คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [B A P] ห่าง #BangChan ;Yongguk & Himchan
ห่าง
BangChan
PPPlus
Talk: ชั่ววูบ... ลมพัดแล้วแต่งเลย วันเกิดนงแต่ฟิคบังชาน.. ถถถถถถถถ ง่วงมาก.. โปรดอภัย กราบบ ฮอลลลล ;______;
“ถ้านายเป็นแบบนี้เราห่างกันซักพักไหม ?” ถอนลมหายใจและพูดด้วยโทสะที่มีอยู่ ก่อนจะหันหน้าไปมองอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่สบตาทำเพียงก้มหน้าจนหน้าม้าที่ไม่ได้เซตเหมือนปกติและยาวจนเกินไป ปรกหน้าจนไม่เห็นดวงตา
ก้มหน้านิ่งโดยไม่สนใจว่าเครื่องดื่มแก้วโปรดกำลังละลายและกำลังจะจืด...
“ถ... ถ้า...” เจ้าของกาแฟเงยหน้าขึ้นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ดวงตาแดงก่ำ น้ำใสๆ คลออยู่ แก้มขาวที่แทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงมีคราบน้ำตาติดอยู่....
ร้องไห้???
คิม ฮิมชาน ร้องไห้...
อย่างนั้นหรอ?
“ถ้ายงกุก ต้องการแบบนั้น...” เสียงสั่นเหมือนกับกำลังพยายามกลั้นสะอื้น ก่อนจะเริ่มสูดลมหายใจอีกครั้ง.... “อึก... เราห่างกันก็ได้นะ...”
เหมือนมีค้อนปอนด์ขนาดใหญ่มาทุบกลางหัว...
ฮิมชานพูดจบก็เดินออกจากร้านกาแฟที่มานั่งด้วยกัน...
ออกไปด้วยคราบน้ำตา
โดยไม่หยิบแก้วอเมริกาโน่ที่สั่งมาด้วยรอยยิ้มไป...
ฮิมชานชอบอเมริกาโน่มาก... ไม่เคยวางของโปรดของตัวเองทิ้งไว้แบบนี้หรอก...
ที่สำคัญ...
ฮิมชานไม่เคยร้องไห้...
ไม่สิ..
เขาไม่เคยทำฮิมชานร้องไห้...
แต่ฮิมชานกำลังร้องไห้....
เพราะเขา?
เคยได้ยินคำพูดนี้ไหม ?
ตอนแรกที่เราทะเลาะกัน.. ผมน่ะไม่ผิดหรอก แต่พอเขารองไห้เท่านั้นแหละ... ผมผิดไปเต็มๆ เลย...
บัง ยงกุก กำลังเข้าใจอารมณ์แบบนั้น...
ตอนที่เราเปิดฉากทะเลาะกัน.... เขาเชื่อว่ายังไง งานนี้เขาก็ไม่ผิด คนที่ผิดคืออีกคนล้วน ๆ...
แต่ตอนนี้เขากลับทำผิดร้ายแรง... ร้ายแรงกว่าที่เขาคิดว่าอีกคนทำผิดด้วยซ้ำ...
ยงกุกกำลังทำให้ฮิมชานร้องไห้...
ร้องไห้แล้วเดินหายไปเลย...
ห่างกันหรอ???
บางที อาจจะได้คำตอบอะไรบ้างก็ได้...
ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปจ่ายเงินค่ากาแฟ... ฮิมชานไม่ได้จ่ายเงินในส่วนของอเมริกาโน่เย็นแก้วนั้น แต่เขาพร้อมจะจ่าย...
ไม่ว่ากี่แก้วเขาก็ยอมจ่าย..
ถ้ามันทำให้ฮิมชานไม่ร้องไห้แล้วเดินกลับมา
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนพูดกลายๆ เหมือนไล่ให้ฮิมชานไป บอกกับฮิมชานว่า ฮิมชานทำให้เขารำคาญ แต่ตอนนี้เขากลับต้องการฮิมชานมาอยู่ข้างๆ
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ ?” พนักงานประจำของร้านขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง...
ร้านแห่งนี้เป็นร้านประจำที่มักจะมาด้วยกันเสมอ.. มาตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน มาตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน ขอคบกันที่นี่ มาเดทที่นี่ เซอร์ไพรซ์กันก็ที่นี่ จนเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ของร้านไปแล้ว...
แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะกลายเป็นร้านที่เปิดฉากทะเลาะกันหนักที่สุด
พนักงานของที่นี่รู้จักพวกเขาดี ติดตามและคอยไซโคตั้งแต่ยังไม่คบกัน ไม่แปลกที่จะรู้สึกกังวลไปด้วยเมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกัน
ยงกุกเพียงยิ้มบางๆ ไม่ตอบอะไรและจ่ายเงินก่อนจะเดินออกนอกร้านไป
‘ฉันมาที่นี่ จะมานั่งคนเดียว ทำไมต้องตามมาด้วยล่ะ?’
‘ก็บอกว่าจะมาคนเดียว จำไม่ได้หรอ’
‘ขออยู่คนเดียวบ้างไม่ได้รึไง’
‘อย่างี่เง่านัก’
‘นายมันน่ารำคาญจริงๆ’
คำพูดร้าย ๆ ที่ตนเพิ่งพูดออกไปวนกลับเข้ามาให้หัวอีกครั้งเหมือนเทปกลอกลับ...
เพราะโมโห เพราะหงุดหงิด หรือเพราะอะไรก็ตาม ที่ทำให้เขาเผลอทำตัวโง่ๆ โดยการตวาดฮิมชานไปแบบนั้น คำพูดพวกนั้น...
เขาเอาคืนมาไม่ได้
‘ก็เป็นห่วงเลยมาหา.. ไม่ได้เลยหรอ..’
‘ก็เห็นดูเครียดๆ เลยอยากไปหา ไม่อยากให้เครียด ผิดขนาดนั้นเลยหรอ...’
‘ทำไมต้องตวาดด้วย...’
‘เราน่ารำคาญขนาดนั้นเลยหรอ ?’
‘ก็อยากมาหา....’
ทำไมเขาไม่มองหน้าของฮิมชานตอนที่กำลังพูดคำพวกนี้อยู่...
ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกในตอนแรกเลยว่าเสียงของฮิมชานกำลังสั่น
ทำไมตอนนี้เพิ่งจะมารู้ตัว....
สองเท้าเดินไปเรื่อยๆ จนถึงย่านการค้า... และร้านหนังสือ...
ร้านที่เจอกันครั้งแรก...
ภาพในวันแรกยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ...
‘นายน่ะ ถ้าไม่ขยับ..ก็ช่วยหยิบหนังสือเล่นนั้นให้หน่อยสิ’
ยังจำสีหน้าหงุดหงิดของคิมฮิมชานที่หาหนังสือจนหัวหมุนได้
‘เล่มนี้?’
‘อือ’
‘เอาไปทำอะไรน่ะ?’
‘อ่านน่ะสิ จะฝึก... เอามา..’
ยังจำได้อยู่ว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น ? สอนภาษาญี่ปุ่น?
‘ถ้าอ่านเฉยๆ เอาเล่มนี้ดีกว่ามั้ง’
สีหน้าของคนที่ไม่ได้หนังสือเล่มที่ต้องการ บัง ยงกุกยังจำได้อยู่
‘ทำไมอ่ะ’
‘มันอ่านง่ายกว่า เข้าใจง่ายกว่า แล้วเนื้อหาค่อนข้างกว้างด้วย อันนั้นมันเข้าใจยากลึก แล้วก็เนื้อหาไม่ครบด้วย’
‘จริงดิ?’
‘จริง ถ้าเพิ่งเริ่มต้น เอาอันนี้ไปอ่านก่อน แล้วถ้าคล่องแล้วค่อยเอาอันนั้นไปอ่าน แต่ถ้าคล่องแล้ว ก็แล้วแต่...’
‘อือ.... เอาเล่มนี้แหละ’
‘แล้วแต่’
‘ขอบคุณนะ’
ยังจำสีหน้าของคนที่อมยิ้มขอบคุณให้ได้อยู่... จำได้ว่ามันสวย น่ามอง... จนเขาเผลอใจเต้น...
จำได้ว่าตัวเองบ้า จนต้องหาเรื่องมาที่ร้านเดิมทุกวันเผื่อจะมาเจอกันอีกรอบ...
ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรก... เขาเป็นคนไล่ตาม... ทำไมตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ผลักไสนะ...
‘ยงงงงงงงงงงงงงงกุก.. แป๊บดิ ไปเดินดูหนังสือก่อน’
ถ้าเขามากับฮิมชาน ฮิมชานต้องพูดอย่างนี้ทุกครั้งใช่มั้ย ?
สูดลมหาใจเขาเพื่อสกัดอารมณ์ของตัวเองแล้วเดินต่อกลับไปที่ห้อง นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน กองเพลงที่ตัวเองแต่งไว้ยังคงรกอยู่บนโต๊ะ
เพลงรักที่เคยเขาเคยแต่งไว้ให้ฮิมชานยังวางอยู่บนสุดของกอง
‘หลับคาโต๊ะทำงานอีกแล้ว อย่าหักโหมมากสิ’
‘อือ’
‘ไปนอนดีๆ เลยนะ’
‘รู้แล้วน่า...’
‘วันนี้เดี๋ยวนอนด้วยนะ..’
‘อือ... ปวดหัว..’
‘เป็นอะไรรึเปล่า.. ทานยาหน่อยมั้ย ?’
ทำไมเขาชอบพูดจาใจร้ายใส่คนที่เป็นห่วงเขาขนาดนี้นะ...
‘ดูแลตัวเองบ้างสิ... ถ้ายงเป็นอะไรขึ้นมาเราจะทำยังไง?’
ทำไมต้องพูดจาใจร้ายกับคนที่อยู่ข้างๆ เขาตลอดแบบนี้ด้วยนะ
ทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมกับเพลงที่เขียนค้างไว้....
‘ขอโทษ’
คำเดียวที่อยากจะพูดที่สุดในตอนนี้...
‘รักยงกุกมากเลย.. รู้มั้ย ?’
รู้สิ... รู้แล้ว.. รู้ดีด้วย...
“ปวดหัว....”
‘พักบ้างสิ เดี๋ยวก็แย่หรอก !’
ห่างกันซักพักหรอ?
ซักพักนี่มันนานขนาดไหนนะ...
ทำไมห่างกันแค่นี้... เขาถึงรู้สึกว่าเราสองคนห่างกันมากเกินไป...
คิดถึง...
อยู่ที่ไหนนะ?
เวลาแบบนี้.... ฮิมชานจะอยู่ไหน..
บ้าน ?
ร้านหนังสือ?
ร้านกาแฟ?
หรือที่ไหน?
ไวกว่าความคิด ลุกออกจากเตียงแล้วไปหน้าประตู...
ต้องขอโทษ.... เขาตระหนักได้แล้วว่า... ถึงแม้เขาจะชอบการใช้ชีวิตคนเดียวมากแค่ไหน.. เขาก็ขาดฮิมชานไม่ได้หรอก..
มือขวาบิดกลอนประตูพลางคิดถึงสถานที่ที่จะไป...
แต่เมื่อเปิดออกมากลับเจอคนที่กำลังตามหายืนอยู่...
“อ๊ะ...” คนตัวขาวยืนสะดุ้งอยู่หน้าประตูบ้าน ริมฝีปากเม้มแน่นในมือถือถุงบะหมี่อยู่สองถุง...
“ทำไม....”
“ข... ขอโทษนะ... เห็นว่ายังไม่ได้กินข้าวเลยเอามาให้ รบกวนรึเปล่า... ไม่ได้ตั้งใจแต่...” ไม่รอให้อีกคนพูดจบก็พุ่งตัวเข้าไปกอด
“ขอโทษ...” กระซิบที่ข้างหูของคนในอ้อมกอด กอดแน่น... แน่นเพราะกลัวว่าคนในอ้อมแขนจะหายไปไหนอีก.. “ขอโทษที่โมโหใส่ ตวาดใส่ ขอโทษ...”
“.....”
“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้.....”
“ฮึก...” คนในอ้อมแขนของเขาซุกเข้าที่ไหล่
“อย่าร้องไห้สิ..”
“ฮึก.. ขอโทษ... ขอโทษที่ทำให้รำคาญ..” เสียงฮิมชานอู้อี้อยู่ข้างๆ หู ยงกุกยกมือขึ้นลูบหลังเบา ๆ
“ไม่เป็นไร.... ไม่เป็นไร... ไม่รำคาญหรอก... ขอโทษนะ”
ผละตัวออกออกหน้าคนที่ตัวเองเพิ่งกอด ที่หางตามีน้ำใส ๆ คลออยู่ทั้งสองข้าง ก่อนจะจูบซับน้ำตาทั้งสองข้างก่อนจะเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก
จูบเบาๆ ไม่ได้ลุกล้ำอะไรมากเป็นจูบปลอบใจ จูบเพื่ออ้อนให้อีกคนเลิกร้องไห้
“อื้อ.... ยงกุก....หายโกรธแล้วใช่มั้ย” ช้อนตาขึ้นมองด้วยสายตาที่ไม่แน่ใจ
ยงกุกกดริมฝีปากลงไปกลางหน้าผาก
“โกรธ...”
“...”
“โกรธตัวเองที่ทำฮิมชานร้องไห้” เลื่อนมือไปลูบแก้มเบา ๆ “จะไม่ให้ร้องแล้วนะ...”
“อื้อ... กินข้าวกัน” พูดเสียงอู้อี้แล้วเดินนำเข้าไปในห้อง
“ฮิมชาน...”
“หือ?”
“รัก... นะ...”
“อื้อ ////////////////////////////”
“รัก.. จริงๆ นะ..”
“บ้า.. รู้น่ะ...”
.
.
.
.
.
“รักเหมือนกันนะ..”
---
กำลังขนย้ายฟิคจากเอ็กทีนมาลงเด็กดีบ้างอะไรบ้างน่ะค่ะ -"-;;
ความคิดเห็น