คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Seaside & Landscape
Le
Ciel Bleu 2
Seaside
& Landscape
รถเอวีสีขาวขนาดย่อม....
ที่นั่งที่มีอยู่สองตอนแล่นไปตามทางลาดลงเขาด้วยความเร็วปานกลาง
ลมที่โบกพัดมาเบาๆ หอบความเย็นเข้ามาปะทะใบหน้าของผู้นั่ง
ผมสีดำเข้มของผู้โดยสารทั้งสองโบกปลิวไสวไปกับแรงลม
นิ้วเรียวยาวยกมือขึ้นขยับแว่นดำ
เพื่อป้องกันไม่ให้ลมพัดเข้าตา และกันความร้อนจากแสงแดดที่ค่อนข้างแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเวลาเริ่มคล้อยเข้ายามเที่ยง
เขาหันไปมองน้องชายที่ตอนนี้กำลังเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างสนุกออกรสด้วยความเป็นคนช่างพูด
สลับกับชมธรรมชาติสองข้างทาง
ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้หลากหลายสีที่กำลังเข้าสู่ช่วงผลิดอกออกช่อใหม่อย่างเพลิดเพลิน
เสียงเล็กๆ ที่หัวเราะร่า ดังขึ้นไม่หยุด
“พี่ยงกุกชอบที่นี่ไหมครับ
สวยมากใช่ม๊า ไว้ว่างๆ และถ้าโปรเจคนี้ผ่าน ได้อยู่ต่อ
จะพาไปเที่ยวหมู่บ้านข้างล่าง ฤดูนี้ดอกไม้กำลังบานพอดีเลย
เขาปลูกกันในไร่กว้างๆ"
คนพูดพลางทำท่าวาดมือออกเพื่อให้เห็นว่ากว้างแค่ไหน
ยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงสวยจนแก้มดูตุงเป็นก้อน
ยงกุกได้แต่ยิ้มตอบน้องชายช่างพูด
“แต่พอช่วงหน้าหนาวนะ
ไม่อยากออกไปไหนเลย ขอตัวผิงไฟในบ้านดีกว่า ไม่อยากให้พี่ฮิมชานใช้งานเยอะ
จะได้อยู่เฉยๆ ฮ่าๆ ผมไม่ได้ขี้เกียจนะ แต่กว่าจะกลับมาบ้านที่นี่ ก็เดินทางลำบาก
หิมะก็ตก ถนนก็อันตราย แต่พี่ฮิมชานก็ไม่ค่อยชอบอยู่ในเมืองมากนัก
พอไปที่ไหนพักแป๊ปๆ ก็จะกลับมาบ้านตลอด”
“ยองแจทำงานสนุกไหม”
“สนุกนะครับ แต่ยังไม่ค่อยได้ใช้สิ่งที่ตัวเองเรียนมาเท่าไร
แต่คุณพ่อบอก
พยายามให้ใช้ความรู้ของตัวเอง ช่วยเหลือคุณฮิมชานด้วยนะลูก”
ยองแจเลียนเสียงผู้ชายมีอายุขึ้นมา
ยงกุกมองและอดหัวเราะเบาๆไม่ได้กับความทะเล้นที่แสนจะน่ารักของน้องชาย
รถเอวีสีขาวค่อยๆขับลงมาตามทางลาด
ดูเหมือนจะพาผู้โดยสารทั้งสองลงมาสู่เนินเขาที่อยู่ต่ำกว่าปราสาทด้านบนมากทีเดียว พอจะทำให้ได้ยินเสียงคลื่นกระทบเข้ากับแง่หินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่กี่อึดใจ รถคันย่อมก็จอดตรงบริเวณที่เป็นลานแคบๆ
พอที่จะให้รถขนาดสี่ล้อทั่วไปเสียบจอดได้สองสามคัน
ทั้งสองคนก้าวออกมาจากรถโดยที่อีกฝ่ายถือกระบอกพลาสติกแข็งรูปทรงยาวรีสีดำที่มีสายสามารถสะพานไหล่ได้ ติดมือลงมาด้วย
ยงกุกมองไปโดยรอบนึกเปรียบเทียบกับรูปภาพที่น้องชายส่งไฟล์ภาพมาให้ในหลากหลายมุม
ซึ่งสถานที่จริงก็ค่อนข้างเหมือนกับในภาพถ่ายอยู่มากทีเดียว
ทางเดินที่ปูด้วยหินทำเป็นขั้นบันไดเล่นระดับไม่ชันมากนัก
ลาดลงไปสู่ลานกว้างด้านล่าง
มีดอกลาเวนเดอร์ขึ้นอยู่เต็มระหว่างสองข้างทาง
สีม่วงของดอกไม้สร้างบรรยากาศโดยรอบให้ดูสดใส
เห็นหลังคาของบ้านไม้สีขาวอยู่ไม่ไกลนัก
มีต้นไม้ใหญ่สีเขียวคอยให้ร่มเงา
ทั้งสองต้องเดินต่อไปอีกสักหน่อยเพราะด้านหน้าของประตูทางเข้าของบ้านหลังย่อมๆนี้
ถูกหันไปทางด้านหน้าของหน้าผาที่ยื่นออกไปทางทะเล
บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาบนมุมหน้าผาที่เตี้ยที่สุดของอาณาเขตปราสาทหลังนี้เพื่อให้ผู้อาศัยได้สัมผัสใกล้ชิดกับท้องทะเลที่อยู่เบื้องล่าง
ไม่กี่อึดใจ ก็เดินมาถึงทางด้านประตูทางเข้า มีรั้วเตี้ยๆกันเอาไว้ตรงทางเดินเพื่อสร้างความสวยงาม
บ้านไม้สีขาวชั้นเดียวในแบบวิคตอเรีย เสาค้ำสีขาวสี่มุมที่อยู่รอบบ้านถูกตั้งเอาไว้เพื่อรองรับหลังคาที่ยื่นออกมาเพื่อกันแดดและฝนให้กับลานนั่งเล่นที่อยู่หน้าบ้าน ม้านั่งโยกสีขาว ชุดโต๊ะและเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวทำเผื่อเอาไว้จิบชาหรือกาแฟตามแต่ความต้องการของผู้อยู่อาศัยถูกจัดวางเอาไว้อย่างเข้าชุด
โซฟาหวายสีขาวรองด้วยเบาะนุ่มๆดูน่าเอนตัวพักผ่อน รวมไปถึงเก้าอี้หวายสีขาวที่ถูกผูกไว้เป็นเปลก็น่านั่งพัก
ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ล้วนเป็นสีขาวทั้งสิ้น
สมกับคำว่า
"บ้านสีขาว" ตามที่ชายหนุ่มเจ้าของปราสาทเรียกขาน
ยงกุกมองไปทางวิวด้านหน้าของบ้านซึ่งสามารถมองเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกตที่อยู่ด้านล่างโดยชัดเจน
ลมเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้าของเขา ได้กลิ่นไอของทะเล
ทำให้รู้สึกสดชื่น
เขาสูดอากาศเข้าให้เต็มปอด
รู้สึกเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่นี่มากจนบอกไม่ถูก
สงสัยว่าเขาจะห่างเหินจากธรรมชาติไปนาน เพราะช่วงนี้งานของเขา
ทำให้ต้องวิ่งวุ่นอยู่แต่ในเมือง
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเลยทีเดียวที่ทำให้เขา
ได้ออกมาพบกับธรรมชาติแบบนี้
เสียงควบม้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
และก็เป็นชายหนุ่มเจ้าของปราสาทที่กำลังบังคับม้าขึ้นมาจากทางเดินด้านหน้าของบ้าน
ที่ทำเป็นทางเดินลาดลงไปอีกไม่ไกลนักก็จะถึงที่ชายหาดด้านล่าง
ม้าตัวใหญ่สีขาวพาคนที่บังคับมัน
มาหยุดอยู่ตรงหน้าของผู้ที่ยืนรออยู่ทั้งสอง
นัยน์ตาคมที่มีประกายวาววับจ้องมองลงมา
"Bienvenue chez moi"
(ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน)
คนบนม้ากล่าวทักด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ พูดจบก็ตวัดตัวเองลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว
พร้อมเดินนำทั้งสองผ่านรั้วเตี้ยๆเข้าไป
เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มตรงกลางลานบ้าน
และผายมือให้คนทั้งคู่นั่งบนเก้าอี้ข้างๆโซฟานั้น
"On peut commencer"
(เริ่มกันเลย)
เจ้าของบ้านพูดขึ้นมาด้วยความรีบเร่ง
เขานั่งตัวยืดหลังตรงและไขว่ห้าง
ใบหน้าเชิดขึ้นและมองตรงไปยังผู้มาเยือนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมืออย่างพิจารณา
ชุดน้ำชา
พร้อมกับแซนวิชและขนมหวานสีสันสวยงามจัดวางในภาชนะรูปทรงที่เป็นชั้นๆ
ถูกนำมาวางเสิร์ฟให้กับทั้งเจ้าของบ้านและแขกผู้มาเยือนโดยคนรับใช้วัยกลางคน
"Merci Martha" (ขอบคุณ มาร์ธา)
ผู้ที่ถูกเรียกชื่อเป็นหญิงวัยกลางคน
เธอน้อมตัวลงและผงกหัวรับคำขอบคุณนั้น ยิ้มบางๆอย่างใจดีก่อนเดินกลับเข้าไป
อากัปกิริยาของผู้พูดตรงหน้า
สะท้อนให้เห็นถึงมารยาทที่ถูกสั่งสอนอบรมมาเป็นอย่างดี การวางท่าทางที่แลดูไว้ตน
ใบหน้าเนียนขาวที่เรียบสงบนิ่งราวกับรูปปั้น ริมฝีปากได้รูปที่ถูกเม้มเข้าหากัน
ราวกับครุ่นคริดถึงเรื่องบางอย่างอยู่
และรวมไปถึงนัยน์ตาคมเรียวรีที่เฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวอย่างพิจารณาอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งทำให้เขาดูมีบุคลิกที่น่ายำเกรงในตัวอย่างประหลาด
ยงกุกรู้สึกได้ถึงกับท่าทางการวางตัวที่ดูเย่อหยิ่งของคนตรงหน้า
เขาไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนัก เพราะเคยเห็นตามคอลัมน์กอซซิบคนดังต่างๆผ่านตามาบ้าง
หลายต่อหลายครั้งที่เนื้อหาพูดถึงบุคลิกของชายหนุ่มคนดังตรงหน้าที่ดูเข้าถึงยาก
และเอาแต่ใจอยู่เป็นประจำ
เขาถอดแว่นตากันแดดสีดำออก เอี้ยวตัวเปิดกระบอกพลาสติกสีดำ
หยิบกระดาษที่มีทั้งสีขาวบางๆ
และแผ่นกระดาษสีขาวทึบแผ่นใหญ่ที่ซ้อนทับกันไว้จำนวนหนึ่ง
ค่อยๆคลี่ออกมากางไว้บนโต๊ะรับแขกเตี้ยๆ ตรงหน้า
"Excuse me, Can we speak.. in
English?"
ยงกุกหันไปพูดกับคู่สนทนาที่อยู่ทางขวามือของเขา
จ้องมองกลับไปในดวงตาคมคู่นั้น เสียงโทนต่ำเน้นพูดคำว่า speak อย่างจงใจและลากเสียงพยางค์ท้ายจนช้า
เหมือนจะบอกใบ้ให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาไม่ถนัดภาษาฝรั่งเศสเท่าไรนัก
แต่ในทางตรงกันข้ามผู้ฟังอาจจะรู้สึกว่าแอบโดนกวนอยู่ไม่น้อย
“เออ ....
พี่ยงกุก...คือ..”
น้องชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพยายามส่งสายตาบอกอะไรกับเขาบางอย่าง
“ฮ่าๆๆๆๆ ....”
อยู่ดีๆ
เจ้าของบ้านที่ทำหน้านิ่งมาตลอดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างดังจนน่าตกใจ
พร้อมทั้งยกมือปิดปาก เกรงว่าการหัวเราะของเขาจะเป็นการเสียมารยาทต่อคู่สนทนาตรงหน้า
“แล้วทำไมต้องลำบาก...คุณก็พูดภาษาเกาหลีสิ”
เสียงทุ้มต่ำตอบเขากลับเป็นภาษาเกาหลีอย่างชัดเจน
และไม่มีประโยคไหนที่ฟังดูเพี้ยน การหัวเราะทำให้นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นยิ่งมีน้ำมาเอ่อคลอ
ดูส่องประกายหวานวิบวับสดใสจนเขาแทบจะละสายตาไปไม่ได้
ยิ้มกว้างนั่นทำให้เจ้าตัวโชว์ฟันขาวเรียงสวยโดยไม่ได้ตั้งใจ
แถมฟันหน้าที่ยื่นออกมาก็ดูยิ่งน่ารัก ทำให้คนมองอดนึกถึงฟันคู่หน้าของกระต่ายไปเสียไม่ได้
แต่ริมฝีปากได้รูปสีแดงสดกลับเหยียดออกพร้อมกับรอยยิ้มแสยะนั่น
ทำให้เขารู้สึกเหมือน
โดนดูถูกกลายๆ ยังไงยังไหง
“นึกว่า...คุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้
เห็นยองแจบอกไว้ ว่าทำงานอยู่แถบนี้”
“ไม่ได้เป็นคนที่นี่ และไม่จำเป็นต้องใช้”
เขาโต้ตอบการคาดคะเนของอีกฝ่ายอย่างทันควันด้วยเสียงแข็งๆ
ยงกุกค่อนข้างตกใจอยู่ไม่น้อย
เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนตรงหน้าจะพูดภาษาเดียวกับเขาได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนกับเจ้าของภาษาแบบเขา
เพราะไม่เคยเห็นหรือได้ยินคนตรงหน้าพูดภาษานี้มาก่อนเลยไม่ว่าจะออกสื่อใดๆก็ตาม
“คืออย่างนี้ครับ
... พอดีก่อนที่พี่ยงกุกจะเรียนจบ งานออกแบบพาวิลเลี่ยนของทีมพี่ยงกุก
ได้เป็นตัวแทนของประเทศอังกฤษไปโชว์ในงานเวิล์ดเอ๊กซ์โป ที่จัดที่ฝรั่งเศส
เลยพอเป็นที่รู้จักที่นี่ครับ"
เสียงหวานๆนิ่มๆ ของยองแจพูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
“อา....
พี่ฟังเรื่องนี้เป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง นี่ยองแจได้ค่าโฆษณามาเท่าไรเนี่ย”
คราวนี้เจ้าของบ้านหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
พร้อมกับอมยิ้มอดที่จะเอ็นดูน้องชายตรงหน้าไม่ได้
"อ้าวเหรอ
ผมพูดบ่อยมากเลยเหรอ" ยองแจยกมือเกาหัวตัวเองแบบอายๆ
“เห็นยองแจบอกว่าคุณเรียนอยู่ที่ลอนดอน
เมืองเดียวกับผมเลย และเราน่าจะรุ่นเดียวกัน
นี่เราเคยเจอกันมาก่อนไหม”
ผู้พูดมองผ่านแก้วสีขาวลายดอกไม้เล็กๆสีทอง ในขณะที่จิบน้ำชา
ตาคมทอดมองจ้องมายังคนที่ถูกถาม
แต่คนที่ถูกถามกลับไม่ตอบคำถามนั้น
และก้มหน้าลงคลี่แผ่นกระดาษใหญ่ที่วางอยู่ตรงหน้าให้เรียบไปกับโต๊ะเล็ก
นิ้วชี้ที่เรียวสวยของเขาจิ้มลงไปบนกึ่งกลางของกระดาษ
แกมเคาะเบาๆ สองที
พลางมองสบตาตรงๆ กับตาคู่สวยข้างหน้าของเขา เหมือนกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่า
ควรเริ่มเข้าเรื่องของพวกเขาเสียที
“เริ่มที่คอนเซ็ปต์ของผม
โดยที่นำมามิกซ์ให้เข้ากับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ของตัวคุณ มันอาจจะออกมาคร่าวๆ
เพราะผมได้ข้อมูลมาจากบุคคลที่สามก็คือยองแจ ไม่เคยพูดคุยกับคุณโดยตรง
ถ้าคุณโอเคกับแบบคร่าวๆนี้ เราค่อยมาจัดโซนนิ่งกัน
ว่าคุณต้องการสเปซสำหรับการใช้สอยแบบไหน"
คำพูดอธิบายจากเจ้าของแบบจบลงแบบห้วนๆ
จนเจ้าของบ้านขมวดคิ้วเข้าหากัน
กระพริบตาปริบๆ พลางก้มพิจารณาดูแบบแปลนที่เป็นส่วนภายนอกของบ้านตรงหน้าที่ร่างขึ้นจากกราฟฟิคอย่างแบบจับต้นชนปลายไม่ถูก
บ้านรูปทรงที่เป็นเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกลาง สองชั้น
ในแบบสไตล์โมเดิร์นตั้งอยู่บนเชิงหน้าผา ขนาดบ้านไม่ได้ใหญ่โตมากมาย
แต่ดูจากการออกแบบสามารถมีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัวเป็นอย่างดี
สิ่งที่เด่นของแบบบ้านหลังนี้คือ มีกระจกอยู่รอบด้าน
โดยด้านล่างมีพื้นที่ให้นั่งเล่นอยู่ด้านนอก
ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาว คล้ายๆ กับบ้านสีขาวหลังนี้
มีสระว่ายน้ำทรงกลมที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน ดูน่ารักและอบอุ่น
พอถัดจากสระว่ายน้ำ คือห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างๆ
ที่ตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณริมหน้าผา
ห้องกระจกที่สามารถมองไปรอบด้านก็จะสามารถชื่นชมกับธรรมชาติโดยรอบได้ทั้งหมด
ในรูปกราฟฟิคแสดงถึงความใส่ใจกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี
เพราะมีรูปของแกรนด์เปียโนสีดำ ตั้งวางอยู่กลางห้องกระจกนั้น
ซึ่งคงจะสร้างความเพลิดเพลินให้กับเจ้าของบ้านไม่น้อย
หากได้นั่งเล่นเปียโนที่เขาโปรดปรานพร้อมกับมองเห็นวิวทะเลเบื้องล่างไปด้วย
มีการทำทางเดินยาวจากบริเวณข้างขวามือของบ้าน
เพื่อเป็นทางเดินเชื่อมทุกส่วนของบ้าน
มายังสระว่ายน้ำ ห้องกระจกริมหน้าผา พร้อมกับลาดลงมาสู่ชายหาดเบื้องล่าง
โดยทำเป็นทางเดินแบบขั้นบันไดมีที่มีหลังคาสีฟ้าใสๆ ครอบทางเดินนั้นไว้
"ทำไมบ้านถึงอยู่บนหน้าผา อยากได้ที่อยู่ริมทะเล"
เสียงทุ้มต่ำของเจ้าของบ้านเอ่ยถาม
หลังจากพิจารณาแบบอยู่ชั่วครู่ พร้อมกับจ้องไป
ที่คนร่างแบบอย่างคาดคั้น
“ก็คงได้นะถ้าคุณคิดจะถล่มหน้าผา
พื้นที่ของคุณตรงนี้คือหน้าผาค่อนข้างสูง
ไม่มีทางที่จะสร้างบ้านติดทะเลได้เลย ปัญหาต่อมาถ้าทำก็จะต้องเสียเวลาก่อสร้างนาน
และบ้านจะทรุดในกรณีที่เกิดการกัดเซาะของชายฝั่งเข้ามา แล้วที่สำคัญ....
ผมไม่คิดว่าเทศบาลเมืองที่นี่จะยอมให้คุณถล่มหน้าผาเขาลงมานะ"
คนที่รับฟังตรงหน้า เชิดหน้าและปรายตามองเขา
“ไม่คิดว่าจะต้องถล่มอะไร
นึกว่าพอจะมีทาง
แล้วทางเดินจากบ้านมาชายหาดที่มีหลังคานี่ ดูไกลมาก
จะสร้างเพื่ออะไร เราเดินจากด้านหน้าบ้านก็ได้อยู่ดี”
นัยน์ตาส่งประกายวาววับ
ริมฝีปากแหลมๆ ขยับพูดขึ้นดูเหมือนไม่ยอมแพ้กับข้อเท็จจริงของอีกฝ่าย
“ก็..........
คุณไม่ชอบแดดไง บ้านที่อยู่สูงบนหน้าผา
กว่าจะเดินลงไปชายหาดข้างล่างทางเดินที่มีหลังคา
น่าจะช่วยคุณได้”
น้ำเสียงต่ำๆ ของคนที่คิดแบบฟังดูนุ่มนวลและอ่อนโยนลงเขามองตรงสบเข้าไปในตาคู่สวยนั้น
“เอ่อ....
คือยองแจบอกผมมาว่าคุณไม่ชอบออกแดด”
มือสวยๆ ของเขาเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำชาขึ้นจิบ
และหันไปมองทางอื่น
“แล้ว....ห้องกระจกสี่เหลี่ยมนั่น
ไม่มีหน้าต่างเหรอ ยังนี้ก็ไม่ได้กลิ่นไอธรรมชาติสิ”
คำถามนี้ถึงกลับทำให้คนที่จิบน้ำชาอยู่ แทบสำลัก
เขาเกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่จนอดยิ้มกว้างให้กับคนถามไม่ได้
“ในแบบเป็นกระจกรอบด้านจริงเพราะเราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
ถ้าคุณตกลงไปข้างล่างจะทำไง เราจะสร้างกระจกที่ดูแนบสนิทไปกับตัวห้องกระจกทั้งหมด
ซึ่งก็สามารถเปิดออกได้ตามใจคนอยู่ ผมกะว่าจะทำเป็นแบบออโต้ให้ เผื่อคุณจะขี้เกียจ”
คราวนี้ คนตอบ
มองตรงมายังคนถาม ส่งรอยยิ้มกว้างแกมหัวเราะมาให้ตรงๆ
แถมเขาแทบจะซ่อนแววตาที่ดูแพรวพราวเจ้าเล่ห์นั้นไว้ไม่อยู่
จนอีกฝ่ายต้องเบือนหน้าหนี เพราะเขาไม่ชอบให้ใครเห็นว่าเขาเป็นตัวตลก
เขายกแก้วใบสวยข้างๆเขาขึ้นจิบน้ำชาอย่างช้าๆ
เหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ยองแจ
จัดการเรื่องสัญญาว่าจ้างของคุณยงกุกด้วย”
เจ้าของบ้านหันไปพูดกับหนุ่มน้อยที่ตอนนี้ดวงตาส่องประกายลิงโลดดีใจออกมาทันที
หลังจากที่ได้ยินว่าเจ้านายของเขาพอใจกับแบบตรงหน้า
และเจ้าของบ้านก็หันไปมองเจ้าของแบบ
ที่ตอนนี้ก็ยังคงนั่งนิ่งเงียบ จนดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
แต่เขาก็ยังอมยิ้มน้อยๆ มองตอบผู้พูดด้วยสายตาอันแพรวพราวต่อไป
“รบกวนคุณช่วยจัดการเรื่องผู้รับเหมาต่างๆ
ด้วย เพราะทางเราเองไม่มีคอนเนคชั่นในเรื่องพวกนี้
ผม..พอใจแบบของคุณ
และขอต้อนรับคุณสู่บ้านของผมอีกครั้ง”
พอพูดจบเขาก็ยื่นมือออกมา เพื่อขอจับมือกับอีกฝ่ายอย่างมีมารยาทก่อนที่อีกคนจะยื่นมาจับตอบ
แต่คราวนี้การจับของเขากลับดูหนักแน่นขึ้น เหมือนกับจะฝากบอกว่า
ให้มั่นใจในตัวเขา
กับงานที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้
“สวัสดีครับ
ทุกคนมาอยู่กันที่นี่เอง”
เสียงทุ้มนุ่มๆร้องทักขึ้นมา
จากชายหนุ่มที่มีผิวสีเข้มนวลสวย ร่างกายดูสมส่วนไปซะทุกส่วน
ถึงจะมีไหล่ที่ลู่ แต่ไหล่ทั้งสองข้างนั้นกลับดูมีมัดกล้ามที่แข็งแรง
เหมือนคนที่ชอบออกกำลังกายเสมอ
เสื้อคอกว้างสีขาวตัวในที่ทับไว้ด้วยแจ๊กเก็ตหนังสีดำเข้มโชว์ให้เห็นแผ่นหน้าอกและผิวสีสวยที่ออกแทนๆ
เขาโบกมือให้ทุกคนอย่างสดใสอยู่บริเวณรั้วเตี้ยๆหน้าบ้าน เดินยิ้มกว้างเข้ามาหากลุ่มที่นั่งอยู่ตรงลานบ้านอย่างดูคุ้นเคย
ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกับ หนุ่มน้อยที่ตัวเล็กและมีสีผิวที่ขาวกว่า
“ยองแจอ่า...สบายดีนะ
ทำไมผอมลงอีกแล้ว”
เขาวาดมือข้างซ้ายโอบไหล่ของอีกฝ่ายไว้
พลางบีบเพื่อจับให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายดูแทบจะไม่ค่อยมีเนื้อหนัง อย่างที่เขาพูดจริงๆ
“ก็ดี....” หนุ่มน้อยตัวขาวกว่า
ตอบเบาๆ และใช้หางตามองอีกฝ่ายที่มาโอบเข้าไว้แบบรำคาญๆ
ยงกุกสังเกตเห็นว่าน้องชายของเขาเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด
แถมไม่ช่างพูดแบบเคยๆ
หนุ่มผิวสีสวยที่มาใหม่
ลุกจากที่นั่งเดิมและพาตัวเองมานั่งข้างๆกับโซฟาเดียวกันกับเจ้าของบ้าน
“พี่ฮิมชาน
คิดถึงผมไหม” เสียงทุ้มนุ่มถามคนข้างๆ
อย่างอ้อนๆ
ริมฝีปากสีสดของเจ้าของบ้านคลี่ยิ้มกว้าง
ให้กับคนที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขายกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
“Bien sûr ! Mon petit chat”
(แน่นอนสิ !
ลูกแมวน้อยของฉัน)
เสียงทุ้มต่ำเรียกคนข้างๆ
ด้วยน้ำเสียงชวนฟังดูนุ่มนวล พร้อมกับลูบหัวของอีกฝ่ายอย่างเบามือ
นัยน์ตาคมคู่นั้นก็ทอดมองอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน
ยงกุกหรี่ตามองดูของเจ้าของบ้าน
ที่กำลังแสดงความเอ็นดูอย่างมากมายต่อหนุ่มน้อยหน้าตาคมเข้มอย่างเงียบๆ
พร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบไปด้วย
คงไม่มีใครสังเกตเห็นว่า เบื้องหลังแก้วน้ำชานั้น
คนที่กำลังดื่มอยู่ได้ลอบยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
______________________________________________________________________________________________________
แดฮยอนสุดหล่อออกมาแล้ว ^^ ฮิมชานเรียกแดฮยอนในภาษาฝรั่งเศสว่า
มงต์ เพอทีท์ ชาร์ แปลว่าลูกแมวน้อยของฉัน น่ารักมากๆเลย ^^
“Bien sûr ! Mon petit chat”
(แน่นอนสิ ! ลูกแมวน้อยของฉัน)
เบียง ซูร์ มงต์ เพอทีท์ ชาร์
ความคิดเห็น