ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ☆ My Sassy Boy|รักนะ...เจ้าตัวร้าย ☆

    ลำดับตอนที่ #2 : My Sassy boy ☆ 01

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ย. 54


    My Sassy boy ☆ 01









    ชีวิตพนักงานบริษัทคนหนึ่ง เข้างานสิบโมงเช้า เลิกงานหกโมงเย็น แต่ได้กลับบ้านจริงๆ ก็สองสามทุ่ม หรือบางทีก็สี่ทุ่ม คุณคิดว่าเขาคนนั้นควรจะทำอะไรต่อดี?

    รีบกลับบ้าน ไปนอนเอาแรงมาทำงานวันพรุ่งนี้ใช่ไหม?

    แต่ไม่ใช่กับชีวิตของนายเศรษฐพงษ์ เพียงพอหรอก

     

     

     

    หนุ่มหน้าหล่อจอดรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นของตัวเองลงเลียบถนนใหญ่  หลังจากเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จปุ๊บ ก็รีบบึ่งรถมาที่นี่ปั๊บเลย  คงจะเป็นโชคดีของเขาล่ะนะ ที่ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กทำงานที่มหาวิทยาลัยต่อจนย่ำค่ำแบบนี้ ซึ่งตรงกับเวลาเลิกงานของเขาพอดี เลยได้มารับเจ้าตัวเล็กคนนี้กลับไปส่งที่บ้านก่อน

    นิ้วเรียวกดที่หน้าจอสัมผัส ส่งข้อความหาคนที่กำลังมารอรับด้วยความยินดี

    พี่จอดรถรออยู่ป้ายรถเมล์หน้าคณะแล้วนะ

     

    ไม่นานหลังจากที่ข้อความถูกส่งไป คนตัวเล็กในชุดนักศึกษาที่ชายเสื้อลุ่ยออกมานอกขอบกางเกงเล็กน้อยก็เดินมาที่รถ เปิดประตูแล้วนั่งจ๋องเป็นตุ๊กตาหน้ารถทันที

    “เหนื่อยไหม?”  เสียงทุ้มเอ่ยถาม  น่าตลกดีนะ ทั้งๆ ที่คนเหนื่อยกว่าน่าจะเป็นตัวเองที่ทำงานหนักมาทั้งวันมากกว่านักศึกษามหาวิทยาลัยตัวเล็กนี่แท้ๆ  แต่เขาก็กลับถามมันออกไป

    “เหนื่อยสิ เมื่อยตัวจะแย่แล้ว”  พูดเสียงแข็งพลางทิ้งตัวให้จบกับเบาะหนังแสนนุ่มของรถยนต์

    “ให้พี่นวดให้ไหม?”

    “ก็ได้... แต่ไม่เอาตรงนี้นะ ไว้ถึงบ้านก่อน”

    กลัวเพื่อนเห็น... เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ จอดรถรับก็ได้แค่ริมถนน จะเดินเข้าไปหาในตึกก็ไม่ได้ 
    ไม่รู้ว่าเพราะคชาไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองอยู่กับเขา หรือเพราะเขินเพื่อนกันแน่  เอาเป็นว่านายเต๋าคนนี้จะคิดว่าเป็นอย่างหลังก็แล้วกัน


    “โอเค”  พูดพลางสตาร์ทรถให้เคลื่อนที่ ขับมุ่งหน้าไปยังบ้านของเจ้าตัวเล็กที่กำลังเอนเบาะหลับตาเคลิ้มอยู่นี่ล่ะ 

    มือยาวเอื้อมไปกดปุ่มเปิดเพลงเบาๆ คลอให้คนที่กำลังจะนิทราได้หลับสบาย  ก่อนจะลากมือข้างนั้นมาขยี้ศีรษะคนตัวเล็กเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

    คนอะไร.. หัวยุ่งขนาดนี้ยังน่ารักเลย

     

     

     

    ระยะทางเท่าเดิม แต่ท้องถนนในเวลานี้ซึ่งโล่งกว่าปกติ จึงทำให้รถยนต์สีขาวแล่นมาถึงบ้านหลังนี้โดยใช้เวลาไม่นานนัก

    ร่างสูงหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว  เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยพลางแอบลูบหัวยุ่งนั่นเบาๆ อีกครั้ง ริมฝีปากหนายกยิ้มเมื่อเห็นเด็กเอาแต่ใจคนเดิม กลายเป็นเด็กน้อยไปเสียแล้ว

    ว่าแต่... เขาควรจะทำยังไงกับเด็กน้อยคนนี้ดีล่ะ?


    ร่างสูงลงจากรถ กดกริ่งหน้าบ้าน... ไม่ช้า คุณแม่ของเด็กน้อยก็เดินออกมาเปิดประตูต้อนรับ... คงเป็นโชคดีของนายเต๋าล่ะมั้งที่สามารถมารับมาส่งคชาได้ที่บ้านอย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องกังวลเหมือนกับที่มหาวิทยาลัย  เข้าหาผู้ใหญ่เก่งซะอย่างนี่นะ

    อีกอย่าง... มันก็ตั้งสี่ปีแล้วที่เต๋าเวียนเข้าเวียนออกบ้านหลังเล็กตรงหน้าหลังนี้นี่!  คอยมารับมาส่งตั้งแต่เจ้าตัวเล็กเป็นเฟรชชี่ จนตอนนี้ใกล้จะจบเป็นบัณฑิตกับเขาแล้ว  วันเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน


    “สวัสดีครับคุณแม่... ชาหลับอยู่น่ะครับ” ประนมมือไหว้ผู้ใหญ่พร้อมแย้มยิ้ม แล้วอย่างนี้ฝ่ายคุณแม่จะไม่รับไหว้ได้ยังไงกันเล่า

    “ลำบากเต๋ามาส่งคชาอีกแล้ว ขอบใจมากนะจ๊ะลูก”

    “ไม่เป็นไรครับ... งั้นเดี๋ยวผมพาคชาเข้าบ้านนะครับ”  เสี้ยงทุ้มพูดเสร็จก็เดินกลับมาหาคนตัวเล็กที่นอนสะลึมสะลืออยู่ที่เบาะ  “ตัวเล็ก..ถึงบ้านแล้วครับ ตื่นเร็ว”

    คนตัวเล็กงัวเงีย “อือ...” ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอตอบกลับ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาเลย  ฝ่ายเต๋าจึงค่อยๆ พยุงเจ้าตัวเล็กขึ้นมา พยุงตัวเด็กน้อยให้ไปนอนหลับสบายต่อในบ้านของตัวเอง

     

     

    “ลำบากเต๋าอีกแล้ว  แม่ต้องขอบคุณมากๆ นะจ๊ะ  ไปรับคชามาแล้วยังต้องลำบากพาเข้าบ้านอีก”  หญิงวัยกลางคนพูดพลางทอดสายตาไปยังบุตรชายที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟาตัวยาวในบ้าน

    “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมเต็มใจ”  ใบหน้าหล่อเอ่ยยิ้มๆ

    “แม่ล่ะหนักใจจริงๆ ที่ต้องลำบากเต๋าอยู่เรื่อย...”

    “ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ... งั้นดึกแล้ว ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ ลาล่ะครับ”  พนมมือไหว้คุณแม่พลางเหล่สายตาไปมองเด็กน้อยบนโซฟาสีดำตัวยาว  ร่างสูงเดินออกจากบ้านไปโดยมีคุณแม่ตามออกไปส่งที่หน้ารั้ว

    หารู้ไม่ว่าเจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่กำลังนอนขมวดคิ้วขัดใจที่ใครบางคนไม่ยอมนวดให้ตามสัญญา

    เปล่านะ.. คชาเปล่าแกล้งหลับ  แค่อยากพักผ่อนสายตาบ้างไม่ได้หรือไงเล่า!

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

    เลิกงานแล้วมารับที่หอต้นด้วย’ 

    นิ้วเล็กพิมพ์ข้อความในแอพพลิเคชั่น WhatsApp เสร็จก็กดส่งไปถึงใครบางคนทันที  ใบหน้าแอบบูดบึ้งเล็กน้อยเมื่อย้อนนึกถึงหลายวันที่ผ่านมาอีกฝ่ายปฏิเสธที่จะมารับ  ขอโทษทีพี่งานเยอะ ชากลับไปก่อนเถอะ ...คงเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง ร่างเล็กถึงจัดแจงมาทำรายงานที่หอของเพื่อนซี้อย่าง ต้น ซะเลย

    ก็อยากจะรู้นักว่าพี่เต๋าจะเลิกงานดึกขนาดไหนกัน?
    หรือสามสี่วันที่ผ่านมามันเป็นข้ออ้างกันแน่
    !





    คชานั่งมองบทสนทนาใน WhatsApp ของตัวเองกับใครอีกคนที่ไร้วี่แววการตอบสนองก็เริ่มหน้าบูด  นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วนะ... ส่งไปตั้งแต่หกโมงเย็นไม่ยอมตอบมาสักที

    “นั่งมองอยู่ได้ อยากคุยก็โทรไปสิ” เห็นนั่งจ้องโทรศัพท์ของตัวเองตั้งนาน...เพื่อนซี้อย่างต้นเลยอดหงุดหงิดแทนไม่ได้ หรืออันที่จริงอาจจะอดหมั่นไส้ในความฟอร์มจัดของเพื่อนตัวเองไม่ได้มากกว่า

    “เปล่าซะหน่อย” พูดจบก็รีบกดปิดหน้าจอให้มืดลงพลางรีบหันไปหาเพื่อน  “มา.. ทวนรายงานกัน”

    “รอบที่สาม?”

    “เออ... จะได้ดูไงว่าพิมพ์ผิดตรงไหนไหม หรือจะแก้ตรงไหนอีก”

    “จะถ่วงเวลารอพี่เต๋ามารับก็บอกมาเหอะ”  ต้นพูดจาหน่ายๆ ...โกหกไม่เก่งก็ยังจะแถไปได้อีก เพลียเหลือเกิน

    “ไม่ได้รอสักหน่อย ใครรอ.. จะบ้าหรอ”  คนตัวเล็กพูดไปก็หลบสายตา เหมือนเด็กที่โดนจับโกหกได้ไม่มีผิด

    “เพื่อนกันยังจะต้องมาเก๊กไรอีกว้า... เพื่อนมีแฟนเราก็ดีใจ”

    “ก็บอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันๆ ไงเล่า”  ร่างเล็กเถียงขาดใจ ไม่ยอมแพ้เพื่อนหน้าคมที่ทำท่าเหลือเชื่อสุดๆ

    “จะบ้าหรอ.. พี่เขาจีบแกตั้งแต่ปีหนึ่งนะ.. ยังไม่เคยขอแกเป็นแฟนเลย?”

    คนตัวเล็กเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม... “ก็...เคย” 

    “แต่ตอนนั้นไม่ได้ตอบตกลง?”

    ใบหน้าขาวไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้าลงเบาๆ ก็เป็นอันรู้ความหมาย ก็ตอนนั้นมันยังไม่พร้อมนี่หว่า คชาคิดในใจแต่ไม่ได้ตอบเพื่อนรักออกไป

    ต้นมองเพื่อนซี้ทำหน้ามู่ทู่แล้วก็อดส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจไม่ได้  “แกนี่มันจริงๆ เล้ย... เอาเหอะ แต่ก็ยินดีด้วยที่พี่เขารักแกจริงไม่ทิ้งไปไหน”


    “ไม่ทิ้งอะไรกัน...”  เสียงเล็กบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ใกล้กันแค่นี้มีหรือจะไม่ได้ยิน “แล้วรักตรงไหนกัน ไม่เห็นจะรู้เลย...”
     

    “คชา... การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดนะเว่ย”


    “แต่ของอย่างนี้ ไม่บอกมันก็ไม่รู้หรอกนะ”
     

    คชาก็แค่ไม่อยากคิดไปเอง ทึกทักไปเองว่าที่พี่เต๋าทำไปเป็นเพราะรักจริงๆ ...รัก ในฐานะที่มากกว่าพี่น้องกัน


    ร่างเล็กส่ายหัวแรงๆ ราวกับจะปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากสมองให้หมด ก้มมองเวลาในโทรศัพท์อีกครั้งก็พบว่าอีกไม่กี่นาทีจะสี่ทุ่มเสียแล้ว  คิ้วขมวดพันกันยุ่ง แต่ก็ตัดสินใจพิมพ์ข้อความอีกอันส่งไปหาปลายทางคนเดิมอีกครั้ง

     

    ไม่ต้องมารับแล้ว คืนนี้จะนอนหอต้น

    เรื่องอะไรคนอย่างคชาต้องมานั่งรอแบบนี้ด้วยเล่า ชักจะมีอิทธิพลต่อหัวใจชามากไปแล้วนะ

    ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจคนเดิมจะกลับมาซะแล้วสิ!

     

     

     


     

    “จะนอนค้างนี่ก็ไปอาบน้ำสิวะ”  ต้นบ่นแกมเหวี่ยงกับคชาเช่นเคย... ใช่สิ ก็นี่มันครึ่งชม.กว่าแล้วหลังจากที่เพื่อนตัวดีบอกจะค้างที่นี่  แต่เจ้าตัวก็ยังนั่งนิ่งไม่ต่างอะไรจากตอนแรกสักนิด

    “เออ.. เดี๋ยวค่อยอาบน่ะ”

    ต้นได้แต่ส่ายหัวเบาๆ อีกตามเคย... ถึงจะส่งข้อความไปบอกว่าไม่ต้องมารับแล้วแต่ใจก็ยังรออยู่ดีสินะ



     

     

    ไม่ใช่ไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วตัวเองก็ยังรอพี่เต๋าคนเดิมมารับอยู่  แต่รู้อยู่เต็มอกเลยต่างหาก โดยเฉพาะในตอนนี้ที่คชาหัวใจเต้นรัวเมื่อได้ยินเสียงกริ่งที่หน้าห้องดังแบบนี้

    - - ติ๊งต่อง - -


    เจ้าของห้องก็เหมือนจะรู้งาน  ไม่สนใจใยดี แกล้งทำตัวยุ่งอยู่ซะอย่างนั้น  ร่างเล็กจึงค่อยๆ เดินไปส่องตรงช่องตาแมวนอกประตูแทน

    เห็นแค่เสื้อเชิ้ตลายทางสีเทาดำก็จำได้แล้ว... แล้วยังมือเรียวขาวๆ นั่นอีก 

    คชาสูดลมหายใจเข้าลึก กำลูกบิดประตูแน่น ในหัวสรรหาถ้อยคำที่จะโต้ตอบพี่ชายคนเดิมที่มาหายามวิกาลขนาดนี้ทั้งๆ ที่ฝ่ายตัวเขาเองบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว

    ยืนคิดไม่นาน มือเล็กก็เปิดประตูออกไป...

     




     


     

    ใบหน้าหล่อเหลาคุ้นตายืนรออยู่ตรงหน้าห้อง 910 เหมือนทุกครั้งที่เคยมา หากแต่วันนี้บนหน้าขาวๆ ที่กำลังมองมาที่คชากลับดูซีดเซียวกว่าเคย ทั้งรอยคล้ำใต้ตาตัดกับสีผิวขาวซีดของเจ้าตัว และท่าทางอิดโรยเหมือนคนอดนอนมาหลายวัน

    แต่ถึงอย่างนั้น ทิฐิของคนตัวเล็กก็มีมากเกินกว่าจะเอ่ยถามมันออกไป


    “ชาบอกแล้วไงว่าจะนอนหอต้น”  คนตัวเล็กเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก


    “เปล่า... พี่ไม่ได้มารับ”  คชาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด  ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดต่อราวกับไม่สนใจมัน


    “พี่แค่อยากเจอหน้าตัวเล็กให้หายคิดถึงแค่นั้นเอง เดี๋ยวพี่ก็ไปแล้ว ไม่กวนนานหรอก”
     
    พูดจบรอยยิ้มอบอุ่นก็เผยขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่มีท่าทางอิดโรยอย่างหนัก  ดวงตาคู่คมจ้องมองร่างเล็กด้านหน้าราวกับจะเก็บเกี่ยวทุกวินาทีตรงหน้าให้นานที่สุด


    พี่ขอกอดชาหน่อยสิ” 
    เต๋าพูดจบ ทิ้งระยะให้อีกฝ่ายตอบแต่กลับเงียบ คนตัวเล็กยืนนิ่ง หลบสายตาราวกับจะซ่อนความคิดของตัวเองจากอีกฝ่าย


    พี่เต๋าบ้า... จะกอดก็กอดเลยสิ ทำมาเป็นขอกะจะให้เราเขินรึไงกัน?
    -///-


    เห็นท่าทีอย่างนั้นแล้ว  ร่างสูงจึงอ้าแขนแกร่งโอบอีกฝ่ายเอาไว้อย่างแน่นหนา  ...ก็สำหรับคนปากแข็งอย่างคชาน่ะ ต้องยึดหลักถ้าไม่ปฏิเสธแปลว่าอนุญาต


    ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นกว่าเดิมเมื่อหัวทุยของรุ่นพี่คนเดิมกำลังซุกไซ้อยู่แถวซอกคอของเขา
      กลิ่นเหงื่อที่ปะปนกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ ของร่างสูงแตะจมูกจนคนตัวเล็กเกิดอาการใจเต้นรัว  ใบหน้าหวานพยายามเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นเลย


    “ขอโทษนะที่สองสามวันมานี่ไม่ได้มารับตัวเล็กเลย... งานมันไม่ผ่าน มีประชุมกะทันหัน แก้งานอีกยกใหญ่... แล้วนี่พี่จะบ่นให้คชาฟังทำไมเนี่ย ช่างมันเหอะ”


    พูดจบคนตัวโตก็คลายอ้อมกอดอบอุ่น  “นี่มันก็ดึกมากแล้ว พี่ไม่กวนคชาดีกว่า”  ยื่นมือขาวมาลูบศีรษะเล็กเบาๆ เช่นเคย  “พรุ่งนี้พี่ว่างแล้ว ให้มารับตัวเล็กกลับบ้านไหม?”


    พี่เต๋าบ้า...ไม่รู้รึไงว่าเราแค่ประชด
     

    “ไม่ต้องมารับ เปลืองน้ำมัน เปลืองทรัพยากรโลก”
    แม้จะเอ่ยเสียงแข็งราวกับจะไม่ยอมท่าเดียว  แต่พอเห็นใบหน้าเจื่อนๆ กับท่าทางเหน็ดเหนื่อยเป็นทุนเดิมของอีกคนแล้วก็ใจอ่อนจนได้ล่ะน่า


    ก็ได้... ครั้งนี้จะยอมให้วันนึงเพราะเห็นว่าทำงานมาหนักนะ
     

    “รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวชาไปหยิบของก่อน”


    ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร  คนตัวเล็กก็รีบหันหลังไปเปิดประตูที่มีติดไว้ว่า
    910 บานเดิมโดยฉับพลับ



    “ต้น!!!” 
    อุทานเสียงดังเมื่อพบว่าเพื่อนรักกำลังยืนประจันหน้าอยู่ใกล้ขนาดนี้  อย่าบอกนะว่ามาแอบดูแอบฟังฉากเมื่อกี๊ทั้งหมดน่ะ
    !

    “กระเป๋าแกอยู่บนโต๊ะนู่นแน่ะ กลับบ้านดีๆ นะคชา... ขับรถดีๆ นะครับพี่เต๋า”  ต้นพูดพลางส่งยิ้มไปให้พี่ชายคนพิเศษของคชา ราวกับจะบอกว่า คชามันก็ทำฟอร์มไปอย่างนั้นแหละครับ จริงๆ มันเขิน อิอิ









    T B C

    ใครชอบ อยากอ่านต่อ ก็เม้นกันหน่อยน้าาาาา
    ขอบคุณทุกคนค่า ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×