ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7fiction] adorable baby { Markbam } / -ลงชื่อรับเงินคืน-

    ลำดับตอนที่ #12 : markbam baby - 10 -100%-

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 57


    GOT 7 Fiction

    Adorable baby  Mark x Bambam

    By bpuppyy_

    Markbam

    Baby  10

     

     

    “ฮาโหลพี่มาร์ค~” แบมแบมกรอกเสียงตามสายไปหาพี่ชายจำเป็น ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงพักกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะถูกดุเรื่องใช้โทรศัพท์ในเวลานี้ “พี่มาร์คว่างคุยได้ไหม~ แบมมีเรื่องจะรบกวนหน่อยครับผม~

                คุยได้ ว่าไง

                    แบมแบมยิ้มกว้าง อาหารกลางวันที่วางอยู่ตรงหน้าไม่ได้รับความสนใจอีกต่อไป แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีอิลฮุนและมินฮยอกคอยผลัดกันจิ้มเข้าปากเป็นที่เรียบร้อย

     

                    มีเพื่อนดีนี่มันดีจริง ๆ เลยใช่ไหมครับ... แบมไม่ได้ประชดนะ

     

    “เย็นนี้พี่มาร์คว่าไหมครับ” ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่จะตอบรับเด็กชายกันต์พิมุกต์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่าไม่ได้มีธุระจะต้องไปไหน “เยส! ถ้าพี่มาร์คว่าง เย็นนี้... ไปหาพี่ชายของแบมกันนะ!

                    เย็นนี้เหรอ?

    “ช่ายครับผม พี่คุณเพิ่งจะโทรมาหาแบมเมื่อกี้... บอกว่าตอนนี้ถึงเกาหลีแล้ว แหะ ๆ กะทันหันไปหน่อย แต่ว่า... แบมอยากไปเจอพี่คุณ แล้วก็อยากให้พี่มาร์คไปด้วย...”

                เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวเลิกเรียนพี่จะไปรับแบม... แล้วค่อยไปหาพี่ชายแบมด้วยกัน... แบบนั้นโอเคใช่ไหม

    “โอเคมากเลยครับผม! เจอกันตอนเย็นครับพี่มาร์ค!

                    กันต์พิมุกต์วางโทรศัพท์ลงข้างตัวพร้อมกับรอยยิ้มพอใจ ทำเอาอิลฮุนที่คิดว่าจะไม่ถามอะไรให้มากความจำเป็นต้องส่งเสียงถามออกมาจนได้...

    “แบมแบม! พี่ชายมาหาเหรอ... แล้วจะไปไหนกันล่ะ ทำไมถึงต้องยิ้มจนแก้มจะแตกขนาดนั้น” เพื่อนร่วมห้องแกล้งถาม ส่วนไอ้ที่ว่าแก้มจะแตกนั่นก็ไม่ได้เกินจริงสักเท่าไหร่ แม้แต่มินฮยอกยังแอบแสดงออกว่าเห็นด้วยจากการพยักหน้าเร็ว ๆ แล้วหัวเราะขำกับหน้ามู่ทู่ของกันต์พิมุกต์

     

                    ถ้าแบมแบมไม่มีแก้ม... คงเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

     

    “เปล่าแก้มแตกนะ แค่ยิ้มเฉย ๆ อ่ะแค่ยิ้มมมม ก็พี่คุณมาเกาหลี แล้วตอนแรกคิดว่าพี่มาร์คจะไปเจอไม่ได้... พอรู้ว่าไปได้ ก็เลยดีใจ ไม่ผิดสักหน่อย”

    “ก็ยังไม่ได้บอกว่าแบมผิดนี่นา” มินฮยอกว่าต่อ “แค่สงสัยว่าทำไมต้องยิ้มเยอะขนาดนั้น ฮ่า ๆ”

    “ช่างเถอะน่า! คนยิ้มมันแปลกตรงไหนกันเล่า ก็อารมณ์ดีไง กินลูกชิ้นแล้วก็เงียบ ๆ ไปเลยทั้งสองคน!

     

                    แบบนี้เขาเรียกว่าแก้อาการเขินหรือเปล่านะ...

                    เพราะเท่าที่อิลฮุนและมินฮยอกเคยสังเกตพวกที่แอบมีความรัก... ก็มักจะมีอาการยิ้มกว้างกับตัวเองแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอย่างที่แบมแบมเป็นอยู่เสมอ...

                    ใช่ว่าจะไม่รับรู้พัฒนาการ(?)แปลก ๆ ระหว่างแบมแบมกับพี่มาร์ค...

     

    “ไม่พูดก็ได้~

     

                    ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกและกาลเวลา คิดว่าอีกไม่นานเกินรอ ทั้งโรงเรียนคงได้รู้กันว่ากันต์พิมุกต์ที่ถูกส่งตรงมาจากเมืองไทย... จะสามารถทำลายประติมากรรมน้ำแข็งในตำนานอย่างรุ่นพี่ต้วนได้หรือไม่

                    น่าลุ้นยิ่งกว่าฟุตบอลโลกปีนี้อีกนะครับ มินฮยอกยืนยัน

     

    *

     

    “มาร์ค มีสายเข้าจากกะเหรี่ยงหามึงอ่ะ ไม่รับเหรอวะ”

                กะเหรี่ยง?

    “ไอ้แจ๊คสันไง มันโทรหามึงเนี่ย โทรศัพท์ก็วางทิ้งไว้ข้างกูเฉยเลยนะ” เซฮุนบ่น ต่อท้ายด้วยการงึมงำต่อว่ามาร์ค ต้วนที่เอาโทรศัพท์มาวางไว้ข้างเขาตั้งแต่คุยกับน้องแบมจบเรียบร้อย

     

                    แน่จริงไม่เอามาวางไว้ตั้งแต่ก่อนคุยกับน้องแบมล่ะ ตอนน้องโทรมากูจะได้สวมรอยคุยเอง!

     

    “มึงก็ส่งมาให้มันสิวะไอ้เซฮุน ไม่ค่อยฉลาดอีกละ” แจบอมว่า ส่งมือไปแกล้งผลักหัวของเพื่อนสนิทด้วยความหมั่นไส้ “นอกจากหน้าตาเกือบดีแล้วชีวิตนี้มึงจะไม่มีอะไรมากกว่านั้นละใช่ม้ะ”

                   

                    ตอบเซฮุนให้ชื่นใจทีสิครับ... นี่ผมกำลังถูกชมหรือว่าถูกด่า มันค่อนข้างจะงง ๆ นะครับ...

     

    “ส่งมาดิ” มาร์คพูดพร้อมกับยื่นมือไปรับ โทรศัพท์ที่กำลังสั่นครืดและหน้าจอที่ปรากฏชื่อผู้ติดต่อ แจ๊คสัน กำลังเรียกร้องให้กดรับสายโดยเร็วไว

                    เสียใจด้วยที่ต้องรอไปอีกพักใหญ่ ดีแค่ไหนที่สายไม่ตัดไปก่อน (ถึงสายตัด พนันกันพันวอนจากเซฮุนเลยว่ายังไงไอ้หวังก็ต้องโทรกลับมาอีกรอบ มนุษย์ขี้ตื้อหวัง แจ๊คสัน นี่ผมวางพนันร้อยวอนเลยนะ!) *ประมาณ...สามสิบบาท ตั้งสามสิบเลยเนาะโอเซฮุน...

     

                    ไม่รับพรุ่งนี้ไปเลยล่ะไอ้ห่านนนนนนนนนนน

    “งั้นกูวางนะ”

                    เดี๋ยว ๆ ไอ้เชี้ย เอะอะวาง นักตัดสายเหรอไอ้มาร์ค นี่มึงตั้งใจกวนตีนกูใช่ไหม กูแค่ล้อเล่นโว้ย โอ๊ย รับก็ดีแล้วครับ ผมจะได้คุยกับพี่มาร์คได้ แจ๊คสันอยากร้องไห้ ทำไมถึงมีเพื่อนกวนตีนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยได้ขนาดนี้ แบมบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าวันนี้จะไปหาพี่คุณ

    “เออ บอกแล้ว”

                    มึงว่างไปกับน้องใช่ป้ะ จะไม่ปล่อยให้น้องของกูเดินทางไปคนเดียวใช่ม้ะไอ้มาร์ค

     

                    ก็แจ๊คสันเป็นห่วงแบมแบมมากยิ่งกว่าใคร... อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ เห็นผมเป็นคนเหมือนจะไม่เอาไหน แต่เรื่องน้องแบมนี่บอกได้เลยว่ารักแล้วก็เป็นห่วงจริงจัง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ

                    เรียกลูกได้นี่เรียกไปแล้วครับ ไม่เชื่อผมให้ไปหาคำยืนยันจากพี่คุณ

     

    “อืม ไป ตอนเย็นกูวาง เพิ่งคุยกับแบมไปก่อนที่มึงจะโทรหากูพักนึงเนี่ยแหละ มีธุระอะไรอีกไหม เดี๋ยวกูต้องเรียนแล้ว” มาร์คถาม ก่อนที่จะส่งโทรศัพท์ต่อไปให้เซฮุนทันทีเมื่อได้ยินเสียงของแจ๊คสัน หวังจากปลายสายว่าคิดถึงพี่มาร์คยิ่งกว่าใคร...

     

                    ต้องให้เจอโอเซฮุนตอบกลับไป น่าจะสมน้ำสมเนื้อและเข้ากันได้ดี

     

    “คิดถึงเหรอพี่เหรอครับ น้องหวัง รีบ ๆ กลับมาสิครับ เดี๋ยวพี่จะไปน้องหวังกลับบ้านนะครับลูก ไอ้เชี้ยยยยย ขนลุกและรู้สึกจิตใจอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไอ้เหี้ยแจ๊ค นี่มึงบอกคิดถึงไอ้มาร์คแบบนี้ประจำเหรอวะ กูจะฟ้องแม่มึงแน่ว่ามึงชอบไอ้มาร์ค!

                    ไอ้เหี้ยโอเซ มึงเข้าใจคำว่าล้อเล่นไหม คนหล่อมักชอบล้อเล่นขำ ๆ ไอ้สาส กูล้อเล่นโว้ยยยย

    “น้องเซไม่เชื่อพี่หวัง มึงอย่ามา กูจะปั่นกระแสว่ามึงแอบกิ๊กกับไอ้มาร์คแล้วเอาน้องแบมมาบังหน้า เชี่ย ไอ้แจบอม ไป จัดการ!’

     

                    สอบถามความเต็มใจของมาร์ค ต้วนกันบ้างหรือไม่...

                    หรือบางทีมาร์คควรจะพิจารณาความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเขาทั้งสี่คนใหม่ จนถึงตอนนี้ชักจะไม่ค่อยเข้าใจแล้วว่าเขาทนคบกับพวกมันมาได้ยังไงตั้งหลายปี

     

                    เหมือนมีคนสติล้นเกินไปกับเติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มอยู่ด้วยกัน คงจะเป็นเพราะเหตุผลนี้... ที่กลายเป็นว่าทำให้ใช้ชีวิตแบบขาด ๆ เกิน ๆ ไปด้วยกันได้

                    เป็นมิตรภาพที่งง ๆ ใช่ไหมมาร์คก็คิดแบบนั้น

     

    “ไอ้เหี้ยหวังงง อิมแจบอมอยากกินติ่มซำมึงรีบเอากลับมาให้กูแดกได้แล้วครับบบบบบบบ ถ้ามึงรับปากกูว่าจะกลับมาให้เร็วไว กูจะไม่เอาเรื่องมึงกับไอ้มาร์คไปพูดให้ใครฟังต่อ โอเคนะ เชี่ยเซฮุน มึงหยุดเหยียบตีนกูดิ๊สัส กูอยากแดกมากกว่าอยากร่วมมือกับมึง!

                    แม้แต่อิมแจบอม... ก็ยังหลุดมิติผู้ชายกลางคืนที่มีเสน่ห์ล้นเหลือไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน มันสำคัญมากแค่ไหนกับติ่มซำที่จะฝากแจ๊คสัน หวังให้ซื้อมา...

                    แล้วมนุษย์ที่ชื่อว่าโอเซฮุนนี่จะเอาเรื่องเขากับหวัง แจ๊คสันไปขยายความต่อเลยให้ได้ใช่ไหม

                    สนุกแค่ไหนกับการยื้อแย่งโทรศัพท์ของเขาไปมาแบบนั้น...

     

    “อีกสิบวินาทีถ้าพวกมึงไม่วางสายจากไอ้แจ๊ค กูจะตัดรายชื่อพวกมึงออกจากทุกงาน”

     

                    เป็นอันว่า... จบบทสนทนาลงแต่โดยดี

                    (มาร์ค ต้วนเพิ่งจะคิดได้ว่าเขาไม่ควรส่งโทรศัพท์ให้กับเซฮุนคุยตั้งแต่แรก... ไม่น่าเลยจริง ๆ)

     

    *

     - 45% -

    *

     

    “ร้านนี้แหละครับพี่มาร์ค...”

                    ร้านอาหารไทยในแบบฉบับเกาหลีแห่งหนึ่งคือจุดหมายที่แบมแบมบอกมาร์ค เขามีนัดสำคัญระหว่างแบมแบมและพี่ชาย นักศึกษาวิศวะโยธาปีสามคิดว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเคยมาที่นี่ ทั้งที่ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เขาผ่านมาอยู่บ่อย ๆ แท้ ๆ

     

                    สงสัย... เป็นเพราะเขาไม่เคยลองอาหารไทย หรือเอาจริง ๆ คงต้องบอกว่าไม่เคยคิดจะทดลอง...

                    ถ้าหากไม่รู้จักเด็กผู้ชายที่เป็นคนไทยแท้... เด็กที่อยู่ ๆ ก็กลายมาเป็นรูมเมทแถมยังต้องเป็นผู้ปกครองให้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มาคิดอีกที... มาร์คก็อยู่กับเด็กคนนี้มาเกือบสองเดือนเข้าไปแล้ว

     

                    สองเดือนที่ชีวิตของมาร์ค ต้วนมีเด็กคนหนึ่งเข้ามาร่วมอยู่ด้วย... ตลอดเวลา

     

    “พี่มาร์ค! เคยลองทานอาหารไทยไหมครับ แบมว่าจะทำให้พี่มาร์คลองทาน แต่ไม่เคยไม่เวลาพอเล้ย ได้ชิมแต่ข้าวต้มแล้วก็อาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทั้งหมดที่เคยทำให้นั่นคือความอร่อยในแบบของภูวกุลเลยนะครับ! กันต์พิมุกต์พูดยาว ๆ แทบจะไม่ทันได้หายใจ มีทั้งประโยคคำถาม ประโยคบอกเล่า และหลาย ๆ อย่างรวมกันอยู่ในเรื่องเดียวกันจนมาร์คได้แต่ยิ้มขำออกมา

     

                    หายใจทัน... ได้ยังไงกันนะแบม

     

    “ไม่เคย แบมไม่ได้ทำให้พี่ลองชิม แล้วพี่จะไปลองจากที่ไหน ตั้งแต่เกิดมานี่ก็รู้จักเด็กไทยชื่อแบมแบมอยู่แค่คนเดียว...” มาร์คว่า หันมามองเจ้าของแก้มกลมที่นั่งอยู่ก่อนจะพูดต่อ พร้อม ๆ กับรอยยิ้มจาง... “ก็รอให้เด็กไทยพาไป สงสัย... วันนี้คงได้ลองชิมจริง ๆ สักที พี่รอมานานแล้วนะเนี่ย...”

                   

                    ดูเหมือนจะเป็นประโยคง่าย ๆ ที่ไม่น่าจะทำให้รู้สึกอะไรได้จริงไหม... ที่จริงแบมก็คิดว่ามันเป็นแค่ประโยคบอกเล่าธรรมดา ๆ ที่พี่มาร์คต้องการบอกให้ฟังเท่านั้น...

                    แบมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่ ๆ อาการหัวใจเต้นในจังหวะที่ผิดแปลกไปมันคืออะไร...

                    ทำไมกันนะ ไม่เห็นมีอะไรสักหน่อยกันต์พิมุกต์!

     

    “ร... รู้จักแบมคนเดียวที่ไหน เดี๋ยวจะพาไปรู้จักพี่คุณด้วยไงครับ แล้วก็จะได้รู้จักอีกหลาย ๆ คนเลย ท... ที่ร้านมีคนไทยอยู่ตั้งเยอะ ไป... ไปกันเถอะครับพี่มาร์ค เดี๋ยวพี่คุณรอนานนะ”

     

                    เปล่าเลยนะ... แบมไม่ได้รู้สึกเขินหรือหน้าแดงเลยสักนิดนะ

                    ที่หน้าร้อน ๆ แบบนี้เพราะว่าอากาศนอกรถมันร้อนอบอ้าวต่างหาก...

                    แบมพูดจริง ๆ นะครับ

     

    *

     

                    ร้านอาหารที่ตกแต่งในแบบไทยประยุกต์สร้างความประทับใจให้กับมาร์คตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป เขาไม่ใช่คนชอบศิลปะหรืองานจำพวกนี้เท่าไหร่นัก นาน ๆ ครั้งถึงจะสนใจของสวยงามหรือของตกแต่งที่บรรดาร้านอาหารนำมาตั้งวางเพื่อความเพลินตาเพลินใจ

                    เพราะสำหรับมาร์ค... ร้านอาหารก็คือร้านอาหาร เวลามาก็แค่มารับประทาน มาสังสรรค์กับเพื่อน (ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแย่งมาร์คคุย ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ แต่มีสามคน และชื่อย่อว่า จส / จบ / ซฮ ) ส่วนเรื่องอื่นเขาก็ไม่ได้สนใจ

     

    “ร้านสวยใช่ม้าพี่มาร์ค แบมก็เคยเห็นแต่ในรูป เพิ่งจะเคยมาถึงร้านกับคนอื่นเค้าบ้างเนี่ยแหละ พี่คุณชอบพูดให้ฟังว่าร้านนี้อาหารอร่อยมาก เป็นร้านของเพื่อนพี่คุณที่มาเปิดไว้...”

     

                    แบมแบมกำลังเจื้อยแจ้วอธิบายให้กับพี่ชายนามสกุลต้วนฟังด้วยความตั้งใจ หากแต่เสียงเคยคุ้นของพี่ชายที่แท้จริงอย่างนิชคุณก็ดังขึ้นแทรกจนเด็กชายกันต์พิมุกต์หยุดทุกการเคลื่อนไหว และหันไปหาร่างสูงเจ้าของใบหน้าใจดีที่กำลังยืนยิ้มให้กับน้องชาย...

     

                    รอยยิ้มที่มาร์คเองยังรู้สึกได้ว่าเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นมากแค่ไหน

                    ยิ่งเห็นยิ่งไม่แปลกใจ... ทำไมแบมแบมถึงได้โตมาเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้... ถึงแม้บางทีจะแอบดื้อเงียบแล้วก็เอาแต่ใจไปหน่อย

                    ก็ยัง... น่าเอ็นดูอยู่ดี...

     

    “ยังพูดเก่งเหมือนเดิมเลยนะเรา แถมภาษาเกาหลียังดีขึ้นตั้งเยอะ”

    “ก็มาอยู่เกาหลีตั้งพักใหญ่ แถมเจอแต่เพื่อน ๆ ที่พูดเกาหลีทั้งนั้น แบมก็ต้องพูดแต่สิครับ พี่คุณ~~~ คิดถึงสุด ๆ เลยน้า ไม่เจอกันตั้งนาน พี่คุณบอกจะมาหาแบมตั้งแต่เดือนแรก กว่าจะมาจริง ๆ ก็สองเดือนจนจะสามเดือนอยู่แล้ว~~” กันต์พิมุกต์ว่า เด็กชายอายุย่างเข้า 17 ปี ยิ้มตาหยีให้กับพี่ชาย ก่อนที่จะถูกนิชคุณบีบจมูกกลม ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวจนเด็กชายต้องยู่หน้าออกมา

     

                    พี่คุณชอบแกล้งบีบจมูกแบมอยู่เรื่อยเลยน้า ถ้าดั้งแบมไม่โด่งขึ้นมา แบมจะฟ้องหม่ามี๊ว่าพี่คุณแกล้งแบม!

     

    “จะสามเดือนที่ไหน เราน่ะมาอยู่ที่นี่แค่สองเดือนเท่านั้นเองนะแบม” นิชคุณว่าพร้อมกับจับศีรษะของน้องชายโยกไปมา แบมแบมได้แต่หัวเราะเหาะแหะ ชวนพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนานร่วมสองเดือนคุยด้วยความสนุกสนาน หลายเรื่องที่เด็กชายกันต์พิมุกต์ได้เจอมาถูกยกขึ้นมาเล่า แทบจะไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ยังไม่ได้นั่งที่โต๊ะอาหาร

    แน่นอน... ทุกคนยังคงยืนอยู่ นิชคุณอมยิ้มและฟังน้องชายเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดพูดขัด ส่วนแบมแบมก็ยังคงมีสารพัดเรื่องราวมาเล่าต่อให้พี่ชายฟัง

    ส่วนอีกคน... ก็ทำเพียงแค่ยืนไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะพูดอะไรเช่นกัน

    แบมแบมหัวเราะร่วนอยู่กับพี่ชายไปพักใหญ่  แล้วก็ทำตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมเรื่องสำคัญที่สุดของวันนี้ไปอย่างไม่น่าให้อภัย...

                    มัวแต่ดีใจที่ได้เจอพี่ชาย จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะรีบแนะนำพี่มาร์คให้รู้จักกับพี่คุณ กลายเป็นว่าแบมเอาแต่ชวนพี่ชายคุยจนไม่ได้รู้จักกันสักที...

                    แบมขอโทษ~

     

    “พี่คุณ! นี่... พี่มาร์ค ชื่อพี่มาร์ค นามสกุลต้วน พี่ชายคนนี้ที่พี่แจ๊คสันฝากให้ดูแลแบมเอาไว้...”

                    มาร์คค้อมหัวให้กับคนอายุมากกว่า เอ่ยคำทักทายด้วยน้ำเสียงและท่าทางเป็นปกติ ส่วนพี่ชายตัวจริงอย่างนิชคุณก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับนิด ๆ และวาดรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะทักทาย

     

    “ยินดีที่ได้เจอนะ แล้วก็... ขอบใจมากที่คอยดูแลแบมแบมตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่...”

    “ครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แบมเป็นเด็กดี สบายใจได้ครับ” มาร์คพูด ไม่ลืมที่จะแกล้งยักคิ้วให้กับกันต์พิมุกต์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พี่ชาย...

     

                    ตามตรง... เขาไม่ได้รู้สึกน้อยใจเลยสักนิดที่แบมเอาแต่คุยกับพี่จนเหมือนจะลืมเขา ตรงกันข้าม เขาชอบด้วยซ้ำกับการที่ได้ยืนมองเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ต้องห่างครอบครัวมาไกลยืนคุยกับพี่ชายแทบจะเรียกได้ว่าน้ำไหลไฟดับแบบนั้น

                    เขากำลังสงสัย... ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้พูดเก่งได้มากขนาดนี้กันนะ

                    แล้วอีกอย่างที่เขาสงสัย... ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไม่คิดว่าการพูดแบบนี้เป็นเรื่องน่ารำคาญ...

     

    “เด็กดีก็ดีไป คิดว่าดื้อ ถ้าหากว่าแบมดื้อพี่จะพาไปหาห้องพักอยู่คนเดียว”

    “ม่าย... เอ่อ คือแบบว่าแบมก็เกรงใจพี่มาร์คนะครับ... แต่แบบว่า...”

    “แบมไม่ชอบอยู่คนเดียว... ผมเข้าใจครับ แบมแบมเคยบอกผมเอาไว้แบบนั้น...”

     

                    ที่จริงแล้วแบมไม่ได้บอกกับเขา แต่มาร์ครู้ดีว่าคำตอบต้องเป็นเช่นนั้น เพราะแต่ละครั้งถ้าหากพูดถึงเรื่องการพักอยู่หอหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการอยู่คนเดียว อาการของแบมแบมมันฟ้องชัดว่ารู้สึกอย่างไร

                    เด็กน้อย... เด็กหนอเด็ก

     

    “ฮะ ๆ นายนี่สมกับเป็นคนที่แจ๊คสันไว้ใจนะ แต่รู้ไหม... มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลยนะ กับการที่จะปล่อยให้น้องชายมาอยู่กับคนอื่นที่พี่ไม่ได้รู้จัก... ยากมากที่พี่จะไว้ใจ...”

     

                    ใช่... ไม่ง่ายเลยที่นิชคุณจะยอมตัดสินใจให้อนุญาตให้น้องชายอยู่กับเพื่อนของแจ๊คสัน

                    มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ กับการที่จะไว้วางใจใครสักคนโดยที่ยังไม่เคยเห็นหน้า...

     

    “พี่คุณ~ แบมว่าแบมเมื่อยแล้วอ้ะ เข้าไปนั่งกันก่อนดีกว่านะ แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกันยาว ๆ เลยไง มีเรื่องอยากคุยแล้วก็ต้องคุยให้พี่คุณฟังอีกเย้อะเลยอ้ะ พี่มาร์คก็ด้วย นะนะ จะได้ไม่เมื่อยงาย~

                   

                    ท่ามกลางบรรยากาศที่เหมือนจะเข้าสู่ความอึมครึมอย่างไม่ได้ตั้งใจ... คงต้องยกความดีความชอบให้กับความสดใสของเด็กชายกันต์พิมุกต์ที่ทำเอาคนทั้งสองยุติหัวข้อสนทนาไปได้ในทันที

     

                    ที่จริงแล้ว... นิชคุณก็ไม่ได้คิดอยากจะพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี...

                    ที่จริงแล้ว... นิชคุณก็แค่อยากจะให้มาร์ครู้ว่าเขารักและเป็นห่วงน้องชายมากแค่ไหน

     

                    ถ้าหากคิดกับน้องชายของเขามากกว่าคำว่าคนดูแลหรือแค่พี่ชาย... บางทีก็ต้องทำให้รู้กันหน่อยว่าแบมแบมไม่ใช่เด็กผู้ชายที่จะคิดเล่น ๆ ด้วยได้ ถามว่านิชคุณรู้หรือมั่นใจได้ยังไงว่าเด็กคนนี้รู้สึกกับแบมแบมมากกว่าคำว่าน้องหรือคนรู้จัก

                    คำตอบ... ง่ายนิดเดียว

                    คำพูดที่ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจยังคงใช้ได้ในทุกกรณีอยู่เสมอ ต่อให้พยายามปิดบังเอาไว้มากแค่ไหน สุดท้ายก็ตบตาเขาไม่ได้อยู่ดี

                    ยอมรับ... สายตาและท่าทางของมาร์คไม่ได้ทำให้เขาไม่ไว้ใจ แต่ในฐานะของพี่ชาย ยังไงนิชคุณก็มีสิทธิ์หวงและห่วงกันต์พิมุกต์มากกว่าใครจริงไหม

     

                    ถึงแจ๊คสัน หวังจะดูเข้าข้างเพื่อนรักและเปิดทางให้ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ แต่การอนุญาตให้มาร์คเป็นคนดูแลแบมแบมได้ก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน

     

                    แจ๊คสันอาจจะไม่รู้ว่าที่ที่ปลอดภัย... บางทีก็แฝงเอาไว้ด้วยอันตราย

                หรืออาจจะรู้ก็เลยจงใจ แต่ช่างเถอะ

     

    “แบม พี่นึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าตังค์เอาไว้ในรถ เดินไปหยิบให้พี่หน่อยได้ไหม เดี๋ยวเลี้ยงขนมต่อจากทานข้าวเสร็จนะ”

    “ทำไมพี่คุณต้องเอาขนมมาหลอกล่อแบมด้วยเล่า” แบมแบมบ่นด้วยความไม่เข้าใจ “ถึงไม่มีขนมแบมก็เอาให้อยู่แล้วน่า! พี่มาร์ค~ จะฝากแบมหยิบของอะไรด้วยไหมหว่า~

    “ไม่ล่ะ รีบไป... แล้วก็รีบกลับมาเถอะ เดี๋ยวอาหารไม่ร้อน ไม่อร่อยนะ”

     

                    เป็นห่วงน้องชายเขาใช้ได้... ถือว่าผ่าน

                   

    “ที่บอกว่าแบมไม่ใช่เด็กดื้อ ไม่ได้แกล้งพูดเอาใจพี่ชายให้หายห่วงใช่ไหม มาร์ค” ทันทีที่เด็กชายกันต์พิมุกต์วิ่งดุ๊กดิ๊กออกไป การสนทนาที่ดูเหมือนจะค้างคามาตั้งแต่เริ่มก็ถูกพูดขึ้นอีกครั้ง

     

                    ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับมาร์ค เขาคิดอยู่แล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นระหว่างเขากับพี่ชายของแบม

                    ไม่แปลก คงแปลกมากกว่าถ้าอยู่ ๆ พี่ชายของแบมจะไว้ใจแล้วก็ไม่ถามอะไรเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    “ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกครับ ถึงตอนแรกผมจะปวดหัวกับน้องของพี่มากก็เถอะ...”

    “ฮ่า ๆ ตรงไปตรงมาดี รู้ไหม แจ๊คสันโน้มน้าวฉันด้วยไม่กี่ประโยคเกี่ยวกับนาย” นิชคุณว่า ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงบนโต๊ะด้วยท่าทีสบาย ๆ “หมอนั่นบอกพี่ว่า พี่ รับรองเลย เพื่อนผมไว้ใจได้ มันจะดูแลน้องแบมอย่างดี แล้วก็อีกไม่กี่อย่าง... ที่ทำให้ฉันตัดสินใจยอมให้แบมมาอยู่กับนาย”

    “ถ้าเป็นเมื่อก่อน... ผมจะบอกพี่ว่าพี่ไม่น่าตัดสินใจแบบนั้นนะครับ” มาร์คแกล้งว่า นักศึกษาวิศวะโยธายิ้มบาง ๆ เมื่อคิดถึงประโยคต่อไปที่เขาจะพูดต่อหน้าพี่ชายของแบมแบม “แต่ตอนนี้... บางทีมันก็สนุกดีเหมือนกันเวลาที่ผมได้ดูแลแบม...”

                   

                    เข้าใจเลือกใช้คำนะมาร์ค...

     

    “แปลกดี สนุกกับการเลี้ยงเด็กม.ปลาย ทั้ง ๆ ที่เด็กมหาลัยปีสามอย่างนายก็น่าจะงานยุ่งอยู่นะ... ไหนจะเรื่องส่วนตัว คงไม่ใช่เรื่องดีนักกับการต้องดูแบมด้วย”

    “ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ”

    “ก็ดีไป... ขอบใจมากแล้วกันที่ดูแลแบมแบมให้ แต่... ถ้าหากลำบากใจหรืออยากให้แบมย้ายออก นายบอกฉันได้ตอนนี้เลยนะ รับรองว่าเรื่องทั้งหมดแบมจะไม่ได้รู้ แล้วนายก็ติดต่อกับแบมได้ตามปกติ...”

                    มาร์คเลิกคิ้ว มองพี่ชายของแบมแบมที่ประสานมือไว้ใต้คางและจ้องมองเขาอย่างจริงจัง

    “ผมไม่ได้มีความคิดที่อยากจะให้แบมไปอยู่ที่อื่นครับ ในเมื่อผมบอกกับแจ๊คสันว่าสามเดือน นั่นก็หมายถึงผมจะต้องทำตามที่บอกเพื่อนผมเอาไว้”

     

                    งั้นหรือ... คงต้องคุยกับแจ๊คสันหน่อยแล้วล่ะว่าเพื่อนของมันเก็บความรู้สึกเก่งใช้ได้

                    แต่... ก็ยังไม่เก่งมากพอ

     

    “อ้อ โอเค ก็ตามนั้น แต่ระยะเวลาอาจจะไม่ถึงสามเดือนหรอก เพราะแจ๊คสันมันบอกไว้ว่าธุระอาจจะเสร็จเร็วกว่ากำหนดเยอะเลยล่ะ...”

     

                    ถ้าหากแจ๊คสัน หวังกลับมาเมื่อไหร่...

     

    “ถึงตอนนั้นนายก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตหนุ่มโสดแบบสบาย ๆ อีกครั้ง แบบนั้นน่าจะดีกับนายนะ...”

     

                    มาร์คไม่ได้บอกว่าเขาชอบการใช้ชีวิตคนเดียว...

                    หมายถึงตอนนี้เขาอาจจะไม่ได้ชอบการใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ คนเดียวอีกต่อไป...

     

    “พี่คุณ พี่มาร์ค! แบมมาแล้ว~ คุยอะไรกันอยู่ครับ หน้าเครียดเชียว พี่มาร์คอย่าขมวดคิ้วสิครับ พี่คุณว่าอะไรพี่มาร์คป้ะเนี่ย โอ๊ะ กับข้าวมาแล้ว ทานกันเถอะครับ!

     

                    อีกครั้ง... ที่ทุกอย่างจบลงได้ง่าย ๆ เพราะความสดใสของเด็กชายกันต์พิมุกต์

                    และหลังจากมื้ออาหารดำเนินไปได้ไม่นาน... นั่นเป็นครั้งแรกที่มาร์ค ต้วนออกปากขออนุญาตผู้ปกครองของใครสักคนเพื่อพาไปหาครอบครัวของเขาด้วยกัน

     

                    นอกจากเพื่อนสนิท

                    มาร์คไม่เคยคิดที่จะพาใครไปเจอกับครอบครัวของเขา

     

    “ถ้าอาทิตย์นี้ผมขอพาแบมไปพูซาน... จะอนุญาตให้ผมพาแบมไปด้วยกันใช่ไหมครับ”

     

                    แบมจะได้ไปเที่ยวพูซานกับพี่มาร์คจริงอ่ะ!?

     

    “อยากไปไหมล่ะแบม”

    “อยากไปน้า~ พี่คุณให้แบมไปกับพี่มาร์คนะครับ สัญญาจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนแล้วก็พูดให้น้อยลงสองประโยคต่อวัน!

                   

                    ทั้งมาร์ค ต้วนและนิชคุณได้แต่หัวเราะแล้วส่ายหน้าขำ ๆ

                    คำสัญญาที่ว่าจะพูดให้น้อยลงสองประโยคต่อวันนั่นมันหมายความว่ายังไง ต่อให้แบมพูดน้อยลงสองประดยคต่อวัน ใช่สิว่ามันไม่ได้ต่างจากเดิมเลยสักนิดเดียว...

     

    “ได้สิ พี่อนุญาต...”

    “ครับ...”

    “นั่นหมายความว่าพี่ให้ความไว้ใจกับนายมากกว่าเดิมแล้วนะ... มาร์ค”

     

                    ไม่ต้องมีคำพูดให้มากความ...

                    บางทีอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการบันทึกสนธิสัญญาด้วยสายตา

     

                    ของแบบนี้... คนมีเซนส์รู้เท่าทันกัน... มันสามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องพูดอะไร

                    แล้วนิชคุณก็มั่นใจว่ามาร์คเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อให้รับรู้ได้เป็นอย่างดี ถึงจะไม่มีการพูดหรือยอมรับอะไรออกมาเลยก็ตาม

     

                    ความเงียบ... ก็ไม่ได้แปลว่าเงียบเฉยเสมอไป

                   

                    TBC… chapter 11 ♥♥♥

     

    *

     

    TALK:

                    ร้อยเปอร์เซ็นต์มาแล้วนะคะ สวัสดีพี่ชายแท้ ๆ ของน้องแบมแบม!

                    พี่คุณกับพี่แจ๊คสันใครหวงน้องมากกว่ากัน ฮา~ แต่สุดท้ายดูเหมือนว่ามาร์คจะผ่านนะคะ... ประเด็นนั้นไม่เท่าไหร่ ประพฤติตัวอยู่ในกรอบยังไงก็ผ่านฉลุยเนาะมาร์ค ต้วน! จะพี่ชายคนไหนของแบมก็เถอะ~

                    ขอบคุณสำหรับทุกเม้นท์และทุกแท๊กใน #ฟิคเด็กพี่มาร์ค เช่นเคยค่ะ ชอบอ่านมาก ฮา ชอบทุกคนพูดถึงตัวละครในเรื่อง ความสุขเล็ก ๆ ของคนเขียนนะคะนะ 55555 ดีใจที่ชอบกันนะคะ ><

    สปอลย์เบา ๆ สำหรับตอนหน้า... ประติมากรรมน้ำแข็งกำลังจะแปลงสภาพเพราะเข้าใกล้จุดหลอมเหลว จะออกมาในรูปแบบไหน พี่มาร์คจะหวั่นไหวและชวนละลายอย่างไร... อย่าลืมติดตามกันนะคะ!

     

    ปล.ใครอยากปลดปล่อยผู้ชายอักษรย่อจส.จากฮ่องกงขอให้ส่งเสียงดัง ๆ มาทางนี้หน่อยยยยยยยยยยย ขอกำลังใจ(?)ให้ชายหนุ่มผู้มีบทบาทผ่านเสียงตามสายโทรศัพท์มานับสิบตอนด้วยค่ะ! 555555

     

    เจอกันตอนหน้าค่ะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×