[SF] Sweet Story - #YugMark #YuMark - [SF] Sweet Story - #YugMark #YuMark นิยาย [SF] Sweet Story - #YugMark #YuMark : Dek-D.com - Writer

    [SF] Sweet Story - #YugMark #YuMark

    โดย minemark

    จะหวานขนาดไหน ต้องลองชิมดูนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    2,742

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    2.74K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    56
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ก.ค. 60 / 22:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ :)

    #SFbyminemark



    thanks for theme: B E R L I N ❀



    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Sweet Story - YugMark

      “คยอมมี่ อ่า”

       

      เสียงนี้ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนครับ เป็นเสียงของ มาร์ค ต้วน แฟนของผมเอง ที่ตอนนี้กำลังนั่งเอาหน้ามาคลอเคลียอ้อนผมอยู่ที่แขน แล้วดูทำหน้าเข้าสิ น่าฟัดเป็นบ้าเลย

       

      “หืม ว่าไงครับเอิน?”

       

      “นี่จะ 5 โมงกว่าแล้วนะ กลับกันเถอะ ฝนก็จะตกแล้วด้วย” แต่ผมก็ยังคงนั่งจดเลคเชอร์ต่อ จริงๆแล้วก็ไม่ได้อยากจดหรอกครับถ้ามันไม่สำคัญต่อโปรเจคชิ้นงานของเดือนนี้ ที่ผมต้องรีบรวบรวมข้อมูลและให้ไอ้แบมมันกลับไปทำที่บ้านคืนนี้

       

      “นะๆ” หน้ามา ปากมา โถ่วเว้ย นี่มหาลัยนะ ถ้าไม่เกรงใจนี่จับจูบไปแล้ว ทำไมชอบน่ารักนัก -.,-

       

      “อีกสองบรรทัดครับ จะเสร็จแล้ว” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้คนตัวเล็ก จริงๆเขาอายุมากกว่าผมตั้ง 4 ปีแน่ะ แต่เขาเข้าเรียนช้า แทนที่ตอนนี้จะจบแล้ว กลับกลายเป็นว่ายังเรียนปี 3 อยู่ ซึ่งก็ยังเป็นพี่ผมอยู่ปีนึงอยู่ดี เพราะผมอยู่ปี 2 ผมคบกับเขามาซักพักนึงแล้ว แทบไม่มีเรื่องทะเลาะกันเลย ถึงแม้จะมีเรื่องงอนนิดๆหน่อยๆก็ตาม ซึ่งมันก็ดีมากๆ เพราะเราต่างเข้าใจกันและกัน ตอนนี้หน้าของเขายังคงคลอเคลียอยู่ที่แขนของผม จนกระทั่งผมจดเลคเชอร์เสร็จ

       

      “ฟู่วว เสร็จซักทีเมื่อยมือจะแย่” ผมพูดพร้อมบิดขี้เกยจเล็กน้อย

       

      “เสร็จซักทีนะ ไหนเอามือมานี่ซิ” ไม่พูดป่าว ฉวยเอามือข้างขวาของผมขึ้นมาบีบๆนวดๆหมายให้ผมหายเมื่อย ก็น่ารักขนาดนี้ ดูแลดีขนาดนี้ ให้เขียนอีกร้อยแผ่นก็ยอมอะ

       

      “เดี๋ยวมี่ไลน์หาไอ้แบมให้มาเอางานก่อนนะครับ” มาร์คพยักหน้ารับ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาไลน์หาไอ้แบมให้มาเอางานไป รอไม่นานนักมันก็มา

       

      “มึงกลับไงเนี่ย?”

       

      “เดี๋ยวรอเบบี้ก่อน”

       

      “อ๋อ โอเค งั้นกูกลับก่อนนะ มาร์คนั่งรอกูนานแล้ว” ผมยกมือขึ้นเป็นการลาเล็กๆ

       

      “โอเค บายครับพี่มาร์ค” มาร์คหันมาก้มหัวกลับให้แบมเล็กน้อยและยิ้มส่งให้

       

                  ผมเดินโอบไหล่คนตัวเล็กไปตลอดทาง เราเดินไป-กลับมหาลัยทุกวัน เนื่องจากคอนโดอยู่ใกล้มหาลัย ช่วงแรกก็มีคนมองเยอะนะครับ กับการกระทำแบบนี้ มาร์คเคยบอกผมว่าไม่ต้องโอบก็ได้ แล้วผมหรือจะสน ใครจะมองก็มองไปดิ่ ด้อนท์แคร์ครับ

       

                  อ่า ว่าแต่ฟ้ามันครึ้มไปไหมเนี่ย จะกลับทันไหมล่ะเนี่ย ถ้าคนข้างๆผมโดนฝนนี่แย่แน่ๆเลย ยิ่งป่วยง่ายอยู่ด้วย ว่าแล้วผมก็หยุดเดิน และหันกลับไปถามคนตัวเล็ก

       

      “มี่ได้พกร่มมาไหมครับ?”

       

      “อะ..เอ่อ” ทำหน้าเหรอหราแบบนี้ไม่ได้พกแน่ๆ

       

      “เสื้อกันหนาวล่ะครับ?”

       

      “กะ..ก็” โอเคครับเคลียร์ ผมส่ายหัวเล็กๆ และหยิบเสื้อกันหนาวออกมาจากเป้ของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวเป็นที่คลุมศรีษะระหว่างผมกับคนตัวเล็ก เพราะดูท่าแล้วมันกำลังจะสาดลงมาในไม่นานนี้

       

      “เอินลืมจริงๆอะ ขอโทษนะ เหอะๆ ^^;” พูดเสียงเบาๆ พร้อมหัวเราะแห้งๆ จริงๆแล้วมันก็อยู่ในกระเป๋าของคนตัวเล็กแหละครับ แต่เอาเถอะเขาบอกว่าไม่มีนี่ ;)

       

                  และไม่นานนักฝนก็สาดลงมา ผมยกเสื้อขึ้นมาแทบไม่ทัน ผมใช้มือทั้งสองข้างยกเสื้อขึ้นเหนือศรีษะ ซึ่งแขนผมยาวพอที่จะกางเสื้อออกคลุมทั้งศรีษะของผมและคนตัวเล็ก มาร์คกอดอกแสดงอาการหนาวอย่างเห็นได้ชัด

       

      “ทนอีกนิดนะครับจะถึงคอนโดแล้ว” ผมกระซิบข้างหู คนตัวเล็กพยักหน้ารับเล็กน้อย

       

       

       

      คอนโด G

       

      มาถึงห้องแล้วล่ะครับ เราทั้งสองคนเปียกนิดหน่อยจากละอองฝนที่สาดลงมา เพราะมันก็ตกแรงพอสมควร

       

      “ไปอาบน้ำได้แล้วครับเดี๋ยวไม่สบายนะ” ผมจัดการนำเสื้อกัหนาวของตัวเองไปตากที่ระเบียง และเดินขยี้ผมคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟา แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อสักครู่จะไม่ทันแล้วล่ะครับ คนตัวเล็กนั่งจามและไอเป็นระยะเลย ผมนี่ใจกระตุกเลย นี่โดนแค่ละอองฝนเองนะ มันต้องโดนอย่างอื่นด้วยสิ ผมนั่งลงตรงข้างๆของคนตัวเล็ก และใช้มือแตะที่หน้าผาก ตัวอุ่นๆนะเนี่ย

       

      “ไหนบอกมี่มาซิว่าวันนี้ไปทำอะไรมา ทำไมไม่สบาย?”

       

      “ก็โดนละอองฝนไง”

       

      “หืม?” ผมเอียงคอและยื่นเข้าไปเล็กน้อย เผื่อถามหาคำตอบอีกครั้ง

       

      “คะ คือ...ตอนคาบคอมเอินนั่งตรงแอร์ตกพอดีน่ะ แล้วอุณภูมิห้องมัน 20 องศาน่ะ ._.” หน้าแบบนี้ กลัวโดนผมดุล่ะสิ ไม่ต้องห่วง ดุแน่ๆแหละ

       

      “มี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้นั่งตรงที่หลบๆมุมห้อง พี่แจ็คสันกับพี่แจบอมไม่ช่วยเลยหรอ? นี่กำชับแล้วกำชับอีกนะว่าให้พาเอินนั่งหลบๆแอร์เนี่ย” ผมดุอย่างหัวเสีย พี่แจ็คสันกับพี่แจบอมนี่ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ

       

      “อย่าไปว่ามันสองคนเลยน่า วันนี้เข้าคาบเลท ที่มันก็จะเต็มอยู่แล้ว” พูดพร้อมกระตุกเสื้อผมเล็กๆ เพื่อเป็นการบอกให้ผมใจเย็นๆ

       

      “แล้วนี่ก็ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวไปใช่ไหมครับ?” ถามลองเชิงอีกครั้ง ว่าคำตอบยังเหมือนเมื่อตอนเย็นอยู่ไหม

       

       “ก็เอินลืมอะมี่ เมื่อวันก่อนมี่ให้แม่บ้านที่คอนโดเอาไปซักไม่ใช่หรอ? เอินพยายามหาแล้วนะเมื่อวานอะแต่มันไม่มี ก็เลยไม่ได้เอาไปอะ ._.” จะโกรธก็โกรธไม่ลงเพราะหน้าแบบนี้และ เห้อ แต่เมื่อวานหาไม่เจอนี่ไม่ใช่หรอกครับ ตั้งใจไม่หามากกว่า ผมรู้ไงตอนเช้าเลยแอบเอาใส่กระเป๋าไปทั้งร่ม ทั้งเสื้อนั่นแหละ แต่ก็เนียนต่อหน่อยจะเป็นอะไรไปล่ะครับ ;)

       

      “ที่หลังเอินก็ถามมี่สิครับ ไม่งั้นก็น่าจะหยิบเสื้อมี่ไปนะ ทำแบบนี้ไม่ดีเลย ตัวเองป่วยง่ายนะ ทำไมชอบทำให้มี่เป็นห่วงจังเลย L” ผมพูดพร้อมกับน้ำเสียงที่แฝงนัยถึงความเป็นห่วง พร้อมเบะปากเล็กๆ ดูคนตัวเล็กสินั่งยิ้มตาหยีใส่ผมเฉย แถมยังเขยิบมากอดผมอีกต่างหาก ให้มันได้อย่างนี้สิ ฮึ่ย!

       

                  ยังไม่พอแค่นั้น คนตัวเล็กใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดตรงแก้มผมไว้และหอมผมบนฝ่ามือของตัวเอง ฟังไม่ผิดหรอกครั้บฝ่ามือของคนตัวเล็กเองนั่นแหละ เป็นอันรู้กันว่าตอน(รู้ว่าจะ)ป่วย เราจะไม่แสดงความรักต่อกันที่ไม่ทำให้อีกคนต้องติดไข้ หรือป่วยตามไปด้วย แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับที่คิดอะไรแบบนี้ คนตัวเล็กนั่นแหละ ผมเลยไม่ชอบเท่าไหร่เลยเวลาป่วยเนี่ย เวลาจูบก็ต้องจูบผ่านแผ่นพลาสติกใสๆแทน มันไม่ได้ฟิลเลยอะ ผมป่าวหื่นนะ -.,-

       

      “ไปอาบน้ำได้แล้วครับ เดี๋ยวดึกจะอาการหนักไปอีกนะ” ผมลูบหัวขึ้นคนตัวเล็กก่อนจะผละกอดออกจากกัน

      “ไม่อาบกับเอินหรอมี่?” ยิ้มแบบนี้อีกแล้วนะ อ่อยกันอีกแล้ว

       

      “เดี๋ยวไปอาบด้วยจริงๆแล้วจะไม่ใช่แค่อาบนะครับ ;)” ผมแกล้งพูดแหย่กลับไป

       

      “บะ..บ้า -///-“ เขินแล้วก็เดินไปอาบน้ำแต่โดยดี ผมส่ายหัวเล็กๆกับท่าทีเขินๆแบบเมื่อกี้ ผมหยิบโน้ตบุ๊คมานั่งทำงานต่อ ก็อย่างที่บอกผมปั่นโปรเจคอยู่น่ะ รอไม่นานนักคนตัวเล็กก็อาบน้ำเสร็จ เป็นผมที่ต้องไปอาบน้ำต่อ

       

      “มี่ มีอะไรให้เอินช่วยก่อนไหมอะ?” คนตัวเล็กถามพร้อมเดินไปแถวๆโต๊ะทำงาน

       

      “ช่วยถูหลังให้หน่อยได้ไหมครับ ;)” ผมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินไปหยิกเบาๆที่แก้มที่แดงแจ๊ของคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว

       

      “ไม่ต้องทำหรอกครับ นั่งรอมี่มาป้อนยานะ เตรียมยาไว้ครบด้วยนะครับ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำ

       

                  หลังจากที่ยูคยอมเข้าไปอาบน้ำ มาร์คก็เดินไปหยิบยาที่มักจะกินประจำตอนที่เป็นป่วย ถึงแม้ว่าตอนนี้อาจจะยังไม่มีไข้ แต่ก็ต้องกินยาดักไว้ก่อนน่ะนะ

       

       

      แกร๊ก

       

       

                  ยูคยอมเดินออกมาพร้อมกับผมที่เปียกกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่เช็ดผมตัวเองอยู่ และเดินมานั่งตรงโซฟาข้างๆมาร์ค มาร์คฉวยผ้าขนหนูผืนเล็กมาจากมือของยูคยอมเพื่อเช็ดผมให้ ทั้งคู่ส่งยิ้มเล็กๆให้กันเผื่อเป็นการสื่อสารว่าจะทำอะไร ยูคยอมหันหลังให้โดยอัตโนมัติ มาร์คเช็ดผมให้ยูคยอมอย่างเบามือ

       

                  ผมตบตักของตัวเองเพื่อเป็นการบอกให้คนตัวเล็กมานั่งบนตักของผม และเขาก็มานั่งที่ตักผมอย่างไม่รอช้า ผมกอดช่วงเอวของเขาไว้

       

      “ไหนล่ะครับยา?”

       

      “นี่ไง ยาทั้งหมด 3 อย่าง แก้ปวดลดไข้ แก้ไอ้ ฆ่าเชื้อ พร้อมกับน้ำเปล่า 1 ขวดใหญ่” ผมมองหน้าคนที่นั่งอยู่บนตักผมและเผลอหัวเราะนิดๆ ก็เขาเรียนแบบเสียงผมนี่ ส่งสัยจะป่วยบ่อยจนจำได้หมดแล้ว

       

      “ดีมากครับ อ้าปากเร็ว” ผมแกะยาใส่มือและป้อนใส่ปากให้ พร้อมกับป้อนน้ำ

       

      ตอนนี้เป็นเวลา 21.30 น. แล้ว หลังจากป้อนยาให้มาร์คเสร็จ ผมก็มานั่งหาข้อมูลทำโปรเจคที่โต๊ะทำงานต่อซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโซฟาต่อ คนตัวเล็กนั่งดูทีวี เล่นเกม อ่านหนังสือ บลาๆ ปากก็หาวใหญ่เลย บอกให้ไปนอนก็ไม่ยอมไป ดื้อจริงๆเลย

       

      “เอินไหวไหม? ไปนอนเถอะครับ”

       

      “ไหวสิ แล้วมี่ถึงไหนแล้ว?”

       

      “น่าจะทำถึงแค่ 4 ทุ่มแล้วครับ คนดื้อไม่ยอมนอน เดี๋ยวจะป่วยไปใหญ่อีก :D

       

      “จริงนะ อีกครึ่งชม.เอง มานั่งทำข้างๆกันได้ไหมมี่?” ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยกโน้ตบุ๊คและเดินไปนั่งข้างๆคนตัวเล็ก และไม่นานนักคนตัวเล็กก็นอนแล้วนำศรีษะมาหนุนที่ตักของผม แบบนี้เองสินะที่เรียกมา ที่แท้ก็ง่วงนี่เอง ผมหัวเราะเล็กๆกับการะกระทำของคนตัวเล็ก ผมปัดปอยผมที่ทิ่มหน้าของคนตัวเล็กอยู่เล็กน้อย และใช้มือข้างหนึ่งจับมือของคนตัวเล็กเอาไว้ด้วย ถึงจะทำงานลำบากหน่อย แต่ผมก็มีกำลังใจดีนะ ^^

       

       

      22.00น.

       

       

      ผมสะกิดปลุกคนตัวเล็กให้ตื่น

       

      “เอินครับไปนอนในห้องกันนะ” เมื่อผมเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงงัวเงียอยู่ ผมจึงยกเอามือของผมสอดไว้ใต้ศีษะของคนตัวเล็กแทนตักของผม แล้วตัวของผมก็ย่อลงมานั่งข้างๆกับโซฟาเพื่อมองหน้าของคนตัวเล็กชัดๆ เขาหันหน้ามาหาผมแล้วเบะปากใส่เล็กน้อย ผมเลยเบะปากกลับซะเลยพร้อมกับเอื้มมือไปบีบจมูกหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว มือของเขาก็ซุกซนไม่แพ้กัน เขาเอื้อมมือมาบีบจมูกของผมอย่างไม่ยอมแพ้ ผมใช้มือที่รองศรีษะของคนตัวเล็กอยู่ โยกศรีษะของคนตัวเล็ดเบาๆ และแน่นอนว่าเขาก็โยกศรีษะของผมกลับ เราทั้งคู่หัวเราะและส่งยิ้มให้กันกับการกระทำเมื่อสักครู่

       

      “ไปนอนได้แล้วครับ ^^

       

      “มี่อุ้มหน่อยสิ” ฉีกยิ้มหวานส่งมาให้ผม อ้อนเก่งจริงๆ คนอะไรเนี่ย ผมอุ้มคนตัวเล็กเข้าในห้องนอนที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟ ผมวางลงบนเตียงอย่างเบามือและนอนลงข้างๆ คนตัวเล็กขยับเขามาหนุนผม แล้วโอบเอวผมไว้ อ่า ใช่ครับ เรานอนกอดกันแบบนี้ทุกคืน

       

      “มีอะไรจะสารภาพไหมครับเอิน?” ผมยิ้มที่มุมปากเล็กและหันหน้ามาหาคนตัวเล็กที่ตอนนี้สะดุ้งกับคำถามเล็กน้อย

       

      “สะ สารภาพ อะ อะไร?” ตีหน้างงด้วย แต่ไม่เนียนเลยครับ

       

      “หืม?” ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก เรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนริมฝีปากของเราทั้งคู่ประกบกัน เราจูบกันเนิ่นนานพอสมควร แต่แค่จูบนะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ^^

       

      “ลงโทษคนโกหก”

       

      “มี่รู้หรอว่าในกระเป๋าเอินมีร่มกับเสื้อกันหนาวอะ?” โกหกผมแล้วยังมาเบะปากใส่อีก น่าตีจริงๆเลย

      “ก็มี่เป็นคนเอาใส่กระเป๋าให้เอินเองเมื่อเช้านี้”

       

      “ถึงว่าเอินว่าเมื่อวานเอินซ่อนไว้ในตู้แล้วนะ ทำไมมันมาอยู่ใน กระ..อุ๊บ :x “ คนตัวเล็กปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน พร้อมกับซุกลงที่หน้าอกของผม แหงล่ะถ้ายังเงยหน้าอยู่โดยผมจูบอีกรอบแน่ คิดไว้แล้วไม่มีผิดเลย ที่คนตัวเล็กทำแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เขาเห็นผมกำลังมีโปรเจคกลัวจะไม่สนใจเขาน่ะ ก็เลยต้องให้ผมดูแลแบบนี้ไง ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ ก็ผมทำแบบนี้มาก่อนนี่ ;p

       

      “กลัวมี่ไม่สนใจเอินหรอครับ?” คนตัวเล็กไม่ตอบ แต่พยักหน้างุดๆอยู่ตรงอกผม

       

      “มี่ไม่สนใจเอินแล้วจะให้มี่ไปสนใจใครล่ะครับ? เอ๊ะ! แต่จะว่าไปก็มีคนที่มี่น่าจะสนใจอยู่น้า” ผมพูดเสียงแหย่ๆ กะให้คนที่ซุกอยู่ตรงอก เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ได้ผลครับ

       

      “คะ ใค...” คำถูกกลืนไปกับจูบของผมอีกครั้ง

       

      “อะ อือ พะ พอแล้วมี่เอินเป็นไข้นะเดี๋ยวมี่ติด”

       

      “เอินแค่กำลังจะเป็นต่างหากครับ แต่มี่ป้อนยาให้แล้วนะ ยังไงก็หาย ;)” ผมชอบจังหน้าเขินๆแบบนี้น่ะ

       

      “แล้วสรุปเมื่อกี้ใครอะ?”

       

      “ฮ่าๆ ไม่มีหรอกครับ นอกจากเอิน โน๊ตบุ๊ค หนังสือนี่มี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว มีแฟนน่ารักขนาดนี้จะไปมีใครได้ละครับ หืม?” ผมพูดพร้อมจูบที่เส้นผมของคนตัวเล็กเบาๆ และคนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมาหอมผมที่แก้ม

       

       

       

       

      “ฝันดีครับ J

      “ฝันดี J

       

       

       

       

      จุ๊บ

       

       

       

      กู๊ดไนท์ คิส

       

       

      --------------------------------------------------------------
      #SFbyminemark

      จบแล้วววววว ><

      ติชมกันได้นะคะ พยายามแต่งให้อ่านเข้าใจแล้วนะคะ งงๆกันไหมอ่า? 55555555

      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า ไว้ถ้าคิดอะไรออกจะมาแต่งอีกนะคะ ^^

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×