ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M E S S A F T E R S T O R M "

    ลำดับตอนที่ #131 : death love รักหรือตาย (MC)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29
      0
      21 พ.ค. 61

    ใบสมัคร



    "มันไม่มีอะไรแย่หากเจ้ามองให้มันดี อย่างน้อยๆก็ยังหายใจอยู่มันก็ถือว่าดีแล้วจริงไหม?"

    ชื่อ : เอพริล โอเดลล์ April Ordell
    ชื่อเล่น : เอพริล April
    อายุ : 20
    บท : คู่แรก บทมนุษย์หญิงค่ะ
    ลักษณะร่างกาย : เอพริล โอเดลล์ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆสูงไม่ถึงร้อยห้าสิบดูร่าเริงสดใสในชุดกระโปรงสีดำยาวคลุมเข่าคล้ายพวกแม่บ้านทั่วไป ผมสีทองสว่างยาวถึงกลางหลังดูไม่เป็นทรงเพราะเจ้าตัวไม่เคยผูกหรือหวีด้วยซ้ำ มากสุดก็แค่เอามือสางๆ แต่ที่น่าแปลกคือมีเจ้าตัวติดริบบิ้นไว้กับผมกระจุกหนึ่งอย่างน่าแปลก ผิวขาวแดงแดดเป็นบางจุด ดวงตาสีอำพันซึ่งถ้ามองเข้าไปในตาให้ดีๆก็จะรู้ ว่าเจ้าหล่อนนั้น.... "ตาบอด"

    ลักษณะนิสัย : 
    - คนเห็นคนไม่เชื่อว่าเอพริลจะตาบอด เพราะเจ้าหล่อนออกจะสดใสลัลล้าขนาดนั้น อันที่จริงก็ทำใจอยู่นานเหมือนกัน จำได้ว่ากว่าจะเรียกกำลังใจตัวเองตอนรู้ว่ากำลังจะตาบอดก็นานพอสมควร ต้นๆร้องไห้บ่อยจะตาย พอตาบอดจริงๆก็พอมองข้ามและปล่อยวางมันได้บ้าง จนตอนนี้ก็เคยชินแล้ว 
    - แม้จะตาบอดแต่กลับคล่องแคล่วว่องไวในการทำงานหรือการเคลื่อนไหว เจ้าหล่อนไม่ต้องมีไม้คอยพยุง แต่กระนั้นก็มาพร้อมกับแผลตามตัวที่ก็มีบ้างซุ่มซ่ามเพราะมองไม่เห็น แต่เธอก็ชอบที่จะไม่ใช้ไม้ค้ำอยู่ดี
    - ตื่นเช้ามาก มักจะไปนอนกลางวันตามประสา โดยมักจะเดินจนรู้สึกว่าไม่โดนแดดและมีร่มไม้ให้นอนงีบ ซึ่งก็จะพยายามระวังไม่เข้าไปในป่าลึก เพราะคำสอนและคำบอกของทุกคนว่าปีศาจนั้นชั่วร้าย แต่ถ้าหากถามเอพริลจริงๆ เธอก็ยังคิดว่ามนุษย์เองก็เลวร้ายเหมือนกัน เพราะคนที่ฆ่าพ่อแม่เธอก็เป็นมนุษย์หาใช่ปีศาจ และเอาจริงๆ.... เธอไม่รู้นี่นา ก็ไม่เห็นนี่ว่าใครเป็นมนุษย์หรือปีศาจ ฉะนั้นจึงอาศัยฟังจากน้ำเสียงและสัญชาตญาณในตัวเอง บอกว่าคนๆนี้ไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหน หรืออันตรายรึเปล่า อะไรทำนองนั้น และเธอเชื่อสัญชาตญาณมันมากด้วย จึงไม่ได้มีความเชื่อว่าเกลียดปีศาจ ถ้าถามว่ากลัวไหม... ก็อาจจะ เพราะยังไม่เคยเจอ ...มั้งนะ
    - เห็นแบบนี้แต่แข็งแรงใช่ย่อยนะเออ ยกของได้หนักกว่าตัวเอง แต่ถ้าผู้ชายตัวใหญ่ๆมาก็ไม่ไหวเหมือนกัน เตะจุดยุทธศาสตร์แล้วโกยแน่บตะโกนลั่นอย่างเดียว //ประสบการณ์ส่วนตัว
    - มองโลกค่อนข้างแง่ดี อาจเพราะถ้ามองโลกแง่ร้ายไปก็จะคิดมากตั้งแต่การที่ตัวเองกลายเป็นคนพิการทางสายตาแล้ว ทำให้ทำใจว่าตัวเองอาจจะโดนหลอกง่ายๆ จึงไม่มีของมีค่าอะไรในบ้านเลย เพราะเอาไปฝากกับพ่อหมด 
    - ถึงจะเห็นยิ้มเก่งแบบนี้ แต่เหมือนกับว่ามันกลายเป็นกล้ามเนื้อหน้าไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไร เรื่องแย่แค่ไหน เธอก็ยังคงยิ้ม หัดครั้งแรกคงเป็นตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะมองไม่เห็น จะใช้เวลาประมาณคืนหนึ่ง ที่อาจจะร้องไห้ออกมาดังๆกับหมอน แล้วก็จะกลับมายืนขึ้น ปล่อยวาง และใช้ชีวิตตามเดิม
    - พกผ้าเช็ดหน้าและผ้าพันแผลติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะตัวเองก็ใช่ว่าจะซุ่มซ่ามน้อยๆ ถึงหลังๆจะทำแผลเช็ดให้คนอื่นมากกว่าตัวเองก็เถอะ เก่งขึ้นนะเนี่ย!
    - พูดคนเดียวเป็นระยะๆ วันๆชอบหมดไปกับในสวนดอกไม้ และตั้งชื่อให้ดอกไม้และต้นไม้และพูดคุยกับมันด้วย
    - ใจดีและใช้ชีวิตเรียบง่าย และเอาจริงๆขี้อ้อนด้วยซ้ำ
    - ไ่ม่รู้จักขีดจำกัดของตัวเองว่าไหวหรือไม่ไหว ไม่ค่อยห่วงตัวเอง ฉะนั้นก็จะทำไปเรื่อยๆแม้ว่าจะเจ็บหรือปวดแค่ไหนก็ตาม และในทุกๆเรื่องไม่ว่าทางกายหรือทางใจ
    ลักษณะการพูด : เอพริลจะแทนตัวเองว่า "ข้า" กับทุกคน ยกเว้นกับพ่อ (บาทหลวง) จะเรียกตัวเองว่า "ลูก" ขณะที่หากเป็นคนแปลกหน้าก็จะเรียก "ท่าน" ทั้งหมด ฟังจากเสียงหรือว่าคุยกันบ่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนเมื่อไหร่ก็จะเรียกว่า "เจ้า"
    - "อรุณสวัสดิ์ค่ะ! วันนี้อากาศสดใสจังเลยเนอะ!"
    - "สวัสดี ท่านเป็นนักเดินทางเหรอ? เสียงไม่คุ้นเลย"
    - "เราคุยกันเกินห้าประโยคแล้ว ข้าชื่อโอเดลล์ เอพริล โอเดลล์ เรียกอะไรก็ตามแต่สะดวกเลย แล้วเจ้าล่ะ?"
    - "ถึงตามองไม่เห็นก็ไม่เดือดร้อนเสียหน่อย มีวิธีหลายอย่างที่ช่วยให้ข้ารู้จักโลก จะสัมผัส น้ำเสียง กลิ่น ... ข้าเก่งเรื่องการอ่านอารมณ์คนและสิ่งรอบตัวนะไม่อยากจะบอก"
    - "นี่! ถึงข้าจะตาบอด แต่ข้าหูไม่หนวกนะ! ฉะนั้นสารภาพมาซะดีๆว่าเป็นอะไร"

    ประวัติฯ : เอพริลเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ถูกฆ่าตั้งแต่ยังเด็กเพราะถูกโจรฆ่า เธอรอดมาได้เพราะแม่ซ่อนไว้ในตู้เล็กๆและเหมือนจะมีคนช่วย.... เธอไม่ได้ตาบอดตั้งแต่เกิด เพียงแต่น่าจะเป็นความผิดปกติของเส้นประสาทสักอย่าง ทำให้การมองเห็นเริ่มแย่ลงตั้งแต่อายุแปดขวบ สุดท้าย... โลกรอบตัวก็มืดดับโดยสมบูรณ์ตอนอายุเก้าขวบ แต่เพราะเตรียมทุกอย่างไว้ก่อนที่ตัวเองจะตาบอด ไม่ว่าจะแท่นเหยียบ ไม้พยุง หรือการปรับแปลงบ้านตัวเอง ทำให้ไม่พบกับปัญหามากนัก เอพริลปฏิเสธตั้งแต่กลายเป็นเด็กกำพร้าว่าจะไม่ไปอยู่ที่โบสถ์เพราะอยากอยู่บ้านหลังนี้มากกว่า แม้ว่าจะตาบอดก็ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมไป พ่อก็ยอมแต่ก็มีหลายครั้งที่แวะมาเยี่ยมเยียน เอพริลมีสวนดอกไม้และแกะอยู่สองตัว บ้านอยู่เกือบสุดหมู่บ้าน ทำให้เจ้าหล่อนชอบแวะเอานมหรือดอกไม้ไปขายแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆในหมู่บ้าน ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ อยู่ตัวคนเดียว แต่เธอก็ชินแล้วทำให้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร มีบ้างตอนที่ทำอาหาร.... เกือบสิบปีก็ยังไม่ชินสักที จะอะไรแตกหรือทำอะไรไหม้ แม้แต่จับของร้อนมือเปล่าก็เถอะ ทำให้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำอาหารเท่าไหร่ ถึงได้ตัวเล็กแบบนั้นล่ะมั้ง

    งานอดิเรก : ร้องเพลง, ปลูกดอกไม้, เล่านิทานให้เด็กในโบสถ์ฟัง
    สิ่งที่ชอบ /ไม่ชอบ /กลัว : คิดนิทานหรือเนื้อเพลงเอง, กลิ่นหอมๆของธรรมชาติ, กลิ่นอาหาร, สัมผัสผืนดิน, ฟังเสียงรอบข้าง / เสียงร้องไห้, จับอะไรแปลกๆแบบพวกขายุ่บยั่บหรือขนยุ่บยั่บ..., อากาศหนาว, คำสอนและคำบ่นของพ่อที่ถึงจะรู้ว่าเป็นห่วงก็เถอะ แต่ไม่ชอบฟังนี่นา... คิดเองตัดสินใจเองและพึ่งตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่ได้ค่อยไปหาให้พ่อบ่นก็แล้วกัน  / ความเงียบ เงียบแบบไม่มีเสียงอะไรเลย ไม่มีเสียงลมไหวให้ใบไม้กระทบกัน เสียงของสัตว์เล็กนานา ทำให้เธอชอบร้องเพลงเพราะเกลียดความเงียบ เพราะกลัว.... ว่าหากหูไม่ได้ยินด้วย เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทนต่อไปได้
    เพิ่มเติม : เอพริลหูดีมาก อาจเป็นเพราะใช้ชีวิตในความมืดมานับสิบปี และบางครั้งเจ้าตัวก็รู้สึกถึงไอพลังงาน แบบสิ่งไหนมีชีวิต หรือไม่มีชีวิต แต่ไม่รู้ถึงปีศาจ


    สัมฯผู้ปกครอง
    1.จะโอเคไหมค่ะถ้าสมมุติว่าเราจะขอปรับประวัติฯเล็กๆน้อยๆในกรณีที่มันไม่เข้าที่เข้าทาง
    คำตอบ :: ได้เลยค่ะ!

    2.แล้วจะโกรธไหมค่ะถ้าสมมุติว่าเราจะเปลี่ยนบท
    คำตอบ :: ไม่โกรธค่ะ แต่คงไม่ตื่นเต้นมากมายอะไรขนาดนั้นนอกจากมีจิ้น //โดนตบ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×