     

    “คุยเรื่องแบมเหรอครับ เรื่องอะไรอ้ะ พี่มาร์คบอกคุณลุงว่าแบมเป็นเด็กดื้อหรือว่ารบกวนพี่มาร์คใช่ไหม ต้องเป็นเรื่องนั้นแน่ ๆ คุณลุงอย่าดุแบบนะครับ” เด็กชายกันต์พิมุกต์แก้ตัวพร้อมด้วยทำสายตาที่มาร์คพูดได้คำเดียวว่าน่าหมั่นเขี้ยวยิ่งกว่าอะไร ไหนจะท่าทางห่อไหล่จนกลายเป็นเด็กน้อยตัวนิดเดียวแบบนั้น...

     

                    ไม่คิดว่าเขาจะคุยเรื่องดี ๆ กับป๊าบ้างหรือยังไงกัน

     

    “เปล่า ฮ่า ๆ มาร์คไม่ได้คุยกับป๊าเรื่องนั้น มาร์คแค่บอกว่าน้องของเจ้าแจ๊คมาอยู่ด้วย คุยเก่งมาก แล้วก็อีกหลาย ๆ อย่าง แต่ไม่เคยว่าเราเป็นเด็กดื้อหรอกแบมแบม...”

    “จริงอ้ะ... เอ้ย จริงเหรอครับคุณลุง...”

     

                    แทนที่คุณลุง(?)จะตอบคำถาม กลับกลายเป็นว่ามาร์ค ต้วนให้คำตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความกับแบมแบมมาว่า แล้วป๊าจะโกหกทำไม

                    นั่นสิกันต์พิมุกต์ คุณลุงป๊าของพี่มาร์คจะโกหกทำไม...

    “เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว รีบเก็บของเข้าไปในบ้านสิ แม่รออยู่ด้านในนะมาร์ค ส่วนแบมแบม ไม่ต้องเรียกลุงก็ได้ ไหน ๆ ก็มาเป็นน้องของมาร์คแล้ว ก็เหมือนลูกป๊าอีกคน เรียกป๊าเหมือนมาร์คนั่นแหละ”

     

                    อย่างน้อย... แบมแบมก็มีผู้ปกครองในเกาหลีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้วนะ!

                    ป๊าต้วน!

     

    *

     

    “น้องแบมนี่พูดเก่งจริง ๆ เลยนะ ฮ่า ๆ” คุณแม่ยังสาวของมาร์คหัวเราะด้วยความชอบใจ ตั้งแต่ที่เธอได้ต้อนรับเด็กหนุ่มแก้มป่องจากประเทศไทย จนถึงเวลานี้ยังไม่มีช่วงที่บ้านของเธอปราศจากเสียงพูดคุยเลยแม้แต่นาที

     

                    ไม่แปลกใจที่พักหลังลูกชายของเธอจะเริ่มพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าแปลกใจ มันก็จริงอยู่ที่ว่ากับคนในครอบครัว มาร์คไม่ใช่คนพูดน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดเยอะมากเหมือนพักหลัง ๆ ที่ได้คุยกัน

     

                    มีแบมแบมอยู่ด้วยคงทำให้ลูกชายของเธอหายเหงาไปได้มาก...

                    (ถึงแม้เธอจะคิดว่าเพื่อน ๆ ของมาร์คก็ไม่ได้พูดน้อย... แน่นอนว่าครอบครัวของพวกเรารู้จักเพื่อนของมาร์คทุกคนเป็นอย่างดี)

     

    “อ่า แบมพูดมากไปหรือเปล่าครับ แบมติดนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่อยู่ไทย แหะ ๆ ตอนอยู่กับคุณมี๊กับพี่คุณ บางทีแบมก็ห้ามตัวเองไม่ค่อยได้...”

    “ไม่เป็นไร ฮะ ๆ ป๊าชอบ ป๊ามีลูกชายกับคนอื่นเค้าอยู่คน ก็ดันไม่ค่อยจะยอมพูดมากสักเท่าไหร่ กว่าจะชวนคุยได้แต่ละเรื่อง ป๊าคุยนำกับแม่ไปหลายขุมแล้ว”

                    แม้แต่ป๊าต้วนก็ยังยืนยัน... ขนาดอยู่กับคนในครอบครัวมาร์คพูดเยอะกว่าปกติแล้ว... ยังไงก็ถือว่าอยู่ในระดับน้อยมากอยู่ดี

    “ผมพูดนะป๊า แต่ป๊ากับแม่แย่งผมพูดมากกว่า” มาร์คว่า แกล้งทำหน้าไม่พอใจเล็ก ๆ ที่ถูกทั้งบิดาและมารดาแฉ(?)ความลับส่วนตัว “กลับกัน แบมคงแย่งพี่คุณกับแม่ของแบมพูดหมดเลยจริงไหม”

    “พี่มาร์คอย่ามากล่าวหาแบม~

    “หรือไม่จริง”

                    แบมสามารถโต้ตอบกลับได้ภายในห้าวินาที...

    “จริงครับ”

                    และตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างถูกใจของบุพการรตระกูลต้วน มาร์คเองก็ส่ายหน้าพร้อมยิ้มขำออกมาเช่นกัน ดูเหมือนว่าการพาเด็กอ้วน ๆ คนหนึ่งมาที่บ้านของเขา... จะสร้างความประทับใจให้กับป๊าและแม่มากกว่าที่มาร์คเคยคิดเอาไว้

     

                    รู้อยู่แล้ว... ไม่ว่ายังไงแบมแบมก็ต้องทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูได้อย่างแน่นอน

                   

    “มาร์ค พาน้องไปเที่ยวก่อนสิลูก แล้วเดี๋ยวเข้ามาทานข้าวเย็นด้วยกัน...”

    “แบมอยากไปเที่ยว!

    “ครับ... งั้นเจอกันตอนเย็นนะแม่ ป๊าด้วย”

     

                    พูซานสำหรับมาร์ค... จากที่เคยคิดว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองที่น่าไปเที่ยวไหนสักเท่าไหร่...

                    ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมวันนี้ความรู้สึกพวกนั้นมันถึงได้เปลี่ยนไป

                    อาจจะเป็นเพราะ... ผู้ร่วมเดินทางก็ได้... เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน

     

    “พี่มาร์ค!

    “ว่า?”

    “หมวกใบนี้สวยไหมมมม แบมอยากได้ ลองเอาใส่แบบนี้ เข้ากับแบมใช่ม้า” กันต์พิมุกต์หยิบหมวกสานใบสวยที่ถูกวางไว้อยู่หน้าร้านค้ามาสวมบนศีรษะด้วยความมั่นใจ พร้อมกับยิ้มกว้างจนแก้มทั้งสองข้างยกขึ้นดันดวงตากลม ๆ จนหยีลงอย่างน่ารัก

     

                    ไอ้แจ๊คสันมันเคยรู้ไหม... ว่าน้องมันเวลายิ้มแล้วน่าบิดให้แก้มช้ำมากแค่ไหน

                   

    “ชอบหมวกแบบนี้ ทำไมถึงชอบล่ะ?”

    “เหมือนตอนอยู่ไทย แบมไปเที่ยวหัวหิน แล้วพี่คุณก็หยิบหมวกแบบนี้มาใส่ให้ โอ๊ะ ตอนนั้นพี่แจ๊คก็ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ ใส่หมวกเหมือนกันนี่แหละ... แต่ว่าพี่แจ๊คใส่สองใบ”

     

                    ถามว่าแจ๊คสันทำไปเพื่ออะไร...

     

    “ใส่ซ้อนกันด้วยนะ แบมก็งงว่าทำไมต้องซ้อนกันแบบนั้น...”

    “อืม อย่าไปคิดหาคำตอบเรื่องพี่ชายแบมเลย อยากได้ใบนี้ใช่ไหม” มาร์คเลิกให้ความสนใจกับความเป็นแจ๊คสันที่ยากจะหาคำตอบได้ ลงท้ายด้วยการถามเด็กชายในปกครองว่าอยากจะซื้อหมวกสานที่ยังคงวางอยู่บนศีรษะหรือไม่...

     

                    แน่นอนว่าคำตอบคือการพยักหน้าเร็ว ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้มาร์ค... ปฏิเสธไม่ได้ทุกที

                    แพ้รอยยิ้มแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

     

    “เย้ พี่มาร์คใจดีมากที่สุดในโลก ไปเดินเล่นต่อกันเล้ย!

                    หนุ่มน้อยที่อยู่ในชุดสบาย ๆ เดินนำหน้าพี่ชายหน้านิ่งไปด้วยความตื่นเต้น ชี้ชวนให้พี่มาร์คคอยดูตามร้านค้าที่มีของน่าสนใจด้วยท่าทางเหมือนเด็ก ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ส่วนเขาก็ทำเพียงแค่เดินตามหลังของแบมแบมไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

                    ก็เพลินดีเหมือนกัน...

                    มาร์คเพิ่งจะเข้าใจคำว่าเลี้ยงเด็กจริง ๆ จัง ๆ ก็วันนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าเคยพาไปเที่ยวมาก็ตั้งหลายครั้ง แต่เขาไม่ค่อยจะเห็นแบมออกอาการตื่นเต้นแล้วก็ยิ้มกว้างมากขนาดนี้มาก่อน แถมยังหัวเราะชอบใจกับเรื่องตลกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้เห็นระหว่างการเดินเล่นในตลาดดังของพูซาน...

     

                    คงเป็นเพราะเพิ่งจะได้มาเที่ยวอย่างจริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรก

     

    “แบม”

    “ครับพี่มาร์ค~

    “เดินไม่มองทาง มัวแต่กินแบบนั้น แถมยังกินเลอะอีกต่างหาก...  เดินมานี่เร็ว หันหน้ามาดี ๆ ด้วย”

                    เด็กชายกันต์พิมุกต์เดินเข้ามาหาพี่มาร์คพร้อมกับไอศกรีมในมือ (ที่เพิ่งจะร้องว่าอยากซื้อเมื่อได้เห็นกลวิธีการทำ... อันที่จริงแบมก็แค่อยากกินไอศกรีมนั่นแหละ) ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลอะไร ไอศกรีมที่ควรจะเลอะได้แค่ข้างมุมปากหรือไม่ไกลไปกว่านั้น มันถึงได้แต้มอยู่ข้าง ๆ แก้มป่อง ๆ ของเด็กคนนี้จนมาร์คอดไม่ได้ที่จะดีดลงไปบนหน้าผากของเด็กอ้วนเบา ๆ

    “เอาแต่กินไม่ได้ระวังอะไรเลยนะแบม”

                    ง่ะ พี่มาร์คแกล้งดีดหน้าผากแบมอีกละ เจ็บนะ!

    “พี่มาร์ค! เจ็บน้า...”

    “งั้นรักษาให้...”

    “หยะ... หยุดเลย ไม่ต้องครับ แบมไม่ได้เจ็บขนาดนั้นเหอะ”

     

                    นิสัยขี้แกล้งนี่มีอยู่ในตัวของพี่ชายที่ชื่อมาร์ค ต้วนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

     

    “กินยังไงให้เลอะแก้ม นี่เดินไปเรื่อย ๆ จะไม่อายเด็กหรือไง” มาร์คพูดไปพร้อม ๆ กับที่หยิบผ้าเช็ดหน้าซับลงข้างแก้มของเด็กน้อย ใบหน้าของชายหนุ่มอมยิ้มขบขันกับความไม่รู้จักโตของคนตรงหน้า

     

                    อายุ 17 แล้วยังกินไอศกรีมจนเลอะแบบนี้ มีที่ไหนกัน...

     

    “ม... เมื่อกี้มีคนมาชนแบมต่างหาก แล้วแบมก็ไม่ได้ระวัง เลยไม่รู้ว่ามันไปโดนข้างแก้มไง... ไม่ได้กินแล้วเลอะเองซะหน่อย”

                    ไม่ได้แก้ตัวนะ...

    “อืม เข้าใจแล้ว แต่ยังไงอ้วนก็ซุ่มซ่ามอยู่ดี”

    “กลับจากพูซานแล้วแบมจะลดความอ้วนเลยคอยดู!

    “จริงอ่ะ?”

     

                    ไม่จริงครับ แหะ ๆ

                    แต่แบมจะไม่พูดให้พี่มาร์คได้ยินหรอก... เดี๋ยวเสียหน้า!

     

                    หลังจากที่เที่ยวชมพูซานโดยมีไกด์นำทาง (ที่แทบจะไม่เคยได้อยู่พูซาน) นำเที่ยว เด็กชายกันต์พิมุกต์วิ่งตรงเข้าไปหาเก้าอี้นั่งตัวยาวเพราะความเมื่อยล้า ตามด้วยชายหนุ่มเจ้าของใบหน้านิ่งเฉยที่ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

     

                    ให้นั่งพักสักครึ่งชั่วโมงค่อยพากลับบ้านก็แล้วกัน

     

    “พี่มาร์ค พูซานนี่ก็ดูมีอะไรให้ทำเยอะดีเนาะ”

    “อืม แต่พี่ไม่ค่อยได้มาหรอก”

    “แล้วทำไมพี่มาร์คถึงเลือกอยู่โซลล่ะครับ ที่จริงอยู่ที่นี่น่าจะสะดวกกว่า มหาลัยดัง ๆ ในเมืองนี้ก็มีตั้งหลายที่...” แบมแบมถามด้วยความสงสัย ทั้ง ๆ ที่คุณป๊ากับคุณแม่ของพี่มาร์คก็มีบ้านและบริษัทอยู่ในพูซานแท้ ๆ

                    แล้วทำไมถึงไปอยู่คนเดียวที่โซล

    “พี่มาร์คไม่เหงาเหรอครับ... อยู่คนเดียวนาน ๆ”

     

                    มาร์คไม่ได้ตอบอะไร ชายหนุ่มนั่งกอดอกและมองน้องของแจ๊คสันที่จ้องตรงมาที่เขาอย่างคาดหวังในคำตอบ        

    “ทำไมอยากรู้?”

    “อ้าว แบมถามไม่ได้เหรอครับ แบมก็แค่อยากรู้อ้ะว่าไม่เหงาแย่เลยเหรอครับที่ต้องอยู่คนเดียว...”

     

                    เหงาไหมเหรอ... อาจจะต้องบอกว่าเคยเหงาอยู่บ้างล่ะมั้ง

                    ก่อนหน้านั้นชีวิตของเขาก็มีทั้งเพื่อน ทั้งคนที่รัก แล้วก็อีกหลาย ๆ อย่าง... มันก็มีช่วงที่เหงาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้มาร์คไม่ได้คิดถึงคำว่าเหงาหรืออะไรพวกนั้นมานานแล้ว...

     

    “เคยเหงา แต่ตอนนี้ไม่...”

    “ทำไม...”

     

                    ยังไม่ทันที่แบมแบมจะได้กลายร่างเป็นเจ้าหนูจำไม โทรศัพท์ที่ของมาร์คก็เรียกร้องความสนใจด้วยการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องจนชายหนุ่มต้องหยิบขึ้นจากกระเป๋ากางเกงอย่างเสียไม่ได้

                    ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับการได้เห็นสายเรียกเข้าเป็นชื่อของ…

                    แจ๊คสัน

     

    “พี่แบมโทรมา อยากคุยกับมันไหมล่ะ” มาร์คถาม ยื่นโทรศัพท์ที่กำลังกระพริบเป็นชื่อของคนนามสกุลหวังที่รออยู่ปลายสาย

    “ไม่เป็นไรครับ พี่แจ๊คสันโทรหาพี่มาร์ค คงมีเรื่องอยากคุยกับพี่มาร์คมากกว่า”

                    มาร์คยักไหล่ กดรับสายของเพื่อนรักที่คงจะต่อสายตรงจากฮ่องกงมาเช็คความเรียบร้อยของน้องชายเหมือนทุก ๆ ครั้ง...

     

                เฮลโหล๊วไอ้เหี้ยพี่มาร์คคคคคคคคคค อยู่ไหนจ๊ะเบบี้!

                    ถามว่าแจ๊คสัน หวังไปอารมณ์ดีมาจากไหน

    “มึงมีอะไร”

                    มึงตอบไม่ตรงคำถาม! น้องแจ๊คถามพี่มาร์คว่าพี่มาร์คอยู่ไหนคะ น้องแจ๊คต้องการคำตอบค่ะ มีเรื่องใหญ่เรื่องเซอร์ไพรรรรร้ส์ที่จะบอกให้พี่มาร์คและน้องแบมแบมของพี่หวังได้รับทราบ ณ เวลานี้!

    “กูอยู่ข้างนอก น้องมึงก็นั่งอยู่ด้วยเนี่ย จะบอกกูหรือจะบอกน้อง หรือจะไม่รีบบอกกูจะได้วาง”

                    ไม่ยอม! มึงห้ามตัดสายกูนะ ไม่งั้นกูจะตามไปยันมึงให้ถึงคอนโด เรียกไอ้เหี้ยโอเซกับไอ้แจบอมไปด้วย ฮี่ ๆ พี่หวังกลับมาแล้วจ้า

     

                    กลับ?

     

    “มึงอยู่ไหน”

                ท่าอากาศยานแห่งชาติประเทศเกาหลีใต้ อินชอนไง รู้จักใช่ไหมจ๊ะพี่มาร์คคคคคคคคค เป็นไงล่ะ บิ๊กเซอร์ไพรส์! พี่หวังกลับมาแล้วจ้า มึง! มารับกูหน่อยดิวะ เพิ่งจะแลนดิ้งลงมาเลยเนี่ย ต้องการคนขับรถหนึ่งอัตรา

     

                    แจ๊คสัน หวังจะรู้หรือไม่... ใครกันแน่นะที่จะถูกเซอร์ไพรส์จริง ๆ

     

    “กูไม่ว่าง มึงโทรหาไอ้เซฮุนหรือแจบอมให้ไปรับมึงแทนก็แล้วกัน”

                    ไม่ว่างได้ไงไอ้สัสสส ไอ้หน้าหล่อมึงอย่ามาทำให้พี่หวังใจหาย มึงไม่ว่างจะมาคุยโทรศัพท์กับกูได้ไง น้องแบมอยู่กับมึงใช่ไหม งั้นกูโทรไปขอคำยืนยันจากแบมแทนแล้วกัน

    “ไม่ต้อง น้องมึงนั่งอยู่ข้าง ๆ กูเนี่ยแหละแจ๊คสัน ส่วนที่กูบอกว่าไม่ว่าง กูไปรับมึงไม่ได้กูพูดจริง ๆ”

                    กูเสียใจ ของกูเยอะแยะมึงจะให้กูแบกเป้สะพายหลังเดินกลับไปโซลเหรอวะ จิตใจของพี่มาร์คทำด้วยอะไรคะ ทำไมถึงได้ทำกับหวัง แจ๊คสันแบบนี้ ไอ้ซั๊ซซซซ

                    คนนามสกุลหวังควรจะคิดถึงคำว่าขนส่งสาธารณะหรือเพื่อนรักคนอื่น ๆ (ยกตัวอย่างเช่นคนนามสกุลโอและนามสกุลอิม...) บ้าง

     

    “กูอยู่พูซาน กลับมาหาป๊ากับแม่ แล้วก็พาน้องมึงมาเที่ยว โอเคนะ...”

                    พูซาน?!!!!! ร้อยวันพันปีมึงไม่เคยกลับ ทำไมมึงกลับวันนี้วะ! ไม่! กูไม่โอเค ไอ้มาร์คคค ไอ้เพื่อนนิสัยเลว ไอ้เหี้ยยยย เอาน้องกูคืนมาเลยนะ แล้วนี่กูจะเอาชีวิตรอดกลับคอนโดกูได้อย่างไรไอ้ซั๊ซ

    “โทรหาโอเซฮุน มันว่าง”

     

                    และแจ๊คสัน หวังก็ถูกตัดสายจากมาร์ค ต้วนไปโดยสมบูรณ์ไปอีกหนึ่งครั้ง...

     

    “พี่มาร์ค... พี่แจ๊คสันกลับมาแล้วเหรอครับ”  

                    เด็กชายกันต์พิมุกต์ที่นั่งฟังเงียบ ๆ มาได้พักใหญ่ถามขึ้น (ที่จริงเกือบจะตะโกนใส่โทรศัพท์พี่มาร์คไปแล้ว แต่คิดขึ้นได้ว่าไม่ควรทำ เลยเป็นเด็กดีที่นั่งฟังเงียบ ๆ ไปดีกว่า) เหมือนจะได้ยินเสียงโวยวายของพี่แจ๊คสันด้วย แต่แบมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าสรุปแล้วเรื่องมันเป็นยังไง...

                   

                    กลับมาได้... เซอร์ไพรส์มากเลยนะครับ

     

    “อืม มันเพิ่งถึงเกาหลี บอกว่าจะให้พี่ไปรับ...”

    “อ้าว แล้วทีนี้...”

    “ช่างเถอะ พี่ชายแบมมันหาทางกลับได้ ไอ้เซฮุนก็คงว่าง แจบอมก็ด้วย ไม่ต้องห่วงหรอก...”

     

                    พี่มาร์คครับ... นั่นพี่ชายของแบมทั้งคนนะครับ

                    ถึง... จะไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ก็ตามเถอะครับ

     

    “งั้นเราเลื่อนวันกลับกันไหมพี่มาร์ค จะได้ไปหาพี่แจ๊คสันกันไง...”

    “ไม่ล่ะ ภารกิจพาเด็กอ้วนเที่ยวพูซานกำหนดไว้กี่วัน ก็ตามนั้น ไม่ต้องเปลี่ยนแผนหรอก”

    “ภารกิจพาเด็กดีที่ชื่อแบมแบมเที่ยวต่างหาก ไม่อ้วน ๆ ให้โอกาสพี่มาร์คแก้ไขอีกรอบนะ!

                    มาร์ค ต้วนทำเพียงแค่ส่ายหน้าและแกล้งทำท่าทางอมยิ้มกวน ๆ ใส่แบมแบมเท่านั้น แถมยังยักคิ้วให้กับน้องชายตัวกลมด้วยความเหนือกว่าอีกต่างหาก

    “ลุกเร็วอ้วน จะได้กลับไปกินข้าวเย็นกัน”

     

                    เสียใจด้วยนะแจ๊คสัน หวัง...

                    ความคิดที่ว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์ทั้งน้องชายและเพื่อนรักพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

                    แถมยังได้รับเซอร์ไพรส์ด้วยการถูกทิ้งเอาไว้กับสัมภาระล้านแปดอีกต่างหาก...

     

     

    สนามบินอินชอน

     

    “ทำไมถึงทำแบบนี้กับกูได้ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย”

                    แจ๊คสัน หวังอยู่ในชุดนักกีฬาบาสเต็มยศเพิ่งจะลงขนย้ายสัมภาระของเขาออกมาด้านนอกของเกทได้ มือของชายหนุ่มกดรัว ๆ ไปบนหน้าจอโทรศัพท์พร้อมด้วยใบหน้าอันยุ่งเหยิง(?)

     

                    กะจะกลับมาแบบหล่อ ๆ ให้เพื่อนขับรถมารับ ไหงกลายเป็นว่ากลับแบบคนไร้ญาติสนิทมิตรสหายแบบนี้วะครับท่านผู้ชม

     

    “โอเซฮุน เออ ให้แม่งมารับเนี่ยแหละ กูไม่สนหรอกว่ามึงจะว่างไหม ไอ้มาร์ค ไอ้เพื่อนทรยศ พาน้องกูไปเที่ยวตั้งไกลไม่บอกกูเลยสักคำนะมึง!

                   

                    ก็ได้ข่าวว่าเป็นคนให้มาร์คดูแลน้องแบมเองใช่ไหม...

     

    “เซฮุน! มึงว่าอยู่ป้ะเนี่ย มารับกูที่อินชอนหน่อยดิ๊ อย่า อย่าได้คิดจะพูดคำว่าไม่ออกมา ไม่งั้นกูจะบอกคุณหญิงแม่ของมึงว่ามึงสร้างเรื่องอะไรไว้บ้าง!

                    เรื่องบ้าบออะไรแจ๊คสันก็เอามาอ้างหมดอ่ะครับ แล้วไอ้เรื่องเลว ๆ ที่ว่าเซฮุนทำไว้ ส่วนมากก็มีชื่อผมเข้าไปเอี่ยวด้วยอยู่แล้วครับไม่ต้องห่วง

                    แต่นาทีนี้อยากกลับบ้านครับ ทุกอย่างต้องขู่ไว้ก่อน

     

                ไอ้เหี้ยหวังงงงง มึงกลับมาแล้วเหรอครับ ดีใจจัง เดี๋ยวกูไปรับนะ ใครบอกว่าจะปฏิเสธ ไอ้แจบอม มึง ๆ ๆ ไอ้กะเหรี่ยงกลับเกาหลีละโว้ย ไปรับแม่งกัน ไม่ต้องเที่ยวไหนละคืนนี้ ถล่มคอนโดไอ้หวังกันครับ ลุย!’

     

                    เหนือกว่าแจ๊คสัน หวัง... แท้จริงแล้วอาจจะยังต้องบอกว่ามีโอเซฮุน

     

    “มึงรีบมารับกูให้ไว ไม่อย่างนั้นกูจะกรี๊ดใส่หูพวกมึงตอนนี้เลย!!!!

                แค่หลงรักไอ้มาร์คนี่มึงต้องใช้วิธีกรี๊ดใส่หูพวกกูเหรอ สาวใหญ่แล้วนะหวัง พี่โอเซรับไม่ค่อยจะไหว แต่ไม่เป็นไร กูเข้าใจมึงนะแจ๊ค กูจะพยายาม

    “พูดมากโว้ย รีบมา! กูต้องการคำให้การเรื่องไอ้มาร์คกับน้องแบมแบบละเอียดยิบถี่ถ้วนทุกกระบวนท่า(?)ด้วยครับ รวมตัวหน่อยครับไอ้สัสสสสสส”

     

                    นี่ผมชักจะสงสัยอย่างจริงจังแล้วนะครับ...

                    ตกลงที่ผมฝากน้องแบมไว้กับไอ้มาร์คแล้วคิดว่าปลอดภัย... สุดท้ายนี่มันอันตรายกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของน้องชายผมใช่หรือเปล่า...

     

                    นี่มีแววว่าจะได้รับเพื่อนสนิทเป็นน้องเขยจริง ๆ ใช่ไหม...

                    แจ๊คสัน หวังควรจะต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบต่อไปนะครับ!

                    ไอ้มาร์ค เดี๋ยวรู้เรื่องแน่ ๆ มึง!

     

    “แม่ง ที่ผ่านมามึงแกล้งทำตัวซึนใช่ไหมไอ้ต้วน! ขโมยน้องกูไปเฉยเลยนะ!

                   

                    งานนี้หวังจะไม่ยอม!

     

     

    TBC… chapter 12

     

     

     

    TALK!: หลบหน่อยพระเอกมา...

                    จริง ๆ แล้วจะต้องมีอะไรอย่างอื่นมากกว่านี้... แต่ขอตัดจบที่การต้อนรับพระเอกตัวจริงของเรื่องกันดีกว่านะคะนะ พี่หวังกลับมาแล้ว!  *ปรบมือต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ว่าแต่ทำไมพี่หวังต้องใส่เสื้อบาส ได้ข่าวว่าไม่ได้มาสายบาสเกตบอลนะคะเรื่องนี้ 55555* ไว้ว่ากันเรื่องประวัติพี่หวังอีกที อีกครั้งที่ต้องบอกว่า... หลบหน่อยพระเอกมา ฮา~

                    อย่างที่บอกค่ะ ... อันที่จริงฉากของพี่มาร์คกับน้องแบมยังไม่สมบูรณ์เลย ~ น้ำแข็งยังไม่ได้ละลายเป็นของเหลวกับเขาสักที เพราะฉะนั้นได้โปรดจับตามองคนซึนในตอนต่อ ๆ ไปนะคะว่าจะเป็นเช่นไร ~

     

                    เจอกันตอนหน้าค่ะ!

    ปล.มีใครอยากทิ้งใบสมัครเป็นรักแท้ของพี่หวังและพี่แจบอมบ้างไหมคะ 55555 (พี่โอเซหัวใจไม่ว่างซะแล้ว...) ลองทิ้งใบสมัครหรือทายรักแท้ของทั้งสองคนนี้เอาไว้เล่น ๆ ก็ได้นะ แต่ที่จริง... เรามีอยู่ในใจแล้วค่ะ จะเดาถูกกันไหมน้า~~~

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×