บทย่อเรื่อง คนอยู่วัด
ตอนที่ ๑ เรื่อง รางวัล
สนั่น กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนเพาะช่าง เขามีความสามารถในการเขียนภาพ และเขียนตัวหนังสือสวยกว่าเด็กวัดคนอื่นๆ เวลาทางวัดมีงานผูกพันธสีมาฝังลูกนิมิตหรืองานใดๆก็ตามเขาจะต้องมีหน้าที่เขียนป้ายโฆษณาให้วัดเสมอ เขาชอบทางนี้อยู่แล้วจึงทำให้ทางวัด ด้วยความเต็มใจ สนั่นเขาเป็นคนชอบการเขียนรูปและใฝ่ฝันอยากเป็นจิตรกรมาก
บางวันในวันที่หยุดเรียน สนั่นเขาจะเขียนภาพโบสถ์ในวัด เป็นเวลานานด้วยความเต็มใจ ดูเขามีความสุขและไม่รู้จักเหฯดเหนื่อยกับงานที่เขาทำ ในห้องนอนของสนั่น เต็มไปด้วยภาพเขียนขนาดต่างๆที่เขียนเสร็จแล้ว บ้างก็กำลังเขียนค้างอยู่บ้าน ภาพต่างๆ ถูกแขวนโชว์อยู่ข้างพนังห้อง
จนเย็นวันหนึ่งสนั่นได้วาดภาพพระแก่ๆรูปหนึ่ง กลับมาจากบิณฑบาต และมีเด็กวัดหลายคน แต่งตัวนักเรียน กำลังรอพระ เพื่อกินข้าวก่อนไปโรงเรียน โดยมีผู้คนยืนมองอยู่หลายคน แต่มีหลายคนติภาพต่างๆนานา บ้างก็ว่าเด็กวัดผิดส่วน บ้างก็ว่าสีที่วาดภาพนั้นไม่สวย บ้างก็ว่าจมูกพระโด่งเกินไป ตามประสาคนมือไม่พาย แต่เอาเท้าราน้ำ แต่ดูเขาเป็นคนใจเย็นเหลือเกิน ไม่แสดงปฏิกิริยาว่าโกธร หรือไม่พอใจ เขาใช้นิ้วบังคับพู่กันที่เปลื้อนสี เก็บลายละเอียดต่างๆด้วยดวงจิตที่แน่วแน่และมั่นใจ เขาจึงนำภาพที่เขาวาดนั่น ส่งเขาประกวด และภาพที่เขาวาดนั่นก็ชนะ สนั่นได้รับรางวัลที่ ๑ เขาจึงชวนพวกเพื่อนๆมาดูถ้วยรางวัล และเขาก็พาเพื่อนๆไปเลี้ยงไก่ย่างฉลองความดีใจกันที่ร้านเชิงสะพานพุทธฯ ฝั่งธนบุรี
ตอนที่ ๒ เรื่องแผนของล้าน
ตามปกติ หลวงพี่ทวี ไม่ค่อยมีเวลาได้ไปต่างจังหวัดบ้านเกิดของท่านบ่อยนัก แต่พอได้ไปสักครั้ง ขากลับ มักจะพาเด็กชายรุ่นๆติดสวย ห้อยตามมาด้วย เด็กคนนี้ ชื่อว่าล้าน เด็กชายล้านเขาเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เล็ก สมองมันไม่ค่อยดี อายุเกือบ ๑๕ ปีแล้ว อยู่มาวันหนึ่ง ล้านไปขอร้องให้คนอยู่วัดพาเข้ากรุงเทพฯ ไปดูหนังในโรงหนัง พอไปถึง พี่ถามล้านว่า “จะดูหนังไทยหรือหนังฝรั่ง” ล้านตอบว่าหนังฝรั่ง ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็จะเอาไปคุย
อยู่มาวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันหยุดโรงเรียน เด็กวัดรุ่นราวคราวเดียวกับล้านนั่งรอเพื่อที่จะกินข้าว เมื่อเวลาเพลมาถึงเด็กวัดพากันตักข้าวใส่จานประเคนให้พระและเณร กับข้าวมีแต่พริกน้ำปลา หลวงพี่ทวีจึงมอบหน้าที่ให้กับล้านไปเอาปิ่นโตข้าว นานแล้วนานเล่า ล้านก็ยังไม่ยกปิ่นโตมา หลวงพี่ทวีจึงสั่งให้เด็กวัดไปตามล้าน เด็กวัดคนหนึ่งจึงวิ่งออกไปตาม พอไปตามกลับมา หลวงพี่จึงถามว่าล้านมาหรือยัง เด็กวัดบอกว่ามาแล้ว แล้วมันไปทำอะไรอยู่ทำไมไม่ยกปิ่นโตขึ้นมา พอหลวงพี่พูดเสร็จล้านจึงมาถึงแล้วยกชั้นปิ่นโตออกทีละชั้นโดยมีอาหารและของหวานอยู่ในนั้น คือ แกงกระหรี่ เนื้อทอด ต้มยำกุ้ง ผัดเปรี้ยวหวาน ส่วนของหวาน คือ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เวลาที่ท่านฉันอาหารจึงยืนขึ้นแล้วร้องขึ้นมาว่า วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ข้าไม่มีวิธีนั้นจะเลี้ยงวันเกิดได้เหมือนวิธีนี้ จากนั้นล้านจึงไล่เด็กวัดกลับ ส่วนเขาจะเป็นคนอาสาล้างจานชามเอง พอตกเย็น หลวงพี่ทวีจึงเรียกล้านไปลงโทษ โดยให้ล้านล้างส้วมพร้อมสั่งสอนว่า “วันเกิดเขามีแต่ทำบุญเลี้ยงพระ ไม่ใช่มาแย่งพระกิน จำไว้”
ข้อคิด
การที่เราจะทำอะไรควรปรึกษาคนอื่นก่อนเสมอ ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่ถือว่าเป็นการดี แค่เราคิดในการที่เราจะทำอะไรต่างๆนั้น มันย่อมออกมาดีเสมอ
ตอนที่ ๓ เรื่องไอ้นึก
เด็กวัดบางคนส่วนมาก เงินแทบจะขาดมือแถบทุกเดือน เมื่อขาดมือก็ต้องหาของจำนำเพื่อทำให้ตัวเองอยู่รอด บางคนก็อยู่รอดได้เพราะมีญาติพี่น้องอยู่ที่กรุงเทพฯ มีหลวงพี่คอยอุปถัมภ์ค้ำจุน เป็นนักมวย และคนที่ชอบลักขโมยสิ่งของของคนอื่นๆ ส่วนพ่อสมนึกจะมีลักษณะผิวคล้ำ ผมหยัก อายุจริง ๑๘ ปี แต่หน้าแก่เหมือน ๒๕ ปี เป็นนักศึกษาของวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง พวกเพื่อนๆจะชอบเรียกว่า ไอ้นึก เงินทางบ้านที่ส่งมาให้เขาเขาจะมักใช้จนลืมตัวตอนต้นเดือน ทำให้ปลายเดือนเดือดร้อน เย็นวันหนึ่ง ไอ้นึกแต่งตัวสวมเสื้อบอกเรียนร้อย รองเท้าขัดขึ้นเงาวับ กำลังจะออกจากวัดเพื่อนที่จะไปงานแต่งงาน
อยู่มาวันหนึ่ง ไอ้นึกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ร่าเริงมาพบเพื่อนอยู่บนห้อง มาขอยืมเงินเพื่อนประมาณ ๒๐ บาท เพื่อนบอกว่าไม่มี ไอ้นึกเลยต่อรอง ๑๐ บาทก็แล้ว ๕ บาท ก็แล้ว ไอ้นึกจึงถามต่อมาว่า ไม่มีจริงๆหรอ กูจะโกหกมึงทำไมแล้วมึงจะกินข้าวกับอะไรเพื่อนไอ้นึกจึงพูดว่า แล้วจะเอาค่ารถที่ไหนไปโรงเรียน แล้วไอ้นึกก็ไม่มีเงิน เพราะเขาเอาหนังสือที่รวบรวมไว้แจงงานศพ ไปขายให้เจ๊ก เขาจึงมีเงินติดตัวพ่อใช้
ข้อคิด
เงินเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ไม่ควรเอาไปทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เพราะจะสูญเสียเงินไปโดยเปล่า รู้จักใช้เงินอย่างคุ้มค่าและประหยัด
ตอนที่ ๔ เรื่องเหตุเกิดจากสี
หยุดเรียนวันอาทิตย์ หลวงปู่ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส ระดมเด็กวัดให้ช่วยกันทาสีกำแพงวัดทั้งด้านในและด้านนอกของวัด เด็กวัดรวมทั้งสามเณรรวมกันเป็นร้อย แต่กำแพงนี้มีไม่ถึงกี่สิบเมตร เพราะกำแพงบางส่วน ถูกชาวบ้านสร้างบ้านเรือนติดประชิด จึงไม่จำเป็นต้องทาด้านนอก แค่เพียงวันเดียว พวกเราก็ทาสีวัดกันเสร็จเรียบร้อย ได้กำแพงวัดที่เหลืองอย่างสวยงาม ถัดมาอีกสัปดาห์หนึ่ง จากกำแพงวัดก็ช่วยกันทาสีซุ้มประตูวัดส่วนที่เป็นไม้ เด็กวัดคนที่มีนิสัยมือบอล ก็เอาสีเขียนเขียนโน่นเขียนนี่ไปเรื่อยเปื่อยไปให้หายคันมือ เพราะนานๆทีที่จะมีสีให้ละเลงเล่นกันสักครั้ง ที่มุมกำแพงวัดด้านหนึ่ง ซึ่งมักมีคนชอบมายืนถ่ายปัสสาวะ มันก็ไปเขียนคำโตๆว่า “ห้ามเยี่ยว” ลายมือของไอ้ล้านโย้เย้ไม่สวยเลย แต่ก็พอรู่ว่ามันจะพยามเขียนตัวหนังสือให้สวยๆ แต่บางคำก็สะกดผิด หลวงพี่ชอบใจใหญ่ที่มันทำดี จึงมอบเงินให้ไอ้ล้านไป ๑๐ บาท เพื่อเป็นการตอบแทน
ข้อความทีทุกคนเขียนต่างกันแสดงออกถึงทัศนคติเพื่ออนาคตของตนเอง และมีทางที่จะเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะคนเหล่านี้มีความขยันขันแข็งในการเรียน และเคยมีตัวอย่างมามากแล้วที่เด็กวัดได้ดีเป็นใหญ่เป็นโต
ข้อคิด
การที่เราทำงานช่วยกัน สามัคคีกัน ผลสำเร็จของงานก็จะเสร็จทันเวลาอย่างรวดเร็ว และการเขียนที่เตือนสติคนอื่น ก็ช่วยกันรักษากฎระเบียบวินัยไว้ได้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น