คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 3 ลืมอะไรไปนะ
ฮึย!! ร่างบางที่พึ่งตั้งสติได้สบถออกมาผ่านทางจมูกเรียวสวย ดวงหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ขณะที่กำลังเกาะขอบเตียงขึ้นมา
ตาแก่ งี่เง่า
เมื่อก้มลงสำรวจตัวเองก็พบว่าตนกำลังสวมใส่ชุดที่ดูเอ่อ..รุ่มรามแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเพราะเนื้อผ้าไม่ได้หนามากนัก เกือบทั้งชุดเป็นสีแดง เวลาขยับตัวก็พริ้วไหวไปตามร่างกาย ให้ความรู้สึกสวยงาม และเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรติดอยู่บนศีรษะ พอเอื้อมมือขึ้นไปจับก็พบว่าเป็นเครื่องประดับหลายชิ้น รวมถึงตุ้มหูคู่ยามที่ตนสวมใส่ คงไม่ได้รู้สึกไปเองอีกแล้วว่าตนรุ่มร่าม ยิ่งกว่ารุ่มร่ามเสียอีก นี่มันดินแดนใดกันเล่าถึงได้แต่งกายด้วยของมากมายเช่นนี้
ยังดีที่ยังพอรับรู้ถึงพลังในตัวอยู่บ้างแม้จะไม่มากเช่นเก่า
ข้าต้องมาจัดการพวกปีศาจและอสูรแหกคอกซินะ ทำไมรู้สึกว่าในหัวมันโล่งๆเหมือนจะลืมอะไรไป
ซักพักก็รู้สึกมึนหัวก่อนความทรงจำต่างๆของดินแดนนี้จะไหลเข้ามาสู่ในหัวเต็มไปหมด เริ่มตั้งแต่ นางคือ โหลวฟางหรง เป็นบุตรีของเสนาบดีกลาโหม โหลวจิ้นฝู มีฮูหยินเพียงคนเดียวคือมารดาที่งดงามของนาง มีพี่ชาย โหลวจิ่นอวี้ เป็นแม่ทัพสูงสุด บิดาของนางและฮ่องเต้นั้นเป็นสหายรักกันมานานตั้งแต่พระองค์ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ทั้งยังช่วยเหลือจนพระองค์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ พวกกบฏจึงแพ้พ่ายไปเมื่อครานั้น พระองค์ทรงเอ็นดูบุตรและบุตรีของจิ้นฝูไม่น้อย คนหนึ่งก็เก่งกล้าดังเช่นบิดาจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่คอยกำราบพวกแคว้นอื่นที่จ้องจะมารุกรานจนเป็นที่เรื่องลือตั้งแต่อายุพึ่งขึ้นเลขสอง บุตรี โหลวฟางหรง ก็มากความสามารถเป็นถึงกุนซือของทัพ ความจริงนั้นนางเก่งทั้งบุ๋นทั้งบู้อยากลงสนามรบด้วยแต่ก็ถูกคัดค้านจะบิดาและพี่ชายของตนเสียงแข็ง งดงามจนกล่าวขานไปทุกแว่นแคว้น ฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นองค์หญิงซูเซียว เป็นที่รักยิ่งขององค์ไท่หวงไท่โฮ่ว จนไม่มีมีใครกล้าแตะต้อง
แต่นั้นเป็นเรื่องราวก่อนหน้านี้ซึ่งผ่านมาแล้วเกือบ 20 ปี ก่อนที่ทั่วทั้งดินแดนนี้จะรู้ว่านางไม่มีวันแก่ และมีอายุยืนยาวยิ่งนัก คราแรกนั้นผู้คนต่างรับไม่ได้ บ้างก็ว่านางเป็นปีศาจหรือนางฟ้าบนแดนสวรรค์ จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ครอบครัวนางก็ต่างปกป้องนางเต็มที่แม้จะทราบเรื่องราว ครานั้นมีนักพรตประจำราชสำนัก ได้เปิดคำทำนายผลออกมาว่านางนั้นมิใช่ปีศาจแต่เป็นผู้มีบุญญาธิการสูง เกิดมาเพื่อคอยปัดเป่าสิ่งเลวร้ายให้มนุษย์ หากนางจงรักภักดีต่อแคว้นใด แคว้นนั้นจะเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด เมื่อได้ยินดังนั้นทั่วทั้งท้องพระโรงต่างก็ถกเถียงกันยกใหญ่ ด้วยความเอ็นดูและด้วยรู้ถึงความจงรักภักดีของนางทำให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อคำที่นักพรตได้ทำนายไว้ แต่ต้องเข้าพิธีปฏิญาณตนว่านางจะต้องจงรักภักดีและจะไม่ทรยศราชวงศ์นี้จนกว่าจะสิ้นลมหายใจนางจึงได้เป็นอิสระอีกครั้ง ช่วงแรกผู้คนต่างหวาดกลัวนาง นางถูกสั่งให้รับราชการแม้จะเป็นผู้หญิง ซึ่งนางก็ยอมรับหน้าที่แต่โดยดี ด้วยตระกูลของนางนั้นก็จงรักภักดีต่อแว่นแคว้นนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้ว
เมื่ออายุครบ 40 ปี ก็ขอจวนเป็นของตัวเอง แม้ครอบครัวจะคัดค้านด้วยความเป็นห่วงก็ตาม ด้วยพี่ชายของนางแม้จะเป็นแม่ทัพใหญ่หากแต่ก็ไม่ได้แยกจวนออกไป ยังคงอยู่กับครอบครัวเช่นเดิม ทำให้นางเป็นฝ่ายออกมาเอง เพื่อให้จวนนั้นเป็นของพี่ชายได้อย่างเต็มตัว นางได้ขอแยกจวนมาตั้งอยู่ไม่ห่างจากวังหลวงนักแต่ก็อยู่ติดภูเขาที่มีน้ำตก และป่าอยู่ด้านหลัง จวนนางนั้นมีขนาดใหญ่ กินพื้นที่กว้างขวาง นานวันเข้าหญิงสาวได้แสดงฝีมือทางการวางแผนรบอย่างจริงจังกว่าแต่ก่อน ทั้งยังคอยร่ายเวทย์มนต์ปัดเป่าทำให้ทั่วทั้งราชวังรู้สึกร่มเย็น ทั้งผู้คนที่เข้ามา หรืออาศัยอยู่ในวังหลวง ฟางหรงนั้นมีตำแหน่งเป็นเพียงแม่ทัพเท่านั้น ซึ่งนางขอไว้เอง เป็นน้องสาวจะมีตำแหน่งใหญ่กว่าพี่ชายที่แสนดีได้อย่างไรเล่า แต่ผู้คนก็ยกย่องนางเสียเหลือเกิน เพราะนางยังมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงซูเซียว จึงไม่รู้จะเรียกนางว่าอย่างไร ฟางหรงจึงเก็บตำแหน่งองค์หญิงไว้ให้เรียกว่าแม่ทัพเป็นพอ เวลาเพียงหกปีฟางหรงได้เดินทางไปทั่วแคว้น นำทัพกำราบข้าศึกจนต้องยอมศิโรราบไม่กล้าย่างกรายเข้ามารุกรานอีก สร้างความเลื่อมใสแก่ประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน ในที่สุดทางราชสำนักเองก็ยอมรับและนับถือนาง แม่ทัพโหลวคนนี้ตั้งหน่วยองครักษ์ซิ่นชุ่นขึ้นมา โดยการคัดเลือกทหารที่มีความสามารถหกหมื่นคนมาฝึกอย่างหนัก จนเหลือทหารในหน่อยอยู่ไม่ถึงสี่หมื่นคนเท่านั้น แม้ไม่เยอะมากแต่ทั้งหมดล้วนเก่งกาจและหนักแน่น ตัวค่ายนั้นตั้งอยู่นอกเมืองเพื่อจะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าจะก่อกบฏ แต่ในจวนของนางนั้นก็มีองครักษ์ซิ่นชุ่นอยู่สองร้อยคนทุกคนล้วนมากฝีมือ คอยรับคำสั่งจากนางโดยตรง ทำให้สั่งงานได้สะดวก
นางได้ต่อสู้กับข้าศึกแล้วเกิดพลาดท้าเป็นเหตุให้โดนแทง แม้จะได้รับชัยชนะ แต่ก็บาดเจ็บสาหัส หมอหลวงเกือบทั้งวังถูกส่งไปรักษานาง ฝ่าบาทพิโรธอย่างหนัก แม้แต่โหลวจิ้นฝูที่ได้ออกจากตำแหน่งแล้วยังต้องขอเข้าเฝ้าเพื่อรอฟังข่าว แม่ทัพใหญ่เองก็ทุกข์ใจยิ่งนัก ขุนนางต่างนั่งกันไม่ติด จนได้ทราบว่านางปลอดภัย
ผ่านไปเกือบเดือนนางจึงได้ได้ฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองถูกนำมาพักที่จวนตัวเองแล้ว ทุกคนก็พากันโล่งใจ
แต่ข่าวร้ายก็คือนางสูญเสียธาตุหยางไปจนเกือบหมด ทำให้ร่างกายนั้นไม่สมดุล จำเป็นต้องหาไออุ่นจากชายซึ่งมีธาตุหยาง เป็นเหตุให้วุ่นวายกันเสียยกใหญ่
ฮ่องเต้จึงจะพระราชทานสมรสให้ในทันที แต่ด้วยยังเกรงใจนางจึงรอให้นางฟื้นขึ้นมาก่อน และสิ่งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อฟางหรงฟื้นขึ้นมาก็คือ ตนต้องเลือกหนึ่งในองค์ชายหรืออ๋องมาเพื่อจักพิธีอภิเษกสมรส จนนางอยากสลบไปอีกรอบ
ผลสุดท้ายคือนางได้เลือกอ๋องคนหนึ่งซึ่งบิดาของเขาเคยเป็นองค์รัชทายาทในรัชสมัยก่อน แต่เพราะไปมีเรื่องกับพรรคมารเข้า จึงโดนสังหารเสียเกือบหมดวัง เหลือทายาทเอาไว้ก็คือเขา ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสำนักแห่งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาสมองของเขาก็เหมือนหยุดโตไปซะอย่างนั้น เขานั้นเป็นคนไม่ค่อยจะเต็มหน่วยทำตัวราวกับเด็กห้าขวบทั้งที่อายุปาเข้าไป 20 แล้ว แต่ก็นะรูปร่างหน้าตาของเขากลับหล่อเหลาจนนางรู้สึกชอบ ซึ่งเหตุผลที่สำคัญอีกข้อก็คือนางไม่อยากมีส่วนร่วมในการแย่งชิงบัลลังก์ แม้จะมีคนคัดค้านมากมาย นางก็ยืนยันหัวชนฝา แล้วไงใครสน ภายหลังจากแต่งงานได้ไม่นานธาตุแท้ของเขาก็เผยออกมาจนนางยังรู้สึกเสียวสันหลังไม่หาย บรึ๋ยยย
แต่เหมือนฮ่องเต้และเหล่าขุนนางยังไม่หนำใจ ต่างพากันประเคนชายหนุ่มมากความสามารถมาให้นาง แม้แต่พี่ชายของนางที่ขึ้นไปเป็นเสนาบดีกลาโหมแทนท่านพ่อยังส่งแม่ทัพหนุ่มผู้เย็นชามาให้นางเพิ่มมาอีกคน ฮ่องเต้ผู้นั้นก็เห็นดีเห็นชอบเข้าไปอีก จนตอนนี้จวนของนางมีสามีของนางอยู่เต็มไปหมด ทั้งที่เต็มใจรับและไม่ก็ตาม
และเมื่อไม่นานมานี้ยังจะแต่งตั้งพระสวามีรองขึ้นมาอีก ทั้งที่พระองค์ยังนอนซมด้วยวัยชราอยู่บนเตียงเช่นนั้น
ไหนว่าดินแดนนี้ผู้ชายเป็นใหญ่ไงเล่า เจ้าพวกนั้นสมองฝ่อกันไปหมดแล้วหรือไร ตอนแรกยังกล่าวหาว่าเป็นปีศาจอยู่เลย
เรื่องราวต่างๆผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด ร่างนี้ก็คือภพชาติหนึ่งของนาง
" ข้าคือโหลวฟางหรง ทำไมช่างรู้สึกเหมือนเมื่อยังเป็นอิซเบลล่าอยู่เลย เหอ แต่ข้ายังไม่มีสวามีนี้ แต่ชาตินี้มีแล้ว ดุเสียด้วย " หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆ รับรู้ว่าตนในชาตินี้เป็นใคร
สายตาละออกจากการตรวจตราตัวเองเป็นสำรวจบริเวณรอบข้างแทน พบว่าตนกำลังยืนอยู่ข้างเตียงที่มีขนาดหนึ่งคนนอน ห้องนี้ไม่ใหญ่มาก มีตู้ไม้ที่คาดว่าเป็นที่เก็บเสื้อผ้า พอมองไปรอบๆก็พบว่าทุกอย่างสร้างขึ้นจากไม้ และไม่มีประตูห้องเมื่อมองออกไปก็เห็นห้องที่คงจะเป็นครัว ใจกลางของบ้านหรือกระท่อมหลังนี้นั้นมีโต๊ะ เก้าอี้อยู่ เมื่อมองไปเรื่อยๆก็เห็นประตูซึ่งเป็นมันประตูเพียงบานเดียวที่มีอยู่บ้านหลังนี้
เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับป่า ที่นี้คือที่พักของนาง ที่ได้สั่งให้สร้างเอาไว้เมื่ออกมาเที่ยวเล่น
อ่า...ข้ารู้สึกได้ถึงความอิสรเสรี ความรู้สึกนี้มันช่างดีเหลือเกิน
หารู้ไม่ว่าอีกด้านหนึ่งของป่ากำลังเกิดการต่อสู้ที่กำลังดุเดือดอยู่ ไม่ซิเป็นการไล่ล่าบุคคลเพียงคนเดียวมากกว่า แต่ด้วยฝีมือที่เหนือกว่าทำให้ผู้ล่าที่มีมากกว่านั้นสิ้นชีพลงไปหมด แม้จะมีฝีมือที่เหนือกว่าแต่เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่มีเกือบครึ่งร้อย เป็นใครก็ต้องพลาดพลั้งกันบ้าง และครั้งนี้เขาก็เป็นเช่นนั้น จึงต้องพาร่างที่แขนชุ่มไปด้วยเลือดเดินมาทางนี้ และเมื่อพบว่ามีกระท่อมหลังหนึ่งเขาจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปหลบภัยจากเหล่านักฆ่าที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่รวมถึงสัตว์ป่าที่กระหายเลือด ด้วยรู้ว่าร่างกายตนเองใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว เมื่อพบว่าในกระท่อมไม่มีคนอยู่เขาจึงนั่งลงบนพื้นหลังพิงกำแพงคอยฟังเสียงรอบข้างอย่างระวังภัย เขาเสียเลือดไปมากทำให้ร่างกายเริ่มหนักขึ้น และเมื่อพบว่าไม่มีเสียงของคนที่ตามมา หนังตาก็ที่หนักอึ้งก็ปิดลงเมื่อร่างกายทนฝืนต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป พร้อมกับมือที่กำกระบี่แนบอกไว้แน่น
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจสมุนไพรในตะกร้าในมือ เปิดประตูเข้ามา และเดินไปวางตะกร้าลงบนโต๊ะ พร้อมกับนั่งบนเก้าอี้อย่างเหมื่อยล้า
ในขณะที่กำลังบีบนวดไปตามร่างกายของตนนั้น ด้วยประสาทสัมผัสที่ไวทำให้รู้สึกว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในบ้าน หางตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ตรงมุมห้องด้วยอาการตกใจ ให้ตายซิ
นี่เธอลดความระมัดระวังตัวไปหน่อยกระมัง
ก่อนจะหันไปสำรวจร่างที่นั่งพิงผนังห้องด้วยความสงสัย ร่างนั้นดูใหญ่กว่านางมาก ทั้งตัวสวมด้วยเสื้อผ้าสีดำ เส้นผมของเขาก็มีสีดำเช่นกันและมันก็ยาวลงมาปรกหน้าเขา นี่เขาหลับหรอกหรือ แต่นางก็เดินเข้ามาในบ้านแล้วเหตุใดยังไม่รู้ตัวอีก เขาเข้ามาทำอะไร หรือจะเป็นเพราะกองเลือดที่อยู่ใต้แขนนั้น บาดเจ็บซินะ
หลังจากไตร่ตรองอยู่นานฟางหรงก็ตัดสินใจได้ว่าจะใช้เขาเป็นหนูลองยา ไม่ซิช่วยเหลือเขาด้วยสมุนไพรที่ได้มาตอนไปสำรวจรอบๆ แต่ดูเหมือนว่าหมอนี่จะไม่ค่อยน่าเข้าใกล้ซักเท่าไรนัก เพราะในมือนั้นกำกระบี่ไว้แนบอกแน่น แต่มีหรือที่อดีตเทพสงครามเช่นหญิงสาวจะหวั่นเกรง อย่างน้อยก็เคยเป็นแหละหน่า
เมื่อพยายามจะแบกเขาไปนอนบนเตียงเพื่อที่จะได้รักษาได้ง่ายขึ้นก็พบว่ามันเป็นไปไม่ได้ เนื่องด้วยเขาตัวหนักเกินไปหรือว่านางอ่อนแอเกินไปก็ไม่แน่ชัด จึงเปลี่ยนใจปูผ้าลงบนพื้นและจัดให้คนตัวใหญ่นอนลงตรงนั้นและพยายาม “แงะ” ดาบออกจากมือเขาซึ่งเป็นเรื่องที่ลำบากมาก เนื่องจากมือใหญ่นั้นกำกระบี่ไว้แน่น หลังจากพยายามอยู่นานก็ประสบความสำเร็จ ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจออกมาพลางปาดเหงื่อที่เริ่มซึมอยู่ตามไรผม แล้วหันไปมองสมุนไพรที่ตนนำมาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้น
ลองสมุนไพรใหม่เสียหน่อย เนื่องจากสมุนไพรที่ดินแดนนี้นั้นไม่เหมือนกับที่นางเคยพบเจอ แต่ก็คงคล้ายๆกันอยู่กระมัง ถึงอย่างไรก็มีตำราช่วยบ้างล่ะหน่า
เมื่อจัดท่านอนให้เขาเรียบร้อยแล้วนางก็ตรวจหาบาดแผลต้นเหตุของการเสียเลือด ด้วยการแหวกเสื้อของเขาออกโดยไม่เขินอายเลยแม้แต่น้อย และก็พบว่ามีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณต้นแขนด้านขวา คิ้วบางก็ขมวดเข้าหากัน แผลจากของมีคม ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นดาบไม่ก็กระบี่ เพราะในมือของเขาก็กุมกระบี่ไว้เสียแน่น เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางก็ลุกขึ้นหายเข้าไปในครัวพร้อมกับตำราสมุนไพรและตะกร้าที่พึ่งนำเข้ามา
ผ่านไปซักพักหญิงสาวก็เดินออกมา และเริ่มลงมือรักษาและอ่านตำราควบคู่ไปด้วย พรางคิดไปว่านี่คือหนูเอ๊ย..คนไข้คนแรกของนางในชาตินี้เพราะฉะนั้นต้องทำให้ดีที่สุด
เวลาผ่านไปค่อนข้างนานพอตัว การรักษาก็จบลง เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มกรอบหน้าของหญิงสาว แต่ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิใจ มองไปที่ท่อนแขนของเขาที่ตอนนี้มีผ้าพันอยู่ แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ร่างบางก็ผุดลุกขึ้นออกไปและกลับมาพร้อมเชือกเส้นใหญ่ ต้องมันเขาไว้เพื่อความปลอดภัยเพราะตอนนี้ร่างกายของนางไร้ซึ่งพลังเช่นเก่า เมื่อจัดการมัดมือและเท้าของเขาเสร็จ หญิงสาวก็หายเข้าไปในครัวอีกครั้งและกลับออกมาพร้อมกับถ้วยยาที่นำมาให้ป้อน(กรอก)ให้เขา
หลังจากป้อนยาเขาเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ห่างจากเขาพอสมควร และเริ่มพินิจพิเคราะห์ใบหน้าเขาอีกครั้ง บุรุษผู้นี้จัดได้ว่าเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเมื่อมองทะลุหนวดของเขาที่ยาวเฟิ้ม น่าจะออกไปทางหล่อคมและดุดันเสียมากกว่า ร่างกายดูไม่บึกบึนมากนัก แต่กลับเต็มไปด้วยมัดกล้าม รอยแผลเป็นที่มีบนตัวยิ่งเพิ่มความอันตรายให้เขาเข้าไปอีก ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่มีผิวขาวจัดแต่ตอนนี้มันกลับดูกร้านแดดเล็กน้อย เส้นผมสีดำยาวที่ถูกปล่อยออกมาก็ดูจะเหมาะกับเขาดี แต่คนๆนี้ไม่สวยเอาเสียเลยถึงจะหล่อเหลาแค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่สวยเธอจึงไม่คิดว่าเขาน่าสนใจซักเท่าไรเขาไม่โกนหนวดเช่นนี้มองยังไงก็เหมือนโจร แต่เรื่องที่นางกำลังสนใจคือเขาเป็นใคร เอ..ถ้าเขาลืมตาคู่นั้นขึ้นมาคงจะดูน่ากลัวพิลึก แค่หมอนี่ยังหลับอยู่นางยังสัมผัสได้ถึงไอประหลาดที่แผ่ออกมาจากเขาทำให้ผู้คนยำเกรง แต่กับเบลล่าแล้วไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไร
นั่งเหม่อคิดอะไรอยู่เนิ่นนาน จนรู้สึกสายตาคู่คมราวกับอินทรีที่กำลังจ้องมาเขม็ง เมื่อหันไปก็พบว่าตนไม่ได้คิดไปเอง ร่างของบุรุษที่นางพึ่งรักษาไปยังคงนอนนิ่ง แต่ดวงตาดุดันนั้นกำลังมองมาที่นางอยู่
“ มองอะไร ” เมื่อถูกเขาจ้องนานๆแล้วไม่ยอมพูดอะไร จึงถามอย่างหงุดหงิด
“......” เขายังคงเงียบเชียบ และมองหญิงสาวอย่างนิ่งเงียบก่อนที่ดวงตาเขาเหมือนจะตกตะลึงไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นเช่นเดิม
หญิงคนนี้ เขาไม่มีทางลืมนางแน่ๆ
“ มีอะไรจะถามก็ถาม สวยหรือก็ไม่ อย่ามาท่าเยอะไปหน่อยเลย” ใบหน้าของงามเริ่มบูดบึ้ง ชิ ถ้าเขาสวยซักหน่อยข้าก็คงปล่อยให้เขามองอยู่หรอก แต่นี้เขามันไม่สวย ไม่งามเอาเสียเลย เห็นแล้วหงุดหงิด
ร่างสูงที่ถูกมัดอยู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน สงสัยในคำพูดนั้น เขาไม่สวย มันก็ถูกแล้วมิใช่หรือ เขาเป็นชายนี่ แต่ที่หญิงสาวตรงหน้าไม่พอใจเขาแค่เพราะเขาไม่สวยน่ะหรือ ที่เขาเงียบไปเพราะว่าเขากำลังตะลึงคนตรงหน้าอยู่ ด้วยนึกว่าเขาตายไปแล้วจึงได้มาเจอนางในความฝันได้ แต่เมื่อดูจากคำพูดคำจาของนางแล้วคงไม่ใช่ นี่ล่ะนางตัวจริงเสียงจริง สายตาของเขาไล่ไปตามพื้นที่รอบๆ และหยุดลงที่ข้อมือของตนที่ถูกมัดอยู่ เขาจึงตวัดสายตาไปที่ร่างบางทันที นี่นางถึงกับจับเขามัดไว้เชียวรึ
“อะไร ข้าบอกว่ามีอะไรก็ให้ถาม หรือเจ้าเป็นใบ้” คิ้วบางขมวดเข้าหากันอีกครั้ง นี่อย่าบอกนะว่าเผลอช่วยคนใบ้มา โถ่ ว่าจะถามอะไรเสียหน่อย
“ ท่านไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร” เสียงทุ้มที่เปล่งออกมานั้นแหบแห้งไปเสียหน่อยด้วยขาดน้ำมานาน
“ แล้วเจ้าเป็นใครกันเล่า” เรียกซะเหมือนรู้จักข้ามาก่อน แต่นางมั่นใจว่าไม่รู้จักแน่
“ .....” แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงแค่สายตาเย็นชาเท่านั้น
“.........” เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมพูดอะไรออกมา ทั้งยังกล้าใช้สายตาแบบนั้นมองมา ก็ทำให้ฟางหรงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา ได้ในเมื่อยังเป็นเช่นนี้นางก็จะไม่สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว คิดได้ดังนั้นก็ผลุดลุกเข้าห้องตนเองไป คนอุตส่าห์ช่วย แค่ไม่รู้จักแค่นี้ก็ทำเป็นเคืองไปได้
เหอ ชายหนุ่มคนเดียวในห้องถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกน้อยใจ นางจำเขาไม่ได้จริงๆซินะ แล้วทำไมนางต้องจำเขาด้วยเล่า คิดก่อนจะมองไปทั่วห้อง
จากที่เห็นเขาและนางอยู่ด้วยกันเพียงสองคน และดูเหมือนว่าในบ้านหลังนี้จะไม่มีใครอื่นอีกแล้ว หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็แสดงว่า....เขาหยุดความคิดลงเช่นนั้น รู้สึกเหมือนมีความร้อนมหาศาลพุ่งขึ้นสู่ใบหน้า แล้วระเบิดออก
“ หญิงคนนี้..!!”ถึงกับกล้าถอดเสื้อผ้าของเขา นางเป็นหญิงประเภทใดกัน ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน แม้แต่ร่างกายเขา ก็หาได้มีใครกล้าแตะต้อง แต่นาง....!! ความสุขุมที่เขาเคยรักษาไว้ตอนนี้เหมือนละลายกลายเป็นไอไปหมดเสียแล้ว กลับเป็นความร้อนดุจไฟที่ลามร่างกายเขาไปทั้งร่างจนแดงก่ำไปหมด
ความจริงแล้วเขาอยากจะลุกไปกระชากนางมาถามให้หายข้อข้องใจเอาเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ว่านางจำเขาไม่ได้เชียวหรือ แล้วช่วยเขาเอาไว้ทำไม แต่ด้วยบาดแผลสาหัสทำให้เขายังขยับตัวไม่ได้มาก และพลบค่ำที่ล่วงเลยมานานมากแล้วทำให้เขาเปลี่ยนใจ อย่างไรเสียนางก็เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ จึงคิดให้นางพักผ่อนเสียบ้าง อย่างน้อยนางก็ยังไม่เอาดาบของเขาไปทิ้งแค่เก็บให้ห่างจากเขาเท่านั้น
แต่.......พรุ่งนี้ เราจะได้เห็นดีกัน เมื่อตัดสินใจได้แล้วเขาจึงเลือกที่จะหลับตาลงพร้อมกับความเหนื่อยล้าไปอีกครั้ง
ความคิดเห็น