คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
“พวกเธอ คิดจะทำอะไรกันห้ะ! นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ฉันจับพวกเธอหนีเข้าแถวไว้ได้ แต่ครั้งนี้หนีกันยังไม่พอ มิหน่ำซ้ำยังทำเรื่องอนาจารอีกด้วย เอาละ!ฉันจะโทรเรียกผู้ปกครองของพวกเธอมาพบเดี๋ยวนี้”
ตอนนี้ฉันกับนายมิณฑ์อยู่ห้องฝ่ายปกครองของโรงเรียนนี้ สาเหตุที่โดนจับได้เพราะว่านายมิณฑ์นั่นแหละร้องครวญครางเสียงดังเลยไปกระทบหูไอแก่จอมโหดประจำโรงเรียนเข้าจึงโดนไปหลายคดีอยู่ ทั้งหนีเข้าแถวแถมยังมาเจอฉันกับนายมิณฑ์นอนจู่จุ๊บกันอีกตั้งหาก อึ้ยย!อะไรมันจะซวยซับซวยซ้อนขนาดนี้วะนาวเอ้ยย ฉันพยายามขอร้องที่จะไม่ให้พ่อแม่ของฉันและนายมิณฑ์มาพบแต่ดูเหมือนว่าความพยายามจะเป็นศูนย์เพราะมีฉันคนเดียวที่ร้องขออย่างสุดพลังกายและใจของฉันส่วนนายมิณฑ์นั่งนิ่งก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมไปสะงั้น
ขณะนี้คุณแม่ของฉันและคุณแม่ของนายมิณฑ์มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วแหละคะ บรรยากาศเสียวสันหลังวาบๆตอนที่คุณแม่ของนายมิณฑ์ย่างก้าวเข้ามาในห้องนี้ สายตาอันแหลมคมแฝงไปด้วยความดุดันส่งผ่านมาทางฉันอาจจะคงเป็นเพราะนายมิณฑ์ก่อเหตุทำให้ท่านอับอายขายขี้หน้ามั้ง สีหน้าของนายมิณฑ์ในขณะนี้ดูซีดๆลงไม่เหมือนตอนที่ฉันเห็นเขาในแบบทุกๆวัน นี่หรือว่า…นายมิณฑ์กลัวคุณแม่อย่างนั้นหรอ
การพูดเจรจาเรื่องของฉันกับนายมิณฑ์ได้เริ่มต้นขึ้น ฉันสังเกตลักษณะท่าทางและสีหน้าแววตาของนายมิณฑ์อยู่ตลอดการเจรจา นายมิณฑ์เล่นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่สบตากับผู้เป็นแม่ของเขาเลย สงสัยจะคงกลัวโดนทำโทษละมั้งเพราะจากที่ฉันทราบเรื่องครัวครอบของนายมิณฑ์มาเนี่ย ครอบครัวของนายมิณฑ์ค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงอยู่พอสมควรเวลาคิดจะทำอะไรคงต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นนะนายมิณฑ์ นายเองตั้งหากที่ร้องแหกปากอยู่ได้ ชิ!
อาจารย์ขาโหดประจำโรงเรียนได้ต่อว่าฟ้องร้องเรื่องราวอันใหญ่หลวงให้กับคุณแม่ของฉันและคุณแม่ของนายมิณฑ์ไปแล้ว หลังจากนั้นฉันก็โดนคุณแม่ระเบิดใส่หูเป็นชุดอีกเช่นกัน ส่วนนายมิณฑ์ตอนนี้โดนคุณแม่ของเขาลากตัวกลับบ้านไปแล้ว สีหน้าของเขาที่ฉันเห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนจากกันก็ยังคงนิ่งๆไม่สบอารมณ์กับใครๆเลย ฉันรู้สึกแปลกๆพิลึกชอบกลจัง ทำไมนายต้องนิ่งขนาดนั้นด้วยนะ?
ตลอดการเดินทางกลับบ้านของฉัน คุณแม่ยังคงปากขยับบ่นฉันมุบมิบอยู่ตลอดเวลา หาว่าฉันชอบนายมิณฑ์บ้างหาว่าฉันไปยั่วนายมิณฑ์บ้าง บลาๆๆ ที่คุณแม่พูดมาทั้งหมดเข้าข้างนายมิณฑ์สะเต็มเปา ส่วนฉันกลายเป็นคนผิดไปเต็มประดา
“หึ๊…รถใครมาจอดหน้าบ้านเราหน่ะ ยัยนาวดูสิ้ลูก”
“ไหนคะคุณแม่…….ใครอะ หนูไม่คุ้นเลยคะแม่”
พอคุณแม่ฉันขับรถมาถึงที่บ้านก็พบรถปริศนาสีดำจอดอยู่หน้าบ้านของฉันเอง ใครหน่ะหรอ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอะ อิอิ ด้วยความที่ส่วนตัวฉันเป็นคนชอบจุ่นจ้านเรื่องแบบนี้อยู่แล้วสิ ฉันจึงรีบกระโดดลงจากรถและแอบย่องเข้าบ้านอย่างไม่รอช้า เสียงโหวกเวกโวยวายของคุณแม่ดังสวนมาทันทีที่ฉันไม่ยอมรอท่านแต่พอฉันพยายามหาไปทั่วๆรอบบริเวณตัวบ้านและรอบบ้านกลับไม่พบใครอยู่ในบ้านเลย --* ส่วนคนใช้ที่บ้านฉันก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว ใครกันนะหรือว่าจะเป็นรถของคนข้างบ้านฉันกันแน่
กุกกัก กุกกัก เพล๊ง!
“อร้ายยย~คุณแม่คะ คุณแม่~ หนูว่าต้องเป็นโจรแน่เลยคุณแม่ขา โทรเรียกตำรวจจะดีกว่านะคะคุณแม่”
“เออนั่นสิลูก…ยัยแจ๋วโทรเรียกตำรวจหน่อยสิ ดูแลบ้านกันยังไงเนี่ยปล่อยให้คนร้ายบุกเข้าบ้านฉันเนี่ยห้ะ ฉันจะตัดเงินเดือนของพวกเธอให้ไม่เหลือเลยคอยดู …เร็วๆ!”
“เอ่อออ…คุณผู้หญิงค่ะ ดิฉันว่าลองเดินไปดูก่อนดีกว่าไหมคะว่าใช้โจรแน่หรอ ดิฉันเนี่ยรดน้ำที่สวนหน้าบ้านของคุณตลอดจนคุณหนูกับคุณผู้หญิงกลับมานี่แหละคะ ไม่เห็นจะมีใครคนไหนสักคนเข้ามาในบ้านของคุณผู้หญิงแม้แต่คนเดียวเลยนะคะ”
กุกกัก กุกกัก เพล๊ง!
“อร้ายยย~ ! นั่นไงพี่แจ๋ว…นาวว่าโทรหาตำรวจเถอะคะ นาวกลัว ฮื้อออ~คุณแม่~”
“โอ้ยยยย! คุณหนูพอเถอะคะ แจ๋วไม่อยากโกหกอีกแล้ววว ออกมาเหอะ~ถ้วยแตกไปกี่ใบแล้วคะคุณหนู”
เย้ยยยย~ วันนี้มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้นคะเนี่ย มีทั้งจูบมีทั้งโจร > ,< ฉันเกิดอาการมึนงงไปหมดแล้วนะ แต่เรื่องที่มีโจรบุกบ้านนั่นอะยังพอที่ไม่ใช่เรื่องจริงนักหรอกคะ เพราะไอพี่ชายตัวแสบของฉันเล่นแกล้งฉันกับคุณแม่นี่เอง
พี่ชายของฉันชื่อ นิค คะ เรียนจบวิศวะเอกช่างไฟฟ้ามาด้วยความที่พี่ชายฉันทำงานอยู่ไกลจากที่บ้านมากจึงทำให้ต้องเช่าคอนโดแถวๆนั้นอยู่ไปก่อนนี่เป็นครั้งแรกที่ตาพี่ นิคออกจากบ้านไปแล้วเพิ่งคิดจะกลับบ้านมา ทุกคนเลยตกอกตกใจกันเป็นแถวๆ
ครอบครัวฉันเปิดบริษัทการจัดการไฟฟ้ามาตั้งแต่สมัยคุณพ่อยังอยู่กับฉัน ถึงตอนนี้บริษัทที่คุณพ่อสร้างมากับมือก็ตกทอดมายังพี่ชายของฉันรุ่นต่อรุ่น ส่วนฉันก็ต้องสืบทอดต่อพี่ชายฉันหากว่าพี่ชายฉันไปอะไรไปอีกคน ค่ำคืนแห่งความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดเวลาสี่ปีเต็มๆ วันนี้ครอบครัวของดิฉันอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเลยทีเดียว เว้นสะแต่…คุณพ่อ…ที่ได้ล่วงลับไปแล้วตั้งแต่ตอนฉันยังเด็กๆ
การใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหราไม่ใช่จะมีความสุขอยู่เสมอไปหรอกคะ มีแต่การชิงดีชิงเด่นกันทั้งนั้นและในชีวิตจริงๆมันก็ต้องยิ่งกว่าในละครอยู่แล้วเพราะมันเกิดขึ้นกับตัวเองยังไงละคะ การที่คนอื่นที่จะมาเข้าใจในตัวเราว่าเรารู้สึกแย่แค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ฉันต้องเชื่อว่าคนๆนั้นก็เคยผ่านความรู้สึกแบบฉันมาอย่างนั้นเหมือนกันถึงจะเข้าใจดีที่สุด การที่คนเรารู้สึกแย่หรือ การที่คนเรารู้สึกดี มันก็เกิดมาจากคนที่เราแคร์คนที่เรารักและคนที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด สังคมในสมัยนี้ส่วนใหญ่จะชอบคนที่หน้าตาเป็นหลักฐานะเป็นรอง ส่วนตัวฉันเองก็เป็นคะ เป็นมากด้วย อิอิ ตั้งแต่ฉันเกิดมาได้มาอยู่กับกลุ่มของเพื่อนๆของฉัน สมัยตอนฉันยังเพิ่งย้ายเข้าโรงเรียนใหม่ๆก็โดนกดขี่ โดนดูถูก มาก่อนแหละคะ กว่าจะมีวันนี้ได้ก็เล่นเอาเกือบตายเหมือนกันนะคะ ฉันเชื่อว่าการพัฒนาทักษะของตัวเองทุกวันหรือการดูแลตัวเองให้ดูดีในสายตาของคนอื่น ถึงจะหน้าตาไม่ดี ไม่มีฐานะเงินทองอะไรมากมายแต่ถ้าดูแลตัวเองดีๆ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน โลกนี้ก็ดูน่าอยู่ขึ้นเยอะนะคะ
พักหลังมาพี่อาร์ตเริ่มกลับมาสนใจฉันเหมือนเดิมแล้วแหละคะจนกระทั่งเผลอแว๊บไปคิดถึงคนบางคนเข้าเลยรู้สึกสงสัย ทั้งสองวันที่ผ่านมาฉันได้ไปเรียนและทำกิจกรรมตามปกติของฉัน แต่ฉันกลับไม่เคยเห็นหัวของนายมิณฑ์น้อยของฉันเลยตั้งแต่วันเกิดเรื่องวันนั้น ฉันได้แต่นั่งคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออกสักทีว่าเพราะสาเหตุอะไรที่ฉันต้องไปโกรธนายมิณฑ์เรื่องเด็กหมวยนั้นนะ จนกระทั่งตอนนี้ฉันก็ยังสาเหตุไม่ได้เลย
“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้คะ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งคะ”
ฉันพยายามติดต่อนายมิณฑ์หลายรอบทุกนาทีทุกเวลาแต่ก็นายมิณฑ์ก็ปิดเครื่องตลอดที่ผ่านมา หรือว่าฉัน จะไปหาเขาที่บ้านดี? ไม่สิไม่สิ! ฉันเป็นผู้หญิงนะบุกเข้าบ้านผู้ชายมันไม่ดีไม่งามเนอะ ว่าแต่มันก็ไม่มีอะไรสำคัญนี่หน่าแค่อยากจะถามว่าโดนคุณแม่นายว่าอะไรไหม ทำไมถึงไม่มาเรียน ปิดโทรศัพท์ทำไม แล้วเด็กหมวยนั้นยังตามจีบรึเปล่า แล้วนายหายไปไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉันห้ะ นายยย…….มิณฑฑฑฑฑฑ์~
อุบส์~ นี่ฉันเยอะไปรึเปล่าเนี่ย? 0-0!
กิ่งก๊อง กิ่งกิ่งก๊อง~
“สวัสดีคะ เอิ่มม…ไม่ทราบมาพบใครหรอคะ”
“อ๋อๆอ๋อเอ่ออคือ…สวัสดีคะ หนูชื่อนาวเป็นเพื่อนของมิณฑ์หน่ะคะ เอ่ออ…ไม่ทราบว่ามิณฑ์…อยู่บ้านรึเปล่าคะ”
“อ๋อออ เพื่อนหนูมิณฑ์นั่นเอง ตะตะตอนนี้หนูมิณฑ์นอนอยู่ข้างบนอะจ๊ะ เขาป่วยหนักเลยไปโรงเรียนไม่ไหว คุณท่านก็เลยสั่งให้นอนพักสักวันสองวันเผื่ออาการจะได้ดีขึ้น ว่าแต่หนูมาหามิณฑ์ถึงที่นี้มีธุระอะไรไหม”
“อ๋อออออออออ~ ไม่มีคะ ไม่มี คะคะแค่สงสัยว่า…ว่าทำไมเขาไม่มาเรียนติดกันแค่นั้นเองคะคุณป้า ไม่มีอะไรเลย ไม่มี”
“อ๋อจ๊ะ ว่าแต่จะขึ้นไปเยี่ยมคุณหนูไหมละคะ เชิญเข้ามาได้นะคะ”
“ใช่คะ! เยี่ยม หนูว่าคุณป้าน่าจะเชิญตั้งนานแล้วนะคะ” (กระซิบเบาๆ)
“อะไรนะคะ…ป้าฟังไม่ค่อยถนัดเลย ฮ่าๆ สงสัยแก่แล้ว”
“ห้องของมิณฑ์ อยู่ที่ไหนหรอคะ? :D”
ใช่แล้วววววและฉันก็มาบ้านนายมิณฑ์ แหะ ๆ ก็ฉันรู้สึกแปลกๆนี่หน่าเหมือนอะไรหายไป ปกตินายมิณฑ์อยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลาแล้วจู่ๆก็หายไป หายไปเลยในวันที่เกิดเหตุเรื่องจุ Xxx*ชั่งมันเหอะ > < ฉันไม่อยากพูดถึงมันจั๊กกะจี๋หัวใจฉันเปล่าๆ ฉันก็แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ยัยป้ายืนแทบไม่ไหวบอกกับฉันว่านายมิณฑ์ป่วยหนัก ตั้งแต่รู้จักกับนายมาไม่เคยเห็นนายป่วยสักครั้งเลยแฮะ แปลกจริง --?
ร่างของนายมิณฑ์นอนเหยียดยาวพร้อมกับผ้าห่มหนาๆทับบนตัวเขาเกือบสามชั้นก็ว่าได้ ฉันเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆเขาแบบเงียบๆพยายามไม่ให้เขารู้สึกตัวที่สุด ใบหน้าของมิณฑ์ตอนนี้ช่างหมองซีด ริมฝีปากที่เคยอมชมพูนิดๆกลายเป็นสีเดียวกับผิวหนังของเขาไปแล้ว ฉันค่อยๆเอามือสัมผัสไปที่แก้มของนายมิณฑ์อย่างอ่อนโยน อุณภูมิของร่างกายนายมิณฑ์อุ่นกว่ามือที่ฉันเอาไปสัมผัสอย่างเห็นได้ชัด
แคคร่ก~ แคร่กก
“ใครหน่ะ แคร่กๆ~”
อรึ้ยยยยยยย~ ช่วยด้วย นะนะนายมิณฑ์กำลังตื่น ฉันต้องทำยังไงดี จะให้นายรู้ไม่ได้ว่าฉันมาบุกบ้านนายถึงขนาดนี้ ถ้านายรู้ว่าฉันมามีหวังคงคิดว่าฉันต้องคิดถึงนายมากแน่เลย ทำไง ทำไงดี~ ใต้เตียง! ใต้เตียง ใช่!ใต้เตียง ทำไมคนอย่างฉันมันชั่งฉลาดแบบนี้นะ ว่าแล้วฉันก็เข้าไปแอบใต้เตียงอย่างทันใด แฮ่กๆเกือบตาย
ก๊อก ก็อก!
หึ๊ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับผู้หญิงร่างสูงโปร่งที่ฉันจดจำใบหน้าของเธอได้ดี นั่นก็คือแม่ของนายมิณฑ์นั่นเอง
“คุณน้า….เข้ามามีอะไรรึเปล่าครับ”
คุณน้างั้นหรอ ทำไมนายมิณฑ์เรียกแม่ตัวเองว่าน้าละ ? 0_0?
“แหม ฉันก็จะมาดูอาการของลูก! ฉันหน่อยไม่ได้รึไงจ๊ะ ว่าหายดีแล้วหรือตาย!รึยัง”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณต้องการอะไรจากครอบครัวผม คุณทำกับผมได้แต่อย่าทำอะไรคุณพ่อของผมและน้องของผมไปอีกก็แล้วกัน ไม่งั้นผมไม่ปล่อยคุณไปแน่”
“โถ่ โถ่ โถ่ เจ้าเด็กน้อยมิณฑ์ สมองปัญญาอันน้อยนิดของแกจะมาสู้อะไรกับคนอย่างฉันได้ ถ้าฉันฆ่าแกตอนนี้มรดกของตระกูลแกก็จะตกมาเป็นของฉัน แค่นั้นก็จบ แต่อย่าว่าไปเลยว่าฉันเป็นคนใจร้ายที่จะฆ่าเด็กน้อยตาดำๆอย่างแกเพราะตอนนี้แก! ยังมีประโยชน์พอสำหรับฉันอยู่ ถ้าไม่อยากให้น้องสาวแกตายก็ทำตามที่ฉันบอกสะ เรื่องมันจะได้จบๆสะที หรืออยากเห็นน้องสุดที่รักของแกตายอย่างแม่แกไปนั้นหรอ ฮ่าๆๆ”
“อย่าทำอะไร น้องสาวผมเป็นเด็ดขาดด!!”
“อุ๋ยยยย โอ๋ๆโอ๋ พูดแค่นี้ทำเป็นโกรธจนตัวสั่นไปได้ ฮ่าๆ ว่าแต่พ่อแกนี่ก็โง่! แสนโง่เนอะว่าไหมมิณฑ์ ขนาดภรรยาตัวเองตายกับลูกสาวหายไปยังตามจับคนร้ายไม่ได้เลย เอ๊ะ! หรือว่าพ่อแกจะหลงรักฉันอย่างหัวปักหัวปำเข้าแล้วละมั้ง ว่าไหมจ๊ะลูก ฮ่าๆๆ นอนเถอะนอน เดี๋ยวฉันจะเอาข้าวสูตรพิเศษของฉันมากินให้ใหม่ก็แล้วกัน เป็นไง คราวที่แล้วรสชาติดีไหมละถึงขั้นนอนซมขนาดนี้เชียวหรอห้ะ ฮ่าๆๆ”
“นี่คุณใส่ยาอะไรให้ผมกินห้ะ ทำไมคุณ…”
“จุ๊ๆๆ…อย่าตกใจไปเลยหนูมิณฑ์ เพราะแค่นี้เขาเรียกว่าน้ำจิ้ม รีบ! ทำตามที่ฉันบอกแล้วแกจะปลอดภัย”
ฉะฉะฉะฉันแทบพูดอะไรไม่ออกกับสิ่งที่ฉันได้ยินอยู่ในขณะนี้ นี่พวกเขาถ่ายทำหนังหรือละครกันอยู่รึเปล่าเนี่ย ทะทะทำไมผู้หญิงคนนั้นช่างดูน่ากลัวและโหดร้ายสะเหลือเกินนะ นายมิณฑ์นี่นายถูกวางยาหรอเนี่ยแล้วไหนจะแม่ของเขาถูกฆ่าตกรรมมิหน่ำซ้ำน้องสาวของนายยังถูกลักพาตัวอีก โฮ้ยยยย นี่มันหนังชัดๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย นายมิณฑ์ ครอบครัวนายกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นหรอ
ความคิดเห็น