##ด้านล่างชื่อแต่ละคนจะมีประวัติโดยย่อให้อยู่นะคะ อนาคตถ้ารีดต้องการอาจสร้างตอนพิเศษให้แต่ละคนด้วย##
ความจริงเลยที่เอาประวัติแต่ละคนมาใส่เลยก็เพราะข้าน้อยขี้เกียจเขียนตอนย่อย เปี้ยง (โดนปาคอมใส่)
#ขอแจ้งไว้อีกอย่างแคว้นจ้าวนั้นขุนนางมีอายุการทำงานได้สูงสุดแค่ 40 ปีเท่านั้น ไม่ต้องห่วงว่าพวกคุณชายทั้งหลายจะต้องตรากตรำทำงานจนสิ้นลมหรอกนะเจ้าคะ
##ยกเว้นฟางหรงที่เป็นขุนนางก็เหมือนไม่เป็น คุณเธอใช้การ์ดพิเศษโดดงานได้ทุกเมื่อ งานไหนอยากทำก็ทำ แต่ติดเงื่อนไขที่ว่าห้ามทรยศต่อราชวงศ์เป็นอันขาด
###ส่วนท่านอ๋องที่มีทหารอยู่ในมือก็เช่นกัน นางไม่ได้เป็นขุนนาง แต่ก็มีหน้าที่ให้ทำ ถึงยังไงนางก็รักแผ่นดินนี้นะจ๊ะ
ก่อนอื่นขอคาราวะขอบคุณที่มาของรูปก่อนสามครั้ง
https://www.pinterest.com/
"ในวังจะฆ่ากันให้ตายยังไงก็ตาม แผ่นดินภายนอกและประชาชนจะต้องสงบสุข"
โหลวฟางหรงได้กล่าวเอาไว้
อิซเบลล่า/โหลวฟางหรง
นางมีความลับอยู่อย่างหนึ่งที่น้อยคนมากๆจะรู้
" เดี๋ยวๆ เดี๋ยวข้ามา "
ท่านอ๋องเยว่เทียน
พระสวามีเอก
ประวัติโดยย่อ :
อ๋องเยว่เทียนบุตรเพียงคนเดียวของอดีตรัชทายาทรัชสมัยก่อน
หลังจากจวนถูกกวาดล้างโดยพรรคเงาโลหิต หรือพรรคมารที่มีอำนาจในสมัยนั้น
แต่เยว่เทียนนั้นไม่ได้อยู่ที่จวนจึงรอดมาได้
หลังจากนั้นก็แกล้งทำเป็นสติไม่ค่อยจะดีมาตั้งแต่เด็ก แอบฝึกฝนอย่างหนักจนฝีมือเก่งกาจ
และความจริงเขาก็คือแม่ทัพหน้ากากปีศาจที่ผู้คนกล่าวขานถึงความโหดเหี้ยมผู้นั้น
เขาถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดยฮ่องเต้เพื่อกำราบพรรดมารต่างๆที่ชักเหิมเกริมจนเกินเหตุ
โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใคร ภายหลังพรรคเงาโลหิตถูกถอนลากถอนโคนเสียจนหมดสิ้นแล้ว
จึงได้เผยตัวออกมา ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึงไปตามๆกัน
แต่คนที่เมื่อรู้เรื่องเข้าก็ถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลยก็คือฟางหรง
ที่พึ่งแต่งเขาเข้ามาด้วยคิดว่าเขาเป็นเพียงอ๋องที่สติไม่ดีเข้ามาได้ไม่ถึงเดือน
นางคิดไว้แล้วว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงไม่คัดค้านเลยแม้แต่น้อย ปัจจุบันมีหน่วยองครักษ์มี่อี้จำนวนสามหมื่นนายอยู่ในการดูแล
เป็นเอกเทศไม่ขึ้นตรงต่อใครทั้งสิ้นนอกจากฮ่องเต้(พระองค์รู้สึกผิดที่คล้ายว่าเอาตำแหน่งฮ่องเต้ที่ควรจะเป็นของครอบครัวของเขามา) และเพราะคำคัดค้านของขุนนางทั้งหลาย
จึงต้องแลกด้วยการที่ห้ามองครักษ์มี่อี้นำกำลังเข้ามาในเมืองหลวงโดยเด็ดขาด ซึ่งเยว่เทียนก็ยอมด้วยเขาไม่คิดจะสนใจในบัลลังก์มังกรนี่เลยแม้แต่น้อย
ทุกวันยังคงทำราชการลับให้แก่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอยู่เสมอ
แต่เขากลับมีความลับที่ซ้อนไว้มานานก็คือเขาหลงรักในโหลวฟางหรงตั้งแต่เด็ก
เมื่อทราบว่านางจะต้องเลือกคนมาเป็นพระสวามีจึงพยายามสร้างโอกาสให้ได้เจอนางแล้วแสร้งทำตัวเหมือนเด็กน้อยเข้าใส่
จนหญิงสาวหลงกลในที่สุด
ภายหลังต้องยอมรับอนุและชายอุ่นเตียงคนอื่นเข้ามา ปกติแล้วเป็นคนเย็นชาไม่ค่อยพูดค่อยจาและโหดเหี้ยมจนถึงขีดสุดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงคนรักกลับทำตัวเหมือนเด็กน้อยเข้าอ้อนเสียบ่อยครั้ง
" พวกเจ้า อย่าให้มันมากไป "
องค์ชายสิบสี่ เสวี่ยถิง
พระสวามีรอง
ประวัติโดยย่อ : องค์ชายน้อยที่ออกจากวังตั้งแต่เด็ก เพราะหมอเทวดาท่านหนึ่งที่ตอนนั้นชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือจนฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจ เกิดถูกชะตาได้ขอเขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของตนที่จะถ่ายทอดวิชาให้และได้ขอองค์ชายองค์นี้ให้ติดตามเขาไปตั้งแต่นั้น โดยสัญญาว่าถ้าเขาตายเมื่อไรก็ให้เสวี่ยถิงกลับเข้าวังได้ จนเติบใหญ่เป็นที่กล่าวขานกันถึงความสามารถเรื่องการรักษา ช่วยอาจารย์เดินทางรักษาคนไปทั่วทุกที่ จนผู้คนนับถือเขาเป็นหมอเทวดาอีกคน วันหนึ่งหมอเทวดาท่านนั้นได้สิ้นลมไปเนื่องจากแก่ชรา องค์ชายสิบสี่จึงต้องกลับเข้าวังมาอีกครั้ง ซึ่งเขาไม่ชอบวังหลวงเลยแม้แต่น้อย ด้วยทุกย่างก้าวต้องคอยระมัดระวังทั้งการแก่งแย่งกันในบัลลังค์นั้นอีก ฮ่องเต้เห็นดังนั้นก็ให้รู้สึกผิดไม่น้อยที่ตนไม่ได้ดูแลโอรสองค์นี้มาเลยตั้งแต่เล็ก ตอนพระองค์นอนซมอยู่บนเตียงด้วยความชราภาพ เพื่อป้องกันให้โอรสพระองค์นี้ปลอดภัยจากการแก่งแย่งในบัลลังก์เขาจึงได้มีบัญชาพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้องค์ชายสิบสี่และองค์หญิงซูเซียว ยกฐานะให้เป็นพระสวามีรองเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับอ๋องเยว่เทียน เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าหากเข้าเป็นคนในจวนนี้แล้วจะไม่มีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับบัลลังก์มังกรได้อีก ฟางเอ๋อที่ทราบเรื่องหลังจากน้อมรับบัญชาเสร็จก็แทบจะพุ่งไปเขย่าตัวฮ่องเต้ที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมาถามให้หายข้องใจว่าที่พระองค์ทำมาทั้งหมดนั้นเอ็นดูนางหรืออยากแกล้งนางกันแน่ เขาเป็นคนรักสงบ และใจเย็น หลังจากแต่งเข้าจวนมาแล้วก็เลือกเรือนที่ไกลจากเรือนของเจ้าที่สุด ทำให้ฟางหรงรู้สึกเห็นใจไม่น้อย จึงชอบแวะเวียนไปพูดคุยเรื่องสมุนไพร และโรคภัยใข้เจ็บที่มักจะเกิดขึ้นกับประชาชนมาบ่อยๆอยู่เป็นประจำ เขาดูแลโรงหมออยู่หลายแห่งทั่วแคว้น และนางก็ชอบเรือนของเขาไม่น้อยเพราะมันเงียบสงบและให้ความรู้สึกผ่อนคลายเวลามีเรื่องกลุ้มๆก็มักจะมาเรือนอันแสนห่างไกลนี้เสมอ เรียกสายตาเฉือดเฉือนจากบุรุษอื่นได้ไม่น้อยทีเดียว และที่สำคัญแน่ใจแล้วหรือว่าบ่อน้ำที่ข้างบนเรียบใสก้นบ่อนั้นจะนิ่งเรียบเหมือนข้างบน คนที่รู้ดีที่สุดก็คือนาง
" ทำไมตัวท่านถึงได้เย็นถึงเพียงนี้กันเล่า ไปทานยาที่เรือนข้าซักหน่อยเถิด "
แม่ทัพซิ่นฉี
(ประจำการอยู่ชายแดน)
อนุฯชาย
ประวัติโดยย่อ: แม่ทัพคนสำคัญอีกคนที่ตอนนี้รับหน้าที่ประจำการอยู่ชายแดน ด้วยคนในตระกูลก็เป็นทหารรับใช้ชาติมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตั้งแต่เด็กเขาก็ฝึกฝนเพื่อให้ตนแข็งแกร่ง และเขาก็เก่งกล้าเหนือพี่น้องทั้งหมด ได้ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพด้วยอายุยังน้อย แต่ความสามารถและความกล้าหาญนั้นไม่น้อยลงไปด้วย หลังจากได้เป็นแม่ทัพเต็มตัวก็บ้างานจนถึงที่สุด จนวันหนึ่งถูกรุ่นพี่คนสนิทที่ตำแหน่งสูงกว่าคนนั้น จับเขาไปประเคนให้น้องสาวของตนเสียอย่างนั้น แต่เหตุผลที่แท้จริงนั้นรับรู้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ว่าเขามีแม่ทัพหญิงคนนั้นเป็นแบบอย่าง นางนั้นได้ประทับอยู่ในใจของเขามาเนิ่นนาน ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้หวังอะไรมาก เพราะมีบุรุษมากมายที่คิดแบบเขา แต่เขากลับโชคดีที่ได้เป็นรุ่นน้องสุดรักของพี่ชายนาง และรู้จักหญิงสาวมาตั้งแต่ยังเล็กจนสนิทกันอยู่บ้าง หลังจากอภิเษกฯก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อที่ชายแดน ตราบใดที่เขายังรับตำแหน่งนี้อยู่เขาก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้นางผิดหวัง ในหนึ่งเดือนเขาจะกลับมายังจวนได้แค่ไม่กี่ครั้งจนเรือนของเขาเงียบเหงาอยู่เสมอ บางทีก็เป็นนางที่หนีงานแล้วไปหาเขาบ้าง ชายแดนนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรหนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ถึงอย่างไรเขาก็อยู่เฝ้าที่นี้อีกไม่ถึงยี่สิบปี เขาทนได้ ภายนอกเขาดูเป็นคนเจ้าระเบียบ เผด็จการ และเด็ดขาด แต่เมื่อได้อยู่ต่อหน้าสตรีที่ชื่อว่าโหลวฟางหรง เขาจะกลายเป็นคนที่อ่อนโยน และแสนดีเสมอ เป็นสามีนางคนเดียวที่ท่านอ๋องยอมลงให้ด้วยความเข้าใจ และเหล่าสามีคนอื่นไม่หาเรื่องเขาด้วยเห็นใจผู้ชายด้วยกันเองที่ไม่ได้อยู่ใกล้นางเช่นพวกตน
" ข้ามิได้คอยดูแลอยู่เคียงข้าง โปรดระวังด้วย เจ้าพวกนั้นมันอันตราย "
ราชครูหยางหมิง
อนุฯชาย
ประวัติโดยย่อ : บัณฑิตผู้ที่สอบได้ จอหงวน ได้ทำหน้าที่ในท้องพระโรงจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วราชสำนัก บุรุษผู้ซึ่งไร้ครอบครัวใหญ่โตหนุนหลังมีเพียงน้องสาวให้ดูแล ภายหลังนางออกเรือนได้ดิบได้ดีเขาก็ตั้งใจทำงานคอยช่วยงานองค์ฮ่องเต้ เข้าประชุม ณ ท้องพระโรง และได้รับหน้าที่ให้สอนเหล่าอ๋อง องค์ชายตัวน้อยและตัวโตทั้งหลาย ชีวิตนี้ถืองานเป็นหลัก ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ยกเว้นก็แต่องค์หญิงซูเซียวที่เมื่อครั้งยังเป็นแค่บัณฑิต เขาและนางบังเอิญได้เจอกัน ณ โรงหมากล้อม และได้รับคำชี้แนะจากนางจนทำให้เขาฮึดสู้มาถึงทุกวันนี้ เมื่อได้ยินว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งอนุฯให้กับองค์หญิงผู้นั้น เขาก็ไม่รอช้าเสนอตัวเองขึ้นมาทันที จนคนรอบข้างพากันตกใจที่เห็นคนที่มักทำอะไรด้วยความสุขุม รอบคอบและฉลาดเช่นเขาจะเสนอตัวเองออกมาเช่นนี้ แต่เขาหาได้สนใจไม่ ฮ่องเต้เองก็ดูเหมือนจะชอบใจอยู่ไม่น้อย ผลสุดท้ายเขาก็สมหวัง เมื่อไรที่นางมีเรื่องที่คลี่คลายไม่ได้ นางก็มักจะมาเรือนของเขา นั่งเล่นหมากล้อมแล้วสนทนากันไป ทั้งเรื่องงานและก็เรื่องทั่วไป แทบทุกวันเขาจะต้องเข้าวังในตอนเช้าแล้วก็กลับมา จะเป็นการดีถ้าคืนนั้นนางจะพักอยู่ที่เรือนของเขา
" งานท่านนั้นเยอะกว่าฝ่าบาทอีกนะ ว่าแต่ท่านรู้สึกหนาวหรือไม่ หรงเอ๋อร์ "
จ้าวกรมอาญาเพ่ยอิง
อนุฯชาย
ประวัติโดยย่อ: บุรุษผู้เที่ยงธรรมและซื่อตรง ผิดว่าไปตามผิด บิดาเคยเป็นจ้าวกรมอาญามาก่อน มีพี่น้องอยู่หลายคน แต่ก็ไม่ได้ทำตัวเหลาะแหละ เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นจ้าวกรมอาญาด้วยอายุเพียง 23 ปี ความเที่ยงตรงและยุติธรรมของเขาถูกกล่าวขานไปทั่ว ผู้คนต่างพากันสรรเสริญ ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ทำงานในตำแหน่งไปได้ปีเดียวก็ถูกพี่ชายของตนเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งอนุฯของโหลวฟางหรง ด้วยกลัวว่าน้องชายจะทำงานและเหี่ยวเฉาไปจนตาย และการเลือกในครั้งนี้ฮ่องเต้ก็อยากได้บุรุษที่เป็นคนดี เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่เพื่อค้ำจุนบ้านเมืองไปอีกหลายปี เมื่อชื่อเขาถูกเสนอก็มีคนเห็นดีเห็นงามด้วยเต็มไปหมด ตอนนั้นสมองเขายังอื้อไปหมด ด้วยไม่คาดคิดว่าบุรุษที่อยู่แต่กับเอกสารและงานสืบสวนเช่นเขาจะได้รับเลือก เมื่อแต่งเข้าจวนมา เขาก็ยังทำหน้าที่จ้าวกรมอาญาต่อไป จนเรือนของเขามีแต่สำนวนและเอกสารมากมาย จนหรงเอ๋อร์ต้องย้ายเรือนของเขาให้ไปอยู่เรือนใหม่ที่มีห้องทำงานขนาดใหญ่ และมีที่ไว้เก็บเอกสาร ซึ่งตั้งไม่ไกลจากเรือนของนางนัก ยังพอมองเห็นตัวเรือนกันอยู่บ้าง ด้วยงานของเขานั้นมีมากเพราะเขาต้องดูแลพวกคดีใหญ่ๆระดับแคว้นทุกคดีไหนจะศาลในเมืองต่างๆจะมีเรื่องส่งมายังเขาอีก ด้วยเพราะเขาเป็นคนละเอียดรอบคอบจึงต้องตรวจตราด้วยตนเองอีกที ทำให้บางครั้งเผลอทำจนมืดค่ำโดยเฉพาะช่วงสิ้นเดือน หรงเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าไฟของเรือนเขาสว่างอยู่ยามดึกดื่นก็มักจะเดินมาหาเขาแล้วลากเขาไปนอน และก็บ่อยครั้งที่เขาจะกักตัวนางไว้ยันเช้า เขาไม่จำเป็นต้องเข้าวังบ่อยนอกจากจะต้องเข้าไปรายงานประจำเดือน หรือมีเรื่องด่วนเท่านั้น บุรุษในจวนที่เหมือนเขาจะคุยด้วยมากที่สุดก็คงจะเป็นหยางหมิงกระมัง ด้วยมีบุคลิคคล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว บางครั้งจึงนั่งเล่นหมากล้อมด้วยกันบ้าง เป็นคนคิดก่อนจะพูดออกมาทุกครั้ง และด้านการวิเคราะห์นั้นเขาทำได้ดียิ่ง ช่างสังเกต หากแต่ด้านความรู้สึกนั้นกลับช้ามาก
" ท่านว่างมาช่วยข้าตรวจสำนวนที่เรือน ซักครู่ได้หรือไม่ "
เจียงฉวี่/แฝดพี่ จิ้นฉวี่/แฝดน้อง
ประวัติโดยย่อ : เป็นพี่น้องนักดนตรีที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ทั้งสองเป็นเป็นคู่ปรมาจารย์แห่งดนตรีอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ความสามารถด้านดนตรีนั้นไม่มีใครเก่งกว่าใคร ศิลปะแขนงอื่นก็ไม่ด้อยไปกว่า หากแต่ศิลปินมักมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร พากันออกเดินทางไปทั่วดินแดน แต่หากเมื่อมีงานสำคัญพวกเขาก็จะมาเล่นดนตรีถวายฮ่องเต้อยู่เสมอ วันหนึ่งในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งตกปลาและชื่นชมธรรมชาติอยู่ในกระท่อมกลางป่าอยู่นั้น ฟางหรงที่กำลังหนีงานไปเที่ยวเกิดนึกครึ้มใจอยากเป่าขรุ่ยไม้ไผ่ที่พึ่งซื้อมา ตอนนั้นนางนั่งเป่าอยู่ริมแม่น้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมพวกเขามากนัก เจียงฉวี่และจิ้นฉวี่พอได้ยินเข้าก็รู้สึกว่าตนได้ตกหลุมรักเข้าให้แล้ว? จึงพากันเดินตามเสียงนั่นไปจนพบกับหญิงสาวผู้งดงามจนน่าตะลึงนางหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ตกลงปรงใจว่าจะตามตื้อนางให้ถึงที่สุด จนขอเข้ามาพักอยู่ในจวนได้สำเร็จ ภายหลังฮ่องเต้ได้ยกให้ทั้งคู่เป็นอนุฯของนาง มักจะทะเลาะแย่งความโปรดปรานกับจินเฉวียนอยู่สม่ำเสมอ
" กลิ่นเจ้ามันเหม็นยิ่งนัก ไปให้มันไกลๆ พวกข้าและนางจะพูดคุยกันตามประสาคนที่มีดนตรีในหัวใจ "
จินเฉวียน
ชายอุ่นเตียง
ประวัติโดยย่อ : ฟางหรงช่วยเอาไว้จากการโดนไล่ล่า เพราะร่างกายของเขาส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา จนโดนสังหารล้างครอบครัวโดยพรรคมารที่ต้องการชำแหละร่างกายเขาเพื่อจะดูสิ่งใดที่ส่งกลิ่นออกมา หลังจากนั้นก็ตามตื้อฟางหรงไม่เลิกจนนางต้องยอมรับเขาเข้ามาพักในจวน ภายหลังฮ่องเต้ยกให้เป็นชายอุ่นเตียงของฟางหรง วรยุทย์นั้นมีติดกายแต่คงเทียบไม่ได้กับเจ้าพวกตีสองหน้าพวกนั้นหรอก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะแสร้งอ่อนแอเข้าหาฟางหรงเสมอ นอกจากร่างกายส่งกลิ่นหอมแล้ว ฝีมือการทำอาหารของเขานั้นก็เป็นที่หนึ่งจนนางเอ่ยชมอยู่บ่อยครั้ง และมันเป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาที่สุดสำหรับเขา แต่มักทะเลาะชิงดีชิงเด่นกับเจียงฉวี่และจิ้นฉวี่อยู่สม่ำเสมอ
" หรงเอ๋อร์ รองชิมขนมกุ้ยฮวานี่ซิ ข้าพึ่งทำมาให้ท่าน เจ้าแฝดน่าตายตรงนั้นน่ะ!! หยุดเล่นเสียงเพลงเพี้ยนๆนั้นได้แล้ว เดี๋ยวหรงเอ๋อของข้าก็กินไม่ลงกันพอดี "
เฟิ่งหู่
ชายอุ่นเตียง
ประวัติโดยย่อ : หัวหน้าองครักษ์ซิ่นชุ่นหน่วยข่าวสาร แท้จริงแล้วเมื่อตอนเด็กโหลวฟางหลงเคยช่วยจากพวกพ่อค้ามนุษย์ที่เอาเขาไปขายไว้ที่หอโคมเขียวสำหรับบุรุษที่นิยมบุรุษเช่นเดียวกัน คนอื่นแยกย้ายกันไปหมด แต่เขาไม่ยอมไปขอตามติดนางไปทุกทีจนต้องยอม ฟางหรงลงมือฝึกฝนเขาด้วยตนเองจนฝีมือด้านการเป็นสายลับนั้นเก่งกาจและมาคอยรับใช้หญิงสาว เรื่องราวความลับใดๆ เพียงให้เขาไปสืบนั้นได้เรื่องเสียทุกครั้ง มักจะปีนเข้าห้องผู้เป็นนายได้อย่างหน้าตาย จนเกือบปะทะกับไป๋หู่หลายครั้งหลายหน ฝีมือนั้นเก่งกาจ แต่คงไม่เท่าความหนาของหน้า อาศัยตอนหญิงสาวเมาและไป๋หู่ถูกใช้ให้ไปทำงานไม่ได้อยู่ข้างกาย ปีนขึ้นเตียง จนนางต้องรับมาเป็นชายอุ่นเตียงอีกคน อาชีพหลักนอกจากสืบข่าวแล้วก็คือแอบปีนขึ้นเตียงของนางตอนไป๋หู่ไม่อยู่
" นายท่านข้ามีข่าวมาแจ้ง "
องครักษ์เงาไป๋หู่
ชายอุ่นเตียง
ประวัติโดยย่อ : ตอนยังเด็กถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่เด็ก ตอนอายุได้ 13 ขวบสำนักของตนถูกกวาดล้างจากสำนักนักฆ่าที่เป็นศัตรูกันจนต้องหนีตาย ร่างกายบาดเจ็บสาหัส ได้ฟางหรงที่ตอนนั้นอายุ 14 ปีช่วยไว้ขณะท่องเที่ยวอยู่ในป่ากับพี่ชาย หลังจากนั้นจิ่นอวี่ได้สั่งสอนการต่อสู้เพิ่มเติมให้ ทั้งยังมีหรงเอ๋อที่ลากเขาไปเรียนด้วยกัน และถูกยกให้เป็นองครักษ์เงาของฟางหรงตั้งแต่ตอนนั้น เป็นคนเงียบขรึม เย็นชา กลิ่นอายรอบตัวมีแต่ความตาย ทั้งดวงตาและสีผมที่แปลกประหลาดจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ มีเพียงหรงเอ๋อร์และครอบครัวของนางเท่านั้นที่ไม่รังเกียจเขา คอยคุ้มครองและทำงานให้แก่หญิงสาว อยู่ข้างกายนางมานานที่สุด ใบหน้าไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆออกมา ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปได้คือฟางหรง และเฟิ่งหู่ที่ชอบปีนขึ้นเตียงนายท่านเมื่อเขาไม่อยู่ อยากจะสังหารให้ตายหลายหน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะโหลวฟางหรงไม่อาจทำร้ายสามีตนเองได้ รวมถึงพวกเขาที่ทำร้ายนางและสามีคนอื่นไม่ได้เช่นกัน อย่างมากก็ประมือกันจนน่วม ติดตามนางไปทุกที่แม้ยามหลับก็จะคอยระวังภัยให้ตลอด มีวิชาลับหลายอย่างหนึ่งในนั้นคือวิชาเร้นกายที่ราวกับหายตัวได้แม้ยังอยู่ทีเดิม เป็นชายหนนุ่มเพียงคนเดียวที่นางแต่งตั้งขึ้นเป็นสามีของนางด้วยความเต็มใจ
" นายท่านเป็นคนเดียวที่ข้าพร้อมจะพลีชีพให้ "
จูหยวนจาง (หมื่นพิษมรณะ)
สถานะ : ถูกหลอกไปทิ้งไว้บนเขา
ความคิดเห็น