ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #14 : สลายปราการ ทางผ่านแห่งมิติ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 472
      14
      7 ก.ค. 62

       


    เมื่อแรงสั่นสะเทือนนั้นแรงมากและเสียงก็ดังลั่นสะท้านไปทั่วทั้งป่าด้านบนเขาก็ได้ยินเสียงนี้เช่น

    เดียวกัน เสียงปืนได้สงบนิ่งลง อรัญและทั้งหมดกระดกหัวขึ้นพร้อมกันทันทีที่รู้ตัวว่าข้างบน

    ไม่ได้สาดกระสุนลงมาแล้วแต่พวกเขาก็ต้องผงะ ด้านขวาของพวกเขา ที่ห่างไปไม่กี่เมตร ต้น

    เหตุของแรงสั่นสะเทือนและต้นเสียงที่พวกเขาได้ยิน เมื่อสักครู่นี้ ปรากฎขึ้น  น้ำป่าจำนวนมาก

    ไหลบ่าลงมาใกล้จะถึงที่พวกเขาก้มตัวอยู่ คงเป็นน้ำที่ได้รับผลจากที่มีฝนตกเมื่อตอนบ่ายจากต้นน้ำทาง

    ไต้ที่พวกเขาเห็น มันใหลจากทางต้นน้ำเหนือกลุ่มพวกเขา ลงมาสู่ที่กลุ่มพวกเขาอยู่อย่างรวดเร็ว  ทุก

    คนไม่ทันที่จะได้ระวังตัว เมื่อไม่เห็นหนทางที่จะหนีไปได้ทันแน่ด้วย สัญชาติญาณพรานป่าเมื่อเจอ

    ปัญหาแบบนี้จึงต้องมีการแก้ปัญหา ปู่อินทร์ตะโกนร้องบอกทุกคน  


    "  เราหนีไม่ทันแน่พวกเรากอดกันไว้ เราจะได้เป็นก้อนกลม อาจจะทำให้พวกเรารอดได้ "




    ไม่มีเวลาตัดสินใจว่าสิ่งที่ปู่อินทร์บอกจะเป็นจริงได้หรือไม่ ทั้งหมดโผเข้าหากันอย่างที่ปู่อินทร์

    บอกทันที และทันทีที่ทั้งเจ็ดคนประสานเข้าด้วยกันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว มวลน้ำป่า

    จำนวนมหึมาก็ถาโถมเข้าใส่กลุ่มก้อนของพวกเขา ทันทีเช่นกัน ทั้งหมดรู้สึกถึงความรุนแรงของ

    กระแสน้ำที่กระแทกเข้าใส่พวกเขาอย่างแรง มันทำให้กลุ่มก้อนของพวกเขาเริ่มกลิ้งไปพร้อม

    กับกระแสน้ำป่า หูพวกเขาได้ยินแต่เสียงของน้ำ ทั้งหมดหลับตากันสนิท ความคิดของทุกคน

    ล้วนแต่คิดว่าแล้วแต่เวรแต่กรรม  แต่รับรู้ได้ว่าระหว่างที่กลิ้งไปกับกระแสน้ำ บางคร้้งไม่ได้อยู่

    ในน้ำตลอด แสดงว่าบางการที่กลิ้งมาลักษณะอย่างนี้อาจทำให้พวกเขาบางคนรอดได้จริงๆ

    อย่างปู่อินทร์บอก นานแค่ใหนไม่รู้ กลุ่มกลิ้งของพวกเขาก็ได้รู้สึกว่าร่างกายไม่ได้กระทบน้ำ

    แล้ว
    แต่หูก็ยังได้ยินเสียงน้ำที่ดังแรงอยู่ และทั้งหมดก็เริ่มลืมตา และทันทีที่ต่างก็ลืมตา ทุก

    คนกลับยิ้มดีใจสุดขีด พวกเขาพบว่าทั้งหมดรอดชีวิต กันทุกคน  และพบว่ากลุ่มก้อนของเขาค้างอยู่

    กับกิ่งของต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง อย่างหมิ่นเหม่และเบื้องล่างต้นไม้นี้ มวลน้ำได้ตกลงสู่เบื้อง

    ล่างเป็นน้ำตกที่สูงจนเขามองปลายน้ำที่ตกลงไปไม่เห็น จึงทำให้เขาได้ยินเสียงน้ำที่ดังขึ้นกว่า

    ที่ตอนที่พวกเขา ใหลมาพร้อมกับมัน 




    " พวกเราโชคดีครับ พวกเรารอดกันทุกคนค่อยๆขยับเดี๋ยวพวกเราจะตกลงไป "



    อรัญ บอกกับทุกคน และทั้งหมดก็ค่อยคลายมือที่กอดและเกี่ยวกันแยกออกจากก่อนกันมาจับที่กิ่งไม้

    ทีละคน เมื่อแยกกันได้หมดแล้ว  กานต์ก็ได้นั่งลงที่รอยแยกของกิ่งไม้กิ่งหนึ่งเขาพึ่งสังเกตุได้

    ว่าต้นไม้ต้อนนี้ใหญ่มาก และทันทีที่เขามองตามกิ่งต้นไม้ไป เขาก็ตาค้าง และร้องลั่น


    "  โอ๊ ดูนี่สิ "


    เขาให้ทุกคนดูตามเขา สิ่งที่กานต์บอก คือต้นไม้ที่ทุกคนค้างอยู่นี้ ลำต้นทอดยาวลงสู่เบื้องล่างซึ่งคาด

    ว่าโคนต้นมันน่าจะอยู่บริเวรปลายของน้ำตก ที่ตกลงไป นั่นแสดงว่ามันมีลำต้นที่มีความสูงมาก และ

    สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึวเพิ่มขี้นก็คือ การสังเกตของทุกคนครั้งนี้ขนาดของลำต้นไม้ต้นนี้ มันใหญ่มากเสีย

    จนเขาคิดว่า ไม่น่าจะต่ำกว่าห้าสิบถึงหกสิบคนโอบเป็นแน่แท้ ทุกคนตะลึงตาค้างกับขนาดของต้นไม้ที่

    ได้เห็น พร้อมทั้งเสียวว๊าบกับความสูงที่อยุ่บนนี้




    " ข้าไม่เคยเห็นต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้เลยในแถบนี้ ฝั่งชายแดนฝั่งนี้ ข้าก็ข้ามมาบ่อยทำไมไม่เคย

    เห็นมันเลย หรือว่า...."




    คำที่สะดุดหยุดของปู่อินทร์ทำให้ทั้งหมดเริ่มคิดได้  และทั้งหมดก็มองไปรอบๆ และก็เป็นจริง

    อย่างที่ทุกคนคิด รอบๆนี้ มีต้นไม้ขนาดใหญ่มากอยู่อีกหลายต้น บางต้นใหญ่มากขนาดเป็นรอ้ยคนโอบ

    ด้วยซ้ำไป



    " เราหลุดเข้ามา  แล้ว "



    สิ้นเสียงปู่อินทร์ ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง รู้สึกตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็มีความประหลาดใจ 

    ระคนกัน 

    สิ่งที่พวกเขาต้องการและค้นหามานาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มาถึง ถึงจะได้เข้ามาเพราะเหตุการอะไรก็ตาม 

    แต่ทว่าความบังเอิญในครั้งนี้กลับผิดความคาดหมายบางประการ มันได้นำคนที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องใน

    เรื่องนี้หลงเข้ามาด้วยอีกสองคน   อรัญรู้สึกว่างงกับสิ่งที่เกิดขึึ้้นอย่างมาก 

    ระหว่างที่แสงดาวโทรศัพก์ไปหาเขา และพูดเรื่องที่จะให้เขามาพาพวกเธอบินสำรวจพื้นที่เกี่ยวกับภูมิ

    ประเทศแปลกๆตามที่เธอบอกนั้น แต่บัดนี้ เขากลับหลุดเข้ามากับพวกเธอด้วย สิ่งเเวดล้อมตอนนี้ที่เขา

    เห็น มันยืนยันให้เขาเชื่อได้สนิทใจในทันที เกี่ยวกับเรื่องที่ทุกคนเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ทั้งที่เมื่อก่อนเข้า

    เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ตอนนี้ หรือว่ามันเป็นพรหมลิขิต ที่จะทำให้เขาต้องร่วมชะตากรรมกับคนกลุ่มนี้

    โดยที่ได้มีความบังเอิญ เป็นตัวชักนำมา 
    ปู่อินทร์ก็งงเช่นกัน เขาเคยหาหนทางมาหลายครั้งมาที่นี่ ไม่

    เคยมาได้ แต่จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ที่เขาคิดว่าเร็วมาก เร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน ทำให้เขาได้เข้ามาเหยียบสถาน

    ที่แห่งนี้อีก



    " ต้นไม้ต้นนี้มันมีลูกด้วย "


    จามิกรร้องบอกพร้อมชี้ ทุกคนมองตามมือเธอที่ชี้ไป  เกือบปลายกิ่งขนาดใหญ่ทุกคนสังเกตุ

    เห็นก้อนกลมๆจุดละสองก้อน ขนาดน่าจะเท่าโอ่งมังกร ได้ ทั้งหมดแปลกใจเรื่องขนาดที่ใหญ่

    มากของมัน แต่ก็คิดว่าต้นใหญ่มีลูกขนาดนี้เป็นเรื่องธรรมดา
    แต่แสงดาวกลับสังเกตุมากกว่านั้น

    เธอเห็นว่ามัน..




    " มะ.มัน เคลื่อนไหวได้... " 


    และทุกคนก็เริ่มสั่งเกตุ วัตถุที่ที่คนคิดว่าเป็นผลของต้นไม้นั้น มันเคลื่อนที่อย่างช้าๆและเริ่มไต่

    ลงมาจากปลายกิ่ง  และที่สำคัญทุกจุดเคลื่อนที่ตรงมาทางกิ่งไม้ที่เขาทั้งหมดอยู่ และเมื่อมัน

    เข้ามาใกล้ในระยะที่สายตาของทุกคนเห็นชัด 




    " มันกลมๆ มีขา มันเดินลงมา มัน หะ. มะ. เหมือน.. แมง..แมงมุมยักษ์ "



    ปู่อินทร์ตะโกนขึ้นเมื่อได้เห็นสิ่งที่คาดว่าแต่เเรกเป็นผลไม้ได้อย่างชัดเจน และทันทีที่สิ้นเสียง

    ตะโกน เจ้าของร่างขนาดยักษ์ที่ทุกคนพึ่งรู้ว่ามันเป็นแมงมุมตัวหนี่งก็ได้กระโจนจากกิ่งไม้กิ่งที่

    เกาะอยู่ เข้าใส่กลุ่มของเขาทันที เป้าหมายของมันคืออัครชัย และไวเท่าความคิด อัครชัยได้

    ปล่อยมือจากกิ่งไม้ที่เกาะอยู่ เข้าจับที่คมเขี้ยวที่ใหญ่โตทั้งสองของมันอย่างทันที ขนาดของมันใหญ่

    มากและมีเรี่ยวแรงอันมหาศาล การผลักดันกันไปมา จนบางครั้งอัครชัยขาเกือบหยุดจากการเกี่ยวอยู่

    กับกิ่งไม้ และยังไม่ทันทีอัครชัยจะทันเสียท่ามัน ร่างของแมงมุมยักษ์ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว สีข้าง

    ของมันถูกเสียบเข้ากับมีดเล่มหนึ่ง ซึ่งด้านนั้น กานต์ซึ่งเกาะกิ่งไม้อยู่ ระหว่างที่กำลังชุลมุนเขา

    ได้ล้วงเข้าในเป้เขาที่อยู่ด้านหลัง และฉวยมีดที่ติดตัวกัน มาจ้วงแทงเจ้าอสุกายร่างยักษ์ได้อย่างทัน

    ท่วงที  และเขายังได้ดึงออกและแทงมันซ้ำๆ ไปอีกหลายครั้ง เจ้าสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ร้องลั่นเนื้อ

    ตัวสั่น สะท้าน และทันทีที่อัครชัยปล่อยมือจากเขึ้ยวของมัน ร่างของมันก็ร่วงลงสู่เบื้องล่าง

    พร้อมห้อยอยู่ ซี่งทั้งหมดคาดว่าคงเป็นใยของมัน ไม่ทันที่จะได้ดูว่ามันตายหรือไม่ เพราะอีกกิ่ง

    ไม้อีกกิ่งหนึ่ง อสุรกายอีกตัวหนึ่งตัวหนึ่งโดดเข้าใส่มาจากอีกทางทันที แต่ตอนนี้กานต์ได้ถือมีด

    รอไว้แล้วอย่างกระชับมั่น ทันที่ที่มันโดดลอยตัวเข้ามา มีดของกานต์ ก็ตวัดสวนไปในทันที ร่าง

    ยักษ์ บาดเข้ากับคมมีดอย่างจัง ประสานกันเป็นแรงบวก  แมงมุมยักษ์ไม่สามารถแม้แต่จะเกาะ

    เหยื่อข้างหน้าที่มันได้หมายตาไว้ ร่างหมุนคว้าง และร่วงลงห้อย สู่เบื้องล่างอีกตัว  และตอนนี้

    อีกสองสามตัวก็กระโจนเข้าใส่มาจากอีกหลายทาง คล้ายกลับจะรุมกินโต๊ะคนทั้งหมด แต่พวก

    มันคิดผิดถนัด เพราะบัดนี้มีดหลายเล่มได้ถูกดึงออกจากเป๊สะพายจากข้างหลังของทุกคนที่มี

    แล้ว เมื่อมันกระโดดเข้าคราวนี้ ระหว่างชุลมุล พวกมันบางตัวได้เสียขาและล่วงห้อยลงสู่เบื้อง

    ล่างทั้งที่ยังไม่แน่นิ่งก็มี และพักเดียวอสุรกาย แมงมุมยักษ์ทั้งหกตัว ก็เพลี่ยงพล้ำกับคนทั้งหมด

    โดยที่พวกเขาไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใดเลยและยังไม่ทันได้หายเหนื่อย ปู่อินทร์ได้บอกให้ทุก

    คนรีบหาทางลงจากต้นไม้ต้นนี้ 




    " หาทางลงกันเร็วอยู่บนนี้ไม่ปลอดภัย " 



    เสียงปู่อินทร์ลั่น 

     
    อรัญกวาดสายตาไปรอบๆ ไม่ปรากฎเห็นแมงมุมยักษ์อีก และด้วยความเหนื่อยจากการต่อสู้เขา

    จึงทัดทานปู่อินทร์ขึ้น




    " คงต้องพักให้หายเหนื่อยก่อนละปู่อินทร์ เมื่อก็ผมหมดแรงกับพวกมันไปเยอะ ตอนนี้ พวกมันเสียท่าเรา

    หมดทุกตัวแล้ว แต่พวกเรากำลังเหนื่อย เดี๋ยวค่อยลงไป ไม่ได้เหรอ"



    " ไม่ได้เราต้องลงไปเดี๋ยวนี้ "


    สียงที่สั่งของปู่อินทร์ ทำให้ทุกคนมองหน้ากัน ที่จริงแล้วทุกคนกำลังเหนื่อย พวกเขาเห็นด้วย

    กับ อรัญมากกว่า

    ปู่อินทร์ เข้าใจดี ว่าทุกคนไม่เข้าใจเขา เขาชี้ไปที่สาย ห้อยตัวแมงมุมยักษ์ เส้นหนึ่ง ทุกคนมอง

    ตาม  และพลันทุกคนก็ต้องตระหนักกับสายตา 



     " ดูสิสายนี่เป็นอะไร มันคือรากไม้  มันไม่ใช่เส้นใยแมงมุมอย่างที่เราคิด ที่นี่จะลงกันได้หรือยัง "

    ปู่อินทร์ไม่ต้องถามอีกครั้ง มีกำลังเท่าไร ทั้งหมดรีบหาทางลงจากต้นไม้ใหญ่ทันที และสักพัก

    ใหญ่ทั้งหมดก็ลงสู่พื้นดิน และเมื่อพวกเขาเเหงนมองขี้นไปมอง ได้เห็นซากแมงมุมเล็กมาก

    แสดงว่าต้นไม้ต้นนี้สูงมากจริงๆ และยังมิทันที่ทุกคนได้นั่งลง เสียงวัตถุกระทบกิ่งไม้ก็ดังขึ้น

    จากด้านบนที่อยู่บนหัวพวกเขา   พวกเขาแหงนหน้าขึ้นไปมอง พลันก็ต้องตกใจ และวิ่งหาที่

    หลบกันวุ่น  ซากไร้ชีวิตของแมงมุม ยักษ์ที่ห้อยร่องแร่งอยู่ หกตัวเมื่อสักครู่นี้ ได้ล่วงหล่นลงสู่

    เบื้องล่าง และหล่นปะทะเข้ากับพื้นดินเสียงดังสนั่น  ร่างทุกตัวแตกกระจาย หลังเหตุการณ์ ที่

    ชวนตื่นตระหนกผ่านไป ทั้งหมดเข้าไปดูซากนั้น ฉับพลันก็ต้องแปลกใจ ซากที่กระจัดกระจาย

    ของแมงมุมยักษ์ที่หล่นลงมาเมื่อสักครู่นี้  ดูจากสายตาตอนนี้ ร่างนั้นแห้งกรัง ราวกับว่ามันน่า
    จะ

    ตายมาแล้วเป็นปีๆ ชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายของร่างมัน บางชิ้นเป็นผุยผงด้วยซ้ำไป 




    " โอ้โฮ .. เป็นไปได้ไงตอนที่ผมแทงพวกมัน มันมีเลือดเนื้อมากกว่านี้นะ และทำไมตอนนี้..."          



    กานต์ อุทาน ด้วยความแปลกใจ

    จามิกรเดินเข้าไปใกล้ๆ และเอาไม้เขี่ยชิ้นซากของพวกมัน




    " จากการที่เห็น รูปร่าง แต่ไม่รวมถึงขนาด แมงมุมนี้คือ ทารันทูร่า แต่ทำไมมันถึงได้ใหญ่

    มโหฬาร ขนาดนี้ได้ หรือว่าเป็นเพราะอยู่มานาน แต่ที่น่าแปลกใจทำไมร่างกายมันไม่มีเลือด

    เนื้อเลย แล้วตอนนั้นทำไมมันถึงกระโจนเข้าทำร้ายพวกเราได้ "





    "" ก็ตอนนั้นมันมีนะสิ "



    เสียงปู่อินทร์ดังขี้น ทั้งหมดต่างหันหน้าไปมองเข้าด้วยความสงสัย                                          



    " ปู่หมายความว่ายังไง  ทำไมปู่เชื่ออย่างนั้นคะ "                                                              


    จามิกรถามปู่อินทร์ขึ้นด้วยความสงสัย                                                                                                                                                                                      

      " จริงๆแล้วข้าก็แค่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ พวกเราลืมไปแล้วว่าที่นี่ที่ใหนหรือ  ระหว่างที่ มันโจมตีเรา

    ทุกตัวมีรากไม้ ห้อยอยู่ ที่ ก้นของมัน และเมื่อมันตาย ข้าคิดว่าไอ้รากไม้นั่นคงดูดกินเลือดเนื้อ

    ของมันไป เพราะคิดว่าร่างกายแมงมุมหมดประโยชน์กับมันแล้ว และคิดว่าถ้าเราเสียท่าให้กับ

    แมงมุมนี้ ถ้าแมงมุมมันกินพวกเราได้ รากไม้ก็คงได้ประโยชน์ กับเลือดเนื้อของร่างกายเราเช่น

    เดียวกัน นี่แสดงว่ามันดักอยู่ตรงริมน้ำตกนี่เพื่อรอว่าจะมีอะไรหลุดมาแน่ ไม่ว่าเป็นหรือตาย ถ้า

    หล่นมาค้างบนต้นไม้นี้เสร็จพวกมันแน่ "




    คำตอบของปู่อินทร์ทำให้ ทุกคนถึงกับอึ้ง น่าจะ เป็นไปได้มาก อย่างที่ปู่อินทร์บอกจริงๆ          


    " โหดร้ายมากนะคะ แล้ว ปู่อินทร์คิดว่ารากไม้นั่นมันจะเกี่ยวกับ มัจจิราหรือเปล่าค่ะ "




    แสงดาว ถามความเห็น ขึ้นอีก                                                                            


    " ตอนนี้ยังตอบไม่ได้  เพราะที่จริงแล้วต้นไม้ทุกต้นก็ต้องการอาหารเช่นเดียวกัน อาจจะเป็น

    เพราะวิธีหาอาหารของ ต้นมันเองก็เป็นได้ แต่ที่น่าทึ่งคือ มันสามารถห้อยรากของมันกับก้นของ

    แมงมุมได้อย่างไร และสามารถดูดเลือดเนื้อในร่างกายของแมงมุมที่ตายได้อย่างรวดเร็วด้วย "    


    คำพูดของปู่อินทร์น่าคิดเลยทีเดียว นี่เองกระมังวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ใน ปิยากิออ ที่จริงถ้า

    คิดให้ดี เรื่องความแปลกประหลาดต่างๆมันก็ไม่ได้แตกต่างกับสิ่งที่อยู่บนโลกเท่าไรนักหรอก

    เพียงแต่ว่าบนโลกมนุษย์ได้อยู่และคุ้นชินกับมันมามากนั่นเอง



    และเมื่อทั้งหมดได้นั่งพักกันสักครู่ พอเริ่มหายเหนื่อย  อัครชัย จึงได้ถาม อรัญ ขึ้น


    " แล้วตกลง คุณอรัญจะเอายังไงครับ คุณได้มาส่งเราจนถึงเป้าหมายแล้ว พวกเราจะหาทางส่ง

    คุณกลับไป  "


    อัครชัยพูดพร้อมหันหน้าไปทางอรัญ                                                                          

    อรัญนิ่งอยู่ครู่หนี่ง และพลันหางตาก็ชำเลืองไปที่ใครคนหนึ่ง  แต่คราวนี้เขากับได้พบเจ้าสายตา

    กลมโตของใครคนนั้นที่จ้องมองเขาอยู่เช่นกัน   และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสามารถตัดสินใจได้

    ทันทีเลยว่า


    " ผมว่า ผมคงจะต้องไปช่วยพวกคุณ นะ โชคชะตาคงกำหนดอะไรให้ผมแล้วล่ะ "


    อรัญพูด แต่สายตายังไม่ละจากสายตาที่สบประสานจากเธอคู่น้้น


    " ผมหมายความว่าการส่งผมกลับ อาจจะทำให้พวกเราต้องหลุดกลับไปหมดก็ได้  ผมเข้าใจว่า

    ทุกคนยากลำบากกับการมาที่นี่มากมายนัก ผมคนเดียวอาจทำให้ความหวังของพวกคุณพัง

    ทลายถ้าผมคิดจะกลับ และอีกอย่างหนึ่งผมคิดว่า...ผมมีความ..เออ"


    อรัญพูดได้แค่นั้นก็หยุด แต่สายตาเขาไม่ได้ละไปจุดหมายเดิม ทำให้ทุกคนมองหน้าเขาและ

    มองตามสายตาของเขาไปเมื่อถูกมองเป็นตาเดียว ดุจปรายรู้สึกเขินอายขึ้นมา เมื่อกี้เธอรู้สึกใจหายเมื่อ

    ได้ยิน อัครชัยถามเรื่องการกลับออกไปของ อรัญ และเธอลุ้นว่าเขาจะตอบอย่างไร และเมื่อได้สบตากับ

    เขา และได้ยินคำตอบที่เขาตอบ เธอกลับใจชื้นขึ้นมาอย่างประหลาด เธอเองก็แปลกใจเธอเกิดอาการ

    แบบนี้ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร  หรือตั้งแต่ที่เขา บังต้วเธอระหว่างที่ก้มหลบกระสุนปืนในตอนนั้น แต่ที่

    แน่ๆความรุ้สึกนี้เธอบอกได้เลยว่ากับชายคนนี้มันต่างกับที่เธอคิด กับอัครชัย และกานต์ อย่างแน่นอน

     อรัญตัดสินใจที่จะร่วมเดินทางไปด้วย ส่วนปู่อินทร์เต็มใจอยู่แล้ว แกบอกว่าดีกว่าเซ็งอยู่ในป่านั่นอาจจะ

    อีกเป็นร้อยปี สู้เดินทางไปหาทางที่จะทำให้ชีวิตเหมือนคนปรกติทั่วไปจะดีกว่า 

                                










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×