ความหวังสุดท้ายของอลิเซีย
ใครกันนะ... คุ้นเหลือเกิน...
“ข้ารักเจ้า” เสียงของบุรุษเบื้องหน้าพูด
บุรุษหนุ่มผู้นี้รูปร่างกำยำผิวสีทองแดง ดวงหน้าหล่อเหลารับกับเส้นผมสีทองระต้นคอ
เขากำลังส่งยิ้มให้
ใช่แล้ว... ท่านนั่นเอง...
บาโร...
ข้าก็รักท่าน...
อยู่กับข้านะ... อย่าจากข้าไป...
ฉับพลันก็มีชายหนุ่มอีกคนผมดำยาวถักเป็นเปีย นัยน์ตาสีดำของเขาจ้องมาที่เธอ แล้วดึงมือเธอไว้
เมื่อเธอหันกลับไป ชายหนุ่มเบื้องหน้าหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ไม่... กลับมา...
“อลิเซีย... อลิเซีย...”เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นเหมือนมาจากที่ไหนสักแห่ง “อลิเซีย”
นัยน์ตาใสสีน้ำตาลค่อยเบิกขึ้น แล้วมองไปยังเจ้าของเสียงปลุกซึ่งบัดนี้ กำลังยืนอยู่ข้างกายของเธอ ดวงตาสีดำสนิมของเขาคนนั้นจ้องมายังนัยน์ตาสีน้ำตาลของเธอ
“เสด็จพี่” อลิเซียทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อต้อนรับ แต่คนปลุกก็จับตัวของเธอให้ลงไปนอนต่อ
“ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะ” นัยน์ตาสีดำยังคงแสดงถึงความรักที่ตนมีให้ต่ออลิเซีย รวมทั้งลูกน้อยในครรภ์ด้วย มือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปตามเส้นผมสีน้ำตาลแกมทองของเธออย่างอ่อนโยน “ข้าเพียงแต่เห็นเจ้านอนละเมอ กระสับกระส่ายน่ะ เลยมาปลุกให้รู้สึกตัว จะได้หลับต่อให้สบาย” คนพูดยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะผละออกไปจากเตียงเพื่อจะไปทำงานต่อ
“เดี๋ยวก่อนเพคะ เสด็จพี่เอวิเดส” อลิเซียกล่าวอย่างร้อนใจ ให้พระสวามีหยุด พลางลุกขึ้นมานั่ง
จ้าวปีศาจเอวิเดสหันหน้ากลับมาอย่างแปลกใจเล็กน้อย “มีอะไรหรือ อลิเซีย”
หญิงสาวก้มหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาถาม “ท่านได้ข่าวของบาโร เจ้าชายแห่งคาโนวาลบ้างหรือไม่” สีหน้าของหล่อนดูจะเกรงๆ
เอวิเดสเหยียดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากคู่ชีวิตสุดที่รัก “อ้อ จริงสินะ ข่าวครั้งสุดท้ายที่เจ้าได้ยิน น่ะ ก็เมื่อตอนที่เจ้าชายบาโรอภิเษกนี่นะ”
เอวิเดสหัวเราะเบาๆออกมา ก่อนจะถอนหายใจ “เฮ้อ! สายใยรักนี่ให้ตัดยังไงก็ตัดไม่ขาดจริงไหม? อลิเซีย” เขาถามแล้วมองไปยังดวงหน้าสวยๆของราชินีแห่งเดมอส ที่บัดนี้ก้มลงไปมองผ้าห่มแทน มือกำผ้าห่มไว้แน่น
“ตอนนี้ บาโรได้ลูกชายมาคนหนึ่งเพิ่งคลอดเมื่อไม่นานมานี้ รู้สึกว่าจะชื่อ คาโล” เอวิเดสพูดจบก็เงียบดูท่าทีของ อลิเซีย ที่ตอนนี้เอามือคลายผ้าห่มออกแล้ว “คงจะพอใจแล้วนะ แค่นี้น่ะ”
“เพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว” อลิเซียกล่าวเบาๆ
“งั้นก็หลับต่อให้สบายแล้วกัน ข้าจะไปทำงานต่อ ใกล้คลอดแล้วเจ้าก็รักษาตัวให้ดีล่ะ” เอวิเดสพูดแล้วหันหลังออกไปจากห้องบรรทม
ท่านบาโร ข้าเสียใจจริงๆ ที่มิอาจแต่งงานกับท่านได้ บัดนี้ ข้าอยู่เดมอสแล้ว คงไม่ได้กลับไปเห็นหน้าของท่านอีก
อลิเซียนั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีตแล้วก็ลงไปนอนต่อ
ลูกชายงั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าขอให้ลูกของข้าเป็นลูกสาวละกัน
+ + + +
“ท่านจ้าว ท่านจ้าว” เจ้าของเสียงคือโคมุสร่างเล็กตัวหนึ่งวิ่งมาอย่างรีบร้อน น้ำเสียงแสดงถึงความยินดี “สมเด็จคลอดแล้วกระหม่อม รีบเสด็จไปดูเถิด”
“จริงหรือ โกโดม” เอวิเดสเห็นเจ้าโคมุสพยักหน้าตอบก็รีบวิ่งไปหาภรรยาทันที
“แว๊... อุแว๊...” เสียงเด็กร้องลั่นมาจากห้องบรรทม
“อลิเซีย... อลิเซีย... เป็นยังไงบ้าง” ท่านจ้าวถามอย่างกระหืดหระหอบ
“เสด็จพี่เพคะ ลูกเราเป็นผู้หญิงค่ะ” อลิเซียตอบด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่เจ้าตัวกำลังนอนหมดแรงอยู่บนเตียง
*“น่าเกลียดน่าชังดี ลูกของเรา” ท่านจ้าวกล่าวขณะอุ้มพระธิดาเอาไว้ในอ้อมแขน “งั้นข้าขอตั้งชื่อให้ลูกของข้าว่า  เฟลิโอน่าละกัน เจ้าว่ายังไง อลิเซีย”
อลิเซียยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบ
“ต่อแต่นี้ไป เจ้าคือเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ๊นเซส ออฟ เดมอส” เอวิเดสกล่าวอย่างดีใจ แล้วหันไปหาเจ้าโคมุสที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้าเตรียมงานฉลองให้ลูกของข้าในเดือนหน้าด้วย ข้าว่าถึงตอนนั้น อลิเซียคงฟื้นตัวเต็มที่แล้ว”
“รับด้วยเกล้า” โกโดมก้มหน้ารับบัญชาแล้วรีบออกไปบอกทุกคนให้จัดเตรียมงาน และเชิญแขกเหรื่อมาให้พร้อม
+ + + +
ในงานฉลองครบเดือนของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล ปราสาทของจ้าวเอวิเดสในเดมอสที่เคยกว้างใหญ่ บัดนี้ เต็มไปด้วยผู้คนทั้งชาวเอเดนและเดมอส งานนี้คนสำคัญของเอเดนที่จะขาดไปไม่ได้ก็คือ ไฮคิง
“หลานสาวของข้างั้นหรือนี่” ไฮคิงกล่าวขึ้นขณะกำลังอุ้มเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน “น่าเกลียดน่าชังดีจริง แล้วชื่ออะไรล่ะ”
“ท่านพี่ตั้งว่าเฟลิโอน่า เพคะเสด็จพ่อ เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ๊นเซส ออฟ เดมอส” อลิเซียตอบพ่อของตนอย่างสุภาพ
“อ้าว แล้วไม่ใช่เดอะปริ๊นเซส ออฟ บารามอส รึนี่ อย่างนี้ต้องขอคุยกับเอวิเดสซะหน่อยแล้ว” ไฮคิงกล่าวกึ่งจริงกึ่งเล่น
“เสด็จพ่อนี่ละก็” อลิเซียพูดงอนๆ ใส่ “มาค่ะ ให้หนูอุ้มเถอะ” เธอพูดพลางรับลูกสาวตัวน้อยของเธอมาไว้ในอ้อมแขน
“งั้น พ่อไปคุยกับคนอื่นก่อนละกันนะลูก” ไฮคิงกล่าวปลีกตัวแล้วเดินไปคุยกับคนจากเอเดน
ตอนนี้ สิ่งที่อลิเซียทำคือกวาดตามองไปทั่วงาน
ไม่มี ไม่มีจริงๆ ด้วย ข้าคิดไว้อยู่แล้ว ว่าท่านต้องไม่มา
อลิเซียคิดเมื่อมองหาเจ้าชายบาโรไม่เจอ
เธอมองไปยังลูกสาวของเธอ แล้วกล่าวขึ้นเบาๆ “ลูกแม่ แม่อยากให้ลูกกับเจ้าชายคาโลได้รักกันเหลือเกิน ทดแทนส่วนของแม่ที่มิอาจสมหวังได้” เธอกล่าวอย่างไม่คิดว่าจะมีวันเป็นจริง ลูกสาวของเธอจะมีโอกาสได้ออกจากเดมอสหรือ ในเมื่อเธอแต่งงานมาในเดมอสแล้ว ก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปข้างนอกอีกเลยแม้เพียงครั้งเดียว
“สมเด็จเตรียมตัวเถิดกระหม่อม ใกล้จะได้เวลาแล้ว” เสียงดังขึ้นจากเจ้าโคมุสตัวเล็กที่เดินมาจากข้างหลัง
“ได้ โกโดม แต่ขอข้าเดินชมสวนก่อนสักพักก็แล้วกัน ยังพอมีเวลานี่”
“ก็ได้ กระหม่อม แต่ต้องให้หม่อมฉันไปด้วยนะ” โกโดมพูดอย่างจริงจัง “หากมีใครคิดร้าย หม่อมฉันจะได้ช่วยป้องกันพระองค์และพระธิดาได้”
“ก็ได้จ้ะ ไปเถอะ” อลิเซียหัวเราะเล็กน้อย พลางคิดว่า อย่างเจ้าโคมุสตัวนี้น่ะหรือ จะมาคุ้มกันได้
เมื่อเดินออกไปได้เล็กน้อยก็มีเสียงจากชาวเดมอสภายในงานดังขึ้น
“มีผู้บุกรุก พวกโจรถ่อยจากเอเดนบุกเข้ามา ใครก็ได้คุ้มกันสมเด็จพระราชินีกับพระธิดาที”
เมื่อโกโดม และอลิเซียได้ยินดังนั้น เจ้าโคมุสจึงพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “หาที่ซ่อนเร็วเถิดกระหม่อม”
เมื่อกำลังจะวิ่งไป ก็มีชายลึกลับปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดภายในสวน “จะไปไหนกัน”
“เจ้าเป็นใคร” อลิเซียถามอย่างตกใจกลัว “เจ้าจะทำอะไร”
“แกจะทำอะไรสมเด็จกับองค์หญิงไม่ได้นะ” เสียงเจ้าโคมุสดังขึ้นอย่างไม่เจียมตัว
ชายลึกลับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกจุดประสงค์ของตน “ข้าต้องการสังหารธิดาแห่งความมืด ถ้าท่านมอบให้ดีๆ ข้าจะปล่อยทุกคนในที่นี้ไป”
“เจ้าเป็นใครกัน คิดหรือว่าพวกเราจะยอมง่ายๆ ต้องข้ามศพข้าไปก่อน” โกโดมยังคงโวยวายแม้จะไม่มีใครใส่ใจฟังเลยก็ตาม
“ถ้าข้าไม่มอบลูกของข้าให้ท่าน แล้วท่านจะทำอะไร” อลิเซียถามอย่างไว้ศักดิ์ของความเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดมอส เธอระงับความกลัวไว้อย่างเต็มกำลัง
บุรุษลึกลับไม่ตอบ แต่กลับยกดาบขึ้นหมายสังหารชีวิตองค์หญิงน้อยให้สิ้นในอ้อมแขนของอลิเซีย
อลิเซียเห็นแสงจันทร์สะท้อนกับดาบจึงได้หันหลังกลับเอาตัวเองรับดาบแทน แล้วเธอก็ล้มลง
ก่อนจะสิ้นใจเธอได้กล่าวสั่งเสียเบาๆ กับลูกของเธอ “เฟลิโอน่า ลูกคือความหวังสุดท้ายของแม่ ถ้าเป็นไปได้แม่ขอให้เจ้าได้รักกับเจ้าชายแห่งคาโนวาลแทนแม่ด้วย”
โกโดมเห็นสมเด็จพระราชินีของตนถูกฟันก็รีบวิ่งเข้าไปหา แต่ไม่ทันได้ยินคำสั่งเสียของอลิเซีย บัดนี้ สมเด็จพระราชินีแห่งเดมอสสิ้นแล้ว
“สมเด็จ ไม่นะ” โกโดมร้องขึ้นอย่างสุดเสียง
ไม่นะ....
ท่านแม่...
ไม่...
+ + + +
“เฟริน นายเป็นอะไรไปหรือเปล่าน่ะ ร้องตะโกนลั่นห้องเชียว ฝันร้ายอีกหรือไง” เสียงที่ปลุกเขาดังขึ้นเบาๆ อย่างห่วงใย 
แสงจันทร์สามารถสาดส่องเข้ามาภายในห้องได้ หลังจากที่เจ้าหมาน้อยทำศึกกับเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนจนขาด ดังนั้นคืนนี้ จากหมาน้อยจึงกลายเป็นสาวน้อยแทน
แพขนตายาวค่อยๆ ขยับ ภาพแรกที่นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยได้เห็นคือเจ้าชายมาดเข้ม ผมสีเงิน กำลังยืนอยู่ข้างเตียงเขา หน้าตาแสดงความห่วงใย
ตัวของเฟรินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมสีน้ำตาลของเขายุ่งเหยิง ด้วยความตกใจจากเหตุการณ์ในฝันที่ยังเหลือค้างอยู่ เขาจึงฉุดร่างของเจ้าชายคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเข้ามากอด
“คาโล ฉัน... ฉันฝันเห็น... แม่ฉัน...” เฟรินพูดด้วยเสียงสั่นๆ มือโอบกอดเจ้าชายคาโล วาเน-บลี แห่งคาโนวาลไว้แน่น
คาโลเห็นเฟรินกำลังหวาดกลัว มือของเขาก็ลูบหัวเฟรินด้วยความอ่อนโยน “ไม่เป็นไรแล้วนะ เฟริน ไม่เป็นไรแล้ว” เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องลูบหัวไอ้คนครึ่งหมาไว้ด้วย ถึงแม้ตอนนี้มันจะกลายเป็นผู้หญิงเพราะแสงจันทร์ก็เถอะ
“พวกนายสองคนทำอะไรกันน่ะ” เสียงจากบุคคลที่สามที่อยู่ในห้องดังขึ้นอย่างงัวเงีย ขณะที่เจ้าตัวกำลังขยี้ตาอยู่
ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน เฟรินหน้าแดง และใจเต้นตึกตัก
“คาโล มีอะไรเหรอ” คิลถามอย่างง่วงๆ
“ก็พอดีฉันเห็นเฟรินมันฝันร้ายน่ะ ก็เลยมาดู กลัวเป็นเหมือนเมื่อเดือนที่แล้วน่ะ ไม่งั้นแย่เลย เกิดคราวนี้เจ้าคนแคระเขากวางมันบอกสูตรยาแก้แปลกๆ มาอีก ก็ไม่รู้ว่าไอ้เจ้านี่มันจะกลายเป็นตัวอะไรอีก” คาโลรีบตอบแม้จะยังรักษาอาการสงบไว้อยู่
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วสิ ฉันหลับต่อแล้วกัน” คิลก็ล้มตัวลงนอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัว
“งั้นฉันไปนอนก่อนนะ” คาโลพูดเบาๆ ทำท่าจะเดินจากไป แต่มือของเจ้าตัวดีกลับฉุดเอาไว้ ทำให้คาโลต้องหันกลับไปมองว่ามีอะไรอีก
“ขอบใจนะ” เฟรินยิ้มให้ พอพูดเสร็จก็อายจนรีบเอาผ้าห่มมาคลุมโปง ปล่อยให้คาโลยืนยิ้มอยู่คนเดียว
แล้วเฟรินก็ลืมเรื่องที่ฝันไปเพราะมีเรื่องที่ชวนให้อุ่นใจน่าจดจำมากกว่า
“เฟริน เมื่อคืนนายฝันว่าอะไรหรือ” คิลถาม
“ไม่รู้สิ ลืมไปแล้วเหมือนกัน” เฟรินทำท่านึก
“คงฝันเกี่ยวกับแม่ของนายมั้ง ฉันได้ยินนายพูดขึ้นมาตอนที่นาย...” คาโลหยุดไปพักนึงก่อนจะพูดต่อ “เพิ่งตื่นขึ้นน่ะ”
เขาเกือบหลุดปากพูดออกไปแล้วว่าเฟรินกับเขากอดกัน ไม่งั้นคิลต้องแซวเละแน่
“เหรอ งั้นฉันว่าฝันดีมากกว่า” เฟรินพูด พลางได้ยินเสียงหนึ่งแว่วมาเบาๆ เหมือนมากับสายลม
“ขอให้ลูกรักกับเจ้าชายแห่งคาโนวาลแทนแม่ด้วย”
“เฟริน รีบไปเถอะ อีกไม่กี่วันก็จะแข่งหมากกระดานเกียรติยศแล้ว เดี๋ยวยัยแองเจลีน่าก็บ่นตายพอดี” คิลพูดขึ้นทำให้เฟรินหลุดจากภวังค์ของเสียงนั้น
“อ... อืม” เฟรินรีบเดินตามเพื่อนทั้งสองคนไป
----------------------------------------------------
*หมายเหตุ ที่บอกว่าน่าเกลียดน่าชังเพราะเคยมีความเชื่อว่าถ้าหากชมเด็กว่าน่ารักน่าชังแล้วโตขึ้นมาจะน่าเกลียดแทนเลยพูดแก้เคล็ดน่ะครับ (ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะแถวบ้านผมป่าวนะ)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น