สัญญา มนตราเวทย์
เรื่องราวของ ไซรัส จอมเวทย์อมตะ ที่ได้พบกับลูนาเรีย ทาสสาวชาวเอลฟ์ และเขาต้องทำสัญญากับองค์หญิงไอวี่ ลูกครึ่งปีศาจ ตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่ของนาง แต่งจบแล้ว 112 ตอน กำลังแต่งภาค 2 และ 3
ผู้เข้าชมรวม
2,550
ผู้เข้าชมเดือนนี้
51
ผู้เข้าชมรวม
รักแฟนตาซี แฟนตาซี เวทมนตร์ นิยายแฟนตาซี นิยายรัก ปีศาจ ฮาเร็ม เทพ พระเอกเทพ พระเอกเก่ง สงคราม ตัวเอกเก่ง ทะลุมิติ เกิดใหม่ มาร
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เรื่องราวของไซรัส จอมเวทย์ผู้ได้รับพรจากเทพบรรพกาลให้เกิดใหม่พร้อมความทรงจำเดิม เขาได้พบกับลูนาเรีย ทาสเชื้อสายไฮเอลฟ์ และต้องทำสัญญากับองค์หญิงไอวี่ ลูกครึ่งปีศาจ ตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่ของนาง
เป้าหมายขององค์หญิงคือการสังหารเทพสงครามและทวงคืนอาณาจักรของเธอ
เรื่องนี้ แต่งจบแล้วนะครับ 112 ตอน กำลังแต่งภาค 2 และ 3 ด้วยฮะ
ภาค 2 ลิขิตเทวา สัญญาจอมเวทย์
บทนำ…
รถม้าสินค้าขนาดใหญ่ถูกล้อมกลางป่าช่วงพลบค่ำ สัตว์อสูรขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายหมาป่า ฝูงหมาป่าอสูร แยกเขี้ยวล้อมทั่วรถดังกล่าว เหล่าทหารคุ้มกันรถม้าดึงดาบออกมาหวังจะขู่ให้เหล่าไล่สัตว์อสูรให้หนีไป
ทว่ามันได้กลิ่นความกลัว เหล่าหมาป่าแยกเขี้ยว กางกรงเล็บของมัน พริบตามันกระโจนเข้ากัดกินศีรษะของเหล่าทหารคุ้มกัน พ่อค้าร่างท้วมในชุดไหมราคาแพงในรถเห็นท่าไม่ดีก็เลยคิดหนี
“อยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหน” พ่อค้าสั่งสินค้าของตน
ใช่... สินค้าที่ว่าคือสิ่งมีชีวิตนางหนึ่งที่ถูกสวมปลอกคอเหล็กล่ามไว้กับรถม้า...
เธอเป็นสาวเผ่าเอลฟ์ ร่างเล็กบอบบาง ผิวขาวราวกับหิมะแรก ผมยาวเรียบลื่นราวกับแพรไหม ใบหน้าเรียวรูปไข่ ใบหูแหลมยาว จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ทว่าจุดที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นดวงตากลมโตดั่งเนื้อทราย สีน้ำเงินสดใสราวกับอัญมณีล้ำค่า เธอสวมชุดบางจัดจนเห็นสัดส่วน รูปร่างเพรียวบางเธอได้แต่นั่งคู้ตัวอยู่ในรถม้า ตัวสั่นราวกับกระต่ายน้อยที่ตื่นกลัว
พอค้าเห็นท่าไม่ดีเลยกะว่าจะหนีไป ทิ้งให้เธอถูกกินเพื่อถ่วงเวลา ทว่าหมาป่าก็ไม่ปล่อย พ่อค้าวิ่งไปไม่นานสัตว์อสูรก็ตะปบ ฉีกร่างจนเละ
เอลฟ์สาวหลับตาลง คิดว่าคงจบเพียงเท่านี้ พริบตาก็เกิดของคล้ายกระจกใสกั้นเหล่ามอนสเตอร์กับรถม้า
เอลฟ์สาวเงยหน้ามองผ่านหน้าต่างรถม้า ชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ด้านนอก เขาสวมผ้าคลุมสีดำ ที่ไหล่ขวามีของคล้ายกับเกราะทำจากเงินประดับดูประณีต เป็นสัญลักษณ์ที่เธอไม่รู้จัก เขาโบกมือพริบตาเหล่าหมาป่าอสูรก็กลายเป็นเศษเนื้อราวกับถูกบีบอัดด้วยบางสิ่งที่ล่องหน ชายคนนั้นแววตาฉาบฉายเป็นไอแดงราวกับถ่านร้อน
เขาเดินมาย่อตัวดูศพทหารทีละศพ อย่างช้าๆ เหมือนเอามือไปจับที่คอดูแต่ละศพว่าเป็นหรือตาย สุดท้ายเขาก็เดินมาถึงเธอ
“เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” เสียงชายปริศนาถามนาง
“ข้า...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” เอลฟ์สาวตอบเสียงสั่น ยังตื่นกลัวต่อเหตุสะเทือนขวัญเมื่อครู่
“นายเจ้าตายแล้ว... เจ้าเป็นอิสระแล้ว...ออกมาเสียเถิด” ชายปริศนาพูดกับนางอีกครั้ง
เอลฟ์สาวไม่เข้าใจสิ่งที่บอก เธอยังยึดคำสั่งสุดท้าย ให้อยู่ตรงนี้ เธอไม่เคยทำสิ่งอื่นขัดคำสั่งจากนายทาสของตนมาก่อน
“ข้า...ข้ารอคำสั่งอยู่... “ เอลฟ์สาวเริ่มสับสนเธอกอดเข่าดวงตาเริ่มเอ่อไปด้วยน้ำตา
“แต่เจ้าไม่มีเจ้านายแล้ว” ชายปริศนากล่าวอีกครั้ง
“ท่านเป็นนายข้าได้หรือไม่” เอลฟ์สาวถามชายในเสื้อคลุม
เสียงถอนใจลอดจากผ้าคลุม
“ได้... ลงมาจากรถม้าได้แล้ว”
เอลฟ์สาวก้าวขาออกก่อนจะพบว่าติดโซ่ตรวน ชายคนดังกล่าวจึงนำนิ้วชี้ตนเองค่อยๆ แตะไปที่โซ่ พริบตาเหล็กตรวนก็ถูกหลอม มันราวกับเป็นเพียงแค่เทียนไขเท่านั้น
คอและแขนขาของเอลฟ์สาวได้สัมผัสอากาศเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทำเอาเธอลูบไปตามข้อแขนขาอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ตามข้ามา” ชายคนดังกล่าวพูด “เจ้ามีชื่อไหม”
“ข้าชื่อลูนาเรียเจ้าค่ะ” ลูนาเรียพูดตอบด้วยเสียงเรียบเฉย เธอลูบเนื้อตัวด้วยความหนาว ชายหนุ่มจึงเปิดตู้ข้าวของสินค้าและพบเสื้อคลุมขนสัตว์ จึงยื่นให้เธอสวมมันไว้ นางทำท่าไม่กล้ารับของมีค่าเช่นนี้
“เจ้าของสิ่งนี้ไม่ใช้มันแล้ว เจ้าหยิบฉวยเอาไปเถิด”
เอลฟ์สาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เธอสวมมันแล้วเดินเท้าเปล่าตามไป
ชายหนุ่มสังเกตเห็นเธอไม่มีรองเท้า เขาจึงยืนนิ่งสักครู่หนึ่ง
“ดวงตาสีนิลดุจฝันร้าย ย่างก้าวมอดไหม้ดุจเถ้าถ่าน ลมหายใจดุจเปลวเพลิง... ขออัญเชิญไนท์แมร์” ชายคนดังกล่าวร่ายกลอนดั่งร่ายมนต์
จู่ๆ ก็เหมือนมีประตูระหว่างมิติเปิดออก... เผยให้เห็นร่างม้าสีดำสนิทตัวหนึ่ง เท้ามันเหมือนเหยียบย่ำบนกองถ่านลาวา แววตามีไอสีดำสนิทราวกับหากจ้องมองจะตกลงสู่ขุมนรก มาตัวดังกล่าวใหญ่กว่าม้าปกติเล็กน้อย มันเดินมาหาชายผู้เรียกมันและถูใบหน้ากับตัวเขา ด้วยความคุ้นเคย
“ขึ้นมา” เขาบอกเธอ เอลฟ์สาวไม่กล้าในทีแรกแต่ม้าก็ย่อตัวลงนั่งให้เธอขึ้นง่ายๆ เมื่อเธอขึ้นม้าพร้อมกับชายหนุ่มที่โอบรอบตัวเธอไว้เพื่อควบคุมม้า เขาควบแล่นไปทันที ม้าดังกล่าวเหยียบย่างไปบนอากาศได้ รายทางที่ผ่านมีไฟลุกท่วมอยู่ครู่หนึ่ง
ผ่านเข้าไปยังส่วนลึก เธอก็เห็นผาสูงแห่งหนึ่ง มีการเจาะช่องเขาไว้ ใช่นี่คือที่พำนักของชายผู้นี้
หลังจากม้าตัวดังกล่าวพาทั้งสองมาส่ง มันก็คำนับด้วยขาหน้ากับผู้เรียกมัน ก่อนกระโจนกลับไปในมิติที่มันมา ชายหนุ่มเปิดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าคมคายด้านใน
ชายหนุ่มผิวสีขาวออกเทา ผมสั้นสีเข้มราวกับขนอีกา... ใบหน้าเกลี้ยงเกลา มองดูคมคาย ดวงตาของเขาขณะแรกที่มองตรงๆ ลูนาเรียตกก็อยู่ในภวังค์ทันที ราวกับจ้องมองไปยังจักรวาลอันไร้ที่สิ้นสุด ราวกับจะถูกดึงดูดอย่างประหลาด... ดวงตานั้นมีเวทมนตร์จนไม่อาจละสายตา
ชายหนุ่มจึงหลบเลี่ยงสายตาอีกครั้งเพื่อเรียกเอลฟ์สาวออกจากมนต์สะกด
เขาเดินพาเธอไปยังที่พัก เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำก็เห็นอาคารที่เจาะขึ้นมาราวกับเป็นบ้านหลังหนึ่ง เครื่องเรือนครบครัน อบอุ่น มีโต๊ะเก้าอี้สองชุด เหมือนชุดหนึ่งไว้สำหรับทานอาหาร และอีกชุดหนึ่งไว้สำหรับนั่งพักผ่อน บุนวมขนสัตว์อย่างดีราวกับของที่ใช้ในรั้วในวัง
เอลฟ์สาวค่อยๆ นั่งลงที่พื้น
ชายหนุ่มเห็นเข้าจึงแสดงออกด้วยท่าทีให้นางไปนั่งเก้าอี้
นางทำทีเหมือนจะเอ่ยถามแต่ก็ดูกลัว
“เจ้าพูดได้... อยากพูดสิ่งใดจงพูด” ชายคนดังกล่าวบอกกับเอลฟ์สาว
“นายท่านเป็นผู้ใช้เวทย์หรือเจ้าคะ” เอลฟ์สาวเอ่ยถาม
หลังจากเขาพาเธอไปยังห้องของเธอ... ในนั้นแม้จะไม่กว้างขวาง แต่ก็มีเตียงอันอบอุ่น และตะเกียงเล็กๆ ให้แสงสว่าง
“ไม่เชิงแต่จะเจ้าเรียกเช่นนั้นก็ได้” เขาพรายยิ้มให้เธอ “เจ้านอนที่เตียงก่อนเถิด พรุ่งนี้เราจะหาอะไรให้กิน สอนเจ้าใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่นี่ รวมถึงพื้นที่ชำระร่างกายด้วย”
ชายหนุ่มพูดจบก็เดินออกไป ปล่อยเธออยู่เพียงลำพัง ใจเอลฟ์สาวสับสนปนเปไปหลายอย่าง แต่ก็นึกสิ่งได้ไม่ได้ เธอต้องนอนลงเสียก่อน
หลังจากวันที่ผ่าน จากวันเป็นเดือน จากเดือนก็ล่วงเลยเป็นปีและหลายปี
เอลฟ์สาวรู้ว่า นายของตนเป็นจอมปราชญ์อายุยืนยาวมานาน อาศัยอยู่ลำพังมานาน
สถานที่นี้ถูกสร้างโดยโกเล็ม เดิมเขาเป็นไฮเอลฟ์ในภพชาติก่อนและสามารถคงความทรงจำในภพชาติก่อนได้ เป็นพรพิเศษจากเทพสูงสุด เทพผู้สร้าง... เมื่อมาเกิดในชาตินี้ เขาจึงค่อยๆ
เพราะพลังเวทย์ที่แปลกแยก... เขาเลยเลือกปลีกตัวมาที่ป่าต้องห้ามแห่งนี้
ที่นี่ลูนาเรียไม่ต้องทำสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน ทุกอย่างมีเวทมนตร์จัดการ มีโกเล็มที่คอยทำความสะอาด... ซึ่งของแบบนี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอทำแค่เตรียมอาหารที่เขาหามาให้ เอลฟ์แบบเธอกินแค่ผลไม้และดื่มไวน์บ้าง ซึ่งผลไม้ก็หาไม่ยากในป่าแห่งนี้
ที่นี่ต่างจากเรือนทาสที่ลูนาเรียเติบโตมามาก
เธอชอบที่นี่ ทุกอย่างดีกว่าสมัยเธอเป็นทาสมาก จอมเวทย์ทั้งใจดีและสอนสิ่งต่าง ๆ ให้เธอ
ที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งหรูหราสะดวกสบาย เช่น ที่นี่มีสระน้ำอยู่ใต้ถ้ำไว้อาบ มีธารน้ำไหลผ่านตลอด เธอมีอิสระพอสมควร หากอยากไปเดินเล่น นายของเธอจะเรียกโกเล็มขนาดเล็กสองตนมาให้ติดตามเธอ หรือไม่ก็เดินไปกับเธอด้วย...
แต่เธอจะรู้สึกใจหายทุกครั้งเมื่อเธอเดินกลับมา หุ่นทั้งสองจะกลับเป็นทรายสลายไปต่อหน้า
จะบอกว่าที่อยู่ของทั้งสองเป็นถ้ำก็ไม่ถูกมันถูกเจาะจากหน้าผา เธอรู้สึกเหมือนสามารถมองออกไปด้านนอกได้ตลอดแต่ก็เหมือนมีบางสิ่งโปร่งใสราวกับกระจกกั้นเธอกับหุบเหวภายนอกไว้ มองทิวทัศน์ป่าได้ชัดเจน บางครั้งพวกเขาก็ไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่บนผา
เธอสังเกตจอมเวทย์ผู้เป็นนายของเธอมักเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าด้วยสายตาเศร้าสร้อยและใจดีเกินกว่าที่เธอจะคิดไว้
เธอเคยตามเขาไปเก็บผลไม้ หากเขาเจอลูกสัตว์บาดเจ็บก็มักจะรักษาด้วยพลังบางอย่างราวกับชุบชีวิต กลับกันหากมีสัตว์อสูรเข้ามาเขาก็ฆ่าได้โดยไม่ลังเล
“ขอบคุณสำหรับชา รสดีมาก” จอมเวทย์กล่าวชมหลังจิบชาในมือที่หญิงสาวรินให้
“ขอบคุณเจ้าค่ะนายท่าน” เธอยิ้มรับคำชม วางกาน้ำและลงนั่งตรงข้ามเขา
“จำได้หรือไม่ วันนี้เมื่อหลายปีก่อน คือวันที่ข้าพบเจ้าวันแรก” จอมเวทย์พูดกับเอลฟ์สาว
เอลฟ์สาวพยักหน้า ช่วงแรกเธอถูกถามเสมอว่ามีที่ใด อยากกลับไปหรือไม่ ทว่าเธอโตในเรือนทาสตั้งแต่ยังจำเด็ก... สิ่งแรกที่รู้คือได้อยู่ในสถานฝึกทาส เธอเสมือนของเล่นเพื่อเตรียมเป็นของขวัญให้ชนชั้นสูง ด้วยเผ่าพันธุ์ไฮเอลฟ์... เธอเลยถูกวางตัวให้ขุนนางชั้นสูงประมูลไปถวายแก่ราชาสักเมืองหนึ่ง... เธอจึงเรียนมากกว่าทาสคนอื่น และถูกโบยตีน้อยกว่าเพราะกลัวเกิดริ้วรอย แต่ก็ยังถูกปฏิบัติไม่ต่างจากปศุสัตว์อยู่ดี
สำหรับเธอ ผู้คนเป็นสิ่งน่ารังเกียจและน่าหวาดกลัวมาก่อน
แต่ตอนนี้ต่างออกไป ชายที่อยู่กับเธอจิตใจดีเหลือเกิน แต่ก็เหมือนพลังของเขา ใจเขาเองก็มีกำแพงโปร่งใสบางอย่าง กั้นเธอไว้จากตัวเขา
สักวันเธอจะทำลายกำแพงนั้นให้ได้... ลูนาเรียคิดในใจ
เรื่องนี้ผมพิมพ์จบแล้ว แต่มี 3 ไตรภาค ภาคแรกสุดนี้ มี 112 ตอน
พึ่งทราบตอนจบแล้วว่า ระบบมันเคาะบรรทัดพลาด เพราะงั้นผมจะทะยอยแก้ไขครับ ตอนนี้คือตอนที่แก้ไขแล้ว ถ้าผิดพลาดประการใด คอมเมนต์หรือไปโพสบอกผมที่กระทู้ได้ครับ มองในไอแพดระบบจัดหน้ามันดี พอเอาจริง ย่อหน้าไปครึ่งแผ่น บ้าบอ
เชิงอรรถ :
ตัวเอกของเรื่องคือจอมเวทย์ที่มีชื่อว่า ไซรัส (Cyrus) ซึ่งเป็นชื่อในภาษาเปอร์เซียที่มีความหมายว่า “พระอาทิตย์” หรือ “สิ่งที่เป็นของพระอาทิตย์” ไซรัสได้รับพร (หรือบางคนอาจมองว่าเป็นคำสาป) จากเทพผู้สร้าง ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำเดิมทุกครั้ง ภพแรกสุดที่เขาเกิดคือเป็นไฮเอลฟ์ดั้งเดิม...
Lunaria เป็นไม้ดอกที่กำเนิดในเอเชียกลาง มีชื่อเรียกว่า Honesty หรือ Money plant
มักใช้ทำเป็นดอกไม้แห้งเนื่องจากฝักมีความสวยงาม
"ชื่อมาจากภาษาละติน หมายถึง เสี้ยวจันทร์ ตั้งตามลักษณะของฝักเมล็ดที่มีสีขาว
และในภาษาดอกไม้ Lunaria หมายถึง ความจริงใจ "
ผลงานอื่นๆ ของ นกเหลืองแก้มส้ม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นกเหลืองแก้มส้ม
ความคิดเห็น