ตอนที่ 40 : Special : หัตถาราชา 4
หัตถาราชา 4
“ขอบใจทุกคนมากนะ” บอสมาเฟียกล่าวขอบคุณ ตาสีดำขุ่นกวาดมองเหล่าลูกน้องยืนรวมพลตรงหน้า..ลูกน้องที่ปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองเจ้านาย อารักขารักษาชีวิตเขาเอาไว้ให้รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใบหน้าคมเข้มชราภาพไปตามกาลเวลาแต่ยังดูดี มีสง่าราศีจ้องมองไปยังลูกน้องคนหนึ่ง
“โดยเฉพาะ เต” ชื่อเด็กใหม่สุดในทีมถูกกล่าวชม “ออกสนามครั้งแรก เก่งมากจริงๆ”
ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุรุษอัลฟ่า เด็กใหม่ที่เข้ามาด้วยคะแนนสูงสุดของรุ่น นอกจากเจ้านายชมแล้ว มือขวาของบอสยังเข้ามาตบไหล่กล่าวชมสมทบไปอีกก่อนเดินตามเจ้านายเข้าบ้านไป “มึงทำงานได้ดีมาก ดีใจด้วยที่ได้รับคำชมจากบอส”
หนุ่มหน้าไทยมองนายจ้างและลูกน้องฝีมืออหังการไกลออกไปจนลับสายตา เขาไม่ได้รู้สึกปลื้มกับคำชมนัก กลับหนักใจมากกว่าเก่า ปกติก็โดนริษยาจากลูกน้องคนอื่นอยู่แล้ว การทำงานไปเข้าตานายยิ่งเพิ่มเติมความรู้สึกนั้น ไอเย็นแผ่กระจายจากอัลฟ่าหลายคนโดยเฉพาะกลุ่มที่ขยันซ้อมเขาประจำ ที่ทำได้คือ..เมินสายตาเหล่านั้นแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อ
ตกดึก..ชีวิตกระสอบทรายเริ่มต้นอีกครั้ง
โครม!!!!!!!
กำปั้นอัดเข้าแสกหน้าผู้ได้รับคำชมเชยจากปราบพยัคฆ์และนิว เตหงายหลังล้มลงหลังกระแทกพื้น ณ ริมทะเลสาบ เจ็บระบมไปทั้งหน้า ทว่า..หาได้ทำให้สะทกสะท้าน ชีวิตที่เกิดมาโดนซ้อมประจำจนด้านชากับความเจ็บปวดเหล่านั้น เสมือนเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งที่คงเหลือไว้กับเขา
“เอาหน้า อยากได้มือซ้ายจนตัวสั่นล่ะสิท่า” ประเคนเท้า ประเคนมือจากหลายๆคน เตนอนปัดป้อง คิดเพียงแค่ว่าอยากให้ผ่านไป อดทนเพื่อจุดประสงค์ที่สำคัญกว่านั้น..พวกลิ่วล้อเหล่านี้ก็แค่เป็นตัวหมากให้เขาได้กดเหยียบแสดงความเหนือชั้นเข้าใกล้ตำแหน่งมือซ้ายก็เท่านั้น อ่อนหัดเองแต่ไม่คิดพัฒนาการก็ช่วยไม่ได้ พวกขี้แพ้ที่ไร้ค่าเกินกว่าจะใส่ใจ
“อ๋อ ได้ข่าวว่าคุณนิวมาดักรอมึงถึงหน้าห้อง เข้าใจเลือกคบเพื่อน อยากเป็นเพื่อนกับคุณนิว ให้คุณนิวดันมึงล่ะสิ”
..เพื่อน..
“คนอย่างมึงใครเขาจะเอาทำเพื่อนวะ ทุกวันนี้มีใครอยากคบมึงไอ้เต!!!!”
“หุบปาก..” เหล่าแก๊งอริเลิกคิ้วสูง ก่อนแผดเสียงหัวเราะขำขันกับครั้งแรกที่อีกฝ่ายเปิดปากพูดเถียงกับเขา
“ไม่เว้ย!! ทำไมวะ!!! อ๋อ!! แทงใจล่ะสิ มึงมันไม่ใครอยากคบเป็นเพื่อนไง!!! ไอ้คนไร้เพื่อน!!!!!”
คำก็เพื่อน..สองคำก็เพื่อน..
รู้ไหมว่ามันโคตร ‘น่ารำคาญ!!’
ขาตวัดเตะ เตยกแขนเข้ารัดแล้วบิดหักเสียงกระดูกลั่นดันกร๊อบ!! อีกฝ่ายร้องโหยหวนทุรนทุราย อีกคนรีบพุ่งเข้ามาด้านหลังจะต่อย ทว่า..เขาไว้กว่า มองเพียงหางตาก็คว้าคอคนใกล้ตัวมายืนบังรับหมัดแทนก่อนจับหัวกระแทกกัน การตะลุมบอนเกิดขึ้นหมายซัดร่างคนที่บอบช้ำให้หมอบ หากแต่กลับไม่ง่ายอย่างทุกวันที่ผ่านมา เมื่อเต..เอาจริงแล้ว เขาก้มหลบแล้วตวัดขาเตะให้คนหนึ่งล้มก่อนกระทืบซ้ำทีเดียวหลังหักแล้วเอี่ยวหลบคนที่ชักมีดออกมา
“ความผิดของปากพวกมึง ทำกูหงุดหงิด” กำปั้นอัดกระแทกทีเดียวฟันหลุดหมดปาก ไม่พอ ต่อยรัวไปอีก 3 หมัดจนเลือดพุ่งหงายหลังล้มลง เหลือคนสุดท้ายหัวโจกที่กำลังชักปืน เตศอกใส่เข้าเต็มแรงที่ลิ้นปี่จนกระอักเลือด ปืนในมือหล่นตกพื้น ก่อนเข้ารัดคออีกฝ่าย
“อ่อกกกกกกกกกกกก”
ร่างดิ้นเร้าๆ ในอ้อมแขน เหมือนวิลเลี่ยมไม่มีผิด ตาคมวาวโรจน์ดุดันน่าสะพรึงกลัวสบมองคนในอ้อมแขนที่หน้าคล้ำดำเขียวจากการขาดอากาศหายใจ ใบหน้าของหัวโจกแก๊งที่นำทีมหาเรื่องเขาไม่เว้นแต่ละวันบิดเบี้ยวทรมาน ตาเบิกโพล่งฉายแววหวาดกลัวสุดขีดเห็นได้ชัด
ผู้ล่า..กับ..เหยื่อ
“เต!!!หยุด!!!!!” เสียงทุ้มตวาดกร้าว ดึงสติเตกลับมา ใบหน้าที่ก้มลงต่ำซ่อนใต้เงามืดยามค่ำไร้แสงจันทร์รีบปรับสีหน้าเป็นเรียบนิ่ง เหลียวมองไปยังมือขวาเดินเข้ามาจับเขาแยกให้ออกห่างลูกน้อง 10 นายบาดเจ็บโอดครวญบนพื้น การวิวาทจบลงบุญดีของพวกมันทุกคนที่ไม่ถูกเขาฆ่า รถพยาบาลหลายคันในเครือลีโอนิกถูกนิวโทรแจ้งให้มารับไปรักษาตัวใน 1 ชั่วโมงต่อมา แสงไฟสีน้ำเงินแดงกับเสียงไซเรนจากออกไปไกลเกินกว่าได้ยิน ร่างสูงอัลฟ่าผู้บาดเจ็บกับรอยแผลฟกช้ำประคองตัวเองมานั่งเงียบริมทะเลสาบ ทอดมองเงาสะท้อนในน้ำ
“คนอย่างมึงใครเขาจะเอาทำเพื่อนวะ ทุกวันนี้มีใครอยากคบมึงไอ้เต!!!!”
เตกำหมัดแน่น แน่นอน..ใครจะเอาเขาทำเพื่อนแล้วใครจะอยากเป็นเพื่อนกับเขา ในเมื่อมือทั้งสองฆ่า ‘เพื่อน’ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้หลายต่อหลายชีวิตได้ลงคอเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป
“มึงนี่น้า ชอบหาเรื่องเจ็บตัว” เสียงทักดังจากข้างหลัง นิวกลับมานั่งลงข้างกายก่อนยื่นถุงสีขาวส่งให้ เตมองถุงในมือขาวสลับอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ถึงจะระแวงไปก็คงไม่ดีนัก อีกฝ่ายอาจพาลสงสัยเอาว่าเหตุใดขี้ระแวงจัดจึงจำใจรับถึงมาเปิดดูเต็มไปด้วยยาแก้ฟกช้ำ ยาฆ่าเชื้อ พลาสเตอร์ รวมถึงใบเสร็จชำระจากร้านขายยา..ร้านเดียวกับถุงยาที่แขวนหน้าห้องประจำ
ที่แท้เจ้าของถุงยาปริศนา..คือ…
เหลือเชื่อสุดๆ เป็นไปได้ยังไง
หนุ่มอัลฟ่าหน้าไทยหันมองหน้าขาวตี๋ด้านข้าง มองคนที่ทอดมองทะเลสาบกว้างใหญ่คิดป่าหนาทึบ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์ได้รับยารักษาจากคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เอามาให้บ่อยคือวิลเลี่ยม หากแต่วิลเลี่ยมเข้ามาหาอย่างเป็นมิตร พูดจาดีหาใช่ปากคอเลาะร้ายแบบนิว..ไม่เหมือนกันซักนิดเดียว เงียบอยู่นานระหว่างคนทั้ง 2 คน นิวก็ไม่พูดและไม่แสดงตัวด้วยซ้ำว่าเป็นคนแอบเอายามาให้ตลอด ราวกับไม่อยากให้รู้ เตจึงเลือกทำตัวเนียนไม่รู้เรื่องตามอีกฝ่ายไปเช่นกันแล้วเปิดบทสนทนากับอีกฝ่ายเป็นเรื่องอื่นแทน
“พวกนั้นเป็นไงบ้าง”
“หมอบอกว่านอนยาว 6 เดือนเต็ม”
“อืม..” บทสนทนาระหว่างพวกเขาช่างแสนสั้น จบลงแค่นั้นอย่างง่ายดาย ทว่า..บางอย่างกลับเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
เหม็นขี้หน้าน้อยลง..พอได้ล่ะมั้ง
.
.
.
ถึงทำงานในแก๊งมาเฟีย วันหยุดก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมี ตารางวันหยุดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หมุนเวียนผลัดกันไปมาไม่ให้ซ้ำกัน ด้วยช่องโอกาสนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เตรออยู่เช่นกัน วันที่ตารางวันหยุดของมือขวามาถึง เป็นวันที่ลูกน้องมือมหากาฬไม่อยู่ใกล้ตัวปราบพยัคฆ์ ปกติแล้วมือขวากับมือซ้ายจะถูกจัดให้ไม่หยุดซ้ำช่วงเวลาเดียวกัน นี่จึงเป็นโอกาสอันงามในเมื่อตำแหน่งมือซ้ายว่างเปล่า ก็เท่ากับว่ารอบตัวปราบพยัคฆ์ไร้คนฝีมือดีคุ้มกัน
“เต มึงหยุดช่วงเดียวกับกูนี่ ไปเที่ยวกันไหม” หากแต่..ไม่ง่ายอย่างนั้น เมื่อมือขวาแห่งลีโอนิกมาเคาะประตูหน้าห้องแต่เช้าในชุดเสื้อยืดคอโปโลสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ขากระบอกกับรองเท้าผ้าใบสีขาวสะพายเป้สีดำยืนยิ้มเปี่ยมมิตรให้คนที่ตื่นพึ่งตื่นสภาพหัวยุ่งฟู พอจะอ้าปากปฏิเสธ นิวแทรกพูดอย่างรวดเร็วไม่เปิดช่องให้เขาเถียง
“มึงไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนนี่ ยังไงก็ไม่กลับบ้านอยู่แล้ว ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยจะเป็นไรไป” หากดื้อดึงจะถูกสงสัยว่าเหตุใดถึงอยากอยู่ประจำที่นี่ไปอีก..
“ได้..กูไปเก็บของก่อน”
ไอ้หิน ไอ้อวบ แม่งเอ้ย!!
.
.
.
รถไฟยิงยาวหลายชั่วโมงจนมาถึงสถานีรถไฟจังหวัดปราจีนบุรี ประตูขบวนรถเปิดออก ผู้โดยสารทยอยออกจากรถลงสู่ชานชาลา รองเท้าสวมผ้าใบสีขาวและสีดำก้าวเหยียบลงบนชานชาลาพร้อมกระชับกระเป๋าเป้เดินออกไปเข้าสู่ตัวเมืองในต่างจังหวัด เตได้แต่เดินต้อยๆตามหลังผู้นำทางไปเรื่อยเปื่อย พวกเขาออกจากชานชาลาเสร็จก็ไปต่อ 2 แถว วิ่งผ่านถนนเขรอะฝุ่นคลุ้งสมเป็นแดนต่างจังหวัด ต่อยาวไปจนถึงชานเมืองที่ยิ่งกันดารเข้าไปกว่าเก่า หลังจากนั้นจำต้องเดินเท้าต่อไปตามถนนลูกรังตัดผ่านเข้าโซนบ้านในต่างจังหวัดซึ่งส่วนใหญ่ไม่ทำจากไม้ใต้ถุนสูงก็เป็นชั้นเดี่ยวทาสีจัดเห็นแต่ไกลโพ้น
ในที่สุดการเดินเท้าสิ้นสุดลง..นิวเดินมาถึงบ้านสีขาวชั้นล่างชั้นบนทาสีฟ้าสดใสปลูกสร้างในดงสวนต้นกล้วย มะพร้าว ที่หน้าบ้านมีหญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบผิวขาวสวมเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงสีน้ำตาลถือหาบกลับกำลังเดินเข้าบ้าน นิวเร่งฝีเท้าเข้าไปหาเธอแล้ววิสาสะดึงหาบไปแบกบนไหล่แทน
“อ้าว นิวกลับมาแล้วเหรอลูก ตกใจหมดเลยนะ มาไม่ให้ซุ่มเสียง” คนเป็นแม่ยิ้มต้อนรับลูกชายตัวโตสูงใหญ่กว่าเธอมาก นิวยิ้มสดใสก้มลงหอมแก้มมารดาและปล่อยให้มารดาหอมตอบ แสดงความรักใคร่อบอุ่นต่อหน้าเต ตะวันที่เอาแต่อึ้งกับอีกมุมหนึ่งของอัลฟ่าหนุ่มตำแหน่งมือขวา ตาคมสังเกตแม่ของอีกฝ่าย ทั้งกลิ่นฟีโรโมนหอมแป้งเด็กผสมกับกลิ่นหวานกะทิ รวมถึงลำคอที่มีรอยกัดจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นโอเมก้า แม่ของนิวรู้สึกเหมือนถูกมองจึงหันไปมอง พบเข้ากับอัลฟ่าหนุ่มตัวสูงใหญ่เท่าลูกชายยืนหน้านิ่งบนทางเดินเข้าบ้าน
“นี่เตครับแม่ เพื่อนร่วมงานผมเอง”
“ต๊าย!! นิวพาเพื่อนมาบ้าน!!?”
“แม่ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ แค่เพื่อนร่วมงานเอง”
“แต่ลูกไม่เคยพาเพื่อนมาเลยนี่จ้ะ ตายแล้ว แม่ไม่ได้ทำบ้านรอรับเพื่อนลูกเลย”
“โหยแม่ ก็เวอร์เกิน”
“เวอร์อะไรเล่า แม่อยากมีโมเม้นท์ทำบ้านรอรับเพื่อนลูกเหมือนคนอื่นบ้างนะ”
ฟังจากบทสนทนาคร่าวๆ แปลว่าที่ผ่านมานิวไม่เคยพาใครมาเยี่ยมบ้านตัวเองเลย นอกจากเขา? เผลอตัวมุ่นคิ้วฉงนสงสัย หากอีกฝ่ายดูภาพลักษณ์เป็นคนไม่น่าเข้าหาอย่างเขาที่ค่อนข้างเงียบและพูดน้อยจะไม่แปลกใจเลย นิวดูคุยเก่ง คุยได้ตลอด ยิ้มแย้มแจ่มใส เฟรนด์ลี่ ถึงพูดตรงไม่ถนอมน้ำใจแต่โดยรวมก็น่ามีเพื่อนคบค้าสมาคมมิใช่หรือ
ประหลาด
แต่ก็ไม่เท่าการต้องมานั่งขัดสมาธิช่วย 2 แม่ลูกพับใบตองสำหรับใส่ข้าวต้มมัด เตชักสีหน้าหงุดหงิดที่พับไม่ได้ดั่งใจ พับแล้วก็ไม่ได้ทรงสวยเหมือนเจ้าบ้านจนโดนนิวบ่นไม่รู้จะกี่รอบ “มึงพับประสาอะไรวะ กูสอนไปแล้วนะ ไม่สวยเลย”
“ไอ้ห่า กูไม่เคยทำไหมวะ” เตฉุนกึก ทำเสียงเขียวใส่ ก็หาได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัว กลับยักไหล่ไม่รับรู้แล้วบีบบังคับสอนให้เขาพับใบตองใหม่ จี้ๆบ่นๆอยู่อย่างนั้นจนกว่าเตจะพับออกมาได้รูปทรงสวยงามอย่างที่ต้องการ ส่วนแม่ของนิวเอาแต่มองลูกชายกับเพื่อนร่วมงานที่มาค้างแรมด้วยในช่วงวันหยุดทั้งรอยยิ้มขำขันพลางพับใบตองห่อข้าวต้มมัด
สรุปพามาเที่ยวหรือหลอกมาช่วยทำขนมกันแน่
ข้าวต้มมัดชิ้นสุดท้ายจัดใส่หม้อนึ่ง โอเมก้าวัยกลางคนจะยกไปนึ่งในครัวต่อ ทว่า..นิวอาสาขอทำเองแล้วยกข้าวต้มทั้งหมดไปจัดการต่อในครัว ปล่อยให้เตอยู่ลำพังกับแม่ของตน
“ทำขนมไทยขายเหรอครับ”
“จ้ะ ทำมาตั้งแต่สาวๆแล้ว รู้ไหมแม่ได้พ่อนิวก็เพราะขนมไทยนี่ล่ะจ้ะ” คุณแม่ของนิวหัวเราะป้องปาก เล่าเรื่องราวแสนหวานระหว่างคนรักกับเธอด้วยใบหน้ากร้านแดดขึ้นฝ้าอันแดงระเรื่อเก้อเขิน เตยิ้มรับสุภาพยามรับฟังเรื่องเล่า ตาคมกวาดมองไปยังรูปถ่ายฟิล์มเก่าใส่กรอบตั้งบนชั้นวางพลาสติก มีตั้งแต่รูปวัยเด็กของนิวในอ้อมกอดสมัยแม่ยังสาว ไล่ตามช่วงอายุไปจนถึงรูปในชุดนักเรียนทหารตัดผมเกรียน รูปถ่ายหมู่ในชุดทหารถือปืนหน้าด่านลาดตระเวนชายแดน ในสนามรบเมืองนอกและโดดเด่นสุดเป็นเครื่องแบบนักเรียนทหารยืนถ่ายรูปคู่กับนายทหารยศสูงกว่า กอดคอนิวอย่างสนิทสนม
“ผมพึ่งรู้ว่าพ่อนิวเป็นทหาร” เตคาดเดาเอาจากอายุอานาม ชายวัยที่คาดว่าน่าจะใกล้เคียงแม่นิวที่มีรูปเดียวในบ้าน
“อ๋อ นั่นคุณนพ ครูฝึกของนิวสมัยนิวเป็นนักเรียนทหารจ้ะ พ่อของนิวเสียตั้งแต่นิวขวบกว่าเอง” เขาสะดุดชื่อทหารในรูปถ่าย ชื่อที่ได้ยินผ่านหูแต่จำได้ไม่ลืม
นพรัตน์ สมิงพราน มือซ้ายลีโอนิกที่เกษียณอายุไป
เบื้องหลังของอดีตมือซ้ายและมือขวากลับเป็นทหารที่มีหน้าที่ปกปักษ์รักษาประเทศ ซึ่งก็ไม่ผิดแผกอะไร เรื่องเช่นนี้เกิดอยู่บ่อยครั้ง ตำรวจ ทหาร โจร มาเฟีย นักฆ่า สายลับ มักมีที่มาที่ไปวนเวียนใกล้เคียงกันอยู่เป็นประจำ เป็นข้อมูลใหม่ที่หาได้ชวนแปลกใจแต่อย่างใด
“น่าเสียดายนะ..ถ้าแม่มีความรู้ มีอาชีพที่ดีกว่านี้ นิวอาจจะจบไปเป็นทหารที่ดีและเก่งมากๆคนหนึ่ง เขาอุส่าตั้งใจ ได้เป็นนักเรียนดีเด่นของรุ่นมาตลอด” เธอตัดพ้อชีวิต ชีวิต..ที่บีบทางเลือกให้ลูกชายตัดสินใจลาออกแล้วเดินสายงานที่หาเงินได้ดีที่สุด รวดเร็วที่สุด ฉับไวที่สุด ส่วนใหญ่แล้วอาชีพที่เร็วและไวมักเอี่ยวกับการไม่ถูกกฎหมายเสียส่วนใหญ่
“คุณนพชวนนิวเข้าทำงานมาเฟียเหรอครับ ผมแปลกใจมากเลย” แสร้งถามเพราะอยากรู้ข้อมูลเพิ่ม
“จ้ะ คุณนพมีปัญหาเรื่องงานในองค์กร แม่ก็ไม่ได้ถามรายละเอียดมาก เจอกันอีกทีก็เป็นมือซ้ายของบอสแล้วและก็มาชวนนิวไปทำงานด้วยกัน นิวนับถือและรักคุณนพมากเหมือนพ่อคนนึงเลยนะ สมัยก่อนมาเที่ยวบ้านประจำเลย”
“ครับ ผมไม่แปลกใจเลยที่คุณนพเกษียณแล้วฝากบอสไว้กับนิว” เตกล่าวขึ้น
พลัน..สีหน้าและแววตาละอายใจตัดพ้อตัวเองของแม่นิว เปลี่ยนเป็นงุนงง
“เกษียณ?”
“ครับ ก็ทุกคนว่ามาอย่างนั้น” เตเริ่มจับเค้าสงสัยได้ แม่นิวทำหน้างงไปกว่าเก่า เธอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง กลับถูกแทรกโดยลูกชายออกมาจากครัวพร้อมกอดคอเตเอาไว้
“แม่ ผมจะพาเพื่อนไปเที่ยวในเมืองหน่อย กลับดึกๆนะ” เตถูกมือขวาแห่งลีโอนิกฉุดให้ลุกขึ้นแล้วกอดคอลากออกไปจากบ้าน พวกเขาเดินเท้าไปขึ้นรถสองแถวต่อยาวเข้าส่วนอำเภอเมืองของจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงพลบค่ำ อัลฟ่าทั้ง 2 แวะเข้าร้านบาร์ขนาดเล็กริมถนนแถวนั้น แสงไฟหลอดนีออนหลากสีสว่างวาบสะท้อนบนตัวลูกค้าผู้มาเยือนเพียง 2 คนในค่ำคืนนี้
“แม่กูพูดอะไรบ้างล่ะ” นิวเปิดประเด็นหลังนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์ เตนั่งเก้าอี้ข้างนิวและตอบไปตามความจริงที่รับรู้
“เรื่องมึงเรียนโรงเรียนเตรียมทหารและก็เรื่องคุณนพ”
“…..”
อีกฝ่ายเงียบลงทันตาเห็น กระทั่งเจ้าของร้านออกมารับแขก ใบหน้าขาวตี๋หันไปหาหนุ่มหน้าไทยข้างตัวแล้วขยับปากถาม
“มึงแดกเหล้าได้เปล่า”
“ได้อยู่”
“ดี ออนเดอะร็อค วันนี้กูเลี้ยงเอง” วิสกี้รินใส่แก้วบรรจุน้ำแข็งก้อนทั้ง 2 แก้ว ส่งให้ลูกค้าเผ่าพันธุ์อัลฟ่า นิวและเตรับมาดื่มรวดเดียวหมด สัมผัสขมปร่า ร้อนรุ่ม บาดลิ้นแต่อร่อย ไหลผ่านปากเข้าสู่ลำคอลงไปถึงท้อง วูบวาบเพิ่มไออุ่นให้กับร่างกายจนรู้สึกซาบซ่านไปทั่วทั้งร่าง เตวางแก้วลงข้างแก้วว่างเปล่าของคนข้างตัว ตัดสินใจเปิดประเด็นสงสัยถามอีกฝ่าย
“มึงไม่ได้แม่เรื่องคุณนพหรือมึงไม่ได้บอกคนอื่นในแก๊ง อย่างไหนกันแน่?”
นิวมองเหล้าที่ถูกรินใหม่ใส่ ก่อนจะหยักยิ้มมุมปาก..รอยยิ้มที่เตไม่เคยเห็นมาก่อนจากอีกฝ่าย รอยยิ้ม..ที่ดูหม่นหมองต่างจากรอยยิ้มเป็นกันเองอันแสนสดใสที่มักประดับอยู่เป็นประจำทุกวัน
“อาจารย์..ไม่ได้เกษียณ แต่ปกป้องกูไว้” สิ้นคำตอบ เตตาโตทันที พอจะเข้าใจเรื่องคร่าวๆโดยไม่ต้องขยายให้มากความ
“เขาเป็นทั้งอาจารย์ทั้งเพื่อนคนเดียวของกู แต่เขาก็ไปแล้ว..”
“แล้วทำไมมึงต้องโกหกวะ”
“มึงว่ามือซ้ายเลือกปกป้องลูกน้องมากกว่าบอสคือคนทรยศไหม?” คำถามอันแสนหนักอึ้ง เรื่องราวลับของมือขวาที่กุมเอาไว้ ไม่บอกใคร ถูกเล่าออกมาให้คนที่นั่งอยู่ข้างกันรับฟัง เตถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่า ‘ปกป้อง’
ทั้งชีวิตเกิดมาเพื่อพรากชีวิตผู้คนโดยตลอด
“อาจารย์เป็นมือซ้ายที่ดีมาตลอด แต่วันนั้นที่อาเจนติน่ากลับเลือกปกป้องกูแทนที่จะเป็นบอส เขาจึง..ลงโทษตัวเอง รับผิดชอบต่อความผิดพลาดต่อหน้าบอสด้วยการยิงตัวเองตาย” นิวเล่าทั้งเสียงสั่นเครือ กลืนก้อนสะอื้นลงไปในคอ ภาพของนพรัตน์ที่ยืนอยู่ในห้องทำงานนายเหนือหัว หยิบปืนขึ้นจรดศีรษะแล้วลั่นไกดับชีวิตต่อหน้าปราบพยัคฆ์ที่นั่งประสานมือบนเก้าอี้ เขา..ได้แต่มองภาพมือซ้ายที่นอนตายจมกองเลือดต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่อาจวิ่งเข้าไปกรีดร้องร่ำไห้ให้กับการจากไป มีเพียงยืนสงบนิ่งแล้วรับคำสั่งเก็บกวาด พาร่างของอาจารย์ไปฝังในที่ลับผู้คน
เก็บเรื่องอัปยศของอีกฝ่าย ฝังไว้ในผืนดิน
“ชีวิตกูไม่ควรสนิทกับใครจริงๆ” นิวกล่าวต่อแล้วดกเหล้ารวดเดียวอีกแก้วจนหมด ตาตี่เล็กฉายแววสำนึกผิด
“แล้วมึงมาตีสนิทกับกูทำไม” เตถามในสิ่งที่เขาสงสัย
ในเมื่อมือขวาไม่ปรารถนามีเพื่อนเช่นเดียวกัน
เหตุใดเล่า..จึงเข้ามาใกล้ชิด
“ไม่รู้สิ..กูก็แค่ลูกน้องที่สาบานจงรักภัคดีเชื่อใจบอส บอสเป็นคนที่กูและอาจารย์นับถือมาก กูแค่เชื่อเขา” นิวมองเตด้วยแววตานิ่งเรียบ
คนหนึ่งเป็นอดีตทหาร
คนหนึ่งเป็นนักฆ่า
คนหนึ่งปกป้องนาย ดั่งซามูไร
คนหนึ่งอยู่ไร้นาย เพียงโรนิน
เตและนิวไม่มีอะไรที่เหมือนกันซักอย่าง เขาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกว่า ปราบพยัคฆ์ เรืองโรจน์ บอสแห่งลีโอนิกแฟมิลี่เป็นคนที่น่าทึ่งอย่างมาก ตลอดเวลาที่คอยเฝ้าดูเป้าหมาย เขาจำต้องศึกษาพฤติกรรมหลายอย่างเอาไว้ ชายวัยชราที่มีชื่อเสียงน่าสะพรึงเหมือนมาเฟียทั่วไป ไม่แตกต่างอะไรจากโลกมาเฟียที่เขารู้จัก หากแต่ยิ่งทำความเข้าใจก็ยิ่งพบเห็นอีกด้านมุมอันเหลือเชื่อ
แบกรับทุกเรื่องราว ลูกชายและสะใภ้ตาย หลานชายรู้ความจริงก็รับไม่ได้
นานวัน เต ตะวัน นักฆ่าผู้สำเร็จการศึกษา ยิ่งหลุดจากสภาวะไร้อารมณ์เข้าไปทุกวัน เริ่มมีอารมณ์ร่วมกับเรื่องราว เข้าใจเรื่องของความรู้สึกเข้าไปทุกวัน เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่มีต่อนิว นิวทำให้เตเริ่มรู้สึกเหมือนวิลเลี่ยมเข้าไปทุกเมื่อเชื่อวัน
คำว่า 'เชื่อใจ' และ 'มิตรภาพ' มีอยู่จริงหรือ?
โทรศัพท์มือถือสั่นในกระเป๋ากางเกงยีนส์ เตขอปลีกตัวออกไปที่หลังร้าน ล้วงมือถือมาดูหน้าจอเป็นเบอร์แปลกประหลาดที่ไม่ซ้ำเบอร์ในทุกครั้งเหมือนที่ติดต่อมาเช็คผลในทุกงาน
‘ผลเป็นไง’
“ยังไม่ได้ จังหวะไม่เหมาะ”
‘4 เดือนแล้วเนี่ยนะ’
“...ที่ฝรั่งเศส พวกคุณตั้งใจทำอะไร” เตถามเรื่องที่ติดใจสงสัยมาตลอดกับคนของสมาพันธ์นักฆ่า
‘มันไม่ใช่กงการของแก เต ตะวัน หน้าที่ของแกคือ ฆ่า ปราบพยัคฆ์ เข้าใจไหม’
ย้ำเตือนให้ขึ้นใจ งานที่แท้จริง
เต ตะวัน คือนักฆ่า มิใช่ลูกน้องแก๊งมาเฟีย
“ผมเข้าใจ..”
‘ดี รับจัดการให้เสร็จๆซะ’
ปิ๊บ!!
อีกฝ่ายตัดสายทิ้ง เตถอนหายใจเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง หันหลังจะกลับเข้าร้าน พบว่านิวยืนอยู่
“...”
“...”
ต่างคนต่างเงียบ ทั้งที่ดูทรงแล้วนิวน่าจะได้ยินหมดแล้วกลับไม่มีท่าทีชักปืนใส่ เตโลเลใจระหว่างสู้ตอนนี้ไปเลยหรือเนียนไปดี แต่อย่างไรเสียก็เสี่ยงมาก ดูจากใบหน้าที่เรียบนิ่งกับสายตาเขม็งมองเป็นที่ชัดเจนว่า ความลับของเขาถูกล่วงรู้เข้าให้แล้วจนได้
“ทำไมมึงไม่ฆ่ากู ทั้งที่มีโอกาส” เตถาม
“เพราะมึงพลาดหลายครั้ง” นิวตอบ
“..นี่มึงรู้?”
“ใช่..บอสก็รู้” คำตอบต่อมาชวนตกตะลึงยิ่งกว่า เตชักปืนออกมาจ่อมือขวาอย่างรวดเร็ว นิวสบตาอัลฟ่าตรงหน้า ไอเย็นชวนขนลุกแผ่กระจายออกมา หายใจเข้าออกช้าลง ฟังดูไม่น่ากลัวแต่จังหวะหายใจแบบนี้ คนที่มากประสบการณ์รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่สุด ว่าคนๆนี้ไม่ใช่คนปกติทั่วไปและเจ้าตัวได้ปลุกสัญชาติญาณนักล่าในตัวออกมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสายตาอำมหิต..แววตาที่ผ่านการ ‘ฆ่า’ มามากมายจนชินชา นี่สินะ เต ตะวัน ตัวจริง
“เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่วันแรกที่ร้านหนังสือ” ช็อคอีกครั้ง แปลว่าทั้ง 2 คนรู้แต่แรกแล้ว..ถ้าเช่นนั้นเหตุใดถึงปล่อยให้เข้าใกล้มาอยู่ร่วมรัง ยอมให้นักฆ่าเข้าใกล้ถึงขนาดนี้!?
“เหตุผลคืออะไร” เตถามเสียงเย็นเชียบ
“บอสคงอยากได้มึงแทนอาจารย์” นิวตอบกลับเสียงเย็นไม่ต่างกัน
..ตำแหน่งมือซ้ายที่ขาดหาย..
คำตอบชวนหัวร่อ ฟังดูย้อนแย้งสิ้นดี แต่เตขำไม่ออก สถานการณ์ในตอนนี้ซุ่มเสี่ยงมาก ตัวจริงของเขาเปิดเผยแล้วต่อหน้าลูกน้องมือดีฝีมือทัดเทียมเขาด้วย แม้ไม่เคยปะทะกัน จากที่เห็นในฝรั่งเศสดูทรงก็ตึงมือพอสมควร สิ่งสำคัญกว่าคือไม่ว่าจะยังไงแผนลอบฆ่าที่วางไว้ถูกพังตั้งแต่แรกแล้ว ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เป็นเพียงหนูติดจั่นในสายตาปราบพยัคฆ์ วิ่งแทบตาย ท้ายที่สุดก็ไม่หลุดไปจากวงล้อ เขาถูกเล่นละครตบตาให้คิดว่าถือไพ่เหนือกว่า แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย
“ตลกแล้ว มือซ้ายมือขวา ไม่ใช่แค่เก่งแล้วจะได้ตำแหน่งกัน ขนาดอาจารย์มึงจงรักภัคดียังทำไม่ได้ กูเป็นคนที่มาเพื่อฆ่า-”
“แต่มึงก็ไม่ทำซักที ทำไมวะ? ทำไมถึงไม่ลงมือ” อัลฟ่าผิวขาวย้อนคำถามกลับไป เตเงียบลง รู้สึกสับสนกับอาการที่เป็นอยู่
หรือเพราะคำพูดที่ว่า ‘เหมือนกัน’ ในวันนั้น
ส่งผลต่อใจได้ขนาดนี้ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“กูไม่มีวันเป็นองค์รักษ์หรือมีนายให้เชื่อใจ ชีวิตกู..ตัวคนเดียว ทำได้ทุกอย่างเพื่อรอด” ความจริงของชีวิต เต ตะวัน ใช้ชีวิตดังปากกล่าวมาโดยตลอด คติสอนใจ ทุกสิ่งที่เรียนรู้ปลูกฝังมา แต่แล้ววันนี้ทุกอย่างเริ่มตีวนชวนสับสน ดั่งคลื่นในทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเป็นประจำ วันหนึ่งกลับนิ่งไปชวนใจหายแล้วเกิดวิตกกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้กับตัวเอง
งงไปหมดแล้ว ควรตัดสินใจอย่างไรดี
“ไอ้เหี้ยเต ระวัง!!”
ปัง!!!!
แสงเลเซอร์จ่อเข้าหัวนักฆ่า นิวตะโกนร้องเตือนดึงสติคนให้อีกฝ่ายหลุดจากภวังค์ เขาวิ่งเข้าไปกระชากเตหลบกระสุนอย่างรวดเร็วแล้วก้าวขึ้นป้องกันไว้ ทิศทางของกระสุนไม่เข้าจุดตายแต่ปักเฉียดไหล่ขวาคนที่เสี่ยงเข้าปกป้องจนเลือดอาบ
รอดตายอย่างหวุดหวิด นิวช่วยชีวิตเขาเอาไว้ทำไม?
ไม่ทันได้เอ่ยถาม กลิ่นอัลฟ่าอันตรายคละคลุ้งโผล่เข้ามาในชุดสีดำรัดกุมสวมหน้ากากหมู สาดซัดอาวุธเข้ามาเต็มเหนี่ยว พวกเดียวกับที่ฝรั่งเศส..สมาพันธ์นักฆ่าตามล่ามาจนถึงปราจีนบุรี เตประคองนิวให้ลุกขึ้นแล้วพากันวิ่งหนีตายอลหม่านหลบกระสุนสาดยิงเข้ามาเป็นว่าเล่น พวกนักฆ่าโหนตัวลงมาจากหลังคา ชักมีดเข้าใส่โจมตีในระยะประชิด เตชักมีดสู้กลับ กระบวนท่าทักษะต่างๆ ล้วนได้รับการฝึกฝนมาจากสถาบันเดียวกันโต้ตอบกลับกันไปมา หากพลาดพลั้งเท่ากับทิ้งชีวิตไว้ในเสี้ยววินาที
ฉึก!!! ฉึก!!!!
ฉัวะ!!!!
คมมีดในมือสังหารคนแล้วคนเล่า นิวหายใจหอบหนัก แม้เขาจะเจ็บไหล่ขวาแต่ไม่ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ลดลง ล็อคแขนแล้วหักข้อมือแย่งเอาปืนมาจ่อยิงที่หัวระยะประชิดก่อนหันสาดยิงใส่ศัตรูที่พากันดาหน้าเข้ามา
“พวกนี้เป็นใครวะ”
“คนของสมาพันธ์นักฆ่า ที่เดียวกับกู”
“เหี้ย!! นี่มึงเป็นคนของสมาพันธ์เลยเหรอ!!” ชื่อเสียงเรียงนามขององค์กรนักฆ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใต้ดิน ชื่อเสียงกระช่อนนามไม่มีใครในวงการที่ไม่รู้จัก แต่นิวคาดไม่ถึงว่าเตเป็นถึงคนจากที่แห่งนั้น ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงได้เก่งกาจฝีมือทัดเทียมเขา “จบงานนี้ค่อยคุยต่อ จัดการแม่งก่อนแล้วกัน”
เริงระบำกลางกระสุนและหยาดเลือดกระเซ็น
ดนตรีบรรเลงเป็นเสียงปืนสนั่นไหว
เหลือเพียง 2 ที่ยืนหยัดจบระบำชุดนี้ลงบนเวที
ทว่า..นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น นิวสบถคำรามต่ำนึกถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดขึ้นมาโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกรองความคิดให้มากความ “บอส..”
มือขวากัดฟันกรอด วิ่งเข้าไปขโมยรถเจ้ามอเตอร์ไซด์เจ้าร้านเหล้าที่โดนหนึ่งในสมาพันธ์นักฆ่าเชือดปิดปาก นิวขึ้นคร่อมเตรียมบิดเครื่อง ทว่า..นึกขึ้นได้จึงหันมาตะคอกใส่นักฆ่าผู้ยืนเคว้งทำตัวไม่ถูกกลางซากศพศัตรู
“มึงจะเอาไง! จะมากับกูหรือจะไป”
ครั้งแรกที่จำต้องตัดสินใจโดยไม่มีคำสั่งจากเบื้องสูง คำตอบที่ไม่ชัดเจนและมองไม่ออกว่าควรทำสิ่งใดต่อจากนี้ ตาคมเลื่อนลอยมองอีกฝ่ายยื่นมือมา
ควรทำอย่างไรดี สิ่งที่ควรทำต่อจากนี้
คิดหาแทบหัวระเบิดก็ไม่อาจหาสิ่งที่พึงกระทำ ที่นึกออกได้ในเวลานี้คือเลือกปฏิเสธการจับมือ แต่ยอมก้าวซ้อนท้ายอีกฝ่ายขึ้นรถไปด้วยตัวเอง มอเตอร์ไซด์บิดเต็มความเร็วพุ่งทะยานออกไปตามท้องถนนใต้ฟ้ายามราตรีแสนยาวนานจากปราจีนบุรีกลับสู่รังมาเฟียทรงอิทธิพล
ปราบพยัคฆ์ เรืองโรจน์ ตกอยู่ในอันตราย
TBC
+++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนหน้าตอนจบสเปหัตถาราชาแล้วนะเด้อ
สเปต่อไปเป็น 25 Dec นะ มาเจออะไรเบาๆบ้าง
ไปก่อนนะ บายจ้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เตจะตัดสินใจอย่างไร
เห้ยยยย ชอบความเริงระบำท่ามกลางกระสุนสนั่น และ ความเปิดใจกันด้วยออนเดอะร๊อค คือเป็นตอนที่อารมณ์หลากหลายดี เป็นการจุดประกายเรื่องเพื่อน เรื่องความรู้สึกต่างๆในตัวเต และความใจเย็นของนิวที่เหมือนค่อยๆตะล่อมให้นางเปิดใจอะ แบบว่าต่างคนต่างมีอดีตที่ต่างกัน แต่หลังจากนี้ไปมันจะเป็นปัจจุบันเดียวกัน :)