สุภาพบุรุษวายร้าย - สุภาพบุรุษวายร้าย นิยาย สุภาพบุรุษวายร้าย : Dek-D.com - Writer

    สุภาพบุรุษวายร้าย

    ความรัก ความดี ไม่ได้มีเพียงในคนดีเท่านั้น บางครั้งก็มีอยู่ในคนที่ได้ชื่อว่าคนชั่ว คนพาลเกร ได้เหมือนกัน แต่จะมีใครกล้าไปพิสูจน์และรับความรัก ความดีจากเขาได้

    ผู้เข้าชมรวม

    99

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    99

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ย. 63 / 19:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีค่ะ เรื่องแรกของฟ้าใหม่ เป็นกำลังใจและแนะนำด้วยนะคะ รอคำแนะนำจากทุกคนค่ะ 
    ช่วยเอาใจข่วยเดือนนางเอกของฟ้าใหม่ด้วย นะค่ะ 
    ตอนเดียวจบค่ะ


    สุภาพบุรุษวายร้าย

                เดือนสาวน้อยวัยสิบแปดปี ด้วยความมุ่งมั่นอันเด็ดเดี่ยวของเธอ จึงทำให้เธอได้เข้าเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงภาคสมทบเธอก็ยินดีอย่างที่สุด เดือนมีความรักแม่สงสารแม่เป็นพลังที่คอยผลักดันให้เดือนขยัน อดทน ต่อสู้กับทุกสภาวะ เพื่อจะก้าวเดินต่อไปให้ถึงจุดหมาย เดือนออกจากบ้านมาใช้ชีวิตอยู่หอพักกับเพื่อน ๆ เดือนกินอยู่อย่างประหยัดเพราะเงินทุกบาทคือความเหนื่อยยากของแม่ เดือนอยากมีชีวิตที่ดี อยากให้แม่สบาย เธอจึงทุ่มเทเวลาให้กับการเรียน

                เดือนรู้ตัวว่าเรียนไม่เก่งเรียนตามอาจารย์ที่สอนไม่ค่อยจะทัน อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าถ้าใครได้เกรดไม่ถึงตามที่กำหนดไว้จะต้องออกจากมหาวิทยาลัย เดือนกลัวการเรียนไม่จบ กลัวแม่ผิดหวัง เดือนจึงต้องช่วยตัวเองอย่างหนัก เพื่อเป้าหมายของเดือนและความสุขสบายของแม่

                 ในวันเปิดภาคเรียนที่สอง ผลการเรียนออกมาไม่ได้เป็นอย่างที่เดือนกลัว ทันทีที่เดือนทราบผล

    “แม่คะเดือนลูกแม่ทำได้แล้ว เดือนต้องเรียนจบแน่ ๆ“ เดือนตะโกนก้องอยู่ภายในใจ ส่งความดีใจโลดแล่นไปถึงแม่ บอกแม่ด้วยใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความสมหวังอันเกินความคาดหมาย ใบหน้าของเดือนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ทรงพลังเป็นยิ้มที่ออกมาจากภายในใจอันสุดแสนจะมีความสุข ด้วยเกรดเฉลี่ยสามจุดแปดห้าอันดับหนึ่งของห้อง เพื่อน ๆ ต่างมาแสดงความยินดีกับเดือน

    หลังจากนั้นความโดดเด่นของเดือนในเรื่องการเรียนและความเป็นตัวตนของเดือน ทำให้เดือนเป็นที่สนใจของนักศึกษาทั้งผู้หญิงผู้ชาย โดยเฉพาะนักศึกษาผู้ชายหลายคนพยายามมาตีสนิทกับเดือน

    “จงมีแต่เพื่อนนะลูก ไว้ลูกเรียนจบได้ทำงานก่อนจึงค่อยมีแฟน”

                “คนที่เราเจอกันตอนเรียนยังไม่ใช่ คบไปก็เสียการเรียน เขาจะมาทำลายความหวังของเรานะลูก”

                “เป็นเพื่อนเสมอกันทุกคนดีที่สุด ลูกจะไม่ต้องเสียใจ เมื่อลูกไม่เสียใจแม่ก็จะไม่เสียใจ“

                ด้วยคำสอนของแม่ ความรักแม่ ความกลัวแม่เสียใจ และความปรารถนาที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย ทำให้เดือนหนักแน่นไม่อ่อนไหวไปกับนักศึกษาคนใด      

    ผู้ชายรุ่นพี่ปีสี่คนหนึ่ง เขาจ้อง ๆ มอง ๆ เดือนอยู่บ่อย ๆ วันหนึ่งเขาเดินเข้ามาหาเดือนในขณะที่เดือนกำลังเดินไปมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียว เขาเข้ามาทักทายด้วยคำพูดที่สุภาพแต่เดือนสังเกตเห็นว่า  เขาไม่ได้ถือหนังสือเรียน เขาถือโอกาสมาเดินเคียงข้างไปกับเดือน โดยไม่สนใจความรู้สึกของเดือน เขามีหลายอย่างที่ทำให้เดือนรู้สึกว่าเขา เขาไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนที่น่ากลัว

                “พี่ชอบเดือนมากครับพี่แอบดูเดือนมาตั้งแต่ปีหนึ่ง” เขาพูดสุภาพแบบตรง ๆ แต่เดือนรู้สึกตกใจ

                “พี่พูดจริง ๆ นะครับ พี่ยังไม่เคยชอบใคร เดือนเคยเห็นพี่มาก่อนบ้างไหมครับ“ เขายังคงคุยต่ออยู่คนเดียวโดยไม่สนใจคำตอบ เดือนได้แต่ส่ายหน้าไม่กล้าคุยด้วย ขณะที่เดินเคียงข้างไปกับเขาเดือนรู้ตัวว่าเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาทุกคนที่พบเห็น แต่เขากลับไม่ใส่ใจสายตาของใคร ๆ

                “ตอนเรียนเสร็จวิชาสุดท้ายพี่จะมาคอยรับเดือนนะครับ” เขาพูดก่อนที่เดือนจะเดินแยกเข้าไปในอาคารเรียน เดือนไม่ตอบแต่รู้สึกโล่งใจกับการที่จากเขามาได้จึงรีบวิ่งเข้าไปในอาคารเรียน

                วันนี้เดือนต้องตั้งสติในการเรียนหลายครั้งเพื่อไม่ให้ว้าวุ่นใจ แต่ก็ทำไม่ได้ ใจมันกระสับกระส่ายด้วยคำพูดของเขาที่ก้องอยู่ในหู เพื่อนสังเกตเห็นว่าเดือนผิดปกติไปจึงคอยกระซิบเตือนให้จดบันทึก  

                “ตอนเรียนเสร็จวิชาสุดท้ายพี่จะมาคอยรับเดือนนะครับ” คำพูดนี้มันก้องอยู่ในใจเดือน ยิ่งพอมาถึงวิชาสุดท้ายเดือนยิ่งกังวลหนักขึ้นถึงกับขาดสมาธิ 

    “เขาจะมาจริงไหม ขออย่าให้เขามาเลย” เดือนกังวล และบนบานอยู่ในใจตลอดเวลาที่เรียน เพื่อนเห็นอาการของเดือนหันมามอง เดือนส่ายหน้ายิ้มให้เพื่อนอยู่หลายครั้ง

                หมดเวลาเรียนวิชาสุดท้ายอาจารย์ออกจากห้อง เพื่อน ๆ ก็ทยอยออกจากห้อง เดือนเดินตามออกไปเกือบจะเป็นคนสุดท้าย เดือนชะเง้อดูจากบนอาคาร เขามารออยู่จริง ๆ เดือนไม่อาจเลี่ยงได้จึงเดินลงมาจากอาคารถึงขั้นล่างเขาก็เดินเข้ามารับทันที

                “ขอบคุณมากครับที่เดือนไม่หนีพี่ไปเสียก่อน” เขาเดินเข้ามาใกล้เดือนแล้วพูดด้วยคำและท่าทางที่สุภาพเหมือนเดิม เดือนไม่ตอบแต่ออกเดินไปโดยที่เขาเดินชิดข้างมาด้วย เดือนต้องเดินไปกับเขาเหมือนคนขาดความมั่นใจ ด้วยคิดว่าคนอื่น ๆ ที่เห็นเดือนเดินไปกับเขา พวกเขาคงไม่เข้าใจในความรู้สึกของเดือน 

                “เดือนขยันเรียนมากนะครับ สงสัยต่อไปนี้พี่ต้องขยันเรียนเหมือนเดือนบ้าง”

                “ถ้าพี่ขยันเรียนเหมือนเดือนพ่อแม่พี่คงดีใจหน้าดู”

                “พ่อแม่ของเดือนโชคดีมากนะครับ มีลูกเรียนเก่ง ขยัน และน่ารักแบบเดือน” เขายังคงคุยต่อขณะที่เดินเคียงข้างเดือนตลอดทางโดยไม่สนใจว่าเดือนจะพูดด้วยหรือไม่       

    “พรุ่งนี้พี่จะมารับไปมหาวิทยาลัยด้วยกันนะครับเดือน บาย บ่าย หลับฝันดีนะครับ” เขาพูดเมื่อเดือนถึงหอพักเดือนเดินเข้าในหอพักโดยไมสนใจในคำพู และอาการของเขา

                “พรุ่งนี้พี่มารับ” เสียงนี้มันก้องอยู่ในหูเดือนต้องข่มใจให้ลืม ด้วยการทำงานตามที่อาจารย์มอบหมาย ทำงานทุกอย่าง หมดงานก็ไม่อาจลืมเสียงนั้นได้

                วันนี้เดือนมีเรียนตอนบ่าย เดือนอยากไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่ตอนเช้าเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอเขา แต่เดือนก็ไม่กล้าทำกลัวเขารู้ทันเขาอาจจะโกรธ และอาจทำอะไรที่เดือนคิดไม่ถึงก็ได้    

    “ขอบคุณครับ ที่เดือนไม่หนีพี่ไปเรียนเสียก่อน” เขาพูดเหมือนรู้ทันพร้อมก้มหัวให้เดือนนิด ๆ แล้วก้าวเดินเคียงข้างไปด้วยกัน

                “รู้ทันอีกแล้ว” เดือนแอบคิด เดือนอยากบอกเขาตามความจริงว่า ลักษณะอาการที่เขาพูดและปฏิบัติกับเดือน ถ้าเป็นของคนอื่นที่ถือแฟ้มหนังสือ เข้าห้องเรียนไม่เคยก่อเรืองคงจะน่ารักมาก

                “เดือนรู้ไหม เมื่อเรารักใครสักคนใจเราเปลี่ยนไปได้ตั้งเยอะ พี่รู้นะว่าเดือนคิดอะไรอยู่”

                เดือนไม่ต้องพูดเพราะเขารู้ทันความคิดของเดือนหมด ทุกอย่างไม่มีคำตอบ เดือนต้องการให้ถึงมหาวิทยาลัยเร็ว ๆ เดือนไม่ต้องการเป็นเป้าสายตาของใคร ๆ ใจเดือนมันร่ำร้องเดือนจะทำอย่างไรดี

                “เลิกเรียนพี่มารับอีกนะครับ“ เหมือนวางระเบิดเวลาไว้กับเดือนอีกแล้ว

                เลิกเรียนเขาก็มารับจริง ๆ เขาทำแบบนี้ทุกวัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นสองเดือน นี่ก็สองเดือนกว่าแล้วที่เดือนตกอยู่ในสภาพนี้ เขาสนิทกับเดือนมากขึ้นเป็นเจ้าของเดือนมากขึ้น แต่เดือนไม่เคยคุยด้วย ไม่ทำให้เขาโกรธ ความกลัวความกังวลเพิ่มขึ้นทุกวัน การเรียนแย่ลงด้วยขาดสมาธิ

                เมื่อเดือนไปเข้าห้องสมุด เดือนได้ยินพวกนักศึกษาผู้ชายกลุ่มหนึ่งคุยกันเมื่อเห็นเดือนเดินผ่าน

                “เด็กคนนี้แฟนไอ้ไมค์ รู้ไว้ด้วย มันเทียวรับเทียวส่งอยู่ทุกวัน ใครยุ่งมันได้เอาตาย” เดือนรู้สึกเสียววูบที่หัวใจ ขณะที่เขายังคงอธิบายให้อีกหลายคนฟัง

                “ไอ้ไมค์ นักเลงใหญ่ประจำมหาวิทยาลัยนั้นเหรอ” ยังมีนักศึกษาถามย้ำ

                “ ใช่ไอ้ไมค์เจ้าพ่อวายร้ายของที่นี่ ไม่มีใครอยากไปยุ่งกับมันหรอก สงสารเด็กวะ เด็กนี้อยู่ปีสองเรียนเก่งและขยัน อาจารย์ยังเคยเอาไปคุยให้ฟัง แต่คราวนี้คงจบแน่ คิดยังไงถึงได้ไปคบกับไอ้วายร้ายนี้” ยังมีคำพูดอีกมากมายจากนักศึกษากลุ่มนั้นที่เดือนไม่กล้าที่จะฟังต่อไป

                เดือนถามเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ที่หอพักถึงเรื่องราวคนชื่อไมค์ พอได้ฟัง เดือนยิ่งกลุ้มหนักกว่าเดิม สรุปจากคำบอกเล่าได้ว่า เขาชื่อไมค์เป็นหัวโจ๊กของการชกต่อยตีรันฟันแทงกับเพื่อนนักศึกษา ทั้งในมหาวิทยาลัย และต่างสถาบันนับครั้งไม่ถ้วน ไมค์เป็นชื่อที่อาจารย์ตั้งให้ตอนปีหนึ่ง แผลงมาจากไม่ คือไม่เอาดีสักอย่าง เคยมีเรื่องถึงตำรวจครั้งหนึ่ง พ่อเขามาเคลียร์ให้เรื่องจบ อาจารย์ก็ระอา นักศึกษาส่วนใหญ่จะไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องด้วย จะมีก็แต่กลุ่มของเขาเอง 

                ตอนเช้าเขามารับเดือนเดินไปกับเขาเหมือนเดิม เขายังคุยโน่นนี่โดยไม่เบื่อกับการคุยคนเดียว เขาก็ไม่เคยจะเซ้าซี้ให้เดือนคุยด้วย มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินสวนทางมา เมื่อเห็นเขาก็ทักทายแบบไม่เกรงใจคนที่เดินมาด้วย

                “เฮ้  แกหายไปไหนเป็นเดือนวะ แกอย่าบอกนะว่าแกเรียนหนังสือแกจะเป็นคนดี”

                “ถ้าแกเป็นคนดีแกเรียนหนังสือได้กูคงเศร้าใจมากวะ” มีเสียงฮาของกลุ่มที่กำลังพูด

                “เมื่อคืนเราไปตะลุยพวกไอ้บ๊อบมา มันคงไม่กล้าอีกนาน แต่ขาดแก รู้สึกเหงา ๆ แปลก ๆ วะ”

                เขาคุยกันดังลั่นถนนไม่เกรงใจนักศึกษากลุ่มอื่นที่เดินผ่านมา เดือนได้ยินแค่เสียงแต่ไม่กล้าที่จะหันไปมองพวกเขา

                “ไม่ได้ไปไหนมีธุระสำคัญ” เขาตอบเพื่อน ๆ เหมือนไม่อยากจะตอบไม่อยากคุยด้วย เพื่อน ๆ กลุ่มนั้นคงจะมองมาที่เดือน และพวกเขาก็คงจะยิ้มกัน

                “ออ! เข้าใจละ  แต่ว่ามึงอย่าทิ้งเพื่อนนานละ ขาดแกไปพวกเราเหงา กูคุมไม่อยู่ไม่เก่งเหมือนแก”

                เดือนเดินไม่ยอมหยุด เขาก็ไม่ได้หยุดคุยกับเพื่อนคงเดินตามเดือนมาไม่ห่าง โดยไม่สนใจว่าเพื่อนยังพูดอะไรต่อ เขาไปส่งเดือนถึงอาคารแล้วพูดเหมือนเดิม

                “เลิกเรียนพี่มารับนะครับ” วันนี้เดือนยิ่งคิดหนักมาก ตอนเจอเพื่อนๆของเขาคำพูดของเพื่อนแต่ละคนมันบอกความเป็นตัวตนของเขา เดือนไม่มีจิตใจที่จะเรียน

                “วันนี้หลังเลิกเรียนต้องให้รู้เรื่อง เดือนต้องจบให้ได้” เดือนคิดและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเมื่อเลิกเรียน เดือนเดินลงมาจากอาคารอย่างมั่นใจ

    “วันนี้ต้องจบให้ได้ เดือนจะทำให้ดีที่สุด” ท่องอยู่ภายในใจขณะที่เดินลงมาชั้นล่าง

                 ทันทีที่เห็นเดือนเขาเดินรี่เข้ามาเหมือนทุกครั้ง และพูดด้วยคำพูดเดิมเหมือนทุกครั้ง

                “ขอบคุณมากครับที่ยังให้โอกาสให้พีได้รับและส่งเดือนเหมือนทุกวัน”

                “ตั้งแต่พี่มารับส่งเดือนทุกวันพี่เปลี่ยนตัวเองไปเยอะ พี่มีความรู้สึกที่ดี ๆ แต่เดือนเหมือนเดิม ไม่เคยคุยกับพี่สักคำ” มีเสียงหัวเราะเบาๆ เหมือนออกมาจากลำคอตามมา

                “อีกนานไหมเดือนจึงจะยอมพูดกับพี่บ้าง”

                ตอนนี้เดือนไม่พร้อมที่จะรับฟังคำพูดใด ๆ ของเขาอีกแล้ว เพราะเขาจะต้องเป็นผู้ฟังเดือน เดือนตัดสินใจมาแล้วพอเดินออกมาพ้นจากประตูมหาวิทยาลัย บนถนนมีคนเดินน้อยลงแต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวเดือนเริ่มเดินช้าลงโดยที่เขาไม่ทันจะสงสัย

    เดือนหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา เดือนมองหน้าเขาโดยเต็มตา เขางงเบิกตากว้างแบบไม่ทันตั้งตัว เขาหยุดชะงักทันที เดือนเพิ่งเห็นใบหน้าเขาชัด ๆ วันนี้เอง เขาก็เป็นคนตัวสูงผมสั้นหน้าตาดูดีที่สะอาด รูปร่างดีหุ่นดี แต่งตัวเสื้อผ้าคงจะราคาแพง แต่สีหน้าเขาตอนนี้เหมือนคนที่อยู่ในความงง 

                “พี่คะ พี่อย่าโกรธเดือนนะคะ เดือนขอโทษ” เดือนไม่รอช้าพูดด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาอาบแก้ม

                “เดือนกลัวพี่มาก เดือนยอมให้พี่รับส่งเดือนทุกวันเพราะเดือนกลัวพี่” เดือนพูดตรงตามความรู้สึก

                “ทุกวันนี้เดือนเครียด ตั้งแต่เจอพี่ครั้งแรกเดือนเรียนหนังสือไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง เดือนไม่ได้เกลียดพี่ แต่เดือนกลัวพี่ กลัวมากด้วย” คำพูดทุกคำมันพรั่งพรูออกมาออกมาจากใจของเดือนโดยไม่ต้องกลั่นกรองพร้อมทั้งน้ำตาที่สุดจะอัดอั้นไหลลงมาอาบแก้ม

    เขามองหน้าเดือน เดือนก็มองหน้าเขา มันเป็นครั้งแรกที่เขาและเดือนเผชิญหน้ากัน เขาตกตะลึง เงียบไปแต่แววตาของเขาที่จ้องมองเดือนดูอ่อนโยนไม่มีแววของความโกรธไม่มีแววของวายร้ายบนใบหน้า

                “ตอนนี้ใกล้สอบ เดือนยังเรียนหนังสือไม่ได้ เดือนกลัวพี่นะคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เดือนกลัวแม่ผิดหวัง กลัวแม่เสียใจเดือนรักแม่มาก แม่เดือนทำงานหนักหาเงินส่งให้เดือนเรียน” ยิ่งเดือนพูดน้ำตาเดือนก็เอ่อไหล

                “พี่คะพี่สงสารเดือนนะคะ เดือนมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ เดือนต้องการชีวิตที่ดี ต้องการให้แม่มีชีวิตที่สบาย เดือนไม่เคยมีแฟนเดือนไม่เคยมีใครที่มากกว่าการเป็นเพื่อน” เดือนเห็นสีหน้าและแววเขาตอนนี้ไม่มีแววผู้ร้าย เดือนยิ่งปล่อยคำพูดออกมาตามอารมณ์ที่อัดอั้นคั่งค้าง พร้อมอาการสะอึกสะอื้นน้ำตาเต็มใบหน้า เขายังคงนิ่งตกใจกับกับคำพูดและท่าทางที่จริงจังของเดือน เขาได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ

                “พี่คะเดือนขอโทษ พี่อย่าโกรธเดือนเลยนะคะ พี่จะเป็นคนแบบไหนเดือนก็ไม่ว่าพี่ ขอให้พี่สงสารเดือนปล่อยเดือนไปตามทางของเดือนจะได้ไหมคะพี่“

                “ให้เดือนได้เรียนหนังสือให้แม่ได้สมหวังในตัวของเดือน”

                เขายกสองมือขึ้นโผเข้าใกล้เหมือนจะกอดเดือนแต่เหมือนจะคิดได้ เขาปล่อยมือลง นัยน์ตาสีแดงๆ เหมือนจะร้องให้ เขาเงยหน้านิ่งครู่หนึ่งแล้วก็ก้มมาจ้องดูหน้าเดือน เดือนก็มองหน้าเขาโดยไม่หลบสายตา

                “เดือนพี่ขอโทษ พี่ไม่เคยคิดจะทำร้ายเดือนพี่ชอบเดือนพี่รักเดือนจริง ๆ แต่พี่ก็เข้าใจเดือนสงสารเดือน เด็กดีอย่างเดือนไม่เหมาะกับพี่ที่เป็นอันธพาลเป็นวายร้ายในสายตาของใคร ๆ” เขาหยุดพูดนิดหนึ่งเสียงเหมือนจะเศร้า      

                “พี่ขอโทษนะครับเดือน ที่พี่ทำให้เดือนต้องกลัว ต้องเป็นทุกข์กังวล ตั้งแต่วันนี้พี่จะไม่มากวนใจเดือนอีก พี่พักอยู่ที่หอพักชายตรงประตู ถ้าเดือนมีปัญหาต้องบอกให้พี่ทราบ พี่ช่วยเดือนได้ทุกอย่าง ทุกเรื่องโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน แต่พี่คิดว่าตั้งแต่นี้เดือนเรียนได้อย่างสบายใจเพราะจะไม่มีใครมาทำอะไรให้เดือนต้องกลัวหรือกังวลอีก” มีหลายครั้งเขาทำท่าเหมือนจะเข้ามากอดเดือนแต่เขาก็ยั้งได้

                “ขอบคุณคะพี่ เดือนจะจำพี่ ไม่ลืมพี่ชั่วชีวิตคะ “

    “พี่ก็ต้องขอบคุณเดือนเหมือนกันที่ทำให้พี่ได้เกิดความรู้สึกดี ๆ ที่พี่ไม่เคยมีมาก่อน” เขาพูดด้วยเสียงและสีหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตาของเขาอ่อนโยน 

                เดือนยกมือไหว้และขอบคุณเขาอย่างจริงจังทันทีเมื่อเขาพูดจบ เดือนดีใจยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา เริ่มรู้สึกว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งที่ยอมรับและเข้าใจความรู้สึกผู้อื่นเช่นกัน

                “ขอให้พี่ได้เดินไปส่งเดือนเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ” เขายังคงพูดด้วยคำและเสียงที่สุภาพเหมือนเดิมแต่ฟังอ่อนโยนที่แฝงด้วยความเศร้า เดือนยิ้มและพยักหน้าให้เขาพร้อมทั้งยกมือปาดน้ำตา

                “เป็นครั้งแรกที่เดือนยิ้มให้พี่  พี่คงต้องจำรอยยิ้มของเดือนไปตลอดชีวิตเหมือนกัน” เขาพูดแล้วเหมือนจะยิ้มให้กับตัวเองมากกว่าจะยิ้มให้เดือน

                “เดือนไม่กลัวพี่อีกต่อไปแล้วนะครับ “

                 “พี่ก็ไม่โกรธเดือนเหมือนกันนะคะ” เดือนยิ้มให้แทนคำตอบและถามเขากลับไป

                “พี่จะโกรธเดือนได้อย่างไร พี่บอกแล้วใช่ไหม เดือนทำให้พี่มีความรู้สึกที่ดี ๆ วายร้ายอย่างพี่ก็มีหัวใจรักนะเดือน ต่อไปนี้พี่คงได้เห็นเดือนมีความสุขนะครับ” เขาพูดแล้วก็หัวเราะ

                “พี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง แค่เห็นเดือนมีความสุขพี่ก็มีความสุข” เขาพูดพร้อมทั้งเดินเคียงข้างมาส่งเดือนถึงหอพัก 

                “โชคดีนะครับ พี่อวยพรให้เดือนสำเร็จสมหวังทุกอย่าง พี่คงจะได้เพียงจดจำเดือนไว้ เดือนเป็นผู้หญิงคนแรกที่วายร้ายอย่างพี่รักด้วยหัวใจ ความสุขของเดือนก็คือความสุขของพี่ ไม่ว่าจะนานกี่ปี ”

                “ขอบคุณมากคะพี่ผู้ใจดี เดือนจะจำพี่ไว้เหมือนกันค่ะ” เดือนยกมือไหว้ก่อนหันหลังเข้าหอพัก ไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้เขาแม้แต่น้อย เดือนเหลียวกลับมาดูอีกครั้งเขาเดินไกลออกไปโดยไม่หันกลับมามองเช

                หลังจากนั้นเดือนไม่เคยเจอ ไม่เคยมีข่าวคราวของเขา แต่เดือนเรียนและใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยจนกระทั้งจบการศึกษา โดยที่ไม่มีใครทำให้เดือนต้องวุ่นวายใจ

    วันนี้เดือนเรียนจบ ทำงานและมีครอบครัว ผ่านมาสี่สิบปีแล้วที่เดือนยังไม่เคยลืมสุภาพบุรุษวายร้ายคนนั้น เดือนอยากบอกเขาและถามเขาว่า

     “เดือนมีความสุขดี แล้วเขาละมีความสุขเหมือนที่พูดไว้กับเดือนหรือเปล่า” “สุภาพบุรุษวายร้าย ”

                                                                                                                ฟ้าใหม่


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×