ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #15 : แปลกหน้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 450
      17
      7 ก.ค. 62

      



    ปู่อินทร์ ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่เคยหลงเข้ามาในมิตินี้  แม้เขาเคยหลงเข้าไปใน ปิยากิออ แค่

    พักเดียว ตอนนี้เขามั่นใจได้เลยว่ามันคนละที่กับตรงนี้แน่  ทั้งผืนป่าก็ดูแปลกตาต่างกัน และที่เขารู้ตอน

    นี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ปิยากิออ ไม่ได้มีแต่ต้นไม้อย่างที่คิด มันคงมีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนในโลก อย่าง

    น้อยก็ได้เห็นสัตวที่มีเหมือนบนโลกแล้ว เพียงแต่มันมีขนาดใหญ่มากถ้าเทียบกับบนโลกเท่านั้นเอง  

    และ มันถึงได้มีการบันทึกไว้ว่าใครที่หลุดเข้ามาจึงได้ตายเพราะสัตว์พวกนี้ เพราะมันมีขนาดใหญ่มาก

    นั่นเอง แล้วทำไมพวกเขาที่เข้ามาในนี้ได้ ร่างกายทำไมถึงไม่ใหญ่โตขึ้นบ้าง คงเป็นเพราะผู้ปกครองอยู่

    ที่นี่ คงไม่ต้องการให้มนุษย์ที่หลุดเข้ามา มีวิวัฒนาการ หรือมีชีวิตรอดอยู่นานที่นี่ เพราะทุกอย่างคงอยู่

    ภายไต้การควบคุมของต้นไม้ที่เป็นใหญ่เท่านั้นเอง 

     ในความคิดเขาตอนนี้ ถ้า ปิยากิออ กว้างใหญ่ไพศาลเหมือนโลกจะทำอย่างไร การค้นหา มัจจิรา  จะ

    เปรียบเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร อาจจะดูน้อยไปในเสียเเล้วในเวลานี้   แล้วทั้งหมดก็ได้นั่งลงปรึกษา

    กันอีกครั้ง  และเรื่องห้วงเวลาที่ห่างกันของสองมิติก็ถูกหยิบยกมาคุยกันเป็นเรื่องแรก ปู่อินทร์ย้ำว่าทุก

    คนต้องยอมรับให้ได้เพราะถึงแม้งานจะทำสำเร็จและได้เดินทางกลับไป อะไรๆก็คงจะไม่เหมือนเดิม  ซึ่ง

    ทุกคนยกเว้นอรัญ 

     
    "  เมื่อตัดสินใจแล้วคงไม่ถอยแน่นอนครับแต่ขอไว้อย่างเดียว ถ้ากลับไปได้ ขอให้ดุจปรายได้เดินทาง

    กลับไปกับเขาด้วย เท่านั้นก็พอครับ  "


    คำพูดอรัญทำให้เธอผู้ถูกพาดพิง หน้าแดงด้วยความเขินอายเป็นยิ่งนัก



    " แล้วเราจะเริ่มจากอะไร กันล่ะ "



    คำถามของ ดุจปราย ถามขึ้นในวงปรึกษา

    ปู่อินทร์ จึงเสนอแนะขึ้น


    " ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าที่นี่ตรงใหน ลองดูจากแผนทีสิ ว่าบริเวรนี้เหมือนกันกับตรงใหนใน

    แผนที่บ้าง "




    อัครชัยหยิบแผนที่ที่เคยคัดลอกจาก ปู่อินทร์มาแต่คราวนี้มีแผนที่มีสองฉบับแล้วเพราะปู่อินทร์

    แกก็ติดตัวของแกเอามาด้วย




    " โอ..น่าจะใช่ครับ ในแผนที่มีผู้ที่หลงอยู่ในนี้หลายปีได้บันทึกไว้ ว่าจุดนี้เป็นน้ำตกสูง น่าจะใช่

    ตรงนี้แหละครับ นี่แปลว่าเรารู้ที่อยู่ของเราแล้วนะครับ"




    อัครชัยส่งเสียงด้วยความดีใจ พร้อมชี้ให้ทุกคนดูจุดในแผนที่นั้น ในแผนที่ผู้วาดได้ทำสัญลักษณ์

    ที่เป็นน้ำตกสูงไว้ตรงนั้น  แต่ทว่า ที่อยุ่ก็ไม่สำคัญเมื่อมีจุดหมายแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด และจะเดินไป

    ทางใด 




    "  แล้วมัจจิรามันน่าจะอยู่ตรงใหนล่ะ "



    นั่นเป็นคำถามของกานต์ที่หาคำตอบยากที่สุด เพราะในบันทึกมีคนพบมัจจิราหลายที่ก็จริงแต่

    ไม่มีจุดใหนเลยที่ผู้บันทึกได้ยืนยันว่าเป็นจุดที่เป็นต้นแม่ของมัน และคำถามนี่ก็ทำให้ทุกคนเงียบ

    และใช้ความคิดอยู่นาน
    และระหว่างความเงียบ เสียงแสดงความเห็นของจามิกรก็ได้เอ่ยขึ้น





    " ถ้าเราลองคิดกันเล่นๆนะคะ  เหมือนแมลง ตัวที่เป็นนางพญาจะมีพื้นที่ที่เหมาะกับตัวมันเองอยู่

    ในอาณาเขตเฉพาะ  เราจะใช้บรรทัดฐานนี้ มาใช้ก้บ มัจจิราได้ไม๊คะ "




    " เรื่อง ที่อยู่ที่ เหมาะสมและดีที่สุดเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วสำหรับผู้ที่เป็นผู้นำหรือนางพญา แต่

    แมลงมีกลุ่มก้อนและอาณาเขตที่เล็ก เราก็พอจะรู้ได้ว่านางพญาของมันน่าจะอยุ่ตรงใหน แต่ดิน

    แดนแห่งนี้มีแต่ต้นไม้ และก็ไม่รู้ว่ามันกว้างใหญ่ไพศาลขนาดใหน จะวินิจฉัยว่าผู้นำมันอยู่

    ตรงใหนไม่ใช่เรื่องง่าย  แล้วยิ่งเราไม่เคยเข้าไปเห็นดินแดนนั้นๆด้วย   จะสุ่มแบบสำรวจไปทั่ว

    จะได้หรือเปล่า มันจะกว้างใหญ่ขนาดใหน แล้วพื้นที่นี่ ก็สูงๆต่ำๆ เป็นภูเขาบ้างลำห้วยบ้าง การ

    ตะเวนหาคงไม่ใช่เรื่อง.... "




    อัครชัยพูดได้เท่านี้ก็ต้องชะงัก เพราะ จามิกร ยกมือห้ามเขาไว้  ทำให้ทุกคนมองมาที่เธอเป็น

    ตาเดียว




    " พอดี จา.สะดุดคำพูดของ หมอนะค่ะ เรื่องที่หมอว่าสูงๆ เป็นไปได้ใหมค่ะว่า มัจจิรา อาจอยู่สูง

    ที่สุดของที่นี่ หมายความว่าถึงต้นของมันอาจจะไม่ได้เป็นพืชที่สูง แต่อาจอยู่ในพื้นที่ที่สูงมาก

    เช่นยอดเขาอะไรยังเงี้ย "




    คำพูด ของจามิกร ทำให้ทุกคนคิด และปู่อินทร์ก็เช่นกัน



    " ก็อาจเป็นไปได้นะ แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าที่ใหนสูง ตามแผนที่ที่มีมา คนบันทึกก็ไม่ได้อธิบาย  

    รายละเอียดว่าภูเขาแต่ละลูกที่มีในนั้นจะสูงเท่าไร ลูกใหนสูงกว่ากัน " 




    ปู่อินทร์กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตุ แต่แสงดาวกลับเข้าใจได้ทันที เกี่ยวกับปัญหานี้



    " อ๋อ ปู่คะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง แสงดาวเคยฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำแผนที่มา การที่เราอยากจะ

    รู้ว่าภูเขาลูกใหนสูงกว่ากัน ให้ดูที่ลำธารหรือแม่น้ำที่ใหลจากที่สูงลงต่ำ ที่ที่เป็นต้นน้ำนั่นแหละ

    ค่ะจะอาจเป็นภูเขาที่สูงที่สุด ในแผนที่ของเราเขาได้แสดงลำธารนำ้ ไว้บ้างเปล่าคะใหนลองเอา

    ดูมาซิ " 





    แล้วทั้งหมดก็ก้มดู แผนที่พร้อมกัน 



    " นี่ไงครับ ลำธารน้ำ เส้นเดียวกับน้ำตกนี่แหละ ถ้าเรามองย้อนไปทางต้นน้ำ มันจะไปทางไต้ คง

    ไปทางเดียวกับบนโลกเลย เหมือนที่ผมเคยบอกว่าแผนที่นี่มันใกล้เคียงกับที่โลกมาก  "




    อัครชัยอธิบาย   



    " ถ้าเป็นจริงอย่างที่ผมเดาถ้าไม่มีอันตรายอะไร เราน่าจะเดินทางไปทางไต้สักสองสามวันน่าจะ

    ถึงต้นน้ำได้  "




    อัครชัยเริ่มคำนวนและอธิบายต่อ



    " ใช่แล้ว จริงอย่างหมอว่า ถ้าแผนที่นี้ใกล้เคียงกับโลกมนุษย์ เต็มที่เราน่าจะเดินไปสองสามวัน

    เพราะต้นน้ำน่าจะเป็นแถวแก่งกระจานที่บนโลก อันนี้ที่บนโลกข้าเคยไปบ่อย และแถวนั้นแหละ

    ที่ข้าเคยพลัดหลงเข้าไป  "



    ปู่อินทร์กล่าว




    " ดีครับสองสามวัน ถึงยังไงคงไม่เสียเวลามาก ยังไงก็คงให้มัน รู้ดำรู้แดง ไปเลย ว่าเราจะเจอ

    กับมันใหม  "




    กานต์สนับสนุน  และทั้งหมดก็ได้ตกลงว่าจะเดินย้อนตามลำธารน้ำตกนี้ขึ้นไปทางไต้ เพื่อไปถึง

    ต้นน้ำและมองหาภูเขาที่สูงที่สุดในแถบนี้ เพื่อจะได้พิสูจน์ข้อสงสัย ว่าภูเขาลูกนั้นมันน่าจะเป็นที่

    อยู่ของ มัจจิรา อย่างที่เขาสงสัยกันใหม 
    และการเดินทางก็เริ่มขึ้น ทั้งหมดเดินผ่านต้นไม้ใหญ่

    แปลกมากๆหลายต้น มันใหญ่เสียจนพวกเขาสะพรึงกลัว บางต้นใหญ่ขนาดหลายร้อยคนโอบ

    แต่ทว่าการเดินทางกลับราบรื่น 

    และใน  สามวัน ทั้งหมด  ก็ได้มาสิ้นสุดที่ต้นน้ำที่ผุดออกจากดินและที่นั่นทำให้ทุกคนมองไปที่ยอดเขา

    ลูกที่เด่นและอยู่ใกล้ต้นน้ำแห่งนี้ 



    " สูงกว่าภูเขาลูกอื่นจริงๆ ด้วย  "



    ปู่อินทร์มองไปทางเขาลูกนั้นและอุปทานขึ้น



    " แต่ผมว่ามันเงียบชอบกลนะ เขาลูกนี้ ถ้ามัจจิรา มันอยู่บนนี้จริง ทำไมไม่เห็นมีสมุนบริวารมาต่อต้าน

    พวกเราเหมือนที่เราสงสัยกันแต่แรกเลย "



    อัครชัยแสดงความเห็น



    " ยังไงก็เหอะ ใหนๆก็มาแล้วอีกไม่เกินชั่วโมงเราก็น่าจะขึ้นถึงยอดมัน แล้วค่อยไปพิสูจน์กัน

    จริงๆแล้วเรื่องการอาศํยอยู่ของมัจจิรา บนภูเขาที่สูงที่สุดของมัจจิราก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่

    รอการพิสูจน์แค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ  มันอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ ก็ได้ "



    ปู่อินทร์ตอบ


    แล้วทั้งหมดก็เริ่มไต่ระดับความสูงของภูเขาขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ใกล้ถึงยอดเขา และตอนนั้น

    ความสูงที่เขาอยู่นั้นได้สูงกว่ายอดเขาทุกลูกที่มองเห็นได้ในบริเวรนั้นทั้งหมด และพวกเขา

    ทั้งหมดก็ได้หยุดอีกครั้งพักที่บริเวรนั้นอีกครั้ง




    " โอโฮ... เห็นไปได้ไกลมาเลยนะคะ ต้นไม้ใหญ่ยักษ์ทั้งนั้นเลย เหมือนอากาศบริสุทธิดีด้วย "



    ดุจปราย อุทาน พร้อมเชิดจมูกขึ้นเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด



    " วิวสวยมากด้วย มองบนนี้เห็นสุดลูกหูลูกตาเลย ถ้ามีกล้องมาด้วยจะถ่ายรูปกลับไปนะเนี่่ย "



    จามิกรก็อีกคน ที่ตะลึงกับมุมสูงที่ได้เห็นนี้ และเธอไม่พูดอย่างเดียว เธอป้องปากตะโกน


     วู้ว....ว



    เสียงของจามิกรดังก้องสะท้อนไปไกลมาก ปู่อินทร์ สะกิดเธอ ว่าอย่าพยามส่งเสียงดังไป เธอ

    ขอโทษ ที่ลืมตัวไปหน่อย เพราะหลงกับธรรมชาติที่ได้เห็นตรงหน้ามาก

    เหมือนผ่อนคลายทุกคนต่างมองไปในทุกทิศและนั่งลงอย่างสบายใจ  แต่ระหว่างนั้น กานต์กับ

    ผุดลุกขึ้นยืนจากที่เขานั่งอยู่  ทันที่ที่ทุกคนเห็นอาการของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ


    จามิกร ที่อยู่ใกล้กับเขาจึงถามขึ้น




    " เป็นอะไรเหรอคะ "



    " ผมว่าผมเห็นอะไรแว๊บๆนะครับ ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่า ทางตะวันตกไกลๆโน่นนะครับ คงไม่ใช่

    นะ เหมือน..โอ๊ะคงไม่ใช่หรอกมันคงจะเข้ามาอยู่ในนี้ไม่ได้หรอก "




    กานต์ ตอบ


    " อะไรเหรอ คะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับในนี้ หรือข้างนอก คุณกานต์สงสัยว่าคุณเห็นอะไรคะ บอกหน่อย "


    คำตอบของ กานต์ ที่กำกวม ยิ่งทำให้ จามิกร สงสัยยิ่งขึ้นไปอีก

    เมื่อถูก แฟนสาวคะยั้นคะยอ เขาจึงตอบขึ้น




    " พอดีว่าผมเหมือนว่าผมเห็น ขบวนรถไฟนะครับ ไกลๆโน้น สงสัยตาฝาดไป รถไฟอะไรจะมา

    อยู่ในนี้ สงสัยว่าเหนื่อยเลยตาฝาด "




    พูดจบเขาก็ยิ้ม นึกขันตัวเอง










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×