ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny พรหมลิขิต ขีดเส้นรัก

    ลำดับตอนที่ #10 : ความรู้สึกผิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      0
      3 ก.พ. 56

    ก็...รุ้งชอบใครในสองคนนี้ล่ะ? ฟิวส์...หรือว่า...เอ็มซี

     

    อีกครั้งที่คำพูดของเพื่อนสาวคนสนิทดังขึ้นมาในหัวฉัน จนตอนนี้ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเลือกใคร คนหนึ่ง...ก็เป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทที่สุด ในขณะที่อีกคน...ก็เป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันยอมเปิดใจมากที่สุด แล้วใครล่ะ...คือคนที่ฉันควรเลือก?

    ~ ~

    ฉันเอื้อมมือหมุนไขลานที่ตัวตุ๊กตาเต้นระบำ ก่อนที่เสียงเพลงจะดังขึ้น พร้อมกับที่ตัวตุ๊กตาในชุดเดรสสีขาวค่อยๆหมุนไปช้าๆตามเพลงที่ขึ้น ฉันก้มลงมองสร้อยข้อมือสีฟ้าที่ตัวเองสวมอยู่ และไดอารี่สีฟ้าที่วางอยู่ข้างๆตุ๊กตาเต้นระบำ

    ทั้งฟิวส์ และเอ็มซีต่างคิดกับฉันเกินเพื่อนกันทั้งคู่ ในขณะที่ฉันกลับมองคนที่ทั้งคู่เป็นเพียงเพื่อน หรือเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่ตัวฉันก็ปฏิเสธได้ไม่เต็มปากนักว่าตัวเองไม่ได้รู้สึก หรือไม่ได้หวั่นไหวกับใครเลย เพราะฉันเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับคนทั้งคู่จริงๆ

     

    ลุงไม่เอาเงินหรอกหนู ลุงแค่เห็นพวกหนูทำหน้าเศร้าๆ สงสัยคงจะทะเลาะกันล่ะสิ...บางทีเรื่องเล็กๆน้อยๆ ถ้ามันไม่สำคัญมากนัก ก็อย่ามาทำให้ต้องทะเลาะกันเลย ชีวิตหนึ่งจะเจอคนที่เรารัก และรักเราสักกี่คนเชียว ในเมื่อเจ้าหนูทั้งสองเจอกันแล้ว ก็น่าจะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ให้ดีที่สุดนะ

     

     อย่ากลัวไปเลยรุ้ง อย่าลืมสิว่าเอ็มยังยืนอยู่ข้างๆรุ้ง และยังจับมือรุ้งอยู่ด้วย

     

     ฟิวส์อธิษฐานว่า...ต่อให้เราต้องจากกันไป ก็ขอให้ฟิวส์ได้กลับมาเจอ และกลับมาอยู่เคียงข้างรุ้งเหมือนเดิม

     

    ฉันคิดถึงคำพูดของลุงขายไอติมที่เคยพูดประโยคนี้กับฉัน รวมทั้งคำพูดของเอ็มซีที่เคยพูดกับฉัน ตอนที่ฉันรู้สึกกลัว เมื่อเขาพาฉันมานั่งรถไปเหาะ และคำพูดของฟิวส์ที่เคยพูดกับฉัน ตอนที่เขาทำเซอร์ไพรส์วันเกิดฉัน คำพูดพวกนี้ ทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่น เพราะทั้งคำพูดของเอ็มซี และของฟิวส์ก็แสดงถึงว่าทั้งสองคนแคร์ฉันมากขนาดไหน? ตัวฉันเองยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่ง...ฉันเลือกใครสักคนในสองคนนี้ อีกคน...ที่ไม่ถูกเลือกจะเป็นยังไง?

     

    ...รักแรกพบไง ฮ่าๆ ไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนเราจะตกหลุมรัก หลังจากที่สบตากันเกิน 8 วิ

     

    รุ้งเชื่อในรักแรกพบไหม? แค่ฟิวส์สบตารุ้งครั้งแรก  รุ้งก็เป็นเหมือนรักแรกพบของฟิวส์แล้ว ยิ่งพอฟิวส์ได้รู้จัก ได้มาสนิทกับรุ้งมากขึ้น มันก็ยิ่งทำให้ฟิวส์ชอบรุ้งเข้าไปอีก รุ้งไม่เหมือนใคร รุ้งไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่ฟิวส์เคยรู้จัก รุ้งมีความเป็นตัวของตัวเองสูง รวมทั้งไม่พยายามเข้าหาใครก่อน นี่แหละมั้ง...คือสิ่งที่ทำให้ฟิวส์ชอบรุ้ง

     

    คำพูดของอิงฟ้า และคำพูดของฟิวส์ที่เคยพูดกับฉันไว้ ทำให้ฉันรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่ไหลออกมาดวงตาของตัวเอง รักแรกพบอย่างนั้นเหรอ? จนถึงตอนนี้ฉันยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าฉันเชื่อในรักแรกพบไหม? แต่ผู้ชายสองคนที่เรียกว่าแทบจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของฉันมากที่สุด กลับตกหลุมรักฉันด้วยคำๆนี้กันทั้งคู่ และทั้งคู่...ยังแคร์ฉันมากกว่าใครๆ แล้วอย่างนี้จะให้ฉันเลือกใครสักคนในสองคนนี้ได้ยังไงล่ะ?

    ฉันก้มหน้าร้องไห้กับมือของตัวเองอย่างอัดอั้น ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่มีคนมาชอบ มารักเราถึงสองคน แต่จะมีใครรู้บ้างว่าเพราะสิ่งๆนี้นี่แหละที่มันทำให้ฉันต้องรู้สึกอึดอัด และพูดไม่ออกแบบนี้

    “ฟิวส์...เอ็มซี...”

     

             ร่างสูงใหญ่ในชุดสูททำงานเดินเข้ามาหาร่างเล็กในชุดเดรสสีชมพูหวานที่กำลังระบายสีรูปภาพอยู่ พร้อมพูดขึ้น

             จำไว้นะรุ้งว่า...พ่อรักลูกมาก

             คนเป็นพ่อกอดร่างเล็กของบุตรสาว พร้อมหอมแก้มยุ้ยของเด็กน้อยวัน 7 ขวบอย่างเต็มกอด นั่นทำให้สายรุ้งเงยหน้าขึ้นมาผู้เป็นพ่อด้วยความงง และอดถามออกมาตามประสาเด็กขี้สงสัยไม่ได้

               พ่อจะไปไหนเหรอคะ? ร่างเล็กในอ้อมกอดขืนตัวเล็กน้อย เมื่อเห็นคนเป็นพ่อหอบเอากระเป๋าใหญ่ลงมาด้วย

                ถ้าพ่อไม่อยู่แล้ว รุ้งจะต้องเป็นเด็กดีของคุณแม่ และเชื่อฟังคุณแม่...รู้ไหม?

                 ค่ะเด็กน้อยรับคำตามประสาเด็ก แม้จะไม่รู้ว่าทำไมพ่อของเธอถึงพูดแบบนั้น

                 สัญญากับพ่อนะว่ารุ้งจะไม่ดื้อกับคุณแม่

                 รุ้งสัญญาค่ะว่ารุ้งจะไม่ดื้อกับคุณแม่ร่างเล็กสัญญากับคนเป็นพ่อด้วยความหนักแน่น พร้อมยื่นนิ้วก้อยเล็กๆเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของคนที่ขอให้สัญญา

                  งั้น...พ่อไปแล้วนะ

                  พ่อจะไปไหนคะ? รุ้งขอไปด้วยได้ไหม? พ่อค่ะ!! พ่อ!!’

     

                  “พ่อ!! พ่ออย่าทิ้งรุ้งไป!! พ่อค่ะ!!

                   หมับ!!

                   “รุ้งๆ สายรุ้งๆ...” เสียงเรียก พร้อมแรงเขย่าของใครบางคน ทำให้ฉันลืมตาขึ้นจากฝันร้าย และรู้สึกได้ถึงร่องรอยน้ำตาที่ยังไหลอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ฉันจะยกมือปาดมันทิ้ง

                    “แม่...” ฉันเรียกผู้เป็นแม่ ก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ฉันหลับไปได้ยังไงนะ ถ้าจำไม่ผิด เมื่อกี้ฉันยังนั่งคิดถึงเรื่องของฉัน ฟิวส์ และเอ็มซีอยู่เลย หรือว่าฉันจะผล็อยหลับไปนะ แล้วในฝันนั่น...ทั้งๆที่มันผ่านมาตั้งเกือบ 10 ปีแล้ว แต่มันกลับยังดูเด่นชัดในจิตใจฉัน ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดไม่นานมานี้

                    “รุ้งฝันร้ายเหรอลูก?” แม่ของฉันถามขึ้น พร้อมเอื้อมมือมาลูบผมฉันเบาๆอย่างปลอบโยน

                    “ค่ะแม่ รุ้งฝันถึงตอนที่พ่อทิ้งรุ้งกับแม่ไป พ่อใจร้ายมากเลยนะค่ะแม่ เขาทิ้งรุ้งกับแม่ไปได้ยังไง ฮือๆ รุ้งไม่เข้าใจเลย”

                    “อย่าไปโทษพ่อเลยลูก พ่อกับแม่เคยพยายามจะยื้อความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนไว้จนถึงที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว เราสองคนก็ต้องแยกทางกันอยู่ดี มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วนะรุ้ง”

                    “แม่ไม่โกรธพ่อเหรอคะ? เขาทิ้งแม่ไปหาคนอื่น แล้วยังไม่เคยมาดูดำดูดีแม่อีก เขาเจ้าชู้ขนาดนี้ แม่ยังให้อภัยพ่ออยู่อีกเหรอคะ?”

                    “ก็เพราะว่าพ่อได้ให้ของขวัญที่ดีที่สุดกับแม่ยังไงล่ะ...”

                    “ของขวัญที่ดีที่สุด?”

                    “...ก็สายรุ้งไงจ้ะ หนูคือของขวัญที่ดีที่สุดที่พ่อให้แม่ และเพราะว่าแม่รักพ่อมาก...แม่ถึงไม่เคยโกรธพ่อเลย เพราะเราสองคนทำดีที่สุดแล้ว แม่เสียใจก็จริงที่ทุกอย่างต้องจบแบบนี้ แต่แม่ก็รู้ว่าพ่อก็เสียใจไปไม่น้อยกว่าแม่ แต่จะให้แม่ยื้อพ่อไว้ มันก็คงไม่สามารถทำให้อะไรดีขึ้นมา”

                    “แม่...”

                    หมับ!

                    ฉันกอดคนเป็นแม่ เมื่อเห็นน้ำตาร่วงลงมาจากดวงตาอัลมอนด์ของท่าน ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะยกมือมาปาดน้ำตาที่แก้มให้กับฉันอย่างเบามือ

                    “...เพราะพ่อใช่ไหม? สายรุ้งถึงได้ไม่มีเพื่อนผู้ชายแบบนี้”

                    “แม่รู้ได้ยังไงคะ?”

                    “ฟิวส์เคยเล่าให้แม่ฟังว่าหนูไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เป็นเพราะพ่อใช่ไหม...ที่ทำให้รุ้งเกลียดผู้ชายมากขนาดนี้”

                    ฉันเงียบไปนาน ราวกับว่าหาเสียงตัวเองไม่เจอ ตัวฉันเองก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉันถึงได้ไม่ชอบผู้ชายมากขนาดนี้

                    “รุ้งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะแม่ แต่มันเป็นความรู้สึกต่อต้านเล็กๆเวลาที่รุ้งต้องอยู่ใกล้ผู้ชาย และฟิวส์ก็เป็นเพียงเพื่อนผู้ชายคนเดียวที่รุ้งสนิทด้วย ซึ่งรุ้งก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นฟิวส์...ทำไม...ถึงต้องเป็นผู้ชายคนนี้”

                    “ก็เพราะว่าฟิวส์พิเศษกว่าคนอื่นไงลูก เพราะฟิวส์คือคนที่ลูกรัก และมีความรู้สึกดีๆด้วย..จริงไหม?”

                    “รุ้งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะแม่ ความรักเป็นสิ่งที่รุ้งไม่เคยเข้าใจ...มาจนถึงตอนนี้ รุ้งไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมคนเราต้องแคร์ใครอีกคนมากๆ หรือทำไมคนเราต้องคอยใส่ใจ คอยดูแลอีกคนมากขนาดนี้ ความรัก...มันคืออะไรกันแน่ค่ะแม่...”

                    “ไม่มีใครตอบได้หรอกลูกว่าความรักคืออะไร แต่ละคนก็มีนิยามความรักที่แตกต่างกันไป แต่แม่เชื่อนะว่าสักวันหนึ่ง...ลูกของแม่จะเข้าใจว่าความรัก...มันคืออะไร?”

                    “...สักวัน...งั้นเหรอคะ?”

                   

     

                    “น่าอิจฉารุ้งจังเลยเนอะที่มีผู้ชายมาชอบตั้งสองคน” ลูกน้ำ...หัวหน้าห้องชั้นม.6/2 ทักขึ้น หลังจากที่ฉันเดินมานั่งตรงที่นั่งของฉัน พร้อมกับที่เพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆก็รีบมาล้อมโต๊ะฉันทันที

                    “น้ำหมายความว่าไง?”

                    “อ้าว...ก็น้ำอิจฉารุ้งที่มีทั้งฟิวส์ แล้วก็เอ็มซีมาชอบแบบนี้ แถมทั้งคู่ยังฮอตกันอย่างมากๆเลยด้วย...ใช่ไหมพวกเรา?”

                    “ใช่ๆ นี่รุ้งมีเคล็ดลับอะไรรึเปล่าเนี่ย...ถึงได้มีแต่ผู้ชายหล่อๆมาชอบแบบนี้? บอกพวกเราบ้างสิ นะรุ้ง น้า~” น้ำผึ้ง...เพื่อนสาวร่างเล็กรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย พร้อมเอ่ยถามต่อทันที

                    “รุ้งไม่มีเคล็ดลับอะไรแบบนั้นหรอกน่า รุ้งว่า...แค่เป็นตัวของตัวเอง มันก็เพียงพอแล้ว”

                    “แล้ว...ระหว่างฟิวส์ กับเอ็มซี...รุ้งจะเลือกใครเหรอ?” ลูกน้ำถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เพื่อนสาวทั้งหลายที่ยืนล้อมรอบโต๊ะฉันจะหันไปเถียงกันเองว่าถ้าเป็นพวกเธอ...จะเลือกใคร

                    “ถ้าเป็นผึ้งนะ ผึ้งจะเลือกฟิวส์ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ หล๊อหล่อ แถมยังดูนิ่งๆขรึมๆ ดูเป็นผู้ใหญ่มากๆเลย อ๊าย”

                    “แต่ถ้าเป็นน้ำนะ น้ำจะเลือกเอ็มซี เพราะเขาทั้งหล่อ แถมดูท่าจะรวยด้วย ก็แหม....ย้ายมาจาก St. Peter College โรงเรียนของเด็กมีตังค์ชัดๆ แถมยังขี้เล่น มนุษย์สัมพันธ์ดีสุดๆ แล้วยังไม่ถือตัวอีกต่างหาก โอ๊ย~ ทำไมผู้หญิงที่เขาชอบถึงไม่เป็นฉันนะ”

                    “ฟิวส์ต่างหากที่เท่...”

                    “เอ็มซีต่างหากที่ดูดี...”

                    “ฟิวส์...”

                    “เอ็มซี...”

                    “อะ...เอ่อ...ใจเย็นๆกันก่อนสิ...” ฉันเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าการทะเลาะกันของเพื่อนๆเริ่มจะลุกลามกับไปใหญ่ เพราะจากตอนแรกที่แค่เถียงกันธรรมดา ตอนนี้กลายเป็นว่าเพื่อนผู้หญิงเกือบทั้งห้องเล่นแยกเป็นฝ่ายๆ และเถียงกันว่าจะเลือกฟิวส์ หรือเอ็มซี เฮ้อ~ ไร้สาระชะมัดเลย

                    “แหม~ รุ้งก็สบายน่ะสิ เล่นมีผู้ชายมาให้เลือกตรงหน้าแบบนี้...”

                    “นั่นสิ...ทั้งฟิวส์ แล้วก็เอ็มซี ทั้งดี และหล่อกันทั้งคู่แบบนี้”

                    “ใช่ๆ...”

                    และดูเหมือนว่าการที่ฉันจะพยายามห้ามเพื่อนๆทะเลาะกันจะไม่มีผลอะไรเลย เพราะเพื่อนๆยังหันมาว่าฉันอีก โอ๊ย! นี่พวกเธอจะบ้าผู้ชายไปถึงไหนกันนะ ทำอย่างกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยเจอผู้ชายอย่างนั้นแหละ

                    “...แล้วพวกเธอคิดบ้างไหมว่าการที่มีผู้ชายมาชอบถึงสองคนแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยสักนิด เพราะทั้งฟิวส์ และเอ็มซีต่างก็เป็นเพื่อนของรุ้งกันทั้งคู่ พวกเธอมัวแต่คิดกันว่ามันดูน่าอิจฉา แต่พวกเธอเคยคิดบ้างไหมว่าคนกลางอย่างรุ้งน่ะ...จะรู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน?”

                    และสุดท้าย ฉันก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดมานานกับเพื่อนสาวที่อยู่มนห้องนี้ เล่นเอาทุกคนถึงกับเงียบไปเลยทีเดียว

                    “รุ้ง...เราขอโทษ”

                    “น้ำไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมรุ้งนะ...น้ำขอโทษจริงๆ”

                    “อืม...ไม่เป็นไรหรอก รุ้งก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แค่รู้สึกไม่ดีน่ะ” ฉันว่า ก่อนจะเดินหนีออกมาจากห้อง แล้วจึงไปหาที่เงียบๆนั่งเล่นอยู่คนเดียว

                    มันคงดูน่าอิจฉา น่ายินดีมากสินะที่มีผู้ชายมาชอบเราถึงสองคน แต่จะมีใครรู้บ้างว่าความรู้สึกพวกนั้นมันไม่ใช่ของเล่นที่จะเอามานั่งเถียงกันฉันจะเลือกคนนั้น ฉันจะเลือกคนนี้ เพราะถ้าเราต้องเลือกจริงๆ แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ต้องเจ็บปวดแน่นอน

                    “รุ้ง...มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ?”

                    “ฟิวส์...”

                    ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงที่คุ้นหู ก่อนจะเรียกชื่อของเขาเบาๆ พร้อมกับที่ร่างสูงกว่าเดินมาหย่อนตัวนั่งข้างๆฉัน

                    “ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ...หืม?”

                    “...รุ้งก็แค่อยากออกมารับลมน่ะ” ฉันตอบคำถามของเพื่อนสนิท และเป็นอีกครั้งที่ฉันเลือกที่จะหลบตาเขา เพราะสิ่งที่ฉันตอบออกไป มันไม่ใช่เหตุผลจริงๆเลย

                    “รุ้ง...ฟิวส์ถามจริงๆนะ รุ้งเป็นอะไรรึเปล่า? ถ้ารุ้งมีอะไรไม่สบายใจ รุ้งก็บอกฟิวส์ได้นะ...รุ้งอย่าเก็บไว้คนเดียวสิ มันจะทำให้เครียดเปล่าๆนะ” ฉันไม่แปลกใจเลยว่าขนาดเพื่อนสนิทของฉันยังอดถามออกมาไม่ได้ เพราะช่วงหลังๆมานี้ ฉันแทบจะไม่เคยตอบเขาด้วยเหตุผลที่แท้จริงเลยสักครั้ง ถ้าฉันไม่บอกปัด ฉันก็จะไม่พูดความจริงออกไปอยู่ดี

                    ฉันผ่อนลมหายใจของตัวเองด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ฉันรู้ว่าคนข้างๆตัวฉันก็คงรู้สึกไม่ต่างออกไปนัก แต่จะให้ฉันพูดออกไป มันก็อาจจะยิ่งทำให้เราสองคนอึดอัดกันไปมากกว่านี้ก็ได้

                    “เรื่องบางเรื่อง...ไม่พูดออกไป มันก็คงจะดีกว่านะฟิวส์...”

                    “แต่เรื่องบางเรื่อง ถ้าพูดออกมา มันก็ดีกว่าที่จะเก็บไว้คนเดียวนะรุ้ง...”

                    “...”

                    ฉันเบือนหน้าหนี เมื่อได้ยินคำพูดของฟิวส์ ฉันรู้ว่าคนข้างตัวเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน? แต่ถ้าให้ฉันพูดออกไป มันจะดีต่อตัวเราสองคนจริงๆน่ะเหรอ?

                    “...อย่าบอกนะว่ารุ้งยังคิดมากเรื่องความรู้สึกที่ฟิวส์มีต่อรุ้งอยู่?”

                    “แล้วรุ้งควรจะคิดมากไหมล่ะ? ถ้าเป็นเมื่อก่อน รุ้งคงไม่คิดอะไร เพราะเราสองคนก็ต่างเด็กทั้งคู่ ในขณะที่ตอนนี้ ฟิวส์จริงจังมากขึ้น และเราสองคนก็โตขึ้น ถึงแม้ว่าฟิวส์จะบอกให้รุ้งไม่คิดมาก แต่รุ้งทำไม่ได้หรอกนะ...ฟิวส์รู้ไหมว่ารุ้งอึดอัดมากแค่ไหน...ฮือๆ”

                    “...”

                    “...รุ้งพยายามจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ แต่สุดท้าย รุ้งก็ทำไม่ได้...ฮึกๆ”

                    ฉันระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อนสนิทด้วยความอึดอัดที่มีอยู่เต็มอก ก่อนที่ฉันจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ร่างสูงกว่าเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆ พร้อมดึงตัวฉันเข้าไปในอ้อมกอด แล้วจึงยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ

                    “รุ้ง...”

                    “...รุ้งอึดอัดแค่ไหน...ฟิวส์เคยรู้บ้างไหม? ฟิวส์เป็นเพื่อนรุ้งนะ ได้ยินไหมว่าฟิวส์เป็นเพื่อนของรุ้ง ทำไมทุกอย่างมันต้องกลับกลายเป็นแบบนี้ ฮือๆ” ฉันว่า พร้อมทุบหน้าอกของเพื่อนสนิทเบาๆอย่างอึดอัดใจกับสถานะเพื่อนสนิทของเราสองคนแบบนี้

                    หมับ!

                    “รุ้ง...ไม่มีใครอยากให้ทุกอย่างกลับกลายมาเป็นแบบนี้หรอกนะ แต่เรื่องความรู้สึก มันเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ฟิวส์คงห้ามใจไม่ให้รักรุ้งไปแล้ว...”

                    “...”

                    “...ถึงฟิวส์จะบอกรุ้งตลอดว่าฟิวส์ไม่ได้อยากให้รุ้งมารักตอบ แต่บางครั้งฟิวส์ก็อยากให้รุ้งหันกลับมามองฟิวส์บ้าง รุ้งเคยรู้บ้างไหมว่าฟิวส์รู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน...ที่รุ้งมัวแต่ให้ความสำคัญกับเอ็มซีจนแทบจะไม่สนใจความรู้สึกของเพื่อนสนิทคนนี้เลย...”

                    “ฟิวส์...”

                    ร่างสูงกว่าคว้าข้อมือของฉันไว้ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด มันทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงด้วยน้ำตาไม่ได้ ทั้งๆที่ฉันพยายามที่จะไม่เอ่ยชื่อของเอ็มซี เพราะแค่ความรู้สึกของฟิวส์ที่มีต่อฉัน มันก็มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเราสองคนมากพออยู่แล้ว ฉันไม่ได้ดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีก หรือว่าจริงๆแล้ว...ฉันจะให้ความสำคัญกับเอ็มซีมากเกินไปจริงๆเหรอ? เฮ้อ~

                    เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิดเลยว่าถ้าฉันยอมเผยความรู้สึกของตัวเองกับฟิวส์แบบนี้ เราสองคนจะรู้สึกไม่ดีกันทั้งคู่ เราสองคนต่างแสดงออกกับอีกฝ่าย เหมือนกับว่ายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เราทั้งคู่ก็ต่างกังวล อึดอัด และรู้สึกไม่ดีกับมันไม่น้อย

                    “ช่างมันเถอะรุ้ง ฟิวส์ไม่เคยโกรธรุ้งหรอกที่รุ้งไม่ได้คิดอะไรกับฟิวส์แบบนี้ ฟิวส์รู้...ว่าการที่เราสองคนอยู่ในสถานะเพื่อน ในขณะที่คนหนึ่งก็คิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทแบบนี้ มันทำให้อีกคนต้องอึดอัดมากแค่ไหน?”

    นี่ฉันเห็นแก่ตัวมากไปรึเปล่านะ? ฉันมัวแต่คิดว่าตัวเองจะต้องรู้สึกอึดอัดกับสถานะเพื่อนของเราสองคนจนลืมไปว่าฟิวส์ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างจากฉัน แถมบางทีอาจจะมากกว่าเสียด้วย เพราะเขาคิดกับฉันมากกว่าเพื่อนนี่นา แต่สุดท้าย ฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ดีกว่าคำว่า...

    “รุ้งขอโทษ รุ้งขอโทษจริงๆนะฟิวส์”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×