ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny พรหมลิขิต ขีดเส้นรัก

    ลำดับตอนที่ #11 : เที่ยวรับปิดเทอม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 68
      0
      30 พ.ค. 56

                   “อาจารย์วิค่ะ น้ำขอเวลา 10 นาทีในการประกาศอะไรบางอย่างกับเพื่อนๆ ก่อนที่อาจารย์จะสอนได้ไหมคะ?” ในขณะที่อาจารย์วิเลขา...อาจารย์สอนวิชาภาษาไทยเดินเข้ามาในห้อง และกำลังจะเริ่มต้นสอนหนังสือ ลูกน้ำ...สาวร่างบาง นัยน์ตาสีดำสนิท รับกับผมสั้นบ็อบสีดำสนิทเช่นเดียว เธอยกมือขึ้นทันทีที่เห็นอาจารย์วิเลขา ก่อนจะโพล่งออกมา

                    “ได้สิจ้ะ” อาจารย์วิเลขายิ้มรับ ก่อนที่หัวหน้าห้องสาวอย่างยัยลูกน้ำจะเดินมาอยู่ที่หน้าห้องเรียน พร้อมพูดขึ้น

                    “สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน วันนี้น้ำอยากจะมาประกาศว่าในช่วงปิดเทอมที่จะถึงนี้ ชั้นม.6 ของพวกเราทุกห้องจะไปเที่ยวกันค่า~

                    “เย้~

                    “ฮู่ว์~

                    แค่คนหน้าห้องประกาศว่าพวกเราจะได้ไปเที่ยวในช่วงปิดเทอม ก็เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากเพื่อนๆในห้องได้เป็นอย่างดี

                    “พวกเราจะไปกันทั้งหมด 5 วัน 4 คืนนะ แต่ว่าพวกเรายังไม่ได้ตัดสินใจกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหน...ซึ่งน้ำ และหัวหน้าห้องม.6 ห้องอื่นก็เห็นตรงกันว่าอยากจะไปทะเล น้ำก็เลยอยากให้ทุกคนช่วยโหวตว่าอยากจะไปเที่ยวทะเลที่ไหนกันดีค่ะ?”

                    “หัวหิน!

                    “ชะอำ!

                    “พัทยา!

                    “บลาๆๆๆ”

                    เพื่อนในห้องต่างพยายามแย้งกันแสดงความคิดเห็นว่าพวกเราจะไปเที่ยวกันที่ไหนดี? ทะเลอย่างนั้นเหรอ? อืม...ก็ดีนะ ฉันเองก็ไม่ได้ไปเที่ยวทะเลมาตั้งนานแล้ว

                    “น่าสนุกดีเนอะรุ้ง...” อิงฟ้าเอ่ยขึ้น ขณะมองบรรยากาศสนุกๆที่เพื่อนต่างเถียงกันว่าจะไปที่ไหนดี แต่มันก็ไม่ได้จริงจังมากนัก

                    “โอเคๆ น้ำลองเลือกมาแค่นี้นะ ก็จะมีหัวหิน ชะอำ แล้วก็เกาะล้าน แต่ถ้าจะไปพัทยา...น้ำว่ามันไกลไปนะ เอาเป็นสามอันนี้ล่ะกัน น้ำจะให้ทุกคนช่วยโหวตนะว่าอยากจะไปที่ไหน ถ้าน้ำพูดว่าใครจะไปชะอำ และถ้าใครอยากไปก็ให้ยกมือขึ้นนะ แต่น้ำขอให้หนึ่งคน ต่อหนึ่งเสียงนะ มันจะได้ยุติธรรม”

                    และสุดท้าย สถานที่ที่ห้องม.6/2 อยากจะไปมากที่สุดก็คือชะอำ เพราะเสียงโหวตที่มีมากกว่าครึ่งห้อง เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

                    “อ่อ...อีกเรื่องนะ คือจริงๆเรื่องที่จะไปกี่วันนั้น เราก็ยังไม่ได้สรุปกันเลย น้ำก็เลยอยากจะมาถามเพื่อนๆว่าอยากจะไปกันสักกี่วัน จะ 5 วัน 4 คืน หรือว่า 4 วัน 3 คืน หรือว่าจะเป็น 3 วัน 2 คืน...ทุกคนคิดว่าอยากจะไปสักกี่วัน?”

                    และทุกคนก็เลือกว่าจะไป 4 วัน 3 คืน ซึ่งฉันว่ามันก็ดีนะ ดูกลางๆดี ไม่ไปหลายวันเกิน แต่ก็ไม่น้อยไปเช่นกัน

                    “เดี๋ยวน้ำจะเอาสิ่งที่ทุกคนโหวตไปคุยกับหัวหน้าห้องอื่นอีกที แล้วถ้าเปลี่ยนแปลงยังไงอีก พรุ่งนี้น้ำจะมาบอกอีกทีนะ” หลังจากที่ร่างบางพูดจบ เธอก็หันไปขอบคุณอาจารย์วิเลขาที่ให้เธอออกมาพูด ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของเธอ

                    “รุ้ง...ถ้าได้ไปชะอำ เราไปเล่นบันนาน่าโบ๊ทกันนะ” เอ็มซีพูดขึ้น พร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้ฉัน

                    “อื้อ...เอาสิ รุ้งก็ไม่ได้เล่นบันนาน่าโบ๊ทมาตั้งนานแล้ว” ฉันพยักหน้า พร้อมรับคำ เล่นเอาคนเอ่ยชวนก็ยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก แต่มันกลับทำให้คนที่นั่งข้างฉันอีกคนอดแขวะออกมาไม่ได้

                    “ทำอย่างกับไม่เคยเล่นบันนาน่าโบ๊ทอย่างนั้นแหละ เด็กชะมัดเลย”

                    “นี่แกว่าใคร?” ทันทีที่ฟิวส์ทักขึ้น ก็เล่นเอาเอ็มซีถึงกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหาเรื่องไม่ได้

                    “ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลยด้วยซ้ำ ใครอยากรับ...ก็รับไปสิ...”

                    “ไอ้...”

                    “นักเรียนจ้ะ อาจารย์กำลังสอนพวกเธออยู่ ช่วยเงียบ และตั้งใจฟังที่อาจารย์สอนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” อาจารย์วิเลขาขัดขึ้น เมื่อเห็นว่าเสียงคุยในห้องเริ่มดังขึ้น และเพราะคำพูดของอาจารย์ เลยทำให้ฟิวส์ และเอ็มซียอมหยุดทะเลาะกัน เฮ้อ~ โล่งอกไปที

     


     

    สองอาทิตย์ผ่านไป

                    ตอนนี้ฉัน และเพื่อนๆชั้นม.6 เกือบทุกคนที่ลงชื่อไปเที่ยวทะเลในช่วงปิดเทอมก็นำของมาไว้ที่รถบัสของโรงเรียน แต่ในขณะที่ฉัน และฟิวส์กำลังจะเดินขึ้นถบัสนั้น...

                    หมับ!

                    “ฟิวส์คะ...ฟิวส์ไปนั่งรถคันนั้นกับดีดี้นะค่ะ” อยู่ๆ สาวร่างบางในชุด เดรสสีน้ำเงินสั้นเหนือเข่าก็เดินเข้ามาคล้องแขนเพื่อนชายของฉัน พร้อมพยายามดึงเขาไปขึ้นรถบัสอีกคันหนึ่ง และเธอคนนี้ก็เป็นผู้หญิงที่คนทุกคนรู้จักกันดี เพราะเธอคือ...ดีดี้ คุณหนูขี้วีนประจำโรงเรียนนี้ ด้วยใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง และนัยน์ตาสีฟ้าใสที่บ่งบอกถึงความเป็นลูกครึ่งของเธอได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจมูกโด่งเป็นสันที่บอกถึงความเอาแต่ใจของเจ้าตัว ริมฝีปากบางที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปกลอสสีชมพูหวาน รับกับผมสีทองที่ถูกปล่อยสยายยาวถึงกลางหลังก็เรียกสายตาจากคนอื่นๆได้ และเพราะท่าทางนั่น มันก็ทำให้ฉันเผลอกำมือแน่นด้วยความลืมตัว

                    “ฉันไม่รู้จักเธอ...ขอตัวนะ อ่อ แล้วเธอชื่ออะไรนะ...ดีดี้เหรอ? ชื่อเหมือนกับหมาที่บ้านฉันเลย นี่เธอแน่ใจนะว่านี่คือชื่อคนน่ะ?”

                    “กะ...กรี๊ด~” แต่ทันทีที่ร่างบางโดนฟิวส์ตอกกลับมา สาวเจ้าก็ถึงกับกรี๊ดลั่น เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่ได้ยิน รวมทั้งฉันด้วย เพื่อนสนิทของฉันนี่ยังปากจัดไม่เปลี่ยนเลย “นะ...นี่ฟิวส์หาว่าชื่อของดีดี้เหมือนชื่อหมาอย่างนั้นเหรอคะ? ดีดี้ไม่ยอมนะค่ะ...ฟิวส์ต้องมาขอโทษดีดี้เดี๋ยวนี้”

                    “นี่...เลิกทำเสียงปัญญาอ่อนแบบนั้นสักทีเถอะ มันน่ารำคาญ แล้วเธอหูหนวกรึไง...ฉันบอกเธอไปแล้วว่าฉันไม่รู้จักเธอ แต่อยู่ๆเธอก็มาลากให้ฉันไปนั่งกับเธอเนี่ยนะ แปลกคนจริงๆ”

                    “นะ...นี่ฟิวส์กล้าพูดแบบนี้กับดีดี้ได้ยังไง? รู้ไหมว่าพ่อของดีดี้ใหญ่ขนาดไหน? ฟิวส์ต้องกลับมาขอโทษดีดี้เดี๋ยวนี้เลยนะ” ยัยดีดี้ถึงกับเต้น เมื่อเพื่อนสนิทของฉันยังคงไม่สนใจคำพูดของเธอ แต่กลับมาคว้าข้อมือของฉันอีก แต่ถึงยังไง ฟิวส์ก็ยังไม่สนใจคำพูดของสาวขี้วีนอยู่ดี เล่นเอาคนที่ต้องการคำขอโทษจากร่างสูงถึงกรี๊ดลั่น “กะ...กรี๊ด! นี่ฟิวส์ไม่สนใจดีดี้ แต่กลับไปสนใจเด็กหน้าบ้านๆอย่างยัยรุ้งเนี่ยนะค่ะ”

                    หมับ!

                    “อะ..โอ๊ย...ดีดี้เจ็บนะ”  ดีดี้ถึงกับร้องเสียงหลง เพราะทันทีที่เธอพูดจบ เพื่อนชายของฉันก็รีบหันกลับไปมองคนพูด พร้อมกระชากข้อมือของร่างบาง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

                    “เธอไม่มีสิทธิ์มาว่ารุ้ง และฉันคิดว่าก่อนที่เธอจะว่าใคร...ก็ควรที่จะหันมาดูตัวเองเสียก่อน ฉันยอมรับว่าหน้าตาของเธอน่ะสวย แต่ท่าทาง และกิริยา รวมทั้งวาจาที่เธอพูดออกมานั้น มันไม่ได้เข้ากับหน้าตาของเธอเลย และมันยังดีไม่ได้ถึงครึ่งของสายรุ้งเลย แล้วการที่เธอมาพยายาม ‘จับ ผู้ชายแบบนี้ มันไม่ได้ดูดีอะไรเลยนะ แต่มันกลับดู...น่าสมเพช”

                    เมื่อเพื่อนสนิทของฉันพูดจบก็เล่นเอาคนที่ถูกพูดถึง รวมทั้งฉัน และคนที่ได้ยินถึงกับอึ้งไปตามๆกัน นี่ฟิวส์พูดตรงไปรึเปล่านะ เพราะแม้แต่ฉันเองยังอดตกใจกับคำพูดของเพื่อนสนิทไมได้ แต่ดูเหมือนว่าคนข้างตัวฉันจะไม่ได้สนใจมากนัก เพราะพอเขาพูดจบ เขาก็จูงมือฉันขึ้นรถบัสทันที ก่อนที่...

                    “กรี๊ดดด~~

     


     

    หาดชะอำ

                    พวกเราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็เดินทางมาถึงจุดหมายในเวลาก่อนเที่ยงเล็กน้อย พอพวกเรkมาถึง รถบัสก็พาเรามาที่โรงแรม และพวกเราก็นำของมาวางไว้ที่ล็อบบี้ของโรงแรม ก่อนที่ประธานนักเรียนคนสวยอย่างยัยแพรวาจะพูดขึ้น

                    “สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน ตอนนี้เราก็มาถึง ‘ชะอำ รีสอร์ท แอนด์ สปา แล้วนะคะ เรื่องของห้องพัก เพื่อนๆจะนอนกับใครก็ได้ เราไม่บังคับนะคะ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นหญิง-หญิง ชาย-ชายเท่านั้นนะคะ และหลังจากที่เพื่อนๆได้คู่แล้ว แพรอยากจะให้เพื่อนๆมาลงชื่อกับอาจารย์พรพิมลก่อนนะค่ะ พออาจารย์ให้กุญแจห้องพักมาแล้ว เพื่อนๆก็สามารถขึ้นห้องพัก และพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยเลยนะค่ะ แต่ว่าแพรจะให้เวลาครึ่งชั่วโมงนะคะ แล้วเราก็จะมาเจอกันที่ล็อบบี้ตอนเที่ยงตรง เพื่อรับประทานอาหารกลางวันกันค่ะ  แพรขอร้องว่าอย่าเลตนะคะ เพราะยิ่งเลต กิจกรรมที่จะมีในตอนบ่าย มันก็จะยิ่งเลตมากขึ้น...”

                    “นี่...เธอให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงมันจะไปทันอะไร แค่ฉันขึ้นห้อง และจัดเสื้อผ้ามันก็ยังไม่ทันเลย ไหนฉันจะต้องอาบน้ำ ขัดเนื้อขัดตัวอีก ยี้~ ตัวฉันน่ะ...เหม็นกลิ่นทะเลไปหมดเลย เธอต้องให้เวลาฉันสัก...สองชั่วโมงล่ะกัน”

                    คุณหนูขี้วีนประจำโรงเรียนรีบขัดขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าประธานนักเรียนให้เวลาน้อยเหลือเกิน ทั้งๆที่แพรวายังพูดไม่จบด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ฉันแอบเลื่อนสายตาไปมองกระเป๋าใหญ่สองใบที่ดีดี้ถือมาไม่ได้ เอ่อ...นี่เธอคิดว่าจะย้ายบ้านรึไงนะ...ถึงได้หอบอะไรมาเยอะแบบนี้ ทั้งๆที่พวกเรามาเที่ยวที่นี่แค่สี่ห้าวันเท่านั้นเอง

                    “ถ้าฉันให้เวลาเธอครึ่งชั่วโมง แล้วดีดี้ยังใช้มันไม่พอ ก็เรื่องของเธอ แล้วถ้าดีดี้มาสายกว่าที่นัดไว้ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก เพียงแต่ว่าเธอน่าจะลองไปหาหนังสือสมบัติผู้ดีมาอ่านนะว่าคนที่เขาดีแล้ว เขาทำตัวกันยังไง และเธอจะได้รู้จักคำว่า ‘เกรงใจ คนอื่นด้วย...”

                    “กรี๊ด~ นี่แกหาว่าฉันไม่มีสมบัติผู้ดีอย่างนั้นเหรอ? แล้วถ้าเธอยังอยากเรียนอยู่ที่นี่ต่อนะแพรวา เธอต้องขอโทษฉันเดี๋ยวนี้”

                    “อย่าคิดว่าการที่เธอเป็นลูกคนใหญ่คนโต แล้วเธอจะข่มฉันได้นะดีดี้ ฉันล่ะเสียดายจริงๆ...เธอโชคดีกว่าคนอื่นๆที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่จิตใจของเธอกลับไม่สูงตามฐานะของเธอด้วยเลย แล้วเมื่อเช้าที่ฟิวส์พูดสั่งสอนเธอไปน่ะ...ดูท่าว่ามันจะไม่เข้าสมองเธอเลยใช่ไหม? งั้นเอาอย่างนี้ล่ะกัน ฉันจะแนะนำเธออีกอย่าง เธอเห็นบ่อน้ำตรงนั้นไหม? ฉันว่าเธอน่าจะลองตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้างนะ”

                    “กะ...กรี๊ด!! นังแพร แก...” คนถูกสั่งสอนถึงกับร้องกรี๊ด  และมองประธานนักเรียนคนสวยด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ แถมเธอยังถลามาทำท่าจะตบแพรวาอีก

                    หมับ!

                    “นี่ดาวิกา...ฉันรู้นะว่าเธอใหญ่ แต่ถ้าเธอจะเห็นแก่ฉัน และเห็นแก่หน้าพ่อแม่ของตัวเองบ้าง ฉันจะขอบใจเธอมาก” อาจารย์พรพิมลที่ยืนอยู่ใกล้ๆแพรวารีบเดินมาคว้าข้อมือบางที่กำลังจะเงื้อตบประธานนักเรียน ดีดี้ทำท่าจะไม่ยอมถอยจนอาจารย์พรพิมลต้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ นั่นทำให้ดีดี้ต้องยอมลดมือลงอย่างเสียไม่ได้

                    “ฮึ!” ดีดี้กระชากข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของอาจารย์พรพิมล ก่อนจะเดินสะบัดหน้าออกไป พร้อมกับที่แพรวาหันไปขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยเธอไว้ ฉันถอนสายตาออกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วฉันกับอิงฟ้าก็เดินมาลงชื่อกับอาจารย์พรพิมล พร้อมๆกับที่ฟิวส์ และเอ็มซีก็เดินมาที่โต๊ะเช่นกัน เอ่อ...นี่สองคนแน่ใจใช่ไหมว่าจะนอนคู่กันน่ะ? ฉันกลัวว่าทั้งคู่จะฆ่ากันก่อนถึงวันกลับน่ะสิ

                    “นี่จ้ะ ห้อง 468 กับ 469 ห้องพักของพวกเธออยู่ชั้น 4 นะจ้ะ”

                    “ขอบคุณค่ะ /ขอบคุณครับ” พวกเราทั้งหมดรับคำ ก่อนที่ฉันและฟิวส์จะเอื้อมมือไปรับกุญแจห้องพักจากอาจารย์พรพิมล พร้อมกับที่พวกเราทั้งสี่จะขึ้นลิฟต์ และเดินมาที่ห้องพักของตัวเอง แม้ว่าฉันจะรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวพวกเรามันอึมครึมแปลกๆก็เถอะ

                    “อีกครึ่งชั่วโมง ค่อยเจอกันนะ” ฟิวส์พูดขึ้น เมื่อเราทั้งหมดเดินมายืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์

                    “จ้า..." ฉัน และอิงฟ้าพยักหน้ารับคำ แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเอ็มซีดูแปลกๆไป เพราะเขาเงียบตั้งแต่มาถึงแล้ว อืม...บางทีฉันคงจะคิดมากไปเองก็ได้มั้ง

                    “โห~ ห้องใหญ่จัง~” อิงฟ้าทักขึ้น เมื่อเราสองคนย่างเท้าเข้ามาในห้องพัก พร้อมกับที่เธอรีบกระโดดขึ้นเตียงที่ติดกับหน้าต่างทันที “...อิงจองเตียงนี้นะ”

                    “ตลอดอ่ะอิง แต่ก็ช่างเถอะ รุ้งนอนเตียงนี้ก็ได้” แม้ว่าต้นประโยค ฉันจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงงอนๆ แต่สุดท้าย ฉันก็เดินมานั่งเตียงข้างๆอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะเวลาที่เราสองคนไปค้างคืนที่ต่างจังหวัดครั้งไหน...อิงฟ้าก็มักจะจองเตียงที่ติดหน้าต่าง และมองวิวได้ชัดเจนตลอดเลย

                    “ไม่อยากจะเชื่อเลยเนอะว่าฟิวส์กับเอ็มซีจะนอนด้วยกันน่ะ ทั้งๆที่ทั้งคู่ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่"

                    “นั่นสิ...รุ้งก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่มีเรื่องกันเสียก่อนอ่ะนะ”

                    “อืม...”

     


     

                    “กิจกรรมในช่วงบ่ายของพวกเราในวันนี้จะเป็นการเล่นเกม ทั้งทางบก และทางน้ำ โดยเกมแรกชื่อเกมว่า ปิงปองลงถัง...เป็นกิจกรรมทางบก ส่วนอีกหนึ่งกิจกรรมก็คือ แข่งว่ายน้ำเอาธง ซึ่งเป็นกิจกรรมทางน้ำ หลังจากนั้น เราก็จะกลับมาทานอาหารเย็นที่โรงแรม แล้วจึงมีการสังสรรค์กันเล็กน้อย แต่ถ้าใครไม่อยากมา อยากจะพักผ่อนอยู่บนห้อง แพรก็ไม่ว่าอะไรนะคะ...”

                    “...”

                    “...มาเริ่มที่กิจกรรมแรกกันเลย นั่นก็คือ ‘ปิงปองลงถัง โดยกติกาของเกมก็ไม่ยากนัก เพียงแค่เพื่อนๆ แบ่งกันตามห้อง ก็จะได้ 5 กลุ่ม ก่อนที่จะให้ทุกคนเรียงแถว และคนแรกก็จะเป็นคนใช้ตะเกียบคีบปิงปอง และเดินไปทิ้งมันไว้ที่กระป๋องตรงหน้าของแต่ละกลุ่ม ซึ่งอุปสรรคในเกมนี้ก็คือการที่เราจะเดินบนพื้นทราย และอีกอย่างก็คือ...เรื่องการใช้ตะเกียบ เพราะลักษณะของลูกปิงปองเป็นทรงกลม ทำให้คีบได้ยาก ส่วนเวลาที่แพรกำหนดไว้ก็คือ 5  นาที ห้องไหนที่สามารถนำลูกปิงปองใส่ลงถังได้มากที่สุด ก็ไม่ได้หมายความห้องนั้นชนะนะคะ เพราะเราจะค่อยๆเก็บคะแนนไป โดยในวันสุดท้าย แพรถึงจะประกาศนะคะว่าห้องไหนได้คะแนนมากที่สุด และห้องไหนได้คะแนนน้อยที่สุดค่ะ แน่นอนว่าผู้ชนะ แพรย่อมต้องมีรางวัลให้อยู่แล้วค่ะ...”

                    หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงตามที่ประธานนักเรียนคนสวยอย่างยัยแพรวานัดไว้ พวกเราทุกคนก็ลงมาทานอาหารกลางวัน ก่อนจะมานั่งฟังถึงกิจกรรมที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงบ่ายนี้ เมื่อแพรวาพูดจบ เธอก็พาพวกเราไปที่ชายหาด ก่อนที่พวกเราจะแบ่งเป็นห้องๆตามที่ร่างบางว่า หลังจากนั้น...

                    ปรี๊ด~

                    เสียงนกหวีดก็ดังขึ้น บ่งบอกว่าเกมปิงปองลงถังได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเราต่างพยายามเชียร์คนที่คีบลูกปิงปองให้สามารถนำมันไปลงในถังได้ ไม่นานนัก ก็ถึงตาฉัน ซึ่งฉันไม่อยากจะบอกเลยว่าการคีบลูกปิงปองแค่ลูกเดียวมันจะยากขนาดนี้ เพราะเวลาที่ฉันจะคีบทีไร มันก็มักจะลื่นหลุดไปทุกที

                    “เร็วๆสิรุ้ง เดี๋ยวห้องเราก็แพ้หรอก” เอ็มซีสะกิดฉัน พร้อมเอ่ยขึ้น ก่อนที่ฉันจะพยายามคีบลูกปิงปองให้ได้

                    “เย้~ ได้แล้ว” ฉันร้องเย้กับตัวเองเบาๆ และพยายามประคองมันไว้ ในขณะที่ฉันก็ต้องพยายามประคองตัวเองให้เดินบนพื้นทรายโดยที่ไม่ล้มลงไปเสียก่อน

                    “ใกล้ถึงแล้วๆ”

                    “เร็วๆสิรุ้ง อีกนิดหน่อยเอง”

                    เสียงเชียร์เริ่มดังขึ้น เมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ถังที่วางไว้ที่หน้าห้องของพวกฉัน พร้อมเสียงปรบมือที่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

                    “เย้~~” ทันทีที่ฉันสามารถปล่อยลูกปิงปองลงถังได้ ก็เรียกเสียงเชียร์จากเพื่อนๆทุกคน ก่อนที่ฉันจะรีบนำตะเกียบมาให้เอ็มซี และยืนเชียร์เขาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

                    ปรี๊ด~     

                    เสียงนกหวีดดังขึ้นมาอีกครั้ง บ่งบอกว่าหมดเวลาแล้ว ก่อนที่แพรวาจะเดินมานับลูกปิงปองที่อยู่ในถังของแต่ละห้อง พร้อมเดินขึ้น

                    “...และห้องที่มีลูกปิงปองในถังมากที่สุดก็คือห้อง...ม.6/3 ค่า~

                    “เย้~~

     


     

                    “ต่อไปจะเป็นเกมแข่งว่ายน้ำชิงธง ซึ่งจะเป็นกิจกรรมทางน้ำตามชื่อเกมเลยค่ะ  แพรอยากจะขอตัวแทน 1 คนต่อ 1 ห้องนะค่ะ ซึ่งระยะทางที่พวกเราจะแช่งกันไปเอาธงนั้นไม่ไกลมากนัก และน้ำก็ไม่ลึกด้วย แล้วถ้าใครที่สามารถชิงธงได้ ห้องนั้นก็จะได้คะแนนไปค่ะ...”

                    “น้ำ...รุ้งขอเล่นเกมนี้นะ” ทันทีที่ประธานนักเรียนสาวพูดจบ ฉันก็รีบเดินไปหาหัวหน้าห้องของตัวเอง เพื่อเสนอตัวในการเล่มเกมนี้ แต่ไม่ทันที่ลูกน้ำจะได้พูดอะไร เพื่อนชายทั้งสองคนที่ได้ยินประโยคนี้ของฉันก็รีบขัดขึ้นมาเสียก่อน

                    “รุ้ง...อย่าเล่นเลย ฟิวส์ว่ามันอันตรายยังไงไม่รู้ ให้ฟิวส์เล่นเกมนี้แทนดีกว่า...”

                    “เอ็มก็ว่าอย่างนั้นแหละ เอ็มว่ารุ้งแค่คอยเชียร์อยู่ที่นี่ดีกว่า ไม่ต้องไปแข่งหรอก...”

                    “ได้ไงล่ะ...นานๆทีจะมีเกมสนุกๆแบบนี้ให้เล่น รุ้งไม่แข่งได้ไง แพรก็บอกแล้วนี่นาว่ามันไม่ไกล และน้ำก็ไม่ลึกด้วย ฟิวส์เองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ารุ้งว่ายน้ำแข็งแค่ไหน?”

                    “แต่...”

                    “นะๆ รุ้งอยากเล่นเกมนี้จริงๆ ให้รุ้งเล่นเถอะนะ”

                    เพื่อนทั้งสองคนของฉันยังเอ่ยขัดอีกหลายประโยค แต่สุดท้าย พวกเขาทั้งคู่ก็ต้องยอมให้ฉันลงแข่งอย่างเสียไม่ได้ ก็แหม...ถ้าฉันอยากจะทำอะไรจริงๆ ใครที่ไหนก็ไม่สามารถมาห้ามได้หรอก แต่ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้ห่วงฉันมากมายขนาดนี้ ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่จะต้องมีคนมาคอยเป็นห่วง มาดูแลน่ะ แถมประธานนักเรียนอย่างยัยแพรวาก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรต้องกลัว เฮ้อ~

                    “น้ำ...ตกลงรุ้งแข่งเกมนี้นะ” หลังจากที่เราเถียงกันอยู่สักพัก และฉันก็เป็นผู้ชนะ ฉันจึงหันไปทวงคำถามจากหัวหน้าห้องของตัวเอง

                    “ได้ๆ แต่แหม~ ดูฟิวส์ กับเอ็มซีเป็นห่วงรุ้งจังเลยเนอะ น่าอิจฉาจัง~ น้ำอยากให้มีคนมาเป็นห่วงน้ำแบบนี้บ้างจัง~

                    จบคำพูดของร่างบาง ฉันก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ เพระไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปดี ก่อนที่ฉัน แมกซ์ (ม.6/1) โมนา (ม.6/3) ฮันนี่ (ม.6/4) และกร (ม.6/5) จะมาเตรียมตัวแข่งขัน

                    ปรี๊ด!

                    เสียงเป่านกหวีดดังขึ้น พร้อมกับที่ฉัน และเพื่อนๆอีก 4 คนจะเดินลุยน้ำไปก่อนที่ระดับน้ำจะถึงเอวจึงได้ว่ายน้ำไป พูดถึงน้ำก็ไม่ได้ลึกอย่างที่แพรวาว่าจริงๆนั่นแหละ เพราะขนาดว่าฉันมาถึงครึ่งทางแล้ว ฉันยังสามารถยืนถึงพื้นทรายอยู่เลย แต่เอ๊ะ...ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าระดับน้ำตอนนี้มันดูลึกขึ้นนะ? แถมฉันยังรู้สึกว่าขาขยับไม่ได้ด้วย อย่าบอกนะว่าฉัน...เป็นตะคริว!!

                    “ชะ...ช่วยด้วย!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×