คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : My Sassy boy ☆ 02
My Sassy boy ☆ 02
กว่ารถยนต์คันสีขาวคันเดิมจะแล่นมาถึงบ้านหลังน้อยก็เข้าวันใหม่เสียแล้ว ร่างเล็กดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ เที่ยงคืนสามนาที ป่านนี้คุณแม่คงจะไปนอนแล้วล่ะมั้ง...
แต่ดูเหมือนจะผิดจากที่คิดไว้ ถึงจะเป็นเวลาเที่ยงคืนเศษแล้วแต่แสงไฟในบ้านก็ยังแสดงให้เห็นว่าคุณแม่ยังรออยู่ หญิงวัยกลางคนในชุดนอนออกมาเปิดประตูให้เช่นเคย แอบอมยิ้มเมื่อเห็นลูกชายมากับใครอีกคนที่เป็นเหมือนลูกชายคนโตของคุณแม่ไปเสียแล้ว
เพราะคุณพ่อของคชาเสียไปตั้งแต่คชายังเป็นเด็ก คุณแม่เลยต้องเป็นซิงเกิลมัมเลี้ยงดูคชาคนเดียวมาโดยตลอด ประคบประหงมตามใจลูกจนเคยตัวเพราะเป็นลูกคนเดียวซ้ำยังกำพร้าพ่อ... พอคุณแม่ได้เห็นว่ามีใครอีกคนคอยช่วยดูแลลูกชายของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอก็วางใจ
“วันนี้กลับดึกจังนะลูก” ไม่ได้ตำหนิหรือบ่น เพียงแต่ซักถามด้วยความเป็นห่วง
“ชาไปทำรายงานที่หอต้นมาน่ะครับ” คนตัวเล็กพูด
“ดึกขนาดนี้แล้วเต๋าก็ยังมาส่งคชาอีก... เอางี้ไหมเต๋า ค้างบ้านเราสักคืนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับ พรุ่งนี้วันเสาร์นี่”
คนตัวเล็กกำลังจะเอ่ยค้าน หากแต่เสียงทุ้มของร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อน
“ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่รบกวนดีกว่า ผมขับรถไหว”
“แม่ต่างหากที่รบกวนเรามามากแล้ว มารับมาส่งคชาไม่รู้กี่รอบ นอนค้างที่นี่สักคืนเถอะ... ดูซิ ขอบตาคล้ำเชียว หมู่นี้นอนดึกใช่ไหม?”
“ก็...ครับ”
“งั้นก็นอนนี่เถอะ ดึกขนาดนี้แล้วเกิดไปหลับในกลางทางล่ะก็แย่เลย”
พอได้ยินแบบนั้นคนตัวเล็กก็เริ่มจะเห็นด้วย... ถ้าพี่เต๋าเป็นอะไรเพราะตัวเองไม่ยอมให้นอนค้างที่บ้านก็คงจะแย่แน่ๆ
“งั้นตกลงคืนนี้เต๋านอนนี่นะ... คชา พาพี่เขาไปบนห้องสิลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยตัดบทพลางสั่งการลูกชาย
“ห้องไหนครับแม่?” คนตัวเล็กยืนงงอย่างไม่เข้าใจนัก นอกจากห้องนอนแม่กับห้องนอนตัวเองแล้ว ก็มีห้องนอนอีกแค่ห้องเดียว แต่คงจะฝุ่นจับเพราะไม่มีคนเข้าไปทำความสะอาดตั้งนานแล้ว
“ก็ห้องเราไง จะห้องใครล่ะ?”
“อ้าว แล้วชาจะไปนอนไหนล่ะครับ?”
“เตียงเราก็ออกจะกว้าง แบ่งให้พี่เขาสักครึ่งนึงก็ได้นี่ลูก... เดี๋ยวแม่เอาผ้าห่มไปให้เพิ่มอีกผืนนะ จะได้ไม่ต้องแย่งกัน” เธอเอ่ยยิ้มๆ เสร็จก็เดินนำเข้าไปในบ้านทันที
ถึงจะเป็นเวลาหลายปีที่เต๋าได้แวะเวียนกับบ้านหลังนี้ เริ่มตั้งแต่แค่จอดรถส่งที่หน้าปากซอย ขยับใกล้เข้ามาในซอย ส่งที่หน้าบ้าน จนคุณแม่เห็นเข้าแล้วเรียกให้เข้าไปนั่งดื่มนั่งพักในบ้าน และเริ่มพูดคุยสนิทสนมกับคุณแม่ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เต๋าได้มาค้างคืนที่บ้านน้อยหลังนี้
และเป็นครั้งแรกที่เต๋าจะได้เห็นห้องนอนของคนตัวเล็กเสียด้วย…
ไม่ต่างจากที่เต๋าจินตนาการไว้นัก ห้องนอนของคนตัวเล็กทาสีฟ้าสว่าง มีเตียงนอนที่พอดีสำหรับคนสองคน ผ้าปูที่นอนลายการ์ตูนเบ็นเท็น เครื่องนอนเข้าชุด ใกล้ๆ มีโต๊ะเครื่องแป้งที่มีอุปกรณ์วางอยู่ประปราย โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมด้วยโน้ตบุ๊คกับเครื่องเขียน หนังสืออ่านเล่นและชีทเรียน ตู้เสื้อผ้าอีกสองตู้ และห้องน้ำในตัว
เต๋าแอบมองดูรูปภาพที่หัวเตียง รูปคู่ของคชาในวัยมัธยมกับคุณแม่ เห็นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจแทน จากในรูปถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ใบหน้าและรอยยิ้มไร้เดียงสาของคนตัวเล็กกลับยังเหมือนเดิม
“ไปอาบน้ำสิ คนตัวเหม็นไม่ให้นอนบนเตียงนะ” เจ้าของห้องพูดเสียงแข็ง นั่งลงที่ปลายเตียงหลังจากวางข้าวของเสร็จ
“รู้ได้ไงว่าเหม็นครับตัวเล็ก?” เต๋ายิ้มกรุ้มกริ่ม
“ก็...” รู้ตอนกอดกันไงเล่า!!! เกือบหลุดปากออกไปแล้วเชียวแต่ยังดีที่ยังไว้ทัน “ก็รู้แล้วกันน่ะ ไปอาบน้ำเลยไป”
“แล้วเสื้อผ้าล่ะ ในรถพี่มีแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เอง”
ถึงจะทำท่าทีฟึดฟัด แต่คนตัวเล็กก็เดินไปหยิบเอากางเกงนอนยางยืดมาให้อีกฝ่ายจนได้ แม้ว่ามันอาจจะขาสั้นไปสักหน่อยสำหรับพี่เต๋าน่ะนะ
“แล้วกางเกงใน?”
พอได้ยินคนตัวเล็กก็ถึงกับหน้าขึ้นสี ...จะบ้าหรอ จะมาขอยืมกกน.กันเนี่ยนะ!!!
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ใส่ก็ได้”
นั่นยิ่งแล้วใหญ่!
“ไม่ใส่ได้ไงเล่า!”
พูดจบคนตัวเล็กก็เปิดตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง ก้มๆ เงยๆ อยู่นาน พยายามหาตัวที่ไม่เล็กเกินไป... แต่จะมีได้ยังไง ก็ของเขามันมีอยู่ไซส์เดียวนี่นา
แล้ว..เอ่อ... พี่เต๋าจะใส่ของเขาได้หรอ? -///-
เต๋าแอบอมยิ้มมองแผ่นหลังของคนตัวเล็ก... ใจจริงก็อยากจะแกล้งต่ออีกสักหน่อย แต่พอดีกว่า เดี๋ยวเจ้าตัวโกรธเข้าจริงๆ แล้วจะต้องมาตามง้อหนัก
“ล้อเล่นน่ะคชา... พี่มีบ็อกเซอร์อยู่แล้ว นี่ไง” พูดจบร่างสูงก็ชูบ็อกเซอร์สีดำในมือ คว้าผ้าเช็ดตัว แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้คนตัวเล็กยืนฮึดฮัดอยู่ตรงนั้น
เชอะ! บังอาจมาแกล้งเรา คอยดูเหอะ เดี๋ยวจะเอาคืน
เสียงซู่ซ่าดังออกมาจากห้องน้ำ คนตัวเล็กที่กำลังนึกหาวิธีเอาคืนแอบลอบมองประตูบานเกล็ดบานนั้นอยู่เงียบๆ คชาเอนตัวลงนอนกับเตียงนุ่ม เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกองยับยู่ยี่นั่น… มันเป็นของขวัญวันเกิดจากรุ่นพี่ปีสี่คนหนึ่งตอนที่คชากำลังเรียนอยู่ชั้นปีสอง เขาแอบตั้งชื่อเล่นให้ว่า ‘กาแฟ’ ตามสีของมัน
ภาพในหัวนึกย้อนไปถึงวันนั้น... วันที่เขาได้รับเจ้าตุ๊กตาตัวนี้จากรุ่นพี่รูปหล่อต่างคณะ พร้อมด้วยคำพูดที่ทำเอากลั้นยิ้มไม่ได้
‘ขอให้เจ้าของน่ารักแบบนี้ตลอดไปนะครับ... แต่อย่าน่ารักไปกว่านี้เลย แค่นี้ก็รักจะแย่แล้ว’
ตาเรียวเล็กเหล่มองไปที่บานประตูห้องน้ำอีกครั้งพลางใช้แขนเล็กกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น ริมฝีปากบางลอบยิ้มดีใจ โล่งอกเล็กๆ ที่คนที่ให้มาไม่ได้สังเกตเห็นว่ามันนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนอนนี้
ขืนพี่เต๋าเห็น ได้รู้หมดพอดีว่าเรานอนกอดตุ๊กตาเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน
นึกได้ดังนั้นก็รีบเอาเจ้ากาแฟไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าทันที
กว่าคนสองคนจะอาบน้ำเสร็จก็ปาเข้าไปตีหนึ่งเศษ... คนตัวเล็กง่วงแสนง่วง แต่ถึงอย่างนั้นบรรยากาศในห้องนอนที่มีอีกคนมาอยู่ด้วยมันกลับทำรู้สึกอึดอัดเสียไม่ได้
ห้องไม่ได้เล็กไป แต่บรรยากาศสองต่อสองในห้องนอนมันชวนให้รู้สึกวาบหวิวในอกเสียมากกว่า
“เดี๋ยวชานอนข้างขวา พี่นอนข้างซ้ายนะ” ยังคงพูดเสียงแข็งอีกตามเคย
“ครับ” ร่างสูงขานรับพลางล้มตัวลงฝั่งซ้ายตามที่อีกคนจัดแจง ห่มผ้าห่มสีชมพูที่คุณแม่ของคชาเอามาให้เพิ่ม คชาปิดไฟในห้องลง ก่อนจะอาศัยความเคยชิน บวกกับแสงที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อเดินมายังเตียงอีกฝั่ง ร่างเล็กล้มตัวลงนอน เว้นระยะห่างจากอีกคนชนิดไม่ให้ไปโดนตัวกันโดยบังเอิญ
“ฝันดีนะตัวเล็ก” คนตัวโตนอนตะแคงข้าง พูดกับอีกคนแม้จะไม่เห็นหน้าเพราะความมืดที่ปกคลุม มือเรียวยื่นไปลูกศีรษะเจ้าตัวเล็กเบาๆ อีกตามเคย
ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เต๋าได้มีโอกาสพูดคำนี้โดยไม่ผ่านเครื่องมือสื่อสารใดๆ
“ครับ ฝันดี” คนตัวเล็กตอบเอื่อยๆ... แต่ในใจกลับยังเต้นรัว พยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ให้ตัวเองหลับลงได้ไวๆ
- - - - - - - - - - - - - - - - -
แสงสว่างที่ลอดเข้ามาตรงรอยต่อระหว่างผ้าม่านสีครีมทำเอาคนตัวเล็กต้องเอาผ้าห่มมาคลุมปิดหน้าเอาไว้ ก็รู้ว่าสายโด่งแล้ว แต่จะเป็นไรในเมื่อวันนี้ไม่ใช่วันเรียน คนตัวเล็กขยับกอดซุกเจ้ากาแฟให้แน่น แต่ว่า...
ทำไมวันนี้เจ้ากาแฟมันตัวใหญ่จัง แถมไม่นุ่มนิ่มเหมือนเดิมแล้ว...
แต่ช่างเหอะ ตอนนี้คชากำลังหลับสบาย ทำไมจะต้องสนใจอย่างอื่นด้วยเล่า จริงไหม?
ส่วนเต๋า ตื่นได้สักพักแล้ว…
แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ฝันดีเสียด้วยที่ตื่นมาก็เจอเจ้าตัวเล็กนอนหลับตาพริ้ม แถมยังแขนเล็กยังกอดตัวเขาไว้แน่นราวกับเด็กหวงของ แต่ครั้นพอจะขยับตัวมองเจ้าตัวเล็กให้ถนัดก็มีเสียงงัวเงียเบาๆ จากเด็กน้อย
“อย่าดิ้นสิกาแฟ...”
ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกฉุนเล็กน้อย กาแฟคือใคร? อย่างไรก็ตามคงไม่ใช่ชื่อที่ตัวเล็กใช้เรียกเขาแน่ๆ ก็ตัวเขาออกจะขาวสว่างขนาดนี้
คนตัวเล็กเขยิบเข้าหาเจ้ากาแฟในความคิดอีกครั้ง ซุกอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ทว่ากลับเป็นฝ่ายร่างสูงที่ผละออกจากอ้อมแขนเล็ก... ก็แค่อยากให้เจ้าตัวเล็กนี่ตื่น แล้วบอกมาซะดีๆ ว่ากาแฟที่พูดถึงคือใครหรืออะไรกันแน่?
นอนกอดแน่นขนาดนี้... ขอให้เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คนก็แล้วกัน
“คชา.. ชา.. ตื่นได้แล้วครับ”
คนตัวเล็กได้ยินเสียงเขาก็เอามือขยี้ที่ดวงตา กะพริบตาถี่ๆ ให้ชินกับแสงสว่าง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาแบบไม่เต็มตาสักเท่าไหร่
“สายแล้วครับตัวเล็ก”
แม้จะมองไม่เต็มตา แต่จากเสียงและภาพตรงหน้าก็รู้ได้ชัดเจนว่านี่คือพี่เต๋าแน่ๆ สมองย้อนนึกไปถึงเมื่อวานจนจำได้ว่า พี่เต๋ามานอนอยู่ข้างๆ เขาทั้งคืน!
คนตัวเล็กค่อยๆ เปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่ง มองพี่ชายคนพิเศษอย่างไม่คุ้นชินนัก
“อรุณสวัสดิ์ครับตัวเล็ก… สายแล้วนะ”
“อือ” ตอบเสียงเบาๆ ในลำคอ ก็เพิ่งตื่นนอนนี่นา... เต๋าเห็นแล้วจากที่ว่าจะถามถึง กาแฟ จึงต้องพักเอาไว้เสียก่อน มือเรียวขยี้ผมเด็กน้อยที่กำลังยุ่งให้ยุ่งยิ่งกว่าเดิม
“งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนละกัน... ตัวเล็กนอนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่อาบเสร็จจะมาปลุกใหม่”
- - - - - - - - - - - - - - - - -
กว่าคนตัวเล็กจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ลงมาทานข้าวก็เกือบเที่ยงวันแล้ว วันเสาร์แบบนี้เป็นวันที่คชาชอบที่สุด เพราะไม่มีเรียน แถมยังได้อยู่ทานข้าวกับคุณแม่อีกด้วย ที่สำคัญยังสามารถทำตัวชิลๆ ได้เพราะยังไงซะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอีกหนึ่งวัน
แต่ดูวันนี้จะพิเศษเป็นสองเท่า เพราะมีใครอีกคนมานั่งร่วมวงทานข้าวด้วยนี่สิ
“นั่งลงสิลูก... พี่เต๋าเขารอทานพร้อมเราอยู่”
ร่างเล็กหยิบจานข้าวพร้อมด้วยช้อนส้อมมาเสร็จก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามอีกคน ตักไส้กรอกชิ้นยาวจากตรงกลางมา กำลังจะบีบซอสมะเขือเทศสีแดงสดใส่จานแต่ก็ดันไปเห็นอีกอย่างเสียก่อน
“โห... วันนี้มีไข่ตุ๋นด้วย” ที่พูดไม่ใช่ไม่ชอบ.. แต่เพราะมันแปลกตาต่างหาก ปกติคุณแม่ของคชาไม่ค่อยได้ทำเมนูนี้สักเท่าไหร่เพราะแม่บอกว่ากะปริมาณน้ำไม่ถูก แต่ไหงวันนี้หน้าตามันน่าทานซะขนาดนี้ สีเหลืองนวลกำลังดีแถมยังมีแครอทกับหมูสับชิ้นเล็กๆ โรยหน้าอยู่ด้วย
“ไข่ตุ๋นนั่นพี่เต๋าเขาทำน่ะลูก ไส้กรอกกับขนมปังนั่นก็ด้วยนะ”
ใบหน้าหวานช้อนมองอีกคนอย่างอึ้งๆ เคยได้ยินอีกฝ่ายพูดเหมือนกันว่าเคยอยากเป็นเชฟ... ดูจะพอมีเค้าจริงๆ ด้วยแฮะ
อา... แต่น่าทานไม่ได้หมายความว่าจะอร่อยเสียหน่อย อาจจะรสชาติไม่ได้เรื่องก็ได้
คิดได้ดังนั้นช้อนยาวก็จ้วงเอาไข่ตุ๋นในชามกลมๆ เข้าปาก มันเค็มนิดๆ กำลังดีแล้วก็นุ่มละมุนลิ้นเอามากๆ เลย
“อร่อยไหมชา?” เสียงนุ่มถามคนตัวเล็กที่กำลังลิ้มรสมือของตัวเอง ตาคมจ้องมองอย่างมีความหวัง
“ก็...ดี” เสียงเล็กเอ่ยอ้อมแอ้ม จริงๆ ก็อร่อยแหละ แต่ถ้าตอบไปแบบนั้นก็เขินแย่สิ!
“แหม... เคี้ยวซะท่าทางอร่อยเชียว ก็ดีเองหรอลูก คนทำเขาเสียใจแย่” แต่ฝ่ายผู้เป็นแม่กลับทักท้วง... คนเป็นแม่มีหรอจะไม่รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคิดอะไรอยู่น่ะ หึหึ
“ก็...อร่อยก็ได้” สุดท้ายก็จำใจพูดออกมา แต่ยังมีแถมคำว่า ‘ก็ได้’ ให้ดูเหมือนงั้นๆ ซะอีก
ถึงอย่างนั้นคนทำอย่างนายเต๋าก็ยังแอบอมยิ้มกับคำพูดรวมถึงท่าทางน่ารักๆ นั่นอยู่ดี
แต่ว่า... ถึงตัวเล็กจะน่ารักขนาดไหน สิ่งที่ค้างคาใจนายเต๋าที่สุดกลับเป็น...
“กาแฟ...”
อยู่ดีๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมา ลอบสังเกตท่าทีคนตัวเล็กว่าจะมีอะไรผิดปกติไหมแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย “เต๋าจะไปชงกาแฟ ชากับคุณแม่จะเอาอะไรไหมครับ?”
“ไม่ล่ะจ้ะ” คุณแม่ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยยิ้มๆ
“ชาเอาโกโก้” ร่างเล็กพูดสั่งอย่างเอาแต่ใจเสร็จก็เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างทองไม่รู้ร้อนตามเคย... เห็นแล้วมันน่าหยิกแก้มขาวๆ นั่นให้หายหมั่นเขี้ยวสักทีสองที
โทษฐานทำนายเต๋าคิดมากเรื่อง ชากับกาแฟ!
ว่าแต่... สรุปแล้ว ‘กาแฟ’ มันคืออะไรกันแน่ล่ะเนี่ย???
TBC
ใครชอบ อยากอ่านต่อก็เม้นกันหน่อยน้า ไม่ต้องเม้นยาวก็ได้
อยากรู้ว่าคนอ่านคิดยังไง ชาเอาแต่ใจไปไหม? อะไรแบบนี้
แต่ที่รู้ๆ พี่เต๋าโคตรเป็นคนดีเลยเนอะ ฮ่าๆๆ (ดีจนคิดว่า เราแต่งให้พี่เต๋าดีเกินไปไหมนะ)
ยังไงก็ตาม 1 คอมเม้นของคนอ่าน=1 กำลังใจของเรานะ
ขอบคุณทุกคนค่า <3
ความคิดเห็น