ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปฎิบัติการเปลี่ยนนายให้กลายเป็นเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : โลกมันกลมนี่นะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 429
      1
      24 ธ.ค. 55

     

    He talk

     

     

     ณ ..ลานใต้ต้นไทรมีโต๊ะหินอ่อน ตั้งเป็นแถวๆ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และที่โต๊ะตัวหนึ่งมีหญิงสาว 
    นั่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่มและหญิงสาวกำลังทำหน้าตาลำบากใจ แต่ชายหนุ่มกลับทำหน้าตาเรียบเฉย  ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และชายหนุ่มที่ว่านั่นก็คือ ผมเอง และหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกับผมก็คือเนย แฟนสาวของผมเอง  เธอทำหน้าตาลำบากใจ  ทำท่าเหมือนจะพูด  แต่แล้วก็หยุด  แล้วก็ทำท่าจะพูดอีกครั้ง จนผมอดไม่ได้ที่เธอเรียกผมมาในในนี้มีเรื่องอะไรกันแน่   ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปากถาม เธอก็พูดขึ้นมาก่อน

    “ เรา เลิกกันเถอะเลเวีย “  เธอส่งแววตาเสียใจมาให้ผม

     และผมก็ได้แต่ยอมรับมัน  แม้ว่าจะเสียดายเวลากว่าสามเดือนก็เถอะ
    “ อืม โชคดีนะ “

    เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะเอ่ย ด้วยน้ำเสียงแปลกใจ 
    “  
    โชคดี..... แค่เนี้ยเหรอ จะไม่รั้งเราไว้เลยเหรอ “

     
    ผมยักไหล่ขึ้นทีหนึ่งก่อนจะตอบ
    “ ก็ จะให้พูดว่าไงล่ะ ก็เนย ขอเลิกเรา แสดงว่าเนยไม่รักเราแล้ว ไม่ได้รักกันจะคบกันต่อทำไมล่ะ ”

     

    เธอแสดงสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะเอ่ยมาว่า

    “ ผิดแล้วเลเวีย คนที่ไม่ได้รักกันน่ะ ไม่ใช่เราหรอก “ และแล้วเธอ ก็เดินจากไป โดยไม่หันหน้ากลับมามองอีกเลย

    ทันทีที่เธอเดินจากไป  ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ตบไหล่ผมก่อนจะนั่งลงข้างๆแล้วกอดคอ 
    ไงวะเลเวีย  น้องเนยเค้าว่าไงบ้างวะ “
    คนที่เดินที่เดินมากอดคอ  ผมแล้วพูดคนคนนี้ชื่อ ไท เป็นซี้ผมเอง

     

    “ เลิกกันแล้ว “ ผมมองยอดไม้เพื่อหลบสายตา

     
    แรงบีบที่ไหล่เบาๆ  บ่งบอกว่าเพื่อนผมแสดงความเสียใจด้วย
    “ แล้วรู้สึกเป็นไงบ้าง “


    ผมยักไหล่ก่อนจะตอบ 
    “ 
    ก็เซ็งนิดหน่อย “

    ไททำหน้าเหมือนน้องเนยสักครู่ไม่มีผิด  คือเลิกคิ้วก่อนจะขึ้นเสียงสูง 
    “ 
    แค่นั้นเองเหรอวะ นั่นน่ะ น้องเนย ดาวคณะรัฐศาตร์ปีนี้นะเว้ย “

     

    ผมเอามือปัดไหล่ก่อนจะตอบ 
    “ 
    แล้วจะให้ทำไงวะ ขอทีเถอะว่ะ เลิกจับคู่ให้ข้าเสียที พอเลิกกันแล้ว คนที่เสียใจมันมีนะ “

    พูดก็พูดเถอะ ทำไมก็ไม่รู้เพื่อนๆ ทั้งหลาย ถึงอยากจะให้ผมมีแฟนกันนักนะ  ชอบมาจับคู่ให้ผมอยู่เรื่อย
     ผมเองบอกแล้วว่าผมไม่ใช่เกย์ ไอ้พวกนี้ก็ไม่เชื่อ ยังพยายามหาแนะนำ ผู้หญิงให้ผมอยู่เรื่อย แล้วสุดท้ายก็เป็นแบบนี้  ผมก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  ว่าทำไมผมไม่รู้สึกอะไรเลย กับผู้หญิงสวยๆ  ผมไม่ใช่เกย์แน่นอน  เพราะผมไม่รู้สึกอะไรเลยกับผู้ชายออกแนวรังเกียจด้วยซ้ำถ้าจะให้ผมไปซะละบาเฮ้ กับผู้ชายด้วยกัน
       แต่ว่าผมก็ไม่ได้อะไรมากกมายกับผู้หญิง  ตกลงผมเป็นอะไรล่ะเนี่ย


    ไทส่ายหัวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ
     “ ไม่ไหวเลยว่ะ กี่คนแล้ววะเนี่ย ถามจริงเถอะ แก เป็นเกย์รึเปล่าวะ “

     ผมหลับตาลงเพื่อระงับอาการสั่นของขา
    “ เฮ้ยไอ้ไท แกช่วยกระเถิบไปหน่อยได้มั้ย “


    ไอ้หมอนั่นยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง 
    “ 
    ทำไมวะ “

     
    ผมแสยะยิ้มไปให้มัน

    ใกล้ไปมันเตะไม่ถนัด “

     
    ไทรีบกระเถิบรัศมีเท้าผมขขึ้นมาทันทีก่อนจะยิ้มแหยๆ

    “ แหม แค่นี้ทำเป็นของขึ้น “

     
    ผมยกนาฬิกาขึ้นดูก่อนจะเอ่ยกับเจ้าไท

    “ เออๆ ว่าแต่ไอ้วิชาต่อไปเนี่ยเราต้องไปลงเรียน วิชา ภาษา C กับคณะอื่นใช่มั้ยวะ “

     
    ไทเปิดสมุดประจำตัวของมันขึ้นดูก่อนจะตอบ

    “ อืมๆ ใช่เราต้อง เรียนกับพวกเด็ก ไอทีน่ะ “  เจ้าหมอนั่น ยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งติดกันก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์  “ เฮ้ยข้าจะบอกอะไรดีๆให้ เด็กไอทีเนี่ย มีอยู่คนหนึ่งชื่อ แคร์ น่ารักสุดๆ “

     

    “  จะจับคู่ให้ ข้าอีกเหรอไง “ผมเอ่ยยิ้มๆ

     
    เจ้านั่นรีบส่ายนิ้วไปมาก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    “ เปล่าซักหน่อย คนนี้ ข้าจองเฟ้ย “

     

    ทำไมนะพบฟังไอ้ไทพูดจบทำไม หนังตาผม รู้สึกว่ามันกระตุกๆชอบกลแฮะ เหมือนจะเจออะไรซักอย่าง
    ผมอดไม่ได้จริงๆนะที่จะคิดแบบนั้น  เมื่อใกล้เวลาเราทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปบนตึก ผมจับจองโต๊ะริมหน้าต่างส่วนไทก็นั่งข้างๆผม  ก่อน เวลาเรียนราว15นาทีแบบนี้ ทำให้ยังไม่มีใครมา วิวข้างหน้าต่างชวนให้เพลิดเพลินใจ มันชวยให้ใจลอย ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน มือของผมเลื่อนไปที่ปากความรู้สึกเมื่อคืนยังหลงเหลืออยู่
         
    และแน่นอน ที่....ตรงนั้นด้วย 

    ไทที่วางมือจากเกมส์ในมือถือ หันมามองผมก่อนจะเอ่ยปาก
    “ เลเวีย แกไหวเปล่าเนี่ย “ ไทมองหน้าผมแล้วทำหน้าแปลกๆ

     “ ทำไมวะ “ ผมหันมามองมัน

     “ ก็เห็น แกยิ้ม  แล้วซักพัก แกก็ทำหน้าบึ้ง อากาศก็ไม่ร้อนสักหน่อย “

     
    ผมยักไหล่ก่อนจะตอบ“  ข้าแค่นึกถึงเรื่องเมื่อคืน เท่านั้นเอง  “
    ว่าแต่...นึกถึงแล้ว ยังเจ็บไม่หายเลยอย่าให้เจออีกนะ ยัยทอมบ้าเอ๊ย!!


    ไทพยักหน้าก่อนจะพูด 
    “ 
    คนที่แกเล่าให้ฟังน่ะเหรอ “

     
    มานั่งๆนึกดูแล้วมันก็น่าโมโหนะ
    “ ใช่ คนมันไม่ได้ตั้งใจ ซักหน่อย  “ จริงๆแล้วก็ไม่เชิงจูบสักหน่อย  แค่ปากชนกันแค่นั้นเอง

     

    “ ข้าว่า คงไม่ได้ เจอกันอีกแล้วล่ะ “

     

    “ ก็ขอให้จริงอย่างปากแกก็แล้วกัน “ผมหันไปมองนอกหน้าต่างต่อ

     

    “  ถ้าเจอกันนะ พวกแกคงเป็นเนื้อคู่กันแล้วล่ะ “ไทพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

     

    “ อย่าพูดอะไร แปลกๆได้ป่ะ ขนลุกว่ะ จะไปเจอเจอกันได้ไง โลกมันไม่กลมขนาดนั้นหรอก “
    ผมอดไม่ได้ที่จะลูบแขนตัวเอง

     

    ……………………………………………..

     

     

    She talk

     

     

    ฉึก !! ตรงนี้เป็นลูกตา

     

    ฉึก  ตรงนั้นเป็นม้าม

     

    ฉึก ส่วนตรงนี้เป็นไส้ติ่ง

     

    อย่าเข้าใจผิดว่า คุณเข้าไปอ่านเรื่องนิยาย ฆาตกรรมอำพรางรึเปล่า

    ไม่ใช่หรอกคุณกำลังอ่านเรื่องเดิมนั่นล่ะเพียงแต่ว่า ตอนนี้ฉันกำลัง เอาส้อมจิ้มหมูทอดที่อยู่ตรงหน้า อย่างตั้งใจเหมือนมีความแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน โดยจินตนาการว่าเป็นหมอนั่น บังอาจจูบฉันงั้นเรอะ นี่แนะ นี่แนะ เอาให้พรุนซะเลยตอนนี้ เรากำลังอยู่ที่โรงอาหารใต้ตึกเรียนที่มหาลัย  ฉันกับเพื่อนเรามากินข้าวฆ่าเวลา

     

    “ เอ่อ....หมูมันไปทำอะไร ให้ เว รึเปล่าจ๊ะ “
    หญิงสาวท่าทางบอบบางอมโรคน่าตาน่ารักสุดๆคนนี้คือซี้ฉันเอง  เธอมีผิวบอบบางราวกับจะมองทะลุได้  ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตา   ผมหยักนิดนิดทำให้มองดูเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน

     

    “ เปล่าหรอก แต่ เรากำลังคิดว่า หมูทอดเป็นหน้าไอ้หมอนั่น “  ฉันกำลังจินตนาการว่าทุกส่วนที่ถูกแทงคือหมอนั่น

     

     “ คนเมื่อคืนที่ เวเล่าให้ฟังน่ะเหรอ “

     

    “ ใช่ “ ว่าแล้วก็จิ้มต่อ

     

    “ เท่าที่ฟังมาเขาก็ไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่เหรอจ๊ะ “คนขางตัวฉันเอียงอมมองด้วยความสงสัย

     

     “ ตั้งใจหรือไม่ตั้ง ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ว่าเราโกรธ และโมโหมากเลย “ โอเคหึๆ เท่านี้หมอนั่นก็ไส้ทะลักแล้ว หึๆ

     
    ใบหน้าน่ารักอมยิ้มก่อนจะตอบ
    “ จ้า แต่เราคิดนะว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ “

     

    “ ก็ขอให้มันเป็นจริงก็แล้วกัน ไม่งั้นเราจะเอาไอ้ส้อมนี่เข้าไปอยู่ในพุงไอ้หมอนั่นให้ได้เลย คอยดูสิ “

     

    “ จ้า จ้า แม่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น แอบแรงนะเนี่ย “  
     
    เธอหัวเราะเล็กๆ  แอบเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบเล็กน้อย

     

    “ วันนี้ เราต้องไปเรียนรวม กับพวก เด็กคอมฯ ใช่มั้ย “

     

    “ ใช่จ๊ะ ว่าแต่ใกล้เวลาแล้วนี่ “ เธอ ยกข้อมือบอบบางขึ้นดูเวลา

     
    ฉันเก็บข้าวของบนโต๊ะก่อนจะเอ่ย

    “ งั้นเราไปกันเถอะ.... แคร์ “

     

     

    .............................................

     

     

    ฮืมๆ

    ฉันฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี เมื่อจะได้เรียนวิขาที่ฉันอยากเรียนอย่าง วิชานี้ 
    แต่เอ๊ะ ทำไมหนังตามันกระตุกๆ หว่า  รู้สึกทะแม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้  เอาเถอะไม่มีอะไรหรอกมั้ง

     

    “ เป็นอะไร ไปจ๊ะ เว “  แคร์ถามฉัน เมื่อ เห็นฉันเอามือลูบหนังตา

     

    “ ไม่มีอะไรหรอก แค่หนังตามันกระตุกน่ะ “

     

    “ เหรอจ๊ะ... “ เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะ ดูนาฬิกา

    “ แย่แล้ว เว นาฬิกาเรา ตายล่ะ “

     

    “ เฮ้ย  จริงสิ  งั้นตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย “

     

    เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเอ่ย

    “ หวาย เราสายเกือบยี่สิบนาทีแล้วล่ะ “

     

    เรามองหน้ากันก่อนจะรับรู้ ว่า  วิ่ง!!  อาจารย์คนนี้น่ะเฮียบมากเลย ใครสายเกินกว่ายี่สิบนาทีจะเช็กชื่อขาดด้วยล่ะ ทันที่เราไปถึงเราก็อยู่ ในสภาพ หอบจนตัวโยน   
    ครืด....ฉันเลื่อนประตูเปิดออกมา ก่อนจะเอ่ย

     “ ขอโทษ ฮะ ขออนุญาติ เข้าห้องฮะ “

    อาจารย์ มองด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้เข้ามา

     

    เราเลื่อกที่นั่งหลังห้องใกล้หน้าต่างที่ว่างอยู่  มีผู้ชายสองคน คนหนึ่งนั่งริมหน้าต่างกำลังหันหน้าออกไปเลยทำให้เห็นไม่เห็นหน้า ส่วนอีกคนเนี่ย เผ่าหูดำชัดๆ ดูหน้าก็รู้แล้ว เราเลือกที่นั่งที่เว้นห่างสองคนนั่นหนึ่งโต๊ะ

     

    “ เอาล่ะ ที่ให้แบ่งกลุ่มทำงานเรียบร้อยหรือยัง “ อาจารย์ ถามทุกคนในห้องก่อนจะดู กระดาษที่ส่งรายชื่อมา 
    “ นายเลเวีย นาย เมคิน ทำไมกลุ่มของเธอ ถึงได้มีสองคนล่ะ “ อาจารย์เอ่ยถามผู้ชายสองคนข้างๆเรา

     

     

    “ เอ่อ...คือผมกะว่าจะรอเพื่อนน่ะครับ “ 

    คนหนึ่งในสองนั้นเป็นคนตอบ แต่เอ๊ะทำไม เลเวียเนี่ยชื่อคุ้นๆแฮะ

     

    “ ไม่ต้องรอ นายเมคิน ใครไม่มาก็ให้หากลุ่มใหม่เอา เธอสองคนน่ะ ยังไม่มีกลุ่มใช่ไหม  
    อยู่กับสองคนนั้นก็แล้วกันอาจารย์ชี้มาทางพวกฉัน

     

    “ ค่ะ “ แคร์ตอบรับอาจารย์

     

    นาย คนที่ตอบ หันมายิ้มให้เรา ก่อนสะกิด เพื่อนให้หันมาทางเรา

    พอนายคนที่หันไปนอกหน้าต่างหันมา ก็พบว่าเขาคือ

     

    “ นาย / เธอ!! “

     

    “ นาย เกย์ โรคจิต “

     

    “ ยัยทอม อกตัญญู  เธอว่าใครโรคจิต  “ 

     

    “ ก็นายนั่นล่ะ แล้วอีกอย่างฉันไปอกตัญญู ตอนไหนฮะ  “

     

    “ ชั้นช่วยเธอไว้นะ แต่กลับ......

     

    “ สมควรแล้ว “

     

    “ ฉันไม่ได้อยาก จูบเธอซักหน่อย ฝันร้ายชัดๆ “

     

    “ ฉันต่างหากที่ฝันร้าย  “

     

    เพื่อนนายนั่นและเพื่อนฉัน มองเราสองคนสลับกันไปมาก่อนจะเอ่ย

     

    “ นี่เธอ / นาย  รู้จักกันเหรอ “

     

    “ ใครอยากจะไปรู้จัก โรคจิตแบบนี้ “ ( ฉันเอง  )

     

    “ พูดให้ดีๆนะ ใครโรคจิต จูบเธอ เนี่ย เอาปากไปชนตอไม้ยังจะดีกว่า “ ( หมอนั่น )

     

    อ๊าค!!หยาม อย่างแรง ทำไมฉันต้องมาเจอไอ้หมอนี่ด้วยนะ

     “ นายจะมากไปแล้วนะ “

     

    “ น้อยไปด้วยซ้ำ “

     

    แต่แล้วเสียงตบโต๊ะที่ดังขึ้นมา ก็ดังขึ้นทำให้เราทั้งคู่ต้องหันไปดู

    “ นี่!!! คุณสองคนน่ะ จะเรียนมั้ยวิชานี้น่ะ ถ้าไม่เรียน เชิญ “

    อาจารย์ เอ่ยพร้อมกับสีหน้าที่บึ้งตึง ทำให้เราทั้งตู่ต้อง หยุดเถียงกันชั่วคราว

    ฮึ่มๆ ทำไมนะฉันต้องมาเจอ ไอ้หมอนี่ด้วยนะ อ๊าคเจ็บใจจริงๆเลย  

     

     

     

    ทันทีที่เลิกเรียนเสร็จเราทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องเรียน แคร์ที่แทบจะวิ่งตามฉัน

    ตามมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ
    “ รีบอะไร ขนาดนั้นจ๊ะ “

     

    “ ไม่อยากเป็นฆาตกร ขืนอยู่นานๆ เราได้แทงไอ้บ้านั่น แน่ “

     

    “ จ้า แม่คุณโหด “ เธอหัวเราะ

     

    “ ผู้ชายอะไร ปากเสียที่สุด “ หนอยเอา ปากไปชนตอไม้ยังจะดีซะกว่าเรอะ

    เกิดมาไม่เคยโดนหยามเท่านี้เลยนะ

     

    “ แต่ว่า....เค้าน่ารักดีนะ ชื่อเลเวียใช่ไหม “

     

    “ เอ๋ ...เมื่อกี้แคร์ว่าอะไรนะ “

     

    “ ป...ปะ...เปล่า  มะ..ม..ไม่มีอะไรหรอก “
    เธอตอบกลับมาด้วย สีหน้าที่แดงจัด คุณพระคุณเจ้า อย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย
    ฉันไม่อยากได้เพื่อนเขย อย่างหมอนี่หรอกนะ

     

    .............................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×