|
ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง บรรยากาศแห่งความหมองหม่นและเงียบเหงาได้แผ่เข้าปกคลุมได้ทั่วทุกพื้นที่ในห้อง เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคัดสรรและจัดวางอย่างเป็นระเบียบโดยเน้นให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและดูสดใสนั้นมิได้ช่วยให้บรรยายกาศที่เลวร้ายนี้หายไปเลยแม้แต่น้อย เสียงเท้าที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอค่อยๆดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งได้ปรากฏกายขึ้น ประวิทย์เดินเข้ามาภายในห้องและหย่อนกายลงบนโซฟาตัวหนานุ่มที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งติดกับโต๊ะรับแขกตัวเตี้ย ห้วงความคำนึงลอยไปถึงเธอ...ผู้เป็นคนรักของเขา
ดวงตาสีดำทอดมองไปยังกรอบรูปสีโอ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะรับแขก มือหยาบกร้านอย่างบุรุษหยิบมันขึ้นมาพลางลูบคลำอย่างทนุถนอม สายตาที่จ้องมองบุคคลที่ในรูปถ่ายนั้นเหม่อลอยแฝงไว้ด้วยแววแห่งความโหยหา ทั้งสองคนภายในรูปนั้นช่างดูมีความสุขยิ่งนัก บรรยากาศรอบตัวของพวกเขาก็ช่างเปี่ยมไปด้วยความรักและความสดใส ที่มุมล่างของภาพมีวันที่บ่งบอกอยู่ มันเป็นวันที่ของวันหนึ่งเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว แม้เวลาจะผ่านมานานพอควร แต่ความรู้สึกในยามนั้นยังคงแจ่มชัดในความรู้สึกของเขา ช่วงเวลาอันแสนสุขที่ทั้งเขาและเธอได้ไปเที่ยวยังชายทะเลด้วยกัน และที่นั้นก็เป็นสถานที่สำคัญที่เขาบอกรักและขอเธอแต่งงานท่ามกลางความงามและความโรแมนติกของธรรมชาติ
" วิทย์คิดยังไงมาขอไหมแต่งงานที่นี่น่ะ " มัสยาถามขึ้นหลังจากตอบตกลงกับชายหนุ่ม
" อ้าว ! ไหมไม่ชอบหรอกหรอ นี่วิทย์อุตสาห์หาบรรยกาศที่คิดว่าน่าจะโอเคแล้วนะ "
หน้าที่กำลังบานอิ่มเอมไปด้วยความสุขของชายหนุ่มเพราะเริ่มเหี่ยวแห้งลง หญิงสาวเห็นสีหน้าของเขาแล้วก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
" ไม่ใช่ ไหมไม่ได้บอกซักหน่อยนี่นาว่าไหมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ เพียงแต่ไหมแปลกใจน่ะ ที่วิทย์ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย "
" ไม่เห็นต้องแปลกใจเลย นี่วิทย์คิดไว้ตั้งนานนะว่าจะขอไหมแต่งงานยังไงกันไหมถึงจะประทับใจ เพื่อไหม วิทย์ทำได้ทุกอย่าง "
ไม่ใช่เพราะเพียงคำพูดของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจในตัวของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นเพราะสายตาแห่งความจริงใจ และสิ่งต่างๆที่เขาทำให้ มัสยารู้ดีว่านายประวิทย์นั้นไม่ใช่คนที่โรแมนติก และไม่ใช่คนที่มักจะมีคำพูดหวานๆมามอบให้แก่เธอ แต่ในวันนี้เขากลับทำสิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดหรือทำให้ใครมาก่อนเพื่อเธอ
คนพิเศษในหัวใจเขา รวมถึงความรักความไว้ใจที่ทั้งเธอและเขามีให้แก่กัน นั่นทำให้เธอรู้สึกมั่นใจ และเชื่อว่าเธอเลือกไม่ผิดที่เลือกเขา
มัสยากับประวิทย์รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานมากกว่าห้าปี ตลอดเวลาเหล่านั้นที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน แทบจะไม่มีเรื่องที่ทำให้ทั้งคู่ต้องขัดแย้งผิดใจกันเลย เพราะความไว้ใจระหว่างกัน ความเข้าใจในตัวของกันและกัน และการเผชิญหน้าพูดคุยยามเกิดปัญหารับฟังซึ่งกันและกันมิปล่อยให้ปัญหาทั้งหลายค้างคาเป็นตะกอนอยู่ในใจ
เมื่อมัสยากับประวิทย์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ชายหนุ่มก็ได้เข้าทำงานที่บริษัทที่ทำงานด้านการโฆษณาของนพวิทย์ผู้เป็นบิดาของเขาพร้อมกับมัสยาคนรักที่เรียนจบทางด้านการโฆษณามาโดยตรง ซึ่งนั้นทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น คนทั้งสองได้คบหาดูใจกันโดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตลอดและไม่เคยประพฤติปฏิบัติอะไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กัน
และในวันนี้เอง ประวิทย์ก็ตัดสินใจที่จะขอมัสยาแต่งงานด้วยความรักทั้งหมดที่เขามีและหัวใจซึ่งพร้อมที่จะปกป้องเธอคนนี้ผู้ซึ่งเป็นที่สุดของหัวใจ ทั้งคู่ต่างก็มีความสุขมากท่ามกลางความรัก และกลิ่นอายความโรแมนติกแห่งท้องทะเล พวกเขาได้กลับมาที่กรุงเทพเพื่อแจ้งข่าวดีนี้แก่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายและได้ทำการสู่ขอตามประเพณีพร้อมหาฤกษ์ยามงามดีเพื่อจัดงานอันเป็นมงคลนี้ ฤกษ์ดีของทั้งคู่ก็คืออีกหนึ่งเดือนที่จะมาถึง ข้าวของทุกอย่างที่ต้องใช้รวมถึงสถานที่และการ์ดเชิญทั้งหลายได้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเพรียบพร้อม ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ถูกตัดขึ้นเพื่อเจ้าสาวแสนสวย รูปถ่ายคู่รักในชุดแต่งงานใต้กรอบสีสวยก็ได้จัดเตรียมไว้เพื่อประดับในงาน
ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ภาพของวันวานแห่งความสุขที่ผ่านมาได้ถูกเล่นซ้ำภายในหัวของชายหนุ่ม รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนในหน้าของเขา หากแต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเศร้าและขมขื่น ประวิทย์วางกรอบรูปในมือลงบนตำแหน่งเดิมที่มันเคยถูกตั้งอยู่ เขายันกายขึ้นและเดินไปหยิบชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่แขวนอยู่ริมผนัง ชายหนุ่มสวมกอดมันไว้แน่นและอ่อนโยนราวกันกำลังสวมกอดหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นเจ้าของชุดซึ่งก็เป็นเจ้าของหัวใจเขาเช่นกัน ท่ามกลางความเงียบงันและบรรยากาศแห่งความอ้างว้าง หยาดน้ำตาของบุรุษคลอเต็มสองตาและเริ่มหลั่งรินรดสองแก้ม ห้วงความคิดของเขาในยามนี้มีเพียงภาพของเธอ.... เธอผู้ที่เป็นเจ้าของชุดสีขาวบริสุทธิ์นี้ แต่จะไม่มีแม้เพียงโอกาสที่จะได้สวมใส่มันต่อหน้าเขาอีกครั้ง
ความสุขจากรักนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ หากแต่ใช่ว่าความสุขเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนเสมอไป ถึงแม้ว่าทั้งสองใจจะรักและยึดมั่นต่อมันก็ตาม ประวิทย์ได้รับรู้ถึงสิ่งนี้เมื่อสองวันก่อนถึงวันสำคัญที่ทั้งเขาและเธอต่างก็รอคอย วันนั้นทั้งสองได้พากันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะหลังจากที่นำการ์ดไปมอบให้แก่แขกคนสุดท้าย ทั้งประวิทย์และมัสยาต่างก็อยู่ในห้วงแห่งความสุขของคนสองคนที่กำลังจะได้เข้าสู่พิธีแต่งงาน พิธีสำคัญที่จะประกาศถึงความรักและความยึดมั่นในตัวของกันและกันของทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนไม่เคยคิดเลยว่า
ความสุขที่พวกเขาคาดฝันนั้นอาจจะไม่มีวันมาถึง
เอี๊ยดดด...ด ! กรี๊ดดด..ด !!!
เสียงหวีดร้องดังขึ้นจากรอบบริเวณนั้นที่เขานั่งอยู่ ชายหนุ่มหันกลับไปมองทางด้านข้างของเขาทันทีที่ได้ยินเสียงทั้งสองเสียงประสานกัน เขารู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด และในวินาทีนั้นเองภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของชายหนุ่มก็คือภาพของหญิงสาวอันเป็นที่รัก นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนนโดยมีรถของคู่กรณีจอดอยู่ข้างร่างบางที่นอนหายใจรวยริน ประวิทย์รีบวิ่งเข้าไปหาร่างบางนั่นพลางพร่ำร้องแต่ชื่อเธอ
" ไหม! ไหม! ลืมตาสิไหม! เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ วิทย์จะพาไหมไปโรงบาลนะไหม "
ชายหนุ่มบอกหญิงสาวทั้งน้ำตา เปลือกตาของหญิงสาวเปิดขึ้นเล็กน้อย ดวงหน้าสวยขาวซีดและมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอและบรรจงเช็ดเลือดที่ใบหน้าของเธอ
" วิทย์ ไหมขอโทษไหมคงจะไม่ได้มีโอกาสอยู่ถึงงานแต่งของเราได้ "
เสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นจากริมฝีปากบางของหญิงสาว พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมานองดวงตาและใบหน้า
" ไม่ ไม่ ไหม อย่่าพูดแบบนั้นสิ ไหมจะต้องไม่เป็นอะไรนะ เราจะต้องได้แต่งงานกัน ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ฝันไว้ไงไหม " ชายหนุ่มปลอบหญิงสาว แต่เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ มือบางถูกยกขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อเช็ดน้ำตาให้ชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มสุดท้ายของหญิงสาวเจือไว้ด้วยความรักและความเศร้าสร้อยอย่างที่ชายหนุ่มไม่มีวันจะลืมและลบมันออกจากใจได้ มือเรียวได้รูปที่กำลังลูบใบหน้าของชายอันเป็นที่รักตกลงข้างกาย พร้อมกับหัวใจของชายหนุ่มที่แตกสลายลงไปด้วย
" ไหม! ไหม! ไหม!....... "
น้ำเสียงอันแสนเศร้าสร้อย ไร้ความหวัง ปนเสียงสะอื้น ยังคงพร่ำเรียกชื่อของหญิงสาวผู้ไร้ลมหายใจในอ้อมแขนต่อไปสร้างความสะท้านใจแก่ผู้ที่ได้ยินเป็นยิ่งนัก หากแต่ต่อให้เขาพร่ำเรียกชื่อเธอสักเท่าไรดวงใจผู้สิ้นลมของเขาก็คงไม่มีวันที่จะกลับคืนสู่อ้อมแขนและอ้อมใจอันอบอุ่นของเขาได้อีกแล้ว
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ชายหนุ่มได้อยู่ในสภาพที่ราวกับตายทั้งเป็น งานมงคลสมรสอันเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสุขอย่างที่ควจะมี กลับต้องกลายเป็นงานศพที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นและหยาดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าอาลัย เป็นที่สะเทือนใจแก่ผู้ที่ได้ทราบข่าว ชุดวิวาห์สีขาวของชายหนุ่มกลับต้องกลายเป็นชุดไว้ทุกข์สีดำสนิท และจิตใจที่เคยชุ่มชื้น ก็กลายเป็นจิตใจที่แตกสลาย
เสียงนาฬิกาดังขึ้นเรียกสติของชายหนุ่มในกลับคืนสู่ความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายอีกครั้ง ประวิทย์พาร่างของตนและชุดของเธอมายังรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านก่อนที่จะออกเดินทาง วันนี้ก็คือวันที่จะมีพิธีการเผาศพของเธอผู้เป็นที่รักของเขา ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ชายหนุ่มสวมกอดเมื่อตอนอยู่ที่บ้านถูกวางทาบลงบนร่างที่ไร้วิญญาณของเธอผู้เป็นเจ้าของ ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวลงมาจากเมรุเผาเป็นคนสุดท้าย เขาทำได้เพียงมองดูควันที่ออกมาจากปล่องลอยลับไปกับสายลมและลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เคยดูสดใสสำหรับเขา ด้วยสายตาแห่งความอาลัยและน้ำตาที่รินไหลราวกับจะอำลา
ลาก่อนเธอผู้เป็นสุดที่รัก ลาก่อนนักโลกสดใสที่เคยมี ลาก่อนเธอผู้เป็นยอดชีวี ขอลาทีขอลาด้วยความอาลัย โอ้ดวงใจของพี่จะขาดรอน โอ้จิตจรเหลือเพียงความหมองไหม้ โอ้ชีวาครานี้จะบรรลัย จะขาดใจเมื่อไร้เธอมัสยา |
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น