คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๒ นิมิตหมาย ๖๐%
สวัสดีค่ะ ขอโทษที่หายไปหลายวัน
ไรท์ไม่ได้เทน้าา แค่ติดโควิด ไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สนาม เพิ่งกลับบ้านค่าา
กลับมาอัพแล้วนะเจ้าคะ
-----------
“หลวงไกรเดชาวรางค์กูร...”
เสียงพึมพำทำให้คนเดินผ่านชะงักหยุดฟัง
หูก็เอียงเข้าไปใกล้ร่างแน่งนวลที่นอนหลับอยู่บนโซฟานุ่มตัวใหญ่
ขนตางอนงามหลับพริ้มด้วยรอยยิ้มแตะมุมปาก
“หลวงไกรเดชา...”
“น้องแก้วขาน้องแก้ว
ได้เวลาถ่ายฉากสุดท้ายแล้วค่ะ”
ร่างผอมบางของสาวประเภทสองเข้ามาในห้องก่อนจะร้องเรียกเสียงดังลั่นจนแก้วกัลยากระพริบตาถี่ๆ
บิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง
“โธ่พี่นีน่า จะเข้ามาทำไมตอนนี้คะ
เปรี้ยวกำลังจะได้ยินแล้วเชียวว่ายัยแก้วละเมอถึงใคร”
วิชชุดาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ปรายตามองนีน่าซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวและแก้วกัลยาสลับกันไปมา
“พี่จะไปรู้หรือคะ
วันนี้ต้องดูดวงจันทร์ว่าเมื่อไหร่จะขึ้นสักทีเพื่อจะปิดกอง
พอพี่เห็นก็ต้องรีบมาตามสิคะ”
นีน่าอธิบายยืดยาว
วันนี้กองถ่ายต้องรอฉากปิดกองมาหลายชั่วโมง ละครเรื่องนี้เป็นฟอร์มยักษ์ใหญ่แห่งปีก็ว่าได้
ยิ่งมีนางเอกดาวรุ่งชั้นหน้าแห่งเมืองไทยอย่างแก้วกัลยาและพระเอกน้องใหม่อย่างจิรภาสนำแสดงแบบนี้เชื่อได้เลยว่าต้องปังแน่!
“เดี๋ยวแก้วตามไปค่ะพี่นีน่า”
เสียงหวานๆ ตอบรับพลางส่งยิ้มอย่างน่ารัก
“ฉันเลยอดรู้เลยว่าชายในฝันของเธอเป็นใคร”
“อ๋อ ท่านขุน...ไม่สิ! ได้เลื่อนยศแล้วก็ต้องเป็นคุณหลวงไกรเดชาวรางค์กูร”
พูดถ้อยคำชัดเจนแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
มองหน้าเพื่อนที่ขมวดคิ้วเข้าติดกันแน่นอย่างขำขัน
“อ่านบทมากไปล่ะสิท่าถึงได้เก็บไปฝัน
ฉันก็คิดว่าเธอจะไปถูกใจผู้ชายที่ไหนมาเสียอีก”
วิชชุดาเอนหลังพิงผนักโซฟา มองเพื่อนที่นุ่งโจงกระเบนน้ำเงินครามห่มสไบสีเหลืองอ่อนพลางปั้นปาก
เอามือกอดอกพลางไล่ “ไปถ่ายให้เสร็จเถอะ
นี่ถ้าไม่เห็นว่าเพื่อนรักต้องมาถ่ายละครกลางค่ำกลางคืน
ฉันไม่สละเวลานอนมานั่งเฝ้าหรอกนะ”
“รู้แล้วน่า”
แก้วกัลยาลุกขึ้นยืนเดินไปหน้ากระจก
ก่อนจะหยิบหวีสางผมยาวอย่างใจเย็น
“เออ! แต่บทเรื่องนี้มันหลวงนเรศร์ไม่ใช่หรอ
แล้วหลวงไกรเดชอะไรของเธอมาได้ยังไง”
“ไกรเดชา”
แก้คำผิดให้ในขณะที่อีกฝ่ายโบกมือไหวๆ
“เดชาก็เดชา เธอไปเอามาจากไหน”
“ฝันน่ะ
หลายครั้งจนจำหน้าจำชื่อครบทั้งบ้านแล้ว”
แก้วกัลยาหัวเราะคิก นึกถึงความฝันแล้วก็อดมีความสุขไม่ได้
ชายในฝันที่ว่าแม้จะอยู่ในกรมทหารเรือแต่ก็ไม่เห็นน่ากลัวสักนิด!
“ฝัน?”
วิชชุดาทวนซ้ำก่อนจะเบิกตาโตสะดุ้ง “เนื้อคู่เธอมาเข้าฝันหรือเปล่า”
“เนื้อคู่หรอ!”
“พรหมลิขิตไง
แบบ...เนื้อคู่ที่มาตามหา ตามคำสาบานอะไรแบบนี้”
“พรหมลิขิต?”
แก้วกัลยาวางหวีในมือลงก่อนจะหันมาสบตาเพื่อนด้วยความตื่นตระหนก
แต่ยิ่งเห็นหน้าเพื่อนรักแสดงออกถึงความจริงจังมากเท่าไหร่ก็เผลอหลุดเสียงออกมาดัง
“นี่ยัยเปรี้ยว! นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว
ยังเชื่อเรื่องงมงายไปได้ อย่ามาหลอกล่อให้ฉันเข้าลัทธิหมอดงหมอดูเสียให้ยาก
หลวงไกรอะไรนั่นก็อาจจะเป็นแค่ฉันมโน
หรือฉันอาจจะดูหนังเยอะเกินจนเอามารวมเป็นเรื่องเดียวกัน”
พูดออกไปแล้วก็นึกถึงฝันที่ผ่านมาไม่ได้
หลวงไกรเดชานั่นก็ดูท่าทางไม่เชื่อเรื่องหมอดงหมอดูอะไร
คิดถึงแล้วก็อมยิ้มมุมปาก
หล่อนฝันเห็นหลวงไกรเดชาติดต่อกันนับปีได้ ผูกกันเป็นเรื่องราวแทบจะรู้ทุกซอกทุกมุมในชีวิตเขาด้วยซ้ำ
ตั้งแต่คุณหลวงคนนั้นเพิ่งเรียนจบและกลับมาเมืองไทย เข้ารับราชการทหาร
หรือแม้แต่อาหารการกินว่าเขาชอบอะไร
มันคงจะเป็นจินตนาการที่หล่อนคิดไปเอง
คงจะเป็นผลพ่วงมาจากพักหลังนี้ได้ดูและรับงานละครไทยย้อนยุคมากเรื่อง
เนื่องจากความนิยมของคนไทยในปัจจุบันที่หันมาสนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทยยิ่งกว่าเดิม
แต่ก็น่าแปลกที่ทำไมทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเป็นผู้ชายคนนั้น
หรือบางทีอาจจะเป็นดาราต่างประเทศติดตามาก็ได้
แต่เรื่องที่อยากรู้มากกว่านั้น
ในฝันเขาเรียกชื่อ แก้ว แล้วมันแก้วไหนกัน เหมือนเขากำลังนอนหลับฝัน
แต่ก็ไม่รู้ว่าฝันอะไร...
“เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่
ไม่เคยอ่านหรือไง บางคนอยู่ๆ ก็หายตัวไป
กลับมาอีกครั้งก็เล่าว่าหลุดไปในยุคในภพไหนก็ไม่รู้”
วิชชุดาพยายามโน้มน้าว
หากแต่เพียงเห็นนัยน์ตาขำขันของเพื่อนก็รู้เต็มอกว่าพูดไปอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดอีกฝ่ายได้
“ฉันไม่ได้ลบหลู่สักหน่อย
ฉันแค่ไม่เชื่อ นี่! แต่จะว่าไปนะ ถ้าฉันได้ย้อนอดีตไปเจอคุณหลวงไกรจริงๆ ก็ดีสิ
คุณหลวงอะไรไม่รู้ หล๊อหล่อ”
“แก้ว! เธอนี่!
เฮ้อ!”
วิชชุดามองตามหลังเพื่อนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
กรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด
ถึงจะไม่เคยพบกับตัวก็ตามทีว่าเรื่องแบบนี้มีอยู่จริงหรือไม่
แต่เธอก็เชื่อเรื่องพรหมลิขิตและบุพเพสันนิวาสมาแต่ไหนแต่ไร
“เจ้าประคุ๊ณ...ช่วยทำอะไรก็ได้ให้ยัยแก้วเพื่อนของฉันเชื่อสักทีเถอะว่าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริงๆ
สาธุ!”
วิชชุดาประนมมือขึ้นเหนือหัวพลางถอนหายใจออกยาว
แก้วกัลยาเป็นสาวสมัยใหม่ที่ออกจะหัวรั้นตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เรื่องผีสางหรือ! ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่กลัว!
แก้วกัลยาหันหน้าหนีหลวงนเรศร์ตามบท หญิงสาวก้าวออกจากเรือนไม้หลังใหญ่ซึ่งใช้สำหรับการแสดงมาหลายต่อหลายเรื่อง เพียงเสี้ยวนาทีร่างคนตัวใหญ่ก็วิ่งตามออกมาสีหน้าเป็นกังวล
“เอ็งจะไปแห่งใด”
“ข้าไม่อาจอยู่กับพี่ที่เรือนแห่งนี้ได้
พี่เป็นถึงคุณหลวง มียศศักดิ์มากมาย แต่ข้าไม่มีอะไร นอกจาก...” มือเล็กกำหมัดไว้แน่นก่อนจะเลื่อนมาที่อกข้างซ้ายตำแหน่งหัวใจ
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น
“ใจไร้ค่าดวงนี้เท่านั้น”
“ถ้ายศศักดิ์มันเป็นปัญหากับรักของเรานัก
พี่จะถอดมันทิ้งเสียให้หมด”
“พี่ทำเช่นนั้นไม่ได้”
หลุบตาต่ำลงมองพื้นทราย ลมหนาวพัดผ่านแตะเนื้อนอกอาภรณ์ทำให้ขนลุกชัน แต่เพื่อละครที่ออกมาดีแล้วก็ต้องทน!
“อย่าคิดอะไร
รักของเรามีแค่เอ็งกับพี่ อย่าฟังคำครหาจากผู้อื่น”
“แต่ข้า...”
“เอ็งจะทิ้งพี่ไปอย่างนี้ไม่ได้”
จิรภาสในบทหลวงนเรศร์เอื้อมมือจับมือนุ่มนิ่มขึ้นมากอบกุมไว้ทั้งสองข้าง
ดวงตาคมทอดมองอย่างอาลัยอาวรณ์แสนเสน่หา
“ข้ารักพี่ พี่รู้ใช่หรือไม่”
แก้วกัลยาแหงนหน้าขึ้นมา
กลืนน้ำลายดังเอือกพลางกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำที่คลอเบ้าให้ไหลลงอาบแก้ม
ทันทีที่พวงผิวชมพูอาบน้ำตา แสงจันทร์ที่ส่องแสงนวลเรียกความชุ่มฉ่ำในหัวใจ
ทีมผู้กำกับนั่งลุ้นหน้าจอมอนิเตอร์อย่างลุ้นๆ
“พี่ก็รักเอ็ง รักยิ่งกว่าชีพ”
พูดจบก็คว้าร่างบอบบางเข้าแนบอกในขณะที่แก้วกัลยาใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ดวงตาคู่สวยลุกลี้ลุกลน ระหว่างคิ้วก็ย่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ทำไมมัน...
เวลาผ่านไปชั่วขณะจิรภาสจึงผละคนตัวเล็กออก
สบตาหวานซึ้ง
“ข้ารักพี่...”
แก้วกัลยาเอ่ยอย่างเลื่อนลอยในขณะที่ทุกคนคิดว่าหญิงสาวคงอินไปกับบท
ลมพัดแผ่วเบาทำให้สไบพลิ้วตามลงอย่างสวยงาม
แววตาหวานสบอีกฝ่ายราวกับคนไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“คัต! ปิดกอง เย้!”
เสียงผู้กำกับดังขึ้นทำให้จิรภาสปลดมือออกจากดาราสาวรุ่นพี่พลางกล่าวขอโทษที่ถึงเนื้อถึงตัว
หากแต่แก้วกัลยากลับยืนนิ่งด้วยสายตาเหม่อลอยชอบกล
“พี่แก้วครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
จิรภาสถามอย่างเป็นห่วง
สังเกตเห็นอีกฝ่ายเหม่อตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วเห็นคนตัวเล็กยืนโอนเอนราวกับจะล้มก็ก้าวประชิดตามสัญชาตญาณ
หากเธอเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะได้รับไว้ทัน
“พี่...พี่ปวดหัว”
ทำไมคำพูดเมื่อครู่มันช่างคุ้นเหลือเกิน!
“พี่แก้ว! ผู้กำกับ พี่นีน่า
พี่แก้วเป็นลม ช่วยด้วยครับ”
ความคิดเห็น