Ravening หัวใจเธอขอฉันนะ
ฉันพยายามมองไปรอบๆของพื้นที่แห่งนี้ พบแต่กระท่อมเล็กๆเป็นกระท่อมไม้ ดูค่อนข้างเก่าอยู่พอสมควร ฉันค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆด้วยความอยากรู้ว่าเป็นที่ของใครกัน สิ่งที่ฉันเห็นอยู่ข้างหน้าตรงนั้นคือ.........
ผู้เข้าชมรวม
129
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“พี่อาร์ต …. เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมากในสายตาพี่ เขาทั้งรักทั้งแคร์ทั้งหวงทั้งห่วงพี่มากเลยนะ จะไปไหนกันต้องตัวติดกันเสมอ แต่พอพี่เขาเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นโดยเฉพาะโรงเรียนนี้นะ มีแต่คนมีฐานะ หน้าตาดี ลูกคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น จ้องจะจับพี่อาร์ตไปจากพี่ตลอด พักหลังมานี้เวลาพี่ชวนไปเที่ยวก็บอกกับพี่ว่าติดธุระกับที่บ้านต้องทำตามคำสั่งพ่อของเขาตลอด แถม พี่เขาก็โตกว่าพี่มาก พี่กลัวจังเลยมิณฑ์ พี่กลัวเขาจะชอบคนอื่นหรือไม่แน่อาจจะเป็นเพราะทางบ้านเขาอาจจะไม่ชอบพี่กันแน่ “ บริเวณใต้ต้นโพธิ์พร้อมกับม้าหินที่เรียงรายกันเป็นแถวเป็นแนวบวกกับร้านขายของขนมขบเคี้ยวที่ตั้งอยู่แถวนั้นประมาณสองสามร้าน บรรยากาศคราวเหมือนฝนจะตก แต่หญิงสาวตัวเล็กรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณเข้มอมเหมือนสีน้ำผึ้งใบหน้าที่เรียบเนียนจากแป้งตลับที่เธอมักจะใช้ทาที่ใบหน้าของเธออยู่เป็นประจำ บริเวณรอบเปลือกตาบนที่เธอจัดแต่งมันให้สวยงามรับกับใบหน้าที่คมของเธอนั้น ขณะตอนนี้หยดน้ำใสๆได้ไหลออกมาจากตาของเธออย่างไม่ขาดสาย บวกกับมือที่คอยเช็คน้ำตานั้นเป็นเวลานับชั่วโมงเลยก็ว่าได้ เธอนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนซึ่งเป็นที่ประจำของเธอกำลังระบายเรื่องที่เธออัดอั๋นตันใจให้กับอีกฝ่ายที่กำลังยืนฟังเธออย่างใจจดใจจ่อ โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอาการอย่างไรกับสิ่งที่เธอกำลังเล่า…………
เช้าวันนี้เกือบทำให้ผมตื่นสาย เพราะสภาพอากาศที่ครึ้มๆเหมือนฝนกำลังจะตก โชคดีที่คุณแม่ผมเข้ามาปลุกให้ผมตื่น แต่สาเหตุที่จะต้องตื่นเช้าหน่ะหรอครับเพราะ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของภาคเรียนที่สอง ของผมนั้นเองโรงเรียนของผมมันเป็นโรงเรียนที่ไม่ธรรมดาหรอกนะครับเพราะมันมีการเปิดรับสมัครนักศึกษาตั้งแต่มัธยมต้นถึงระดับชั้นปริญญาเอกเลยทีเดียว ด้วยความที่มันแปลกและไม่เหมือนใครและแถมยังเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดระดับประเทศ คนมีฐานะเท่านั้นถึงจะสามารถเรียนโรงเรียนนี้ได้ คุณพ่อของผมประกอบอาชีพตำรวจ(นักสืบ)ครับเป็นสิ่งที่ท่านชอบมากที่สุดในชีวิต แต่เมื่อก่อนคุณพ่อได้เล่าว่า ครอบครัวของคุณพ่อได้เปิดกิจการทำร้านกาแฟเล็กๆ คนไม่ค่อยรู้จักกันมากเท่าไหร่ คุณพ่อจึงอยู่กับเรื่องเกี่ยวกับกาแฟมาเป็นเวลานานและนี่ก็เลยทำให้คุณพ่อคิดค้นเมล็ดพันธุ์กาแฟที่แปลกกว่าใคร
ธุรกิจขายเมล็ดพันธุ์กาแฟ(กาแฟขี้ช้าง) ได้รับความสนใจต่อผู้คนนับล้านหรือเรียกว่าทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ความสนใจที่มีต่อเมล็ดกาแฟนั้นส่วนใหญ่นั้นจะเป็นชาวต่างชาติมากกว่าคนไทยด้วยกัน ด้วย เหตุนี้ธุรกิจผมโด่งดังไปเกือบทั่วโลกคุณพ่อผมเลยปรับราคาเมล็ดกาแฟนี้อยู่สูงพอสมควรคนไทยส่วนมากไม่ค่อยจะมีเงินซื้อเมล็ดพันธุ์กาแฟนี้ได้เยอะสักเท่าไหร่ส่วนมากลูกค้าคนไทยที่เข้ามามักจะมาถามสูตรว่าทำยังไงแล้วก็ไปดัดแปลงเองซะมากกว่า ธุรกิจของครอบครัวผมยืนยาวมาได้จนกระทั่งยี่สิบปีกว่าๆแล้วและยังมีท่าทีให้ ผมบริหารสืบต่อจากท่านอีก จะว่าไปนี่แหละครับคือความโชคดีของผมที่ได้เกิดมามีพร้อมทุกอย่าง แต่มัน….ก็อาจจะไม่เสมอไป ใช่ไหมครับ
ตอนนี้ผมอยู่ตรงหน้าโรงเรียนแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนถึงสนใจที่จะอยากเข้าโรงเรียนนี้นัก แค่เห็นชื่อโรงเรียนก็แปลกแล้ว “Ravening School”
# Ravening = แรพเวินนิง แปลว่า การช่วงชิงหรือการแย่งชิง
ผมสงสัยตั้งแต่แรกว่าทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้ให้กับโรงเรียนแห่งนี้ด้วย แต่พอผมได้เข้ามาอยู่ที่นี่ได้สักพักผมเลยพอจะเข้าใจมันมากขึ้น สังคมแบบที่ผมอยู่มีทั้งแข่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน อีกทั้งอวดดีขี้โม้เป็นใหญ่กันทั้งนั้น แต่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะครับถึงครอบครัวผมจะรวยสักแค่ไหนแต่ครอบครัวผมก็เคยพอที่จะลำบากมาก่อน…
ผมเดินมาจนสุดที่ตึกสุดท้ายผมรู้ดีว่าคนที่ผมกำลังนึกถึงเธอจะต้องอยู่ปลายทางข้างหน้าอย่างแน่นอน สิ้นสุดตึกเรียนสุดท้ายก็จะมีทางที่ค่อนข้างจะแคบไปยังสนามฟุตบอลของโรงเรียน พอผมเดินผ่านทางนั้นก็พบกับเธอที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวอย่างที่ผมคิดไว้ไม่ผิด กับสถานที่ที่เธออยู่แห่งนี้เป็นที่นั่งเล่นของนักศึกษาตอนเวลาเย็นๆหลังเลิกเรียน นับจะว่าเป็นที่ๆสงบก็ไม่ใช่หรอกครับ เพราะมันอยู่ใกล้กับสนามฟุตบอล คนส่วนมากมักชอบมานั่งแถวนี้เพื่อจะได้ดูหนุ่มๆเล่นกีฬากัน แต่ส่วนใหญ่มักจะโดนลูกหลงจากลูกฟุตบอลกันเป็นแถว --* โต๊ะที่นั่งส่วนใหญ่จะเป็นม้าหินอ่อนที่วางเรียงรายกันเป็นแถวๆ ประมาณ สิบ ถึงยี่สิบโต๊ะที่ใครได้มาเห็นคงต้องอยากนั่งอยากจองกลัวว่าจะไม่มีที่นั่ง บรรยากาศโดยรอบๆปกคลุมไปด้วยต้นไม้เลยไม่มีค่อยแสงพระอาทิตย์ส่องสักเท่าไหร่ แต่เท่าที่ผมสังเกตคนส่วนมากอยากจับจองโต๊ะที่อยู่บริเวณใต้ต้นโพธิ์เป็นที่สุด เพราะมันร่มเย็นแถมตอนฝนตกยังไม่เปียกอีกด้วย (ที่นี้เคยมีปัญหาเรื่องโต๊ะที่นั่งกันด้วยนะครับ) ปัจจุบันโต๊ะที่นั่งนั้นก็กลายโต๊ะที่มีเจ้าของไปแล้ว นั่นก็คือกลุ่มของผู้หญิงที่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงนั้นเอง กลุ่มของเธอเรียกว่า ฮอต ที่สุดในโรงเรียนนี้ก็ว่าได้ใครๆต่างพากันชื่นชอบกับภาพลักษณ์กลุ่มของเธอกันทั้งนั้นเพราะกลุ่มของเธอมีแต่รูปร่างร่างหน้าตาดีๆเป็นส่วนใหญ่เลยมักตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มๆในโรงเรียนนี้ ส่วนพวกผู้หญิงด้วยกันเองหน่ะหรอครับมักจะอิจฉาเป็นแถวเป็นแนวๆไปแต่พวกเธอก็ไม่เคยแคร์ใครอยู่แล้ว จนกระทั่งกลุ่มของพวกเธอได้เข้าแข่งทักษะภายในจนชนะเลิศระดับประเทศ พวกเธอเลยขอแลกกับเงินที่ทางโรงเรียนนี้จะให้เป็นรางวัลเปลี่ยนเป็นโต๊ะที่นั่งที่ทุกคนอยากจับจองกันนักกันหนานั่นเอง ใครๆก็เลยเกรงกลัวเธอมากขึ้นอาจเป็นเพราะพวกเธอเก่งเรื่องสมองละมั้ง
ผมเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นซึ่งดูเหมือนว่าเธอพอจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังมีคนมาเข้าใกล้ๆเธอ ตอนนี้ผมได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจนมากขึ้น ผมรู้…ว่าเธอแต่งหน้ามาโรงเรียนทุกวันแต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วย คราบ…น้ำตา สิ่งที่ผมทำได้ในขณะนี้คือฟังเธอระบายความในใจนั่นออกมา แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับที่เธอมาระบายแบบนี้ นับไปก็ว่าหลายครั้งอยู่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องแฟนของเธอทั้งนั้น ถึงผมจะมีอาการโกรธไม่พอใจกับเรื่องที่เธอกำลังเล่าแต่ผมก็ไม่เคยที่จะแสดงอาการพวกนั้นออกมาให้เธอเห็นแม้แต่ครั้งเดียว
เธอโตกว่าผมครับ…..เธออยู่มหาลัยครับส่วนผมอยู่ แค่มัธยมปลาย เธอมักจะมองผมเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ รูปร่างบวกกับใบหน้าของเธอทุกครั้งที่เธอยิ้มหรือหัวเราะมันทำให้ผมแทบใจละลายเลยทีเดียว แน่นอนครับเพราะเธอสวยเธอฉลาดใครๆก็รุมมาจีบเธอกันทั้งนั้น ส่วนผม….ก็ได้แต่ยืนมองเฉยๆแค่นั่นเอง แหละครับ ผมสนิทกับเธอมาก รู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดีอาจจะเป็นเพราะความสนิมกันมากเกินไปผมเลยชอบเธอแบบไม่ทันตั้งตัวและเธอคงจะมองข้ามคนใกล้ตัวมากเกินไป
ขณะนี้เธอหยุดร้องไห้แล้วโดยที่ผมไม่ได้ปลอบอะไรเธอเลย เพราะยิ่งปลอบเธอจะยิ่งร้องไห้และหงุดหงิดมากขึ้น เธอเป็นคนอ่อนแออ่อนไหวง่ายกับเรื่องความรัก ถ้าเธอรักใครขึ้นมาสักคนเธอจะซื่อสัตย์ต่อคนนั้นและคงจะรักตลอดไปมั้งครับ
“ ติ๊งติงติ๊งต่อง ต่องต๊องงต่องต๊องงงงง ~’’
เสียงอ๊อดเข้าแถวของผมเองแหละครับ นับเป็นหลายครั้งได้ที่ผมหนีเข้าแถวก็เพราะช่วงพักหลังเธอชอบมีอาการให้ผมน่าเป็นห่วงอยู่บ่อยๆ ผมกับเธอจึงหลบมาซ่อนตัวหลังห้องน้ำเป็นครั้งคราไป เธอมักดูมีความสุขที่ได้ทำเรื่องที่มันตื่นเต้นคือหนีพวกอาจารย์ที่คอยจับเด็ก บางครั้งผมกับเธอก็โดนจับได้แต่เธอก็ไม่มีท่าทีสลดใจสักนิดเดียว
“มิณฑ์ เดี๋ยวตอนเย็นพาพี่ไปกินไอติมด้วยนะ นะ’’ เธอพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่อ้อนๆนิดนึงพลางชะเง้อคอมองดูอาจารย์ที่เดินมาตรวจ ในเมื่อเธอทำท่าทางอ้อนขนาดนั้นมีหรอผมจะไม่ไปกับเธอ
ช่วงเวลาอันหวาดเสียวสำหรับผมได้ผ่านพ้นไปสักที ผมกับเธอก็ได้บอกลากันแล้วต่างแยกย้ายกันไปเรียน ช่วงภาคเรียนที่สองมักจะไม่ค่อยมีเรียนสักเท่าไหร่หรอกครับมักจะเป็นช่วงกิจกรรมสะมากกว่า ผมค่อนข้างที่จะชอบเพราะผมไม่ชอบเรียนหนังสือไงละครับ แต่โรงเรียนที่นี้ก็ดีอยู่หลายอย่างที่ผมชอบ ใส่ชุดที่ไม่ใช่ยูนิฟอร์มของโรงเรียนนี้ได้แต่ต้องติดเข็มกลัดเวลาเข้าโรงเรียนเสมอ ตอนพักกลางวันก็สามารถออกไปข้างนอกโรงเรียนได้แต่ต้องทำการแลกบัตรนักเรียนก่อนออก และห้ามกลับมาเกินเวลาเข้าเรียนและที่สำคัญการเรียนของโรงเรียนที่นี้ในภาคเรียนที่สองจำกัดเวลาเรียนเพราะเรียนกันแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้นเองครับนอกนั้นกิจกรรมทั้งหมด ส่วนเทอมแรกอ่ะหรอครับ อัดเรียนเต็มเหยียด พูดง่ายๆว่าถ้าใครไม่มาเรียนวันนึงก็อาจจะไม่รู้เรื่องเลยก็ได้
นิสัยของผม ..เป็นคนขี้อายครับไม่ค่อยสุ่งสิงกับใครถ้าไม่อยากรู้จักจริงๆ ผมก็ไม่ใช่คนหลงตัวเองนักหรอกครับแต่ผู้หญิงที่มาตามจีบผมเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กมัธยมต้นทั้งนั้นผมเลยเลือกที่จะเฉยๆดีกว่า ตอนนี้ผมได้เข้ามานั่งในห้องเรียนเรียบร้อยแล้วผมอดไม่ได้ที่จะต้องมองไปนอกหน้าต่าง ขณะนี้ท้องฟ้าครึ้มๆก็กลายเป็นหยดน้ำฝนที่โปรยลงมาอย่างหนัก ผมชอบหน้าฝนมากมันทำให้อากาศเย็นสบายและผ่อนคลายเวลานอนที่เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงฝนที่กระทบโดนหลังคา ในที่สุดผมได้…..หลับไป Zzz...
“ไอเด็กน้อยมิณฑ์….ตื่นนน ตื่นนนนน” เสียงเรียกจากใครสักคนนึงที่พยายามกำลังปลุกผมให้ตื่น และผมก็รู้อีกด้วยว่า เธอคือคนที่จะลากผมไปกินไอศกรีมนั่นเอง ผมลืมตาตื่นด้วยความงัวเงียจากการนอนหลับ ภาพที่เห็นปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ผมมองไม่ค่อยชัดว่าเป็นเธอแน่นัก ผมเลยยื่นหน้าไปใกล้ ๆเธออย่างไม่มีสติ ขณะนี้ใบหน้าของผมกับเธอห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซนเลยครับ หรือเหตุการณ์นี้….ผมเพียงแค่ฝันไป ใบหน้าที่คมเข้มบวกกับปากที่แสนจะอมชมพูอันอวบอิ่มของเธอ เป็นใครที่ได้ใกล้ชิดแบบนี้คงไม่มีผู้ชายคนไหนห้ามใจได้หรอกครับ
“เพลี๊ยยยยย ~ ไอ่เด็กน้อยยย คิดจะทำอะไรพี่หรอห๊า ห๊า!’’
“โอ๊ยยย…นี่พี่ตบหัวมิณฑ์ทำไมเนี่ย มิณฑ์เจ็บนะเว้ยยยยย นี่..! คนอย่างมิณฑ์นะ ถ้าคิดจะจูบผู้หญิงสักคนแล้วละก็คงหาดีๆสวยๆกว่าพี่จะดีกว่าแบร่~ ฮ่าๆ~’’
“อ้ายยยยยยยตาบ้ามิณฑฑฑฑ์ นี่แกกล้าว่าพี่หรอ ห้ะ ห้ะ มานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ่มิณฑ์ อัยยย มิณฑฑฑ์’’ ขณะที่เธอกำลังปรี๊ดแตกสุดๆ ผมก็วิ่งหนีไปแบบไม่คิดชีวิตเลยละครับ ฮ่าๆ ผมกับเธอวิ่งเล่นไล่จับกันไปมาท่ามกลางหยดฝนที่โปรยปรายอย่างกระหน่ำเหมือนจะไม่มีวันหยุด เพียงแค่เวลาอันไม่นานแต่มันกลับทำให้ผมมีความสุขที่สุด
ขณะนี้ก็เริ่มจะใกล้ค่ำลงทุกที เธอบอกกับผมว่าคงไม่กินไอติมด้วยกันไม่ได้แล้วเพราะเสื้อผ้าของพวกเราเปียกหมด เราทั้งคู่เลยแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
บรรยากาศครึ้มๆ ฝนตกโปรยๆติดต่อกันมาเป็นเวลาสามวันแล้ว ขณะนี้ภายในโรงเรียนของผมได้เริ่มจัดการแข่งขันกีฬาสีของปีการศึกษานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่านักกีฬาตามแต่ละคณะสีก็รวมตัวฝึกซ้อมกันไปตามระเบียบการ ผมเดินมาจนสุดทางและก็ถึงที่นั่งเป็นประจำของกลุ่มพวกเธอ แต่ ก็ต้องแปลกใจเพราะไม่มีใครอยู่ที่นั้นเลยสักคนเดียว อาจจะเป็นเพราะฝนที่กำลังตกอยู่ก็น่าจะใช่ ผมจึงเดินไปยังอีกสถานที่สถานที่นึงซึ่งคาดว่าเธอน่าจะอยู่ที่นั้น
ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างๆสนามฟุตบอลซึ่งมันเป็นพื้นที่เล็กๆสำหรับพักตัวของนักกีฬา แต่เจ้าหูของผมมันบังเอิญไปได้ยินอะไรเข้าเลยทำให้ผมต้องหยุดชะงักเดิน
“ครับ คุณพ่อ เดี๋ยวผมจะส่งคนไปจัดการมันเอง …อะไรนะครับ… ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับเรื่องพวกนี้ ปล่อยให้ผม เป็นคนจัดการเองจะดีกว่า วางใจได้”
“พี่อาร์ตตต….คุยกับใครหรอค่ะ หน้าตาดูซีเรียสเชียว” ดูเหมือนว่ามีคนมาขัดจังหวะกับการสนทนาของชายหนุ่มที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ซึ่งผมฟังไม่ค่อยชัดว่าเป็นเสียงของใคร ผมจึงค่อยๆแอบมองกับเหตุการณ์ข้างหน้านั้น
เสียงผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาขัดจังหวะเมื่อกี้ก็คือเธอนั้นเอง ส่วนผู้ชายคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่อาร์ตคนที่เธอหลงเขามากที่สุดในตอนนี้ ผมสังเกตท่าทีของนายอาร์ตที่เหมือนจะตกใจกับเสียงเรียกของเธอ แต่ก็น่าแปลกทั้งๆที่เป็นเสียงเรียกจากคนสนิทของเขาแท้ๆแต่ทำไมดูเหมือนว่าราวกับทำอะไรผิดมางั้นแหละ บทสนทนาที่นายอาร์ตกำลังคุยโทรศัพท์กับคนปลายทางนั้นผมได้ยินมันชัดเจนและมันทำให้ผมสงสัยอีกว่านายคิดจะทำอะไรกัน !
“เอ่ออ… นาว คราวหน้าคราวหลังหัดมาให้ซุ้มให้เสียงกันบ้างสิ ทำอย่างนี้พี่ก็ตกใจแทบแย่ ถ้าพี่หัวใจวายตายขึ้นมา..ใครจะมาดูแลนาวแทนพี่ละค่ะ”
“แหมมมมมม แหม แหม~ ไม่ต้องทำมาเป็นปากหวานเลยนะคะพ่อนักกีฬา เมื่อกี้คุยกับใครคะ บอกมาสะดีๆเล้ยย ไม่งั้นนาวจะโกรธพี่อาร์ตไปตลอดชาติ หึ!”
“พี่คุยธุระกับคุณพ่อ ไม่เชื่อเอาโทรศัพท์ไปดูเลยไหมคะ หึ๊ คนเก่ง จะโกรธพี่ไปตลอดชาติใช่ไหม หึ๊ มาให้พี่กอดสะดีๆ มาเร็วๆเลย ยัยตัวแสบบ”
“อร้ายย ฮ่า~ อย่านะคะพี่อาร์ต ฮ่า~ พี่อาร์ต หยุด! ฮ่า~ นาวไม่มีวันให้พี่จับตัวนาวได้หรอก แบรรร่~”
ทุกการกระทำของทั้งคู่อยู่ในสายตาผมเต็มสองลูกกระตาเลยแหละครับ รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเห็นมันก็ยิ่งเจ็บแต่ผมก็เลือกที่จะยืนมองเขาทั้งคู่มีความสุขกัน อันที่จริงผมไม่ควรมาในสถานที่ตรงนี้เลย หรือว่า ถ้าผมเลือกได้ผมก็ไม่น่าจะมารู้จักกับเธอสะดีกว่า ผมเดินออกมาท่ามกลางฝนที่ยังคงโปรยปรายอยู่ เหมือนพระเอกในนิยายไหมละครับ ตอนนี้ผมกำลังอ่อนแอมากถึงมากที่สุด หัวใจของผมเจ็บเหลือเกินครับ หยดน้ำใสๆอุ่นๆได้ไหลหลินออกมาอย่างไม่อายใคร ผมหลับตาเงยหน้ารับหยาดฝนที่มันตกลงมาอย่างหนัก ภาพของเธอกับเขากำลังทำร้ายผมอยู่…ในขณะนี้
ผลงานอื่นๆ ของ Sqweezzzz ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Sqweezzzz
ความคิดเห็น