Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ
เรื่องราวความ 'ฮา บ้า เพี้ยน' ของพนักงานปีศาจทั้งห้ากับคดี 'ปริศนา' ที่เกิดขึ้นในเมืองกำลังรอให้คุณได้สัมผัสไปพร้อมกับพนักงานน้องใหม่ของร้านนามว่า 'เซซิล' [update: ประกาศหยุดเขียน]
ผู้เข้าชมรวม
33,865
ผู้เข้าชมเดือนนี้
78
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ชื่อเรื่อง : Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ
ผู้แต่ง : Choc Witch [Bloody Fantom]
แนวเรื่อง : แฟนตาซี แปลก แหวก ในระดับหนึ่ง มั้งนะ (?)
คอมเมดี้ ผสมลึกลับ สืบสวน ผจญภัย แต่ไม่สุดโต่งในแนวใดแนวหนึ่ง
ภาค 1 สถานที่แห่งการเริ่มต้น
ตัวดำเนินเรื่อง : เซซิล (รูปข้างบน : ภาพจากคุณ empress... ขอบคุณค่ะ)
คำโปรย :
หนีออกจากบ้านมาพร้อมกับคลังอาวุธ แต่ชายหนุ่มนาม ‘เซซิล’ กลับไม่ได้พกเงินติดตัวมาด้วยสักแดง ระหว่างที่กำลังเร่ร่อนหาที่หลับนอนอยู่นั้นเองก็ได้พบกับคาเฟ่ประหลาดร้านหนึ่ง แต่ใครจะไปคาดคิดว่าน้ำเพียงแก้วเดียวในร้านนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างที่เรียกว่า... วุ่นวายที่สุดในชีวิตเขาเลยก็ว่าได้
ช่วงที่กำลังติดแหง็กไปไหนไม่ได้ กลิ่นอายอันตรายก็ก่อตัวขึ้นรอบเมือง คดีฆาตกรรมกับคดีลักพาตัวเกิดขึ้นพร้อมกัน คดีเหล่านั้นเป็นไปได้ว่าอาจไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ แต่ผู้มีหน้าที่ต้องคุ้มครองเมืองกลับไม่ออกมาปฏิบัติงานเสียนี่
เกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้กันแน่นะ?
ตัวละครหลักอื่นๆ :
มิเนอร์วา – แม่มดผู้จัดการร้านจอมโวยวาย รักพวกพ้องแต่เป็นรองเรื่องเงิน (พูดง่ายๆ ก็เห็นแก่เงินนั่นแหละ)
วิกเตอร์ – แวมไพร์ผู้ขยาดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิง พูดมาก ปากพล่อย ชอบใส่เสื้อชายหาดหรือไม่ก็เปลือยท่อนบนเวลาอยู่ในที่ร่ม (อั่ก! เลือดกำเดากระฉูด)
อากิระ – ภูตหิมะหนุ่มหน้าหวานผู้ชื่นชอบความงามของสตรี เกลียดการที่มีใครเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง... แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังชอบใส่เสื้อผ้าประจำเผ่า ซึ่งดูยังไงก็ไม่ต่างจากเสื้อผ้าของมนุษย์ผู้หญิงสักเท่าไหร่ (เอ๊ะ?)
เอส – ผีหัวขาดที่มักซุ่มซ่ามเผลอทำของเสียหายอยู่บ่อยๆ ร่างกายเหมือนเด็กชายวัยสิบต้นๆ แต่ท่าทางที่แสดงออกมา บางครั้งก็ดูเด็กกว่านั้น แต่บางครั้งกลับดูแก่เกินวัย
ยูชัว – มัมมี่หนุ่มผู้เงียบขรึมถึงขั้นไม่พูดจา (หรืออาจจะพูดไม่ได้?) แต่เส้นประสาทบนใบหน้ายังทำงานได้ดีมากจนเจ้าตัวมักใช้สีหน้ากับท่าทางในการสื่อสารเป็นหลัก รอบรู้ เป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ของร้าน (ถ้าสามารถเข้าใจการสื่อสารของเขาได้ล่ะก็นะ)
ภาค 2 ห้องสมุดใต้ผืนทราย
ภาคนี้ เนื่องจากตัวละครหลักแยกเป็นสองกลุ่มในการเดินทาง จึงจะแบ่งเป็น 2 พาร์ท ไรเตอร์เขียนและลงให้ตามลำดับเวลาในเรื่อง แต่หากใครรู้สึกว่ามันค้าง อยากอ่านแยกเป็นพาร์ทไปเลยค่อยอ่านอีกพาร์ทตามทีหลัง (กรณีที่ไรต์แต่งไปถึงแล้วน่ะนะ) ไรเตอร์จะเขียนกำกับไว้ให้หลังชื่อตอนว่าเป็นพาร์ทของใคร จัดลำดับการอ่านก่อนหลังเองตามใจชอบได้เลยค่ะ ^^
Part EDC: เรื่องราวของพนักงาน Evil Demon Cafe
Part Cecil: เรื่องราวของฝั่งเซซิล
คำโปรย + FAQs : ตอนที่ 30
รูปตัวละครใหม่ + ประกาศผลโพล : ตอนที่ 31
หมายเหตุ :
1.) เรื่องนี้ไม่วาย แต่ใครอยากจิ้น จิ้นได้ ไม่ว่ากัน ที่สำคัญ... รู้สึกเหมือนแฟนคลับกว่าครึ่ง จิ้นกันไปหมดแล้ว
2.) เรื่องนี้อาจมีฮา บ้า รั่ว เป็นระยะ แต่ไม่ไร้สาระไปซะทีเดียว อ่านไปอ่านมา เดี๋ยวมันก็เจอเองแหละน่า
3.) เรื่องนี้หาตัวละครปกติได้ยากยิ่ง ถึงแรกๆ เห็นปกติดี แต่อ่านไปเดี๋ยวก็เจอมุมรั่วของมันผู้นั้นเองล่ะ
4.) เรื่องนี้มีสปอยอยู่ที่คอมเม้นต์ ใครกลัวไม่ได้เงิบเหมือนคนอื่นเขา อย่าเพิ่งรีบอ่านคอมเม้นต์เด็ดขาด
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเลย ข้าน้อยชื่อ ‘Choc Witch’ เจ้าค่ะ เป็นนามปากกาที่ใช้อยู่ปัจจุบันของไรเตอร์ หรือที่มีคนเรียกย่อๆ ว่า ‘วิทช์’ นั่นเอง (บางคนอาจคุ้นเคยกับ 'Bloody Fantom' นามปากกาเก่าของไรต์มากกว่าก็ได้ -_-")
ตอนนี้เนื้อเรื่อง ไรต์เขียนมาเกือบๆ จะจบภาคสองแล้ว แต่จะได้กลับมาอ่านทวน รีไรต์ตอนเก่าๆ อีกเมื่อไหร่คงขึ้นอยู่กับเวลาว่าง (หรือไม่งั้นก็รีไรต์อีกทีหลังแต่งจบเลย) คงต้องอัพตอนใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ก่อน หลังจากนี้ไรเตอร์จะอัพสัปดาห์ละตอนนะคะ ^^
ต่อไป... ขอพูดต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่แล้วกันนะคะ ทั้งที่เป็นนักอ่านเงาและที่ไม่ใช่ ไรเตอร์ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาโหวต มาเม้นต์ มาวิจารณ์ และมาแอดแฟบนะคะ ไรต์ดีใจมาก อาจไม่ได้ตอบเม้นต์ของทุกท่าน แต่รับรองว่าได้อ่านทุกเม้นต์แน่นอนและดีใจมากด้วยที่ได้รับคำคอมเม้นต์เหล่านั้น ซึ่งถ้าหากมีอะไรอยากคุยกับไรต์ (แบบต้องการคำตอบ) ติดต่อที่ไอดีได้เลยค่ะ รับรองว่าไรต์ตอบข้อความแน่นอน แต่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับโอกาสนะคะ
สุดท้ายนี้ก็... ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ มีคำแนะนำอะไรบอกได้ทันทีค่ะ ไรต์รับฟังทุกความคิดเห็นแน่นอน ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Chocolate Witch ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chocolate Witch
"กาฝาก รับวิจารณ์นิยายแฟนตาซี"
(แจ้งลบ)Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ ผู้เขียน N.S.Bloody ชื่อเรื่องแลดูไม่มีพิษภัยนะจ๊ะเรื่องนี้ เหมือนปีศาจที่มาเปิดร้านขายขนมทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันมีเงื่อนงำบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผย แนะนำสำหรับคนที่ชอบแนวแฟนตาซีไลท์โนเวล หรือชอบเรื่องที่เล่าโดยมุมมองของตัวละครเอกนะจ๊ะ แนวคิด เรื่องนี่น้องได้กลิ่นการ์ตูนญี่ปุ่นจ๋าออกมาเลย แม้น้ ... อ่านเพิ่มเติม
Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ ผู้เขียน N.S.Bloody ชื่อเรื่องแลดูไม่มีพิษภัยนะจ๊ะเรื่องนี้ เหมือนปีศาจที่มาเปิดร้านขายขนมทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันมีเงื่อนงำบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผย แนะนำสำหรับคนที่ชอบแนวแฟนตาซีไลท์โนเวล หรือชอบเรื่องที่เล่าโดยมุมมองของตัวละครเอกนะจ๊ะ แนวคิด เรื่องนี่น้องได้กลิ่นการ์ตูนญี่ปุ่นจ๋าออกมาเลย แม้น้องจะอ่านการ์ตูนไม่บ่อยนัก แต่ก็พอสัมผัสได้บ้าง จากพฤติกรรมของตัวละคร และการแสดงออกของตัวละครในบางครั้งก็เหมือนมาได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นมาเต็มๆ แม้ว่าตัวละครหลายๆ ตัวในเรื่องจะไม่ได้มีชื่อเป็นญี่ปุ่นก็ตาม โครงเรื่อง กล่าวถึงตัวเอกเซซิลที่ย้ายบ้านจากถิ่นฐานอื่น (ซึ่งยังคงเป็นปริศนา) มาอยู่ในเมืองๆ หนึ่งที่ห่างไกลจากเมืองหลวง และได้เข้าทำงานในร้าน Evil Demon Café ซึ่งเป็นร้านขนมหวานของพวกปีศาจ คำว่าปีศาจในความหมายของเรื่องนี้ คือ สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ไม่ใช่มนุษย์จะถูกเรียกว่าปีศาจหมด เช่น แวมไพร์ ภูติหิมะ หรือพวกเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถแปลกๆ ทั้งหลายแหล่ รวมถึงตัวพระเอกของเรื่อง ด้วยความที่เรื่องนี้เพิ่งแต่งผ่านไปได้สิบตอนแรก น้องจึงยังไม่สามารถบอกโครงเรื่องหลักที่แท้จริงได้ เพราะเนื้อเรื่องยังอยู่ในช่วงผูกปมอยู่ ดำเนินเรื่อง เป็นเรื่องที่ดำเนินผ่านมุมมองการเล่าของตัวเอก ดังนั้นเหตุการณ์ที่ปรากฏในเรื่องจึงเป็นเหตุการณ์ที่เซซิลไปประสบพบเจอเองทั้งสิ้น ซึ่งในตอนแรกเรื่องนี้เปิดมาได้น่าสนใจ มีจุดดึงดูดให้ผู้อ่านอยากติดตาม แต่เมื่อลองอ่านไปสักพักจะพบกับความน่าเบื่อได้ เพราะสิ่งที่ตัวเอกพบเจอทุกวันมีแต่เรื่องของการทำงานในร้านขนมหวาน และอย่างที่น้องบอกในประเด็นโครงเรื่องว่าเนื้อเรื่องมันยังอยู่ในช่วงผูกปมอยู่ จึงยังไม่พบกับความสนุกที่หวือหวาชวนให้ติดตามต่อนักเมื่อคนอ่านหลงอ่านมาได้ถึงกลางเรื่อง ตัวละคร เซซิล ตัวเอกของเรื่อง เป็นคนลึกลับที่เข้ามาอยู่ในร้านปีศาจ มีความลับเกี่ยวกับตัวเองเยอะ มิเนอร์วา ผู้จัดการสาวจอมเหวี่ยง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นกันเองกับลูกน้องมาก วิกเตอร์ พนักงานแวมไพร์หนุ่ม เป็นคนเดียวที่ดูปกติธรรมดาที่สุดในเรื่อง อากิระ เข้าใจว่าเป็นสาวดุ้น เพราะดูเป็นผู้ชายที่ชอบมิเนอร์วาอยู่ไม่น้อย แต่ชอบแต่งตัวเป็นหญิง เอส เด็กชายตัวจ้อย พนักงานเสิร์ฟจอมซุ่มซ่ามประจำร้านที่ชอบล้มจนหัวหลุดออกจากคอ โฮรุส ชายลึกลับผู้มีผ้าปิดหน้าปิดตาเป็นมัมมี่ ไม่พูดไม่จากับใคร ตัวละครในเรื่องนี้เป็นแนวการ์ตูน จะเห็นได้ว่าการกระทำของตัวละครต่างๆ ผู้เขียนมักให้ภาพเป็นการ์ตูนมากกว่าคนจริงๆ เช่น หัวปูดเป็นลูกมะนาวสองสามลูกบนหัว ตัวละครหญิงยกเท้ายันหน้าตัวละครชายแล้วพูดๆ เสร็จก็ถีบหงายหลังออกไป ฯลฯ ซึ่งมองในแง่คนจริงๆ เหตุการณ์พวกนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ แสดงว่าผู้เขียนมีภาพตัวละครในใจเป็นการ์ตูนล้วนๆ คือสามารถทำเป็นไลท์โนเวลได้เลย ในกรณีนี้น้องจึงตัดเรื่องความสมจริงออกไปบ้าง แล้วมองในแง่ความโดดเด่น น่าติดตามของตัวละครแทน ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนก็ทำออกมาได้ดี ตัวละครของแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองแล้วจ๊ะ บทสนทนา ในเมื่อตัวละครในเรื่องนี้เป็นแนวการ์ตูน บทสนทนาในเรื่องจึงต้องออกมาในรูปของการ์ตูนไปด้วย จะเห็นได้ว่าสรรพนามที่ตัวละครใช้เรียกแทนตัวเองนั้นจะอยู่ในระดับเดียวกัน เช่น “ฉัน” “นาย” “เธอ” ไม่มี “ผม” “คุณ” ซึ่งดูเป็นทางการและผู้ใหญ่มากกว่า รูปประโยคที่พูดก็มักเป็นประโยคคลาสสิคแบบที่เห็นในการ์ตูนทั่วไป สังเกตได้ชัดจากเวลาที่มิเนอร์วาแหวใส่พนักงานคนอื่นๆ “นี่นาย!” “ว่าไง ห๊ะ!” เป็นต้น ฉากและบรรยากาศ มีน้อย แต่ก็ยังถือว่าสมเหตุสมผลเพราะตัวละครในเรื่องไม่ค่อยได้ไปไหนนอกจากร้านขนมหวานของพวกปีศาจ แต่ถ้ามีผู้เขียนก็สามารถพรรณนาได้ดีตอนที่เซซิลเดินไปเจอร้านขนมหวานใหม่ๆ สามารถเล่าให้เห็นภาพได้ว่าหน้าตาร้านเป็นแบบใด มีประตูตรงไหนบ้าง ภาษา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองของตัวละคร จึงสามารถใช้ภาษาพูดในบทบรรยายได้ ซึ่งในส่วนการใช้ภาษาผู้เขียนทำได้ดี เล่าเหตุการณ์ในมุมมองของตัวละครอย่างเข้าใจและลำดับเป็นเรื่องราว ไม่งง แต่ระวังเรื่องการใช้ไม้ยมก ผู้เขียนเป็นคนที่ใช้ไม้ยมกในการบรรยายเยอะมาก ตรงไหนลดได้ พยายามลดลงนะจ๊ะ และผู้เขียนมักพลาด ลืมเคาะเว้นวรรคหนึ่งเคาะหลังพิมพ์ไม้ยมกเสร็จ “นอกจากจะไม่กรีดร้องแบบที่คนทั่วไปควรจะทำแล้ว ผมยังทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ร่างของเด็กคนนั้นอีก” ตรงประโยคนี้เหมือนผู้เขียนพยายามให้รายละเอียดตัวละครมากเกินไป คือพยายามบอกว่าพระเอกมันไม่ขี้ตกใจนะ แต่ความจริงแล้วน้องแนะนำว่าไม่ต้องบอกก็ได้จ๊ะ เป็น “ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ร่างของเด็กคนนั้น” แล้วก็บรรยายไปตามปกติเลย แบบนี้น้องว่าดูพระเอกน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมเยอะ การที่เราอยากให้ผู้อ่านรู้ว่าตัวละครเป็นคนแบบไหนนั้น แสดงให้เห็นเลย ดีกว่าบอกให้รู้นะจ๊ะ คำผิด คำผิดจากการพิมพ์ตกหล่น เช่น อยู่ กลายเป็น อนู่ ในบทที่ 3 เป็นต้น ผู้เขียนมักพลาดเรื่องวรรณยุกต์ ชอบใส่เสียงตรีในอักษรต่ำ ซึ่งความจริงแล้วอักษรต่ำ ไม่มีไม้ตรีนะจ๊ะ มีแต่ใส่ไม้โทเท่านั้น เช่น มั๊ง ต้องเป็น มั้ง และ ว๊าว ต้องเป็น ว้าว เป็นต้น ชั้น - ฉัน (ในตอนที่ 4 ถ้าจำไม่ผิด) ซักหน่อย - สักหน่อย สรุป เรื่องนี้แนวคิดและโครงเรื่องดี การดำเนินเรื่องค่อนข้างช้าเพราะผู้เขียนค่อยๆ ผูกปมเรื่องขึ้นมา จึงทำให้ช่วงกลางเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ แต่เปิดเรื่องได้ดี ดึงดูดผู้อ่าน ตัวละครและบทสนทนาเป็นแบบการ์ตูน ทว่าแต่ละตัวก็มีความเป็นตัวของตัวเองดี ฉากและบรรยากาศยังน้อย เพราะตัวเรื่องมักอยู่แต่ในฉากเดิมๆ ภาษาระวังเรื่องการใช้ไม้ยมกพร่ำเพรื่อ คำผิดบางคำ และเสียงวรรณยุกต์ที่ผิดหลักนะจ๊ะ อ่านน้อยลง
กาฝาก | 23 ก.พ. 56
11
0
"ยอดมากครับ"
(แจ้งลบ)อิอิ ว่างซะที มาวิจารณ์ให้ครับผม ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่านิยายเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆครับ เป็นเรื่องแรกเลยที่ผมหาคำผิดไม่เจอ(มีหรือเปล่าไม่รู้นะครับ แต่ผมหาไม่เจอ หุหุ) เนื้อเรื่องดำเนินได้น่าสนใจมากครับ บรรยายแบบบุคคลที่หนึ่งได้ลื่นไหลมาก ตอนแรกนึกว่าจะออกแนวฮาอย่างเดียว ดันพลิกไปบู๊+สืบสวนซะได้ ก็ต้องตามดูอีกทีว่าจะหักมุมอีกรอบมั้ย ตัวละครมีล ... อ่านเพิ่มเติม
อิอิ ว่างซะที มาวิจารณ์ให้ครับผม ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่านิยายเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆครับ เป็นเรื่องแรกเลยที่ผมหาคำผิดไม่เจอ(มีหรือเปล่าไม่รู้นะครับ แต่ผมหาไม่เจอ หุหุ) เนื้อเรื่องดำเนินได้น่าสนใจมากครับ บรรยายแบบบุคคลที่หนึ่งได้ลื่นไหลมาก ตอนแรกนึกว่าจะออกแนวฮาอย่างเดียว ดันพลิกไปบู๊+สืบสวนซะได้ ก็ต้องตามดูอีกทีว่าจะหักมุมอีกรอบมั้ย ตัวละครมีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน แบ่งแยกได้ดีไม่สับสน แล้วก็มีการจัดหน้ากระดาษให้อ่านได้ง่าย+ตกแต่งได้สวยงามดีครับ ส่วนในเรื่องของข้อเสียผมว่าน่าจะเป็นที่บทพูดกับบุคลิกของตัวละครแหละครับ เนื่องจากทำได้ดีมากๆมันเลยเหมือนทำให้ขัดกับสภาพความเป็นจริงไปบ้างครับ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะถ้าไม่สังเกตจริงๆก็คงไม่รู้ ก็มีเท่านี้แหละครับ หวังว่าจะช่วยให้เป็นประโยชน์ได้นะครับ ที่สำคัญคืออย่ายึดติดกับคำวิจารณ์อะไรพวกนี้มากนะครับ เพราะมันเป็นเพียงความเห็นของคนอ่านคนนึงเท่านั้น อย่าให้มันมีอิทธิพลกับเรามากเกินไปครับ ผมขอบอกตรงๆเลยว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่ผมเคยอ่านมา เป็นกำลังใจให้นะครับ แล้วจะคอยติดตามผลงานครับผม ^^ อ่านน้อยลง
ANTACH | 23 ก.พ. 56
9
0
ดูทั้งหมด
"แฟนตาซีอัดแน่นความลับของพนักงานหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่คุณไม่ควรพลาด! (ระบบวิจารณ์)"
(แจ้งลบ)1. โครงเรื่อง : ยอมรับโดยไร้ซึ่งข้อโต้แย้งใดๆเลยค่ะ ว่าคุณตั้งชื่อเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้น่าสนใจและชวนสงสัยมากๆ 'Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ' ชักอยากรู้แล้วสิว่า เหล่าปีศาจผู้แสนชั่วร้าย (แต่อาจจะนิสัยดีก็ได้ใครจะไปรู้) จะเปิดร้านขายอะไรกัน สำหรับงานบริการที่สุดแสนละเอียดอ่อนนี้ พวกเขาจะทำให้ลูกค้าประทับใจหรือทำให้ ... อ่านเพิ่มเติม
1. โครงเรื่อง : ยอมรับโดยไร้ซึ่งข้อโต้แย้งใดๆเลยค่ะ ว่าคุณตั้งชื่อเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้น่าสนใจและชวนสงสัยมากๆ 'Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ' ชักอยากรู้แล้วสิว่า เหล่าปีศาจผู้แสนชั่วร้าย (แต่อาจจะนิสัยดีก็ได้ใครจะไปรู้) จะเปิดร้านขายอะไรกัน สำหรับงานบริการที่สุดแสนละเอียดอ่อนนี้ พวกเขาจะทำให้ลูกค้าประทับใจหรือทำให้ลูกค้าตื่นกลัวกันแน่? นักอ่านทั้งหลายคงต้องตามไปลุ้นกันเองแล้วล่ะ พอได้อ่านการเกริ่นนำยิ่งทำให้เราประหลาดใจสุดๆ เฮ้ย! นี่พวกเขากำลังขายขนมหวานให้มนุษย์หรือว่าปีศาจด้วยกันอยู่ล่ะเนี่ย มีการใส่เลือดด้วยล่ะ แบบนี้มนุษย์หน้าไหนจะกล้ากิน แต่ถ้าเป็นปีศาจด้วยกันก็ว่าไปอย่าง ส่วนคำโปรยที่ลงไว้ไนข้อมูลเบื้องต้นก็ดึงความสนใจนักอ่านให้สงสัยใคร่รู้กับเรื่องง่ายๆ ที่นำมาซึ่งความวุ่นวายต่อชีวิตการหนีออกจากบ้านของตัวเอก นามว่า 'เซซิล' ด้วยสิ่งที่เรียกว่า... น้ำเพียงแก้วเดียว หนำซ้ำเมืองที่เขาเร่ร่อนมาอยู่ยังเกิดคดีประหลาดที่ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าใครเป็นผู้กระทำ ความวุ่นวายและอันตรายรอบด้านต่างถาโถมเข้าใส่ทันทีที่เขาเหยียบย่างเข้ามา ณ สถานที่แห่งนี้ แล้วแบบนี้เขาควรจะเร่ร่อนไปเมืองอื่นที่ดีกว่า หรือลงหลักปักฐานที่เมืองแห่งนี้เพราะถูกใจอะไรบางอย่างดีล่ะ? และแล้วเราก็อ่านนิยายของคุณหนึ่งตั้งแต่บทนำจนกระทั่งบทส่งท้ายเสร็จสิ้น ซึ่งเรียกได้ว่าน่าลุ้น และชวนสงสัยใคร่รู้ในความลึกลับซับซ้อนของพระเอกรวมถึงเหล่าตัวเอกทั้งห้าอยู่ตลอดเวลา จากชื่อเรื่องและชื่อภาค (บุรุษลึกลับกับคาเฟ่ปีศาจ) ที่สื่อออกมา นักอ่านทั้งหลายอาจรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ชวนเครียดเกินไปหรือเปล่า บรรยากาศที่สื่อออกมาชวนอึดอัดและมัวหมองแน่ๆ หากคิดแบบนั้น คุณคิดผิดอย่างแรง! เพราะถ้าลองได้อ่านจริงๆแล้วนักอ่านจะเข้าใจตรงกันว่าจริงๆแล้วภาคนี้ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ความตึงเครียดได้มากทีเดียว แถมบรรยากาศของเหตุการณ์สถานที่ก็ออกแนวสดใสสบายๆไม่ใช่เล่นอีกต่างหาก สังเกตได้จากการที่นักเขียนผสมผสานความสนุกสนานเฮฮา บ้า รั่ว เข้าไปในบุคลิกของเหล่าตัวเอกตามแต่สถานการณ์ต่างๆที่เอื้ออำนวย ว่าบทรั่วๆนั้นควรจะส่งให้ใครจึงจะเหมาะสม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการส่งบทดังกล่าวก็สามารถผลักดันให้นักอ่าน(อย่างเรา)มีอารมณ์ร่วม(ฮา)ตามได้ไม่ยาก ไหนจะเรื่องโกลาหลที่เกิดขึ้นภายในร้าน ซึ่งมีที่มาจากเรื่องการล้างจานเล็กๆแต่กลับกลายเป็นความวุ่นวายขนาดใหญ่ ไหนจะเรื่องความวุ่นว่ายภายนอกร้าน ซึ่งเกิดจากบางสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ส่งผลให้ตัวละครทั้งหมดที่เคยสิงสถิตอยู่แต่ในร้านขนมหวานเพียงอย่างเดียวได้ออกไปโลดแล่นภายนอกร้านบ้าง ก่อเกิดเป็นเรื่องราวหลากหลายรสชาติ ทั้งโหด มัน ฮา ท้าทาย รวมถึงไหวพริบ และการต่อสู้สุดแสนดุเดือดจนกระทั่งจบภาคหนึ่ง บอกได้คำเดียวว่าอย่ากลั้นหายใจอ่านเด็ดขาด (เอ๊ะ! ยังไง) 2. ตัวละคร : ถ้าพูดถึงตัวเอกทั้งห้าในร้านขนมหวาน บอกได้คำเดียวว่าคุณสามารถเขียนบรรยายลักษณะนิสัยของทั้งหมดออกมาได้เป็นอย่างดีและมีมิติ ไม่ว่าจะเป็น มิเนอร์วา แม่มดผู้จัดการร้านจอมงก และจอมโวยวาย ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็รักและห่วงใยพวกพ้องมากกว่าตัวเอง นอกจากนี้เธอยังดำรงตำแหน่งเป็นแม่ครัวประจำร้าน ทั้งๆที่ฝีมือการทำอาหาร(ห่วยแตก)เข้าขั้นตกเหว แต่เพราะมีเวทมนตร์ดลบันดาลได้แทบทุกสิ่ง ส่งผลให้รสชาติของหวานเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นสวรรค์วิมานกันเลยทีเดียว เอส ผีหัวขาดวัยละอ่อนจอมซุ่มซ่าม ดำรงตำแหน่งเด็กเสิร์ฟประจำร้าน นอกจากจะทำข้าวของภายในร้านเสียหายอยู่บ่อยๆแล้ว ยังชอบทำหัวตัวเองหลุดออกจากบ่าอีกต่างหาก ภายนอกที่ใครๆเห็นว่าเป็นเด็กน้อยน่ารัก แววตาใสซื่อ แท้จริงแล้วเขามีความคิดความอ่านสุดแสนแยบยลเกินกว่าวัยและใบหน้า เล่นเอาคนรอบข้างหลายๆคนตามแทบไม่ทันเลยล่ะ วิกเตอร์ แวมไพร์ผู้รั้งตำแหน่งเด็กล้างจานประจำร้าน ชายหนุ่มขยาดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิง (เพราะความโหดร้ายอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ของพวกหล่อน) กลัวแสง ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เราไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้ จริงๆแล้ว อ่อนโยนใจดี ขี้เล่น หรือหยิ่งทะนง กันแน่ นั่นเพราะภาคนี้เขาค่อนข้างมีบทบาทน้อย และมีบางอย่างแฝงอยู่ จึงไม่สามารถเข้าใจความเป็นตัวตนหรือลักษณะนิสัยโดยแท้จริงของแวมไพร์ผู้นี้ได้เท่าที่ควร อากิระ ภูติหิมะหนุ่มหน้าหวานดำรงตำแหน่งแคชเชียร์ และบริการเครื่องดื่มหลากรสหลายรูปแบบประจำร้าน ชายหนุ่มชื่นชอบความงามของสตรี เกลียดคนเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง แต่ชุดประจำเผ่าที่เขาชอบใส่ดูๆไปไม่ต่างจากเสื้อผ้าของมนุษย์ผู้หญิงสักเท่าไหร่ หว่านเสน่ห์ไปเรื่อย (เรียกว่าหน้าหม้อก็คงไม่ผิด-O-;) ยอมไม่ได้ที่จะถูกสาวๆเมินหรือมองข้าม ยูชัว มัมมี่หนุ่มผู้เงียบขรึมหรือซื่อบื้อก็ไม่แน่ใจ รับหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับประจำร้าน มัมมี่ผู้นี้เงียบจริงๆ เงียบชนิดที่ว่า คนอ่านอย่างเราเกิดคำถามขึ้นมาทุกครั้งที่อ่านเจอเขาคนนี้ จริงๆแล้วเขาพูดได้แต่ไม่ยอมพูด (และใช้สีหน้าท่าทางรวมถึงความสามารถพิเศษที่ใครก็ลอกเลียบแบบไม่ได้สื่อสารแทน) หรือเขาเป็นใบ้กันแน่ ก็คงต้องสงสัยกันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยคือ ความรอบรู้ที่เขามี ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ของร้านก็มิปาน แต่พอพูดถึงพระเอกของภาค1หรือของเรื่องนี้นามว่า เซซิล พนักงานใหม่ประจำร้านผู้รั้งตำแหน่งเด็กเสิร์ฟมือวางอันดับสองแล้ว ลักษณะท่าทางและนิสัยใจคอของเขา ในความรู้สึกของเรา เราคิดว่าผู้ชายคนนี้ยังไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ จะว่าสงบนิ่งหรือก็ไม่ใช่ จะว่าอ่อนโยนใจดีหรือก็ไม่เชิง สภาพจิตใจและสภาพอารมณ์ยังสองแง่สองง่ามอยู่ อาจเป็นเพราะความลับมากมายที่เขาซุกซ่อนไว้ ส่งผลให้ตัวเขาเองยังไม่สามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้เท่าที่ควร แต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้และคิดว่าน่าจะใช่เขามากที่สุด นั่นคือ นิสัยสอดรู้สอดเห็น เฮ้ย! เราหมายถึงนิสัยอย่างรู้อยากเห็นน่ะ เขามักจะกระตือรือร้นกับสิ่งแปลกใหม่เสมอๆ (จะว่าไปแล้วก็คงจะเหมือนกับพระเอกของนิยายทั่วไปที่มักจะสนใจใคร่รู้สรรพสิ่งรอบข้างที่ตนมีโอกาสได้ประสบพบเจอ อย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก น่าลุ้น น่าลอง) ในภาคต่อไปนักอ่าน(อย่างเรา)คงจะเข้าใจและได้เห็นลักษณะนิสัยที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้ 3. การใช้ภาษา : อ่านบทนำไปได้สองย่อหน้า เราก็คิดไปไกลว่าเรื่องนี้คงจะใช้การบรรยายโดยบุรุษที่สาม พอเจอคำว่า 'ผม' เท่านั้นแหล่ะ เล่นเอาเรานิ่งค้างไปครึ่งวิ เฮ้ย! เรื่องนี้ใช้บุรุษที่หนึ่งหรอกหรือ จริงๆแล้วจะบรรยายด้วยบุรุษไหนก็ไม่สำคัญหรอก เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือสำนวนภาษาที่คุณใช้ และลักษณะการบรรยายที่คุณสื่อผ่านตัวละครหรือเหตุการณ์สถานที่ต่างๆ มันช่างสละสวย สบายๆกับประโยคหรือถ้อยคำที่อ่านเข้าใจง่าย ลื่นไหล ไม่สะดุด ไม่ยืดเยื้อ ชวนติดตาม สามารถอ่านได้เรื่อยๆ ไม่รู้จักเบื่อ นั่นเพราะคุณมีการทิ้งปมความสงสัยมากมายลงไปแทบจะทุกตอน ไม่ว่าจะเป็น เหตุผลที่พระเอกหนีออกจากบ้าน ทำไมพระเอกไม่พกเสื้อผ้ามาด้วยเยอะๆ แต่กลับเลือกที่จะขนอาวุธสารพัดชนิดมาแทน เหตุใดร้านขนมหวานที่พระเอกตกกระไดพลอยโจรเข้ามาทำงานถึงได้มีแต่ปีศาจ ตัวเอกทั้งห้าเป็นแค่พนักงานร้านขนมหวานจริงหรือ คดีปริศนาที่เกริ่นไว้ตอนต้นเกิดจากฝีมือใคร และสิ่งที่นักอ่านสงสัยสุดๆคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า... ตกลงแล้วพระเอกของเรื่องเป็นใคร และเป็นปีศาจเผ่าพันธุ์ไหนกันแน่ คำถามเหล่านี้หลอกล่อความสงสัยใคร่รู้ของเหล่านักอ่านให้พากันจดจ่อรออ่านตอนต่อไปอย่างไม่มีเงื่อนไข ต่อมาในบทที่14 ก็ดำเนินเรื่องโดยการใช้บุรุษที่สามเข้ามาร่วมในการบรรยาย นั่นเพราะตัวละครสำคัญบางส่วน อยู่เหนือการควบคุมของพระเอก จึงจำเป็นต้องใช้บุรุษที่สามเข้ามาช่วย ซึ่งการบรรยายก็ทำได้ดีไม่มีที่ติเช่นเดียวกัน ที่สำคัญนักอ่านยังสามารถมองเห็นภาพตามได้กว้างมากยิ่งขึ้นไปอีกแทนที่จะเป็นการรับรู้จากคำบอกเล่าของตัวเอกฝ่ายเดียว การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ของคุณจะอาศัยตัวละครเป็นสื่อให้เขาและเธอต้องออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆแล้วก่อเกิดเป็นเรื่องราวซึ่งตั้งอยู่บนเหตุการณ์ โดยเฉพาะการต่อสู้อันสมจริง ดุเดือด และเข้มข้น ซึ่งมีการจัดวางลำดับก่อนหลังเอาไว้เป็นอย่างดี อ่านแล้วจึงไม่รู้สึกงง หรือคิดว่าเรื่องราวที่คุณสื่อออกมาไม่ปะติดปะต่อ ตรงกันข้าม มันสอดคล้องและดำเนินไปในทิศทางเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด สรุปแล้วนักอ่านยิ่งอยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ ไม่ขอพูดถึงเรื่องคำผิด เพราะดูท่าแล้วคุณหนึ่งน่าจะตรวจทานเป็นอย่างดี อาจมีคำตกหล่นบ้างก็แค่นิดหน่อย นิดหน่อยเท่านั้น ขอเอ่ยถึงสิ่งที่เราสงสัยดีกว่า... บทนำ เกี่ยวกับแว่นของหนุ่มมัมมี่ เราเห็นคุณหนึ่งบรรยายว่าแว่นไร้กรอบ (หมายถึงรอบนอกของตัวแว่น เมื่อมองแล้วก็จะเห็นว่าแว่นไม่มีโครงน่ะนะ) แปลกๆเหมือนกันแฮ่ะ หรือคุณหนึ่งหมายถึงเลนส์แว่นรึเปล่า ถ้าใช่ แนะนำแก้ไขสักนิดค่ะ บทที่1 โบกมือไล่ให้รีบไป???ลูกค้าฯ บทที่5 ผมเคยได้ยินมาเรื่องแบบนี้มาก่อนจริงๆ รบกวนเรียบเรียงใหม่ด้วยค่ะ อ่านแล้วงง / ฮอรัส เปลี่ยนเป็น ยูชัว แล้วไม่ใช่เหรอ ในบทนี้ยังมีชื่อเก่าให้เห็นอยู่นะ ข้อเสียของการเขียนด้วยบุรุษที่1 เวลาที่คุณทิ้งประเด็นหรืออากัปกิริยาบางอย่างของบุคคลอื่นหรือบุคคลภายนอก โดยใช้ประโยคที่ว่า... โดยไม่รู้เลยว่าฯ เพื่อสื่อให้คนอ่านทราบว่ามีคนกำลังลอบสักเกตพฤติกรรมพระเอกอยู่โดยที่พระเอกไม่รู้ตัว หรือสายตาคนอื่นที่จ้องมองมามีปฏิกิริยาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยที่พระเอกไม่ทันสังเกตเห็น แม้นักอ่านจะเข้าใจและเชื่อตามสิ่งที่คุณสื่อว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เราก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าพระเอกรู้ทุกอย่างหรือรู้ทุกความเคลื่อนไหวของบุคคลอื่นๆ รวมถึงสายตาที่จับจ้องมาจากบุคคลรอบข้าง ส่งผลให้ความสมจริงของฉากตอนนั้นๆลดน้อยลงไปพอสมควร พอๆกับความรู้สึกที่ควรจะคล้อยตามมันก็หดหายไปด้วย (ในความคิดเรานะ-O-;) จะดีกว่าไหมหากคุณจะใช้บุรุษที่สามเข้ามาแทรกแทนในกรณีที่คุณต้องการสื่อให้นักอ่านทราบแต่ตัวเอกไม่มีโอกาสรู้ 4. แก่นเรื่อง : หลังจากอ่านเนื้อเรื่องตั้งแต่บทนำจนกระทั่งบทส่งท้าย ซึ่งถือว่าจบภาคแรกของเรื่อง เราก็พอสรุปที่มาที่ไปและใจความสำคัญของแก่นเรื่องได้คร่าวๆ หากพูดถึงองค์ประกอบหลักของเรื่องที่กล่าวว่า 'พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ' ก็คงจะกล่าวถึงตัวเอกทั้ง5 อันประกอบด้วย มิเนอร์วา, เอส, วิกเตอร์, อากิระ และ ยูชัว ดูเผินๆทั้งหมดถือเป็นพียงพนักงานธรรมดา แต่มีความลับมากมายที่ไม่ธรรมดา ความลัพธ์ที่ว่าอย่างแรกนั่นคือ พวกเขาเป็นปีศาจ เหตุผลที่เหล่าปีศาจต้องเปิดร้านขนมหวานนั่นเพราะเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยมนุษย์ซะส่วนใหญ่ และพวกเขาอยู่ว่างๆมากเกินไปจึงต้องหาอะไรทำแก้เซ็ง หนำซ้ำการเปิดกิจการครั้งนี้ยังสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ พอๆกับความเจริญรุ่งเรืองของกิจการที่นับวันจะมีลูกค้าทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่แวะเวียนมาลิ้มรสกันอย่างไม่ขาดสาย ส่วนจุดประสงค์หลักที่ทำให้ทั้งห้าต้องมารวมตัวกัน ณ สถานที่แห่งนี้ คงต้องให้นักอ่านติดตามอ่านกันเอง คราวนี้มาพูดถึงแก่นเรื่องของภาค1 ที่กล่าวถึง ‘บุรุษลึกลับกับคาเฟ่ปีศาจ’ กันดีกว่า บุรุษลึกลับนามว่า เซซิล มีเหตุให้ต้องหนีออกจากบ้าน เพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่าง เพราะการพักดื่มน้ำเพียงแก้วเดียวเป็นเหตุให้การเดินทางของเขาสิ้นสุดลง ณ เมืองแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยมนุษย์ และมีปีศาจบ้างประปราย ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร และจุดหมายปลายทางคือที่ไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขาดันกลายมาเป็นพนักงานของร้านขนมหวานโดยไม่ทันตั้งตัว หนำซ้ำร้านดังกล่าวยังมีแต่พนักงานที่เป็นปีศาจทั้งสิ้น เรื่องวุ่นวายระหว่างเขากับเหล่าพนักงานในร้านขนมหวานค่อยๆเริ่มต้นขึ้น พร้อมๆกับความลับของเขาที่กำลังจะถูกเปิดเผย อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วคุณหนึ่งไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคุณจึงไม่เห็นคำแนะนำใดๆจากเราเลย นั่นเพราะงานเขียนของคุณได้รับการสรรสร้างและขัดเกลาด้วยตัวคุณเองมาเป็นอย่างดีจนได้ผลงานที่เหมาะสมลงตัวสุดๆอยู่แล้ว ทัศนคติของเราที่มีต่อนิยายของคุณจึงมี (เพียงน้อยนิด) เท่าที่เห็น และไม่มีสิ่งใดที่เราจะเสนอหรือแนะนำเพิ่มเติมได้มากไปกว่านี้ ดังนั้นคุณหนึ่งมั่นใจได้เลยว่างานเขียนของคุณดูดีและมีคุณภาพเหลือเกิน เกินกว่าที่จะโพสไว้บทหน้าเว็บบอร์ดอย่างเดียว (น่าจะส่งตีพิมพ์เป็นหนังสือได้ไม่ยากล่ะน่า-///-;) หวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาคต่อๆไปจะเข้าสู่การผจญภัยสุดหฤหรรษ์ โหด มัน ฮา (โดยเฉพาะความฮา บ้า รั่ว) ของเหล่าตัวเอกตามแบบฉบับของคุณ อ่านเพิ่ม http://writer.dek-d.com/cheekwa/story/viewlongc.php?id=999920&chapter=12 ระบบวิจารณ์ อ่านน้อยลง
กุมภ์กรณ์,หนามMelon | 10 ต.ค. 56
5
0
"วิจารณ์ Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ"
(แจ้งลบ)นิยายเรื่อง Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปิศาจ ของ N.S. Bloody นั้น ผู้เขียนได้ระบุว่าจะมีทั้งหมด 4 ภาค ซึ่งมีการดำเนินเรื่องที่แตกต่างกัน แต่ในปัจจุบันผู้เขียนยังแต่งภาคแรกที่มีชื่อภาคว่า “บุรุษปริศนากับงานใหม่” ได้เพียง 14 ตอน จึงวิจารณ์ได้เฉพาะที่โพสต์ภาคแรกเท่านั้น ร้าน Evil Demon Café เป็นร้านที่เหมือนกับชื่อ ... อ่านเพิ่มเติม
นิยายเรื่อง Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปิศาจ ของ N.S. Bloody นั้น ผู้เขียนได้ระบุว่าจะมีทั้งหมด 4 ภาค ซึ่งมีการดำเนินเรื่องที่แตกต่างกัน แต่ในปัจจุบันผู้เขียนยังแต่งภาคแรกที่มีชื่อภาคว่า “บุรุษปริศนากับงานใหม่” ได้เพียง 14 ตอน จึงวิจารณ์ได้เฉพาะที่โพสต์ภาคแรกเท่านั้น ร้าน Evil Demon Café เป็นร้านที่เหมือนกับชื่อ คือมีพนักงานที่เป็นปิศาจ และลูกค้าที่เป็นมนุษย์บ้างปิศาจบ้าง อยู่ในโลกที่มนุษย์ยอมรับว่าปิศาจมีตัวตน อีกทั้งยังมีตลาดซื้อขายเนื้อและเลือดมนุษย์ สำหรับให้ปิศาจบริโภคกันอย่างถูกกฎหมายอีกด้วย (เนื้อมนุษย์ที่ซื้อขายกันเป็นของนักโทษประหาร จึงขอตั้งข้อสังเกตว่ามนุษย์ในเรื่องนี้คงจะทำผิดจนต้องประหารกันมากทีเดียว จึงมีเนื้อเพียงพอที่จะนำมาขายเป็นตลาดให้กับปิศาจได้) อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องซีเรียส หรือเป็นนิยายแอ็คชั่น หรือสยองขวัญที่ต้องลุ้นระทึก แต่กลับเป็นเรื่องราวอลเวงภายในร้านกาแฟปิศาจที่ประกอบด้วยสมาชิกสุดเพี้ยน 6 คน ได้แก่ มิเนอร์ว่า แม่มดผู้จัดการร้านหน้าเงิน เธอควบตำแหน่งแม่ครัวด้วย แต่กลับทำกับข้าวไม่เป็นถ้าไม่ได้ใช้เวทมนตร์ เอส ผีหัวขาดวัยเด็กจอมซุ่มซ่าม ที่มักจะทำจานแตกและทำหัวของตัวเองหล่นอยู่เสมอ อากิระ ภูติน้ำแข็งผู้งดงาม เมื่อแต่งชุดประจำเผ่ายิ่งดูงดงามมากขึ้น แต่ติดที่ว่าเขาเป็นผู้ชายและยังเป็นจอมเจ้าชู้ วิกเตอร์ แวมไพร์ผู้ขยาดเพศหญิง ไม่ชอบแสง แต่หากอยู่ในที่ร่มจะชอบใส่เสื้อชายหาด โฮรุส มัมมี่หนุ่มผู้ทรงภูมิและไม่(ค่อย)พูดจา แต่จะสื่อสารทางสีหน้าและอักษรทราย และสมาชิกใหม่ เซซิล บุรุษปริศนา ผู้ต้องกลายเป็นพนักงานร้านนี้ เพราะทำถ้วยกาแฟของผู้จัดการร้านแตก ผู้เขียนบรรยายลักษณะของตัวละครแต่ละตัวได้ชัดเจนทั้งรูปร่างหน้าตา ความสามารถ และนิสัย ทำให้ผู้เขียนสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาสร้างความบันเทิงให้กับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี เช่น ปัญหาเรื่องการล้างจานที่น่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กลับเป็นปัญหาใหญ่ของร้านนี้ เพราะมัมมี่มีร่างกายเป็นทรายจึงล้างจานไม่ได้ ภูติน้ำแข็งเมื่อถูกน้ำ น้ำก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง จึงล้างจานไม่ได้ ผีหัวขาดก็แสนจะซุ่มซ่าม ถ้าให้ล้างจาน จานก็คงจะแตกแน่ๆ ส่วนผู้จัดการ เธอไม่ลดตัวลงมาล้างจานแน่นอน เซซิลผู้มาใหม่ ก็ยังล้างจานไม่เป็น หน้าที่ล้างจานจึงตกเป็นของวิกเตอร์แต่เพียงผู้เดียว เมื่อมีปัญหาทำให้เขาต้องหายตัวไป การล้างจานจึงเป็นปัญหาใหญ่ของที่ร้าน ซึ่งก็สร้างความขบขันให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี นิสัยของตัวละครก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้นิยายเรื่องนี้สนุก ไม่ว่าจะเป็นวิกเตอร์กับอากิระ คู่หูเพื่อนสนิทแต่นิสัยต่างกันอย่างสุดขั้ว ที่เห็นชัดที่สุดคืออากิระเป็นจอมเจ้าชู้ แต่วิกเกอร์กลับเกลียดผู้หญิง เมื่อไปเที่ยวด้วยกัน วิกเตอร์จึงถูกลากไปอย่างไม่เต็มใจทุกครั้ง แต่เขาก็ต้องคอยช่วยเหลือเพื่อนที่หน้าตาสวยจนมีผู้ชายมารุมจีบทุกครั้งด้วยเช่นกัน บรรยากาศเช่นนี้จึงสร้างความเฮฮาและรู้สึกว่าตัวละครมีชีวิตขึ้นได้ เอส ผีหัวขาด ถึงแม้เขาจะซุ่มซ่าม หกล้ม จนมักจะทำจาน เครื่องดื่ม และหัวของตัวเอง ตกอยู่เสมอ ซึ่งก็สร้างความขบขันได้พอสมควรแล้ว แต่ตัวละครนี้ยังสร้างความสนุกสนานได้มากขึ้นอีกเมื่อเอสไม่ได้เป็นแค่เด็กซุ่มซ่าม แต่เขายังต่อปากต่อคำเก่ง เพราะท่าทีที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ ถึงแม้จะพูดเรื่องที่ดูเหลือเชื่อ แต่เอสก็สามารถพูดจนพวกตัวเอกรอดจากการสอบสวนของตำรวจมาได้ ทั้งนี้ก็มีข้อเสียกับตัวละครอื่นๆ อยู่บ้าง เมื่อเอสนำความสามารถด้านการพูดมาใช้เถียงกับเซซิลหรือคนอื่นๆ แต่สำหรับผู้อ่านแล้ว ย่อมได้แต่ความสนุกสนานที่ได้อ่านลีลาของเด็กอายุมากคนนี้แน่นอน นอกจากนี้ยังมีโฮรุสผู้ไม่ค่อยพูดจา และก็ไม่ค่อยมีใครในร้านพูดกับเขา มีเพียงมิเนอร์วาที่สื่อสารได้รู้เรื่อง แต่โฮรุสก็มีงานอดิเรกที่ตรงข้ามกับบุคลิกคือชอบซื้อวิกผม ส่วนมิเนอร์วาเองถึงแม้จะเป็นแม่มดปากร้ายและเห็นแก่เงิน แต่เธอก็เป็นหัวหน้าที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของลูกน้องทั้งห้าอยู่เสมอ ซึ่งแสดงออกด้วยการพยายามช่วยเหลือวิกเตอร์ที่ถูกปิศาจเข้าสิง นอกจากนี้เธอยังมีมุมขำๆ เพราะเมื่อเธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้ จะทำอะไรไม่เป็นเลย ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เพื่อให้เห็นว่า ผู้เขียนได้แสดงให้เห็นตัวละครในหลายด้าน ซึ่งทำให้ตัวละครดูมีความสมจริงมากขึ้น และทำให้อ่านได้สนุกขึ้นเมื่อพบด้านที่ตรงกันข้ามกับบุคลิกที่ตัวละครแสดงออกให้คนภายนอกเห็น จะมีก็เพียง เซซิล ซึ่งผู้เขียนยังตั้งใจปกปิดข้อมูลของตัวละครนี้เพื่อให้ผู้อ่านสนใจว่าเซซิลเป็นปิศาจแบบไหนกันแน่ มีเรื่องราวอะไรที่ทำให้เขาต้องหนีออกจากบ้านมาเป็นพนักงานที่ร้านนี้ และเขาจะมีมุม “รั่วๆ” เช่นเดียวกับเพื่อนๆ หรือไม่ เพราะเท่าที่อ่านมาทราบเพียงว่า เซซิลเป็นปิศาจที่อายุยืนยาวมาก และมีอาวุธจำนวนมากที่ต้องพกพาไปต่อสู้ ส่วนนิสัยคือมีความอยากรู้อยากเห็นมาก ถ้ามีอะไรที่เซซิลเห็นว่า “น่าสนใจ” เขาจะต้องเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวนั้นๆ ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในร้านกาแฟที่เต็มไปด้วยปิศาจ หรือการต่อสู้กับวิกเตอร์ แวมไพร์ที่ถูกปิศาจเข้าสิง นอกจากนี้ ความสามารถของปิศาจทุกตัวที่ปรากฏในเรื่องที่แตกต่างกัน ได้แก่ เซซิลใช้อาวุธได้เป็นจำนวนมาก ใช้เวทมนตร์ได้บางอย่าง และมีความเร็วสูง วิกเตอร์มีความเร็วและพละกำลังมาก โฮรุสแปลงร่างเป็นทราย เคลื่อนที่เข้าไปในที่แคบได้ เอสสามารถใช้เส้นเอ็นในการบังคับสิ่งต่างๆ อากิระสามารถใช้พลังน้ำแข็ง และมิเนอร์วาสามารถใช้เวทมนตร์ของแม่มด จึงน่าสนใจว่าหากปิศาจเหล่านี้ได้ใช้ความสามารถของตนเข้าต่อสู้กัน ซึ่งในภาคแรกนี้มีการต่อสู้ให้เห็นชัดเจนไปแล้วหนึ่งคู่ คือการต่อสู้ระหว่างวิกเตอร์และเซซิล ก็แสดงให้เห็นว่า นอกจากการเขียนเรื่องตลกขำขันแล้ว ผู้เขียนเรื่องนี้ก็สามารถเขียนฉากต่อสู้ได้ดีเช่นกัน คือมีการบรรยายการเคลื่อนไหวและการใช้ความสามารถของตัวละครได้ชัดเจน และตัวละครแต่ละตัวก็มีความเก่งกาจทัดเทียมกัน ผู้อ่านจึงไม่สามารถเดาได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ และสนุกที่ได้จินตนาการถึงตัวละครเวลาที่ใช้ความสามารถต่างๆ อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่า ตัวละครหลายตัวมีความสามารถคล้ายกับการ์ตูนญี่ปุ่นบางเรื่อง เช่น นูระ หลานจอมภูติ หรือ นารุโตะ นินจาจอมคาถา หากผู้เขียนจะสร้างตัวละครที่มีความสามารถไม่ซ้ำแบบใครขึ้นมาได้ก็คงจะดีมาก ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความเฮฮาที่เกิดขึ้นภายในร้านกาแฟ แต่ผู้เขียนก็ได้ทิ้งเงื่อนงำหลายอย่างไว้ให้ผู้อ่านสนใจติดตาม ไม่ว่าจะเป็น ความลึกลับของเซซิลที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ข่าวเรื่องการหลบหนีออกจากคุกของนักโทษปิศาจ ปิศาจที่เข้าสิงวิกเตอร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และปิศาจ เป็นต้น ซึ่งแต่ละปมที่ผู้เขียนทิ้งไว้ก็สามารถทำได้อย่างกลมกลืนกับเนื้อเรื่อง เช่น ข่าวนักโทษปิศาจ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ที่ส่งมาที่ร้าน ต่อจากนั้นวิกเตอร์ที่เป็นแวมไพร์ก็ก่อเหตุฆ่าคน ในระยะแรกผู้อ่านจะไม่เอะใจ เพราะขึ้นชื่อว่าแวมไพร์ก็ต้องดูดเลือดคนอยู่แล้ว เมื่อสันนิษฐานว่าวิกเตอร์ถูกปิศาจเข้าสิง มิเนอร์วาจึงเดินทางไปขอยันต์ไล่วิญญาณที่โบสถ์ของมนุษย์ ก็เป็นเหตุผลที่เหมาะสมที่ทำให้ตัวละครต้องเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ เป็นต้น คาดว่าเรื่องราวเหล่านี้จะได้รับการสานต่อในภาคต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม เท่าที่อ่านมาพบว่า นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดยใช้ตัวละครเป็นกลวิธีหลัก จึงทำให้ผู้อ่านได้รู้จักตัวละครแต่ละคนเป็นอย่างดี แต่ยังมองไม่เห็นโครงเรื่องหลักที่ชัดเจนว่านิยายเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องไปอย่างไร จากที่ผู้เขียนได้บอกว่าในสี่ภาคจะดำเนินเรื่องแตกต่างกัน น่าจะเป็นความคิดที่ดีที่ผู้อ่านจะได้พบกับนิยายหลายรสชาติ แต่ผู้เขียนก็ต้องใช้ความสามารถอย่างมากที่จะคุมโครงเรื่องหลักให้ดำเนินไปถึงจุดจบได้ ขอแนะนำผู้เขียนว่าอาจจะคลี่คลายปมปริศนาที่เกริ่นไว้ไปทีละเรื่องในแต่ละภาค และค่อยๆ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงเรื่องหลัก ซึ่งขอเดาว่าเป็นประวัติและเรื่องราวของเซซิล จนไปพบกับฉากจบในภาคสุดท้าย ก็คงจะจบเรื่องได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด สุดท้ายเป็นเรื่องของการสะกดคำ ส่วนใหญ่นิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยมีคำที่สะกดผิด บางคำที่มีเช่น น้ำแข็งใส ที่ถูกคือ น้ำแข็งไส ชีทเค้ก ที่ถูกคือ ชีสเค้ก มั๊ย ที่ถูกคือ มั้ย ว๊าว ที่ถูกคือ ว้าว เป็นต้น จึงขอให้ผู้เขียนตรวจการสะกดคำให้ถูกต้อง ก็จะทำให้นิยายเรื่องนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีก อ่านน้อยลง
bluewhale | 19 มี.ค. 56
9
0
ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น