คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : String Theocracy [Library of Ruina Theme Song แปลไทย]
Open the curtains
เปิดม่าน
Lights on
ไฟมา
Don’t miss a moment
ห้ามพลาดแม้แต่วินาทีเดียว
Of this experiment
ของการทดลองนี้
Oh, the book is strange
โอ้ หนังสือนั่นประหลาดจัง
Like clockwork orange
เหมือนคนไขลาน*
Keep your eyes buttered till the end
เปิดตาคุณไว้ เฝ้ามองจนวินาทีสุดท้าย!
Which “you” are you going to be?
เธอจะเป็น “ตัวเธอ” คนไหน?
Hmm
อืม
Inside the mirror do you see
ในกระจกนั่น เธอเห็น
Someone else in that body?
ใครคนอื่นในร่างการนั้นไหม?
Dance for me
เต้นรำเพื่อฉัน
One
หนึ่ง
And two
และสอง
And three
และสาม
And turn around
และหมุนตัวกลับมา
Sit like a doggy
นั่งเหมือนน้องหมา
Till I finish my read
จนฉันอ่านนี่จบ
Cut it off, cut down your loss
ตัดมันออก ตัดทอนความสูญเสีย
All that stubborn loyalty is gonna get you killed
ความภักดีแบบยึดติดนั่นจะพานให้เธอโดนฆ่าเอา
In a world built on convenient theories
ในโลกที่สร้างบนรากฐานของทฤษฎีที่ตั้งไว้เอาสะดวกแบบนี้
For the puppets on TV
สำหรับพวกหุ่นเชิดบนจอแก้ว
There is comfort in the strings
การถูกชักใยช่วยให้อุ่นใจ
If you’re gonna control me
ถ้าเธอจะควบคุมฉัน
At least make it interesting theatrically
อย่างน้อยก็ทำให้มันเป็นละครที่น่าสนใจหน่อยเถอะ
How does it feel to be free?
รู้สึกยังไงที่เป็นอิสระเหรอ?
Hmm
อืม
Why don’t you try it yourself?
ทำไมไม่มาลองเองล่ะ?
The gate opened on me
ประตูเปิดใส่ฉัน
So I leaped
ฉันเลยกระโจน
Down, down, and down I go
ร่วงลง ร่วงลง และร่วงลงอีก
I tell myself I’m a tough girl
ฉันบอกตัวเองว่า ฉันเป็นเด็กผู้หญิงแกร่ง
Down, down, and down I go
ร่วงลง ร่วงลง และร่วงลงอีก
I could never, ever, ever touch the soil
ฉันไม่มีทาง ไม่มีวัน ไม่อาจแตะพื้นดิน
My heart goes right
หัวใจไปทางขวา
My head goes left
หัวคิดไปทางซ้าย
And end up on your bed
และจบลงที่เตียงของเธอ
Huh
หือ?
Sure I’ll be your marionette
ก็ได้ ฉันจะเป็นหุ่นเชิดของเธอ
Here, tug on my thread
เอาสิ กระตุกเชือกของฉัน
Spread me open for dolly pink, snow white artificial beauty
แผ่ฉันออกเพื่อความงามเทียมขาวสะอาดอมชมพู
Maybe we’re all cold machines
บางทีเราทุกคนอาจเป็นเครื่องจักรเย็นชืด
Stuffed in the human skin
ถูกยัดในหนังมนุษย์
With human sins
พร้อมบาปของมนุษย์
Sewed up by the gods of city
และถูกเย็บโดยเหล่าเทพเจ้าของเมืองนี้
Cut it out, you’ve already lost
พอเถอะ เธอแพ้แล้ว
All that precious bravery is gonna get you hurt
ความกล้าหาญแสนมีค่านั้นจะทำให้เธอเจ็บปวด
In a world that feeds on the minority
ในโลกที่สูบเลือดเนื้อคนกลุ่มน้อย
May that self-centered belief lead you to peace
ขอให้ความคิดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกแบบนั้น มอบความสงบสุขให้เธอด้วยเถอะ
If you’re gonna replace me
ถ้าเธอจะหาอะไรมาแทนที่ฉัน
At least have the audacity to kill me thoroughly
อย่างน้อยก็ช่วยมีสันหลังพอจะฆ่าฉันให้หมดจดด้วยเถอะ
When does it end for me?
เมื่อไหร่มันจะจบสำหรับฉัน?
Hmm
อืม
I think I am done with everything
ฉันว่าฉันพอกับทุกอย่างแล้ว
Now I’m ready to leave
ตอนนี้ฉันพร้อมไปแล้ว
Dragging out
ลากออกไป
One line
หนึ่งเส้น
Two lines
สองเส้น
Three lines
สามเส้น
Connect our hands
เชื่อมมือของเรา
When I no longer can live on knowledge alone
เมื่อฉันไม่สามารถอยู่ได้ด้วยความรู้อย่างเดียวอีกแล้ว
You gave me strength
เธอมอบความแข็งแกร่งให้ฉัน
Hopeful curiosity
ความอยากรู้อยากเห็นอันเปี่ยมด้วยความหวัง
Maybe there are still happy answers left for my discovery
บางทีอาจยังมีคำตอบแสนสุขเหลือไว้ให้ฉันค้นพบ
What’s the colour of the electric sheep** you see?
แกะไฟฟ้าที่เธอเห็นเป็นสีอะไร?
And if you love me
ถ้าเธอรักฉันจริง
Can you love your everything too, for me?
เธอก็ช่วยรักทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองเพื่อฉันด้วยได้ไหม?
*clockwork orange มาจากนิยายและหนัง A Clockwork Orange (คนไขลาน) เกี่ยวกับอาชญากรต่อเนื่องคนหนึ่งที่ตกลงรับการสะกดจิตจากรัฐบาลแลกกับอิสรภาพ โดยมีธีมหลักๆ เกี่ยวกับเจตจำนงเสรีหรือ Free will คนเขียนระบุว่า ชื่อเรื่องมาจากสำนวน As queer as a clockwork orange (พิสดารเหมือนส้มไขลาน) เมื่อคนเราไร้ซึ่งเจตจำนงเสรี เราก็เป็นเหมือนกลไกที่อยู่ในผลส้มที่จะถูกไขเล่นโดยพระเจ้า ปีศาจ หรือรัฐก็ได้ ผลส้มแสนหวานก็จะกลายเป็นเพียงเครื่องจักร
**electric sheep มาจากนิยาย Do Androids Dream of Electric Sheep? (แปลตรงตัวก็ แอนดรอยด์ฝันเห็นแกะไฟฟ้าหรือเปล่า?) เป็นนิยายซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้หนังเรื่อง Blade Runner ธีมหลักๆ ของเรื่องมีหลายอย่าง หนึ่งคือปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นแกนกลางของเรื่องชวนให้คิดว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร สองคือเรื่องความเห็นใจซึ่งควรจะแบ่งแยกมนุษย์กับเครื่องจักร
ส่วนตัวแกะไฟฟ้าหรืออีเล็กทริก ชีพ เป็นโปรแกรมสำหรับทำภาพแฟรคทัล (หมายถึงภาพที่ซูมเข้าไปเท่าไหร่ก็จะเป็นลายเหมือนเดิม) ใครอายุเยอะหน่อยอาจจะทันเห็น screen saver ลายนั้น
Theocracy ในชื่อเพลงหมายถึงระบอบการปกครองที่มีนักบวชปกครองในนามของพระเจ้าหรือเทพเจ้า ชื่อเพลง String Theocracy ก็น่าจะหมายถึงการปกครองผ่าน “สายเชิดหุ่น” โดยตัวตนที่เป็นพระเจ้าหรือเป็นตัวแทนของพระเจ้า
ส่วน String theory เป็นทฤษฎีฟิสิกส์ที่เราอ่านไม่รู้เรื่อง เหมือนพยายามใช้เส้นด้ายแทนวัตถุเพื่ออธิบายแรงโนมถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน และแรงนิวเคลียร์แบบเข้ม ซึ่งเกี่ยวกับเกมไหม ไม่รู้ เห็นคำมันคล้ายกันเลยอธิบาย 5555
เราไม่ค่อยคุ้นกับเกมซีรีส์นี้เลยวิเคราะห์เยอะไม่ได้ (เพราะเห็นจากคอมเมนต์ในเพลงคือ เกือบทุกท่อนกล่าวถึงตัวละครตัวใดตัวหนึ่งในเกม) ใครเป็นแฟนซีรีส์นี้ก็มาแชร์กันนะ
ความคิดเห็น