คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : My Sassy boy ☆ 09
My Sassy boy ☆ 09
ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะกำลังงอนเขาอีกแล้ว...
คงเป็นเพราะเมื่อวาน ที่เขาไปรอพบลูกค้ากับแจนที่ห้างเป็นรอบที่สองน่ะสิ แล้วตอนคุยงานกัน คชาก็คงผ่านมาเห็นเข้าพอดี คนตัวเล็กก็เลยออกอาการงอนแบบนี้
ทำไมชายหนุ่มจะไม่รู้ว่าคชาไม่ชอบที่แจนมาข้องเกี่ยวกับเขา แต่เพราะในความเป็นจริงมันไม่มีอะไรที่ลึกซึ้งแม้แต่น้อยเต๋าจึงไม่รู้จะทำยังไง
เพราะสำหรับเต๋า... แจนก็เป็นแค่เพื่อนคนนึงอย่างที่เคยบอกกับคนตัวเล็กเอาไว้
ส่วนหัวใจเขาเป็นของใคร จะผ่านมากี่ปีมันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม... เต๋ายังเป็นของคชาเหมือนเดิม
และวันนี้ เต๋าก็จะมาย้ำคำพูดเดิมของเขาอีกครั้ง...
“พี่เต๋าเป็นของชาคนเดียว”
เป็นคำพูดแรกที่ชายหนุ่มเอ่ยกับอีกฝ่าย หลังจากที่เขาแอบดอดจากงานที่ติดพันอยู่มาเจอหน้าคนตัวเล็กที่บ้านของโปเต้ มันยังเป็นคำเดียวกับที่เคยพูดเมื่อสองสามวันก่อน และยังเป็นสถานที่เดียวกันเสียด้วยเพราะเขามาคุยกับคชาบนรถเหมือนเคยหากแต่คนตัวเล็กยังคงผูกโบที่คิ้วบาง ตาเรียวมองเขาด้วยแววตาเหมือนจะชั่งใจ
“พี่อยากให้ตัวเล็กเชื่อใจพี่... ไม่ได้หรอครับ?”
เต๋าพูดอ้อนวอนร่างเล็กตรงหน้า... ไม่มีแววตาหรือน้ำเสียงขี้เล่นเหมือนเคย หากแต่แววตาไม่มั่นใจของอีกคนยังคงสะท้อนภาพเขาอยู่เหมือนเดิม เต๋าจึงยื่นมือไปกุมมือคู่บอบบางนั้นเอาไว้ ซ้ำยังเอนตัวเข้าไปส่งความอบอุ่นผ่านอ้อมกอด
ศีรษะน้อยๆ ค่อยๆ ซุกลงที่บ่ากว้าง คชาเอ่ยเสียงอู้อี้หากแต่คนฟังยังได้ยินมันชัดเจน
“ชาไม่ได้ไม่เชื่อพี่... แต่ชากลัว”
เต๋าลูบหัวเด็กน้อยคนเดิมอย่างแผ่วเบา “อย่ากลัวสิครับเด็กน้อย...พี่ไม่มีทางปล่อยมือคู่นี้หรอก” พูดจบก็กำมือเล็กเอาไว้แน่นหนา ริมฝีปากจูบกระหม่อมน้อยๆ ที่ซบอยู่บนบ่าเบาๆ
แม้ท้องฟ้ายามราตรีจะมืดมิด หากแต่บนรถยนต์สีขาวคันนี้ มือทั้งสองที่จับกันไว้ก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้อย่างดี ว่าแม้จะต้องเผชิญอะไรแค่ไหนก็ไม่กลัว
“ชากลับเข้าไปในบ้านโปเต้ก่อนนะ”
คนตัวเล็กเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ ให้แก่พี่ชายคนสนิท มือเล็กเปิดประตูรถ ขาเรียวกำลังจะก้าวออกไป หากแต่สายตาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่ปลายเท้า วัตถุรูปร่างยาวสะท้อนแสงเพียงเล็กน้อยในความมืด เมื่อคชาเอี้ยวตัวลงไปหยิบมันขึ้นมาดูจึงได้รู้
ลิปสติกแท่งสีดำแบรนด์ดังที่มีคาดสีทองตรงกลาง
และยิ่งชัดเจนเมื่อคชาเปิดมันออกดู... สีแดงสดเหมือนกับที่ปากของผู้หญิงคนนั้นเปี๊ยบเลย
มือเล็กวางมันลงบนคอนโซลรถเสร็จก็ถูกอีกฝ่ายเอาไปจับเอาไว้
คชาหันไปมองพี่ชายคนเดิมก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ... ไม่เป็นไร”
คนตัวเล็กชักมือกลับมา รอจะฟังคำอธิบายจากปากพี่ชาย หากแต่เสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
เต๋าหยิบมันขึ้นมามองดู... หากจะไม่รับก็คงไม่ได้เพราะปลายสายเป็นเจ้านาย ร่างสูงมองมันอย่างชั่งใจแต่ก็กดรับในที่สุด
“ครับ.... ครับ.... ครับ.....”
“ครับ... ได้ครับ... จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
สุดท้ายคชาจึงเดินจากมาแล้วรีบกลับเข้าบ้านโปเต้ไปอย่างที่ควรจะเป็น
- - - - - - - - - - - - - - -
“และกลุ่มที่ได้อันดับที่ 1 จากงานแคมเปญนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับ กลุ่มที่ 3 หัวหน้ากลุ่มคือน้องโปเต้ ปิยะพงษ์ครับ”
สิ้นเสียงประกาศ จากผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทที่เป็นคนมอบโจทย์ให้เหล่านักศึกษาสาขาวิชาโฆษณา ห้องเรียนเล็กๆ แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงเฮลั่น... คชายิ้มกว้างพลางกอดกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม หันไปยิ้มให้กับกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้รับรางวัลด้วย
การพรีเซนต์งานทั้งหมดเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน รวมถึงการประกาศผลอันดับ มันทำให้คชารู้สึกว่าเวลาและแรงกายแรงใจทั้งหมดที่ใช้ไปในสัปดาห์ก่อนในการทำงานมันช่างมีค่าและมีความหมายจริงๆ
หลังจากที่กลุ่มของคชาถ่ายรูปร่วมกับผู้จัดการฝ่ายการตลาดและอาจารย์ประจำวิชาเสร็จก็หมดเวลาสำหรับคาบเรียนสุดท้ายในชีวิตมหาวิทยาลัย วันนั้นกลุ่มของคชาทั้งหมดสิบชีวิตก็ตั้งใจจะไปฉลองครั้งใหญ่ ส่งท้ายชีวิตนักศึกษาก่อนที่จะออกไปผจญโลกกว้างน่ะสิ
สำหรับแผนการฉลองก็ไม่ยากเลย... กินมื้อใหญ่หนึ่งมื้อ ต่อด้วยไปปลดปล่อยที่ผับสักที่
คชาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองมันเงียบๆ อีกครั้ง คิดถึงใบหน้าขี้เล่นขี้อ้อนของใครบางคนที่อยากให้ติดต่อกลับมา มีแค่คนเดียวนั่นแหละ…พี่เต๋า!
“มองโทรศัพท์แล้วได้อะไรขึ้นมา ก็โทรไปหาสิวะ” ประโยคซ้ำซากออกมาจากปากของต้นอีกครั้ง
“เขาสิต้องโทรมา... เราเป็นคนงอนนะ” คชาบ่นพลางทำหน้าย่นที่มองดูแล้วน่าเอ็นดูเสียมากกว่าจะน่าเกลียด
ที่คชางอนก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก... ก็แค่วันพฤหัสที่ผ่านมา คชาเจอพี่เต๋าโดยบังเอิญตอนออกไปเดินซื้อของกินที่ห้างน่ะสิ อยู่กับยัยแจนนั่นเสียด้วย... แกล้งส่งข้อความไปถามหาก็บอกว่ากำลังรอพบลูกค้า
ไม่ใช่ไม่เชื่อว่าพี่เต๋าพูดจริงนะ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี!
พอวันศุกร์พี่เต๋าตามมาง้อถึงบ้านโปเต้ กำลังมีความสุขอยู่ดีๆ ก็ดันไปเจอลิปสติกสีแดงแปร๊ดตกอยู่ที่พรมรถตำแหน่งที่คชาเคยนั่งอีก
แล้วมันจะของใคร... ก็ของยัยนั่นอีกนั่นแหละ!
เจอเหตุการณ์ซ้ำๆ ซ้อนๆ แบบนี้จะให้คชารู้สึกยังไง?
สุดท้าย เขาเลยได้แต่พยายามสงบจิตสงบใจ แล้วบอกเรียบๆ ว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่ในใจก็หวังจะให้อีกคนมาง้ออยู่นี่แหละ
ช่วงนี้พี่เต๋างานยุ่งก็พอจะรู้อยู่ แต่ไม่คิดจะง้อกันอีกสักนิดเลยหรอ
ข้อความที่ส่งมาใน WhatsApp ล่าสุดก็มีแค่เมื่อวานตอนเช้า หมดแล้วใช่ไหมความพยายามของพี่เต๋า… หมดแค่นี้แล้วใช่ไหม?
เออ ดี... เดี๋ยวคืนนี้คชาจะไปเมาให้ลืมมันให้หมดทุกอย่างเลย!
- - - - - - - - - - - - - - -
“เต๋า... เต๋ายังไม่หายคิดมากเรื่องน้องคชาอีกหรอคะ?” แจนเอ่ยระหว่างที่กำลังทานข้าวเมื้อเที่ยงอยู่กับหนุ่มออฟฟิศสุดหล่อ “ดูสิคะ ทำหน้าไม่มีความสุขเลย”
“ก็... ครับ” เต๋าตอบรับ “มันจะดีหรอครับแจน.. ที่ผมไม่ไปง้อคชาแบบนี้” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด มือก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมามองดู
“เต๋าคะ... น้องเขาโตแล้ว ต้องหัดมีเหตุผลบ้างสิคะ” แจนเอ่ยราวกับกำลังสั่งสอน “ช่วงนี้เต๋างานยุ่งจะตาย... เต๋าต้องสอนให้น้องหัดเข้าใจบ้างนะคะว่าคนเราจะมางอนมาง้อกันตลอดน่ะไม่ใช่ หมดเวลาเอาแต่ใจของเด็กแล้วค่ะ”
“ถ้าขืนเป็นต่อไปแบบนี้ ถึงเวลาคบกันจริงๆ เต๋ากับน้องเขาก็ไปกันไม่รอดหรอกค่ะ” แจนพูดอย่างเด็ดขาด หากแต่แสร้งทำท่าทางเห็นใจอยู่ในที
“แจนเคยผ่านมันมาก่อนค่ะ แจนรู้ดี... บางทีความรักอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยความเข้าใจด้วย... เต๋าเข้าใจที่แจนหมายถึงใช่ไหมคะ?”
“ครับ” เต๋าพยักหน้ารับ ทว่าสายตาก็ยังก้มมองไปที่โทรศัพท์ของตัวเองอยู่ดี ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาและรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของสาวสวยตรงหน้าเสียเลย
ดูเหมือนว่าแจนจะกำลังทำสำเร็จไปอีกขั้น
- - - - - - - - - - - - - - - -
นี่เป็นครั้งที่สองที่คชาได้มาเหยียบสถานบันเทิงยามราตรีแบบนี้....
ครั้งแรกคือเมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่สอง... คชาแอบมาได้แป๊บเดียว ลองจิบเบียร์ไปแค่ค่อนแก้ว ไม่ถึงเที่ยงคืนก็ต้องรีบกลับเพราะกลัวว่าแม่จะจับได้
แต่ครั้งนี้... คงจะไม่เป็นไร เพราะคชาบอกแม่ไว้แล้วว่าจะไปนอนหอต้น
เพราะฉะนั้น... คืนนี้…
ไม่เมา
ไม่เลิก!
แสงไฟสลัวๆ ช่วยปิดบังเขาจากสายตาผู้คน แถมสถานที่ซึ่งดูแคบๆ ก็พาให้รู้สึกชวนเมาตั้งแต่ยังไม่ได้ดื่มอะไรเลยสักแก้ว คชาลองดื่มเหล้าสีอำพันก็ต้องรีบกลืนลงคอเพราะรสอับขมปร่า แถมยังพาให้รู้สึกร้อนๆ ในคออีก
หากแต่เมื่อได้ลองลิ้มโค้กที่ผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดูก็พบว่ารสชาติมันผสมกลมกลืนกันได้ไม่เลว
มือบางกระดกแก้วเข้าปาก พลางฟังหนุ่มแว่นที่เพิ่งเดินมานั่งข้างๆ กำลังพูดอะไรบางอย่าง
“เมื่อกี๊แม่โทรมาบอกว่าอาทิตย์หน้าจะให้บวชแล้วว่ะ” โปเต้เอ่ยเสียงเรียบๆ หากแต่ฟังดูเศร้าอยู่ในที “ยังไม่ทันเตรียมใจเลย”
“เออ... นั่นดิ เร็วว่ะ”
“อือ โคตรเร็วเลย... แม่บอกจะให้บวชพรรษานึงแน่ะ” โปเต้พูดต่อจากต้น ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะมากระดกเข้าไปเต็มๆ
“โห... นานว่ะ”
“อืม... นานจนเริ่มกลัว” พูดจบว่าที่ภิกษุก็กระดกเหล้าในมือเข้าอีกช็อตใหญ่ ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ “กลัวว่ากลับมาแล้วอะไรๆ จะเปลี่ยนไปว่ะ” หนุ่มแว่นพูดพลางหันไปมองดิวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ดิว... เราชอบแกว่ะ ชอบมาตั้งนานแล้ว”
เหมือนหลายคนจะทำหน้าอึ้ง ทึ่ง เสียว อยู่กลายๆ หากแต่ไม่ใช่ต้นกับคชาแน่ๆ
ก็ว่าแล้ว... สองคนนี้มันดูมีอะไรบางอย่าง หากแต่สาวโคราชที่ได้รับคำสารภาพนั้นกลับทำหน้าขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย
“ไอ้เต้เอ๊ย... ไอ้บ้า” กลายเป็นคำด่าซะอย่างนั้น “ชอบทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้วะ! รู้ไหมแกทำลายฝันของฉันที่จะได้เดินควงแฟนในมหาลัย... โธ่เอ๊ย เพิ่งมาบอกอะไรตอนเรียนจบวะ! มัวแต่ป๊อดอยู่ได้”
ไม่รู้จะขำหรือจะเห็นใจดิวดี... แต่เอาเป็นว่าพอได้ฟังดิวพูดจบ ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างก็อมยิ้มกันล่ะนะ
“ดิว... รอเราก่อนได้ปะ รอเราบวชก่อนนะ”
“เออ... รอมาได้ตั้งนานแล้ว รออีกแค่นี้จะเป็นไร”
คืนวันนั้น เรื่องน่าดีใจของดิวกับโปเต้ที่ได้ลงเอยกันสักที บวกกับงานแอดแคมเปญและชีวิตในมหาวิทยาลัยที่ผ่านพ้นไปก็ทำเอาทุกคนดื่มฉลองกันยกใหญ่ คชาเองจากที่ดื่มโค้กผสมเหล้าสลับกับเบียร์ ก็เปลี่ยนมาดื่มแต่เหล้ารสขมที่ผสมกับโซดาซ่าๆ เพียงอย่างเดียวเสียแล้ว
ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ เห็นได้ชัดเวลาที่แสงไฟสีเหลืองจากลูกบอลไฟสาดเข้ามากระทบ จนต้นที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำกลับมาต้องรีบเอ่ยเตือน
“เฮ้ย... ไอ้คชา พอก่อนๆ” รีบยื่นมือไปแย่งแก้วเหล้านั้นไว้ แต่ผลที่ได้คือหกรดเสื้อนักศึกษาสีขาวเนื้อบางนั่นน่ะสิ
ทว่าร่างเล็กกลับหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นมัน “โต้นนนนน... เล่นอะไรเปียกไปหมดแล้ววววว” เอ่ยเสียงยานคางกับท่าทีโงนเงนที่ไม่บอกก็ต้องรู้ว่าเมาแล้วแน่ๆ
ไม่น่าไปห้องน้ำนานเลย ให้ตาย!
“คชา... กลับไปนอนดีไหม แกดูไม่ไหวแล้ว”
“ไหวเซ่... ทำไมจะไม่หวายยยยยยย ต้นพูดแบบนี้ดูถูกชานี่นา...”
พูดจบร่างเล็กก็เอนมาพิงเพื่อนซี้ แขนเล็กพาดที่ไหล่เพื่อนที่มองดูแล้วจะบอกว่า เริ่มทำตัวรุ่มร่าม ก็ไม่ผิด
“ต้น... เมื่อกี๊ดิวกับเต้จุ๊บกันด้วยหล่า...”
เสียงเล็กยังคงเอ่ยยานคางเหมือนเดิม ส่วนคนฟังทำตาโตเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคแรก
“โต้นนนน.... เราก็มาจูบกันมั่งเดะ....”
และยิ่งตาโตกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
หนุ่มผิวสีรีบยันตัวเพื่อนซี้ออก “ไอ้คชา... แกนี่มัน!” พลางใช้มือตบๆ แก้มแดงๆ นั่นหมายจะให้พอมีสติ แต่คนตัวเล็กก็ยังทำปากจู๋เหมือนรอคอยจูบจากเพื่อนซี้ซะอย่างนั้น
"จุ๊บๆ น่ะโต้นนนนน จู๊บบบบบบบ"
ท่าทางเหมือนเด็กน้อยรอคอยจูบจากแม่ตอนไปส่งที่โรงเรียนยังไงอย่างงั้น หากแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าไอ้ท่าทางไร้เดียงสาแบบนี้แหละ ยั่วชะมัด!
เดี๋ยวก็จูบจริงๆ เข้าให้ซะนี่!
“ไม่เอาน่ะคชา ฉันไม่ใช่พี่เต๋าของแกนะเว่ย!” น้ำเสียงเหวี่ยงๆ ตามสไตล์รีบเอ่ยปัดไปถึงบุคคลที่สามเผื่อเพื่อนตัวดีจะได้สติ ทำเอาคนฟังชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ต๋าวเขาไม่อยากจูบเราหรอก.... สาวๆ เขาเยอะจะตายยยยย” คชาทำหน้าย่น รอยยิ้มหุบลงเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“รู้ได้ไงคชา แกเคยถามเขาแล้วหรอ?”
“เออ... ก็ยัง...”
“งั้นก็โทรไปถามสิ... อย่าบอกนะว่าไม่กล้า”
ต้นแกล้งพูดท้า ฝ่ายคนถูกท้าพอได้ยินเข้าก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายตาปรือ
“ใครไม่กล้าวะ... บ้าหรออออออ... เดี๋ยวจะโทรเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบคนตัวเล็กก็หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมา ต้นจึงรีบคว้ามันไปกดโทรออกให้ก่อนที่จะยื่นกลับไปให้คนตัวเล็กคุย
“พี่ต๋าววววววววววววววววว... พี่ต๋าวตอบหน่อยว่าอยากจูบชาไหม?”
“อยากจูบกับชาม้ายยยยยยยย?????”
TBC
ว้ากกกกก ตอนต่อไปเอาไงดีคะทุกคน >o< ต้นชาเลยดีไหมมมมม (ป้าด โดนคนอ่านเตะ)
(ความจริงของฟิคเรื่องนี้ - แต่งวันต่อวันไม่มีสำรองไว้ พล็อตที่มีก็เปลี่ยนไปเรื่อย แหะๆ)
แจนร้ายลึกดีเนอะ ฮ่าๆๆ
รักทุกคนนะ จุ๊บๆ อ่านแล้วคิดยังไงก็เม้นบอกกันหน่อยน้าาาา อยากรู้ววววว อิอิ
ป.ล. เมนชั่นมาคุยกันได้ที่ @rainbobow จ้ะ
ความคิดเห็น