ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมข้ามภพ (พีเรียดไทย)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๒ นิมิตหมาย ๖๐%

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 64


    สวัสดีค่ะ ขอโทษที่หายไปหลายวัน

    ไรท์ไม่ได้เทน้าา แค่ติดโควิด ไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สนาม เพิ่งกลับบ้านค่าา

    กลับมาอัพแล้วนะเจ้าคะ

    -----------


    “หลวงไกรเดชาวรางค์กูร...”


    เสียงพึมพำทำให้คนเดินผ่านชะงักหยุดฟัง หูก็เอียงเข้าไปใกล้ร่างแน่งนวลที่นอนหลับอยู่บนโซฟานุ่มตัวใหญ่ ขนตางอนงามหลับพริ้มด้วยรอยยิ้มแตะมุมปาก


    “หลวงไกรเดชา...”


    “น้องแก้วขาน้องแก้ว ได้เวลาถ่ายฉากสุดท้ายแล้วค่ะ”


    ร่างผอมบางของสาวประเภทสองเข้ามาในห้องก่อนจะร้องเรียกเสียงดังลั่นจนแก้วกัลยากระพริบตาถี่ๆ บิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง


    “โธ่พี่นีน่า จะเข้ามาทำไมตอนนี้คะ เปรี้ยวกำลังจะได้ยินแล้วเชียวว่ายัยแก้วละเมอถึงใคร”


    วิชชุดาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ปรายตามองนีน่าซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวและแก้วกัลยาสลับกันไปมา


    “พี่จะไปรู้หรือคะ วันนี้ต้องดูดวงจันทร์ว่าเมื่อไหร่จะขึ้นสักทีเพื่อจะปิดกอง พอพี่เห็นก็ต้องรีบมาตามสิคะ” 


    นีน่าอธิบายยืดยาว วันนี้กองถ่ายต้องรอฉากปิดกองมาหลายชั่วโมง ละครเรื่องนี้เป็นฟอร์มยักษ์ใหญ่แห่งปีก็ว่าได้ ยิ่งมีนางเอกดาวรุ่งชั้นหน้าแห่งเมืองไทยอย่างแก้วกัลยาและพระเอกน้องใหม่อย่างจิรภาสนำแสดงแบบนี้เชื่อได้เลยว่าต้องปังแน่!


    “เดี๋ยวแก้วตามไปค่ะพี่นีน่า” เสียงหวานๆ ตอบรับพลางส่งยิ้มอย่างน่ารัก


    “ฉันเลยอดรู้เลยว่าชายในฝันของเธอเป็นใคร”


    “อ๋อ ท่านขุน...ไม่สิ! ได้เลื่อนยศแล้วก็ต้องเป็นคุณหลวงไกรเดชาวรางค์กูร” พูดถ้อยคำชัดเจนแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม มองหน้าเพื่อนที่ขมวดคิ้วเข้าติดกันแน่นอย่างขำขัน


    “อ่านบทมากไปล่ะสิท่าถึงได้เก็บไปฝัน ฉันก็คิดว่าเธอจะไปถูกใจผู้ชายที่ไหนมาเสียอีก”


    วิชชุดาเอนหลังพิงผนักโซฟา มองเพื่อนที่นุ่งโจงกระเบนน้ำเงินครามห่มสไบสีเหลืองอ่อนพลางปั้นปาก เอามือกอดอกพลางไล่ “ไปถ่ายให้เสร็จเถอะ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเพื่อนรักต้องมาถ่ายละครกลางค่ำกลางคืน ฉันไม่สละเวลานอนมานั่งเฝ้าหรอกนะ”


    “รู้แล้วน่า”


    แก้วกัลยาลุกขึ้นยืนเดินไปหน้ากระจก ก่อนจะหยิบหวีสางผมยาวอย่างใจเย็น


    “เออ! แต่บทเรื่องนี้มันหลวงนเรศร์ไม่ใช่หรอ แล้วหลวงไกรเดชอะไรของเธอมาได้ยังไง”


    “ไกรเดชา”


    แก้คำผิดให้ในขณะที่อีกฝ่ายโบกมือไหวๆ


    “เดชาก็เดชา เธอไปเอามาจากไหน”


    “ฝันน่ะ หลายครั้งจนจำหน้าจำชื่อครบทั้งบ้านแล้ว”


    แก้วกัลยาหัวเราะคิก นึกถึงความฝันแล้วก็อดมีความสุขไม่ได้ ชายในฝันที่ว่าแม้จะอยู่ในกรมทหารเรือแต่ก็ไม่เห็นน่ากลัวสักนิด!


    “ฝัน?” วิชชุดาทวนซ้ำก่อนจะเบิกตาโตสะดุ้ง “เนื้อคู่เธอมาเข้าฝันหรือเปล่า”


    “เนื้อคู่หรอ!


    “พรหมลิขิตไง แบบ...เนื้อคู่ที่มาตามหา ตามคำสาบานอะไรแบบนี้”


    “พรหมลิขิต?”


    แก้วกัลยาวางหวีในมือลงก่อนจะหันมาสบตาเพื่อนด้วยความตื่นตระหนก แต่ยิ่งเห็นหน้าเพื่อนรักแสดงออกถึงความจริงจังมากเท่าไหร่ก็เผลอหลุดเสียงออกมาดัง


    “นี่ยัยเปรี้ยว! นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังเชื่อเรื่องงมงายไปได้ อย่ามาหลอกล่อให้ฉันเข้าลัทธิหมอดงหมอดูเสียให้ยาก หลวงไกรอะไรนั่นก็อาจจะเป็นแค่ฉันมโน หรือฉันอาจจะดูหนังเยอะเกินจนเอามารวมเป็นเรื่องเดียวกัน”


    พูดออกไปแล้วก็นึกถึงฝันที่ผ่านมาไม่ได้ หลวงไกรเดชานั่นก็ดูท่าทางไม่เชื่อเรื่องหมอดงหมอดูอะไร


    คิดถึงแล้วก็อมยิ้มมุมปาก หล่อนฝันเห็นหลวงไกรเดชาติดต่อกันนับปีได้ ผูกกันเป็นเรื่องราวแทบจะรู้ทุกซอกทุกมุมในชีวิตเขาด้วยซ้ำ ตั้งแต่คุณหลวงคนนั้นเพิ่งเรียนจบและกลับมาเมืองไทย เข้ารับราชการทหาร หรือแม้แต่อาหารการกินว่าเขาชอบอะไร


    มันคงจะเป็นจินตนาการที่หล่อนคิดไปเอง คงจะเป็นผลพ่วงมาจากพักหลังนี้ได้ดูและรับงานละครไทยย้อนยุคมากเรื่อง เนื่องจากความนิยมของคนไทยในปัจจุบันที่หันมาสนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทยยิ่งกว่าเดิม แต่ก็น่าแปลกที่ทำไมทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเป็นผู้ชายคนนั้น หรือบางทีอาจจะเป็นดาราต่างประเทศติดตามาก็ได้


    แต่เรื่องที่อยากรู้มากกว่านั้น ในฝันเขาเรียกชื่อ แก้ว แล้วมันแก้วไหนกัน เหมือนเขากำลังนอนหลับฝัน แต่ก็ไม่รู้ว่าฝันอะไร...


    “เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ไม่เคยอ่านหรือไง บางคนอยู่ๆ ก็หายตัวไป กลับมาอีกครั้งก็เล่าว่าหลุดไปในยุคในภพไหนก็ไม่รู้”


    วิชชุดาพยายามโน้มน้าว หากแต่เพียงเห็นนัยน์ตาขำขันของเพื่อนก็รู้เต็มอกว่าพูดไปอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดอีกฝ่ายได้


    “ฉันไม่ได้ลบหลู่สักหน่อย ฉันแค่ไม่เชื่อ นี่! แต่จะว่าไปนะ ถ้าฉันได้ย้อนอดีตไปเจอคุณหลวงไกรจริงๆ ก็ดีสิ คุณหลวงอะไรไม่รู้ หล๊อหล่อ”


    “แก้ว! เธอนี่! เฮ้อ!


    วิชชุดามองตามหลังเพื่อนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว กรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด ถึงจะไม่เคยพบกับตัวก็ตามทีว่าเรื่องแบบนี้มีอยู่จริงหรือไม่ แต่เธอก็เชื่อเรื่องพรหมลิขิตและบุพเพสันนิวาสมาแต่ไหนแต่ไร


    “เจ้าประคุ๊ณ...ช่วยทำอะไรก็ได้ให้ยัยแก้วเพื่อนของฉันเชื่อสักทีเถอะว่าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริงๆ สาธุ!


    วิชชุดาประนมมือขึ้นเหนือหัวพลางถอนหายใจออกยาว แก้วกัลยาเป็นสาวสมัยใหม่ที่ออกจะหัวรั้นตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เรื่องผีสางหรือ! ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่กลัว!

     ----------------------------


    แก้วกัลยาหันหน้าหนีหลวงนเรศร์ตามบท หญิงสาวก้าวออกจากเรือนไม้หลังใหญ่ซึ่งใช้สำหรับการแสดงมาหลายต่อหลายเรื่อง เพียงเสี้ยวนาทีร่างคนตัวใหญ่ก็วิ่งตามออกมาสีหน้าเป็นกังวล


    “เอ็งจะไปแห่งใด”


    “ข้าไม่อาจอยู่กับพี่ที่เรือนแห่งนี้ได้ พี่เป็นถึงคุณหลวง มียศศักดิ์มากมาย แต่ข้าไม่มีอะไร นอกจาก...” มือเล็กกำหมัดไว้แน่นก่อนจะเลื่อนมาที่อกข้างซ้ายตำแหน่งหัวใจ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น


    “ใจไร้ค่าดวงนี้เท่านั้น”


    “ถ้ายศศักดิ์มันเป็นปัญหากับรักของเรานัก พี่จะถอดมันทิ้งเสียให้หมด”


    “พี่ทำเช่นนั้นไม่ได้” หลุบตาต่ำลงมองพื้นทราย ลมหนาวพัดผ่านแตะเนื้อนอกอาภรณ์ทำให้ขนลุกชัน แต่เพื่อละครที่ออกมาดีแล้วก็ต้องทน!


    “อย่าคิดอะไร รักของเรามีแค่เอ็งกับพี่ อย่าฟังคำครหาจากผู้อื่น”


    “แต่ข้า...”


    “เอ็งจะทิ้งพี่ไปอย่างนี้ไม่ได้”


    จิรภาสในบทหลวงนเรศร์เอื้อมมือจับมือนุ่มนิ่มขึ้นมากอบกุมไว้ทั้งสองข้าง ดวงตาคมทอดมองอย่างอาลัยอาวรณ์แสนเสน่หา


    “ข้ารักพี่ พี่รู้ใช่หรือไม่”


    แก้วกัลยาแหงนหน้าขึ้นมา กลืนน้ำลายดังเอือกพลางกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำที่คลอเบ้าให้ไหลลงอาบแก้ม ทันทีที่พวงผิวชมพูอาบน้ำตา แสงจันทร์ที่ส่องแสงนวลเรียกความชุ่มฉ่ำในหัวใจ ทีมผู้กำกับนั่งลุ้นหน้าจอมอนิเตอร์อย่างลุ้นๆ


    “พี่ก็รักเอ็ง รักยิ่งกว่าชีพ”


    พูดจบก็คว้าร่างบอบบางเข้าแนบอกในขณะที่แก้วกัลยาใจเต้นไม่เป็นส่ำ ดวงตาคู่สวยลุกลี้ลุกลน ระหว่างคิ้วก็ย่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ทำไมมัน...


    เวลาผ่านไปชั่วขณะจิรภาสจึงผละคนตัวเล็กออก สบตาหวานซึ้ง


    “ข้ารักพี่...”


    แก้วกัลยาเอ่ยอย่างเลื่อนลอยในขณะที่ทุกคนคิดว่าหญิงสาวคงอินไปกับบท ลมพัดแผ่วเบาทำให้สไบพลิ้วตามลงอย่างสวยงาม แววตาหวานสบอีกฝ่ายราวกับคนไม่รู้เนื้อรู้ตัว


    “คัต! ปิดกอง เย้!


    เสียงผู้กำกับดังขึ้นทำให้จิรภาสปลดมือออกจากดาราสาวรุ่นพี่พลางกล่าวขอโทษที่ถึงเนื้อถึงตัว หากแต่แก้วกัลยากลับยืนนิ่งด้วยสายตาเหม่อลอยชอบกล


    “พี่แก้วครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”


    จิรภาสถามอย่างเป็นห่วง สังเกตเห็นอีกฝ่ายเหม่อตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วเห็นคนตัวเล็กยืนโอนเอนราวกับจะล้มก็ก้าวประชิดตามสัญชาตญาณ หากเธอเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะได้รับไว้ทัน


    “พี่...พี่ปวดหัว”


    ทำไมคำพูดเมื่อครู่มันช่างคุ้นเหลือเกิน!


    “พี่แก้ว! ผู้กำกับ พี่นีน่า พี่แก้วเป็นลม ช่วยด้วยครับ”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×