กาลครั้งหนึ่งที่รักคุณ
กลิ่น..
ทักษะเป็นหนึ่งของบุรุษเรือนผมสีน้ำตาลแดง คามาโดะ ทันจิโร่ สามารถทำนายทายทักกลิ่นอารมณ์ของผู้คนได้ สิ่งที่เร้นไว้ใต้หน้ากากมายาแสดงออกมาเพื่อปกปิดหัวใจ รัตติกาลหนึ่งก่อนออกเดินทางไปสมทบกับเสาหลักเพลิงที่รถไฟ สำหรับคนบ้านไกลปืนเที่ยงเฉกเช่นเขาหาได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่ารถไฟแม้สหายผมทองสว่างนามเซ็นอิทสึจักอธิบายถึงรูปลักษณ์ของสิ่งที่เรียกว่ารถไฟให้เขากับอิโนสุเกะฟัง จินตนาการสำหรับทันจิโร่มิแคล้วนึกถึงงูเหลือมยักษ์พันกิ่งต้นสนในฤดูร้อนบนเขาต่างเพียงเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ส่วนอิโนะสึเกะคาดว่าคิดถึงงูยักษ์เป็นแน่แท้
"ทันจิโร่ เจ้าได้กลิ่นและรับรู้ยันความรู้สึกเฉกเช่นข้าที่สามารถจับผ่านเสียง เจ้าพอจักจับกลิ่นของเสาหลักเพลิงได้หรือไม่" เซ็นอิทสึถามถึงเสาหลักปริศนาที่เขากับอิโนสุเกะยังมิพบเจอเว้นเพียงสหายผู้ใช้ปราณวารี
"กลิ่นของชายผู้นั้น.." ทันจิโร่จับคางครุ่นคิด ณ เพลานั้นมัวแต่สนเพียงเนซึโกะ น้องสาวที่ถูกเสาหลักวายุเสียบแทงหลายคราเพื่อพิสูจน์ให้เป็นประจักษ์แก่สายตาว่าเนซึโกะจักสามารถควบคุมตนเองมิให้กินคนได้หรือไม่
ส่วนคนที่ตกเป็นบทสนทนา..ทันจิโร่จำได้ว่าเป็นบุรุษเจ้าของเรือนผมสีสว่างดุจเปลวเพลิงระอุไปถึงนัยน์ตาคมใต้คิ้วหนา เอาแต่ยืนจ้องตาโพลงด้วยสีหน้ามาดมั่น ไม่ยี่หระต่อการกระทำป่าเถื่อนของเสาหลักวายุ
เสาหลักเพลิง
เร็นโกคุ เคียวจูโร่
"ข้ามิรู้นัก เวลาช่างกระชั้นนัก การขึ้นไปสมทบภารกิจครานี้อาจทำให้รู้จักกันมากขึ้น" เพราะอย่างไรเสียก็มีเรื่องเกี่ยวกับปราณตะวันซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับวิธีการหายใจที่ท่านพ่อได้สอนเอาไว้อันเป็นปริศนาที่จักต้องไถ่ถามผู้ที่มีแนวโน้มรู้แจ้งเรื่องนี้ก็เห็นทีจะมีเพียงผู้ใช้ปราณเพลิง
กลิ่นของชายผู้นั้น
แรกพบ..หอมอาหาร
"อร่อย!"
"อร่อย!"
"อร่อย!"
ตะกละตะกลามเสียจนไม่อยากเชื่อว่าบุรุษผู้นั้นจักเป็นถึงเสาหลักแห่งหน่วยพิฆาตอสูร กินอาหารรถไฟหมดไปสำรับแล้วสำรับเล่า การเดินทางครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้แก่ทันจิโร่และอิโนะสุเกะอย่างมากไม่ว่าจักเป็นสิ่งที่เรียกว่ารถไฟและตัวตนของชายผู้องอาจตรงหน้า
"มานั่งตรงนี้สิ" ทั้งที่ดูแข็งและองอาจกลับใช้มือหยาบกร้านจากฝึกซ้อมวางลงบนเบาะนั่งข้างตัว..เบาๆ ครุ่นประหลาดใจกับการกระทำแสนเบาทั้งที่ท่าทางดูร้อนพล่านตั้งแต่หัวจรดเท้า
"เอ่อ.." ใครเล่าจักนั่งข้างเสาหลัก อารามเด็กกว่ามานั่งข้างผู้ใหญ่ย่อมต้องมีตื่นเกร็งกันบ้าง
ทว่า..
"รบกวนด้วยขอรับ" ทันจิโร่ก้าวเข้าไปนั่งเสียเองโดยมิเกี่ยงที่อย่างนึกฉงน วางกล่องซ่อนเนซึโกะไว้ที่นั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนอีก 2 คนไปนั่งตรงที่นั่งถัดไป
กลิ่นของชายคนนี้ ดูวางใจได้
ทันจิโร่ลอบยิ้มออกมา แม้นการสนทนานั้นจักมีแต่เขาพูดจ้อไปฝ่ายเดียว อีกฝ่ายเอาแต่มองไปข้างหน้า หาได้สบตากันสักวินาที ร่ายยาวมาทั้งหมดเพื่อคำถามถึงทักษะหายใจของบิดา
"อ๋อ!"
"ท่านเร็นโกคุพอจักนึกอะไรออกเช่นนั้นหรือขอรับ!" ทันจิโร่ร้องตื่นเต้น
"ข้ามิรู้"
จบ...มิได้เรื่องราวเพิ่มเติม ตาสีเพลิงยังคงมองไปเบื้องหน้าหาใช่เขา ไฟในขบวนรถติดดับเป็นระยะมาสักพักจนพนักงานตรวจตั๋วมา
ปิ๊บ...ปิ๊บ.....ปิ๊บ........
ติดดับ
ปิ๊บ!
ดับคราวนี้ยาวนานกว่าเดิมจนกระทั่งสว่าง พลัน! กลิ่นสาปเหม็นคลุ้งอสูรอัดกระแทกจมูกทันจิโร่ มือเล็กกร้านหยาบจับดาบพร้อมรับมือ หากแต่เสาหลักเพลิงนั้นไวกว่า
"ปราณเพลิงกระบวนท่าที่ 1" นามของปราณอันร้อนแรงตรงข้ามกับวารี สายลมพัดกรรโชกร้อนระอุจนกลายเป็นเพลิงสีแดงฉานห่อหุ้มคมดาบสีแดงสะบั้นคออสูรขาดพริบตา
กลิ่นไหม้..
จมูกทันจิโร่สัมผัสได้ กลิ่นกายของเสาหลัก ช่างต่างจากเสาหลักวารี โทมิโอกะ กิยู รายนั้นเยือกเย็นให้ความสงบดุจเกล็ดหิมะหล่นจากฟ้า ส่วนเร็นโกคุ เคียวจูโร่นั้นไซร้
สว่างและลุกโชน เผาผลาญทุกสิ่งดั่งเพลิง
ทันจิโร่สั่นกลัวในทุกครั้งเมื่อเจออสูรแต่จำต้องซ่อนมันไว้ใต้หน้าที่ หากแต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นของความวางใจเพิ่มพูน ฝีไม้ลายมือการต่อสู้ของอีกฝ่ายช่างแข็งแกร่ง ไวว่อง รุนแรงสมกับเป็นเปลวเพลิงในทุกครั้งที่ตวัดดาบไปมา
"ข้าจักปกป้องพวกเจ้าทุกคน"
ประโยคที่ทันจิโร่มักใช้กับทุกคน กลับโดนพูดใส่เสียแทน นานเพียงใดแล้วที่หาได้ฟังไม่
เพราะเป็นพี่คนโตจำต้องอดทน เก็บอารมณ์ อดมื้อกินมื้อ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็ไม่เป็นไร แต่แล้ววันหนึ่งได้มีชายคนหนึ่งยืนตรงหน้าพร้อมพูดคำนั้น..
กลิ่นคราต่อมา น่านับถือทวีคูณ
"ทันจิโร่ หัวใจเจ้าเต้นแรงมาก" เซ็นอิทสึอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายเดินไปสำรวจขบวนรถไฟต่อขยับเข้ามากระซิบข้างหูประดับต่างหูไพ่ฮานาฟุดะ
"ข..ข้าคงเหนื่อยจากการต่อสู้" ปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก รีบเดินหนีอีกฝ่าย ทันจิโร่ก็หาได้เดียงสาไปเสียหมด กลิ่นของผู้อื่นเขารับรู้ นั่นหมายถึงกลิ่นของตัวเองย่อมรับรู้มิต่าง
กลิ่นเดียวกับท่านแม่ยามอยู่กับท่านพ่อ
กลิ่น..มากกว่าประทับใจ มือทาบอกซ้ายชำเลืองมองแผ่นหลังกว้างแกร่งสวมผ้าคลุมขาวชายเสื้อสีแดงลวดลายตวัดดุจเพลิง ถ้าหากเป็นเร็นโกคุ เคียวจูโร่ พอจะผ่อนเบาหน้าที่ตนหลังสงครามอสูรสงบสุขได้หรือไม่ เรื่องที่เคยคิดวูบหนึ่งครั้งเป็นลูกคนเดียวและจบลงเมื่อมีน้อง หากมีใครสักคนอยู่เคียงข้างคอยแบ่งเบา
อยากให้เป็นบุรุษผู้นี้
อยากตอบแทน
อยากปรนนิบัติทำหลายสิ่งอย่างให้
แต่กว่าจะถึง ต้องหาวิธีช่วยเนซึโกะกลับเป็นมนุษย์และกำราบอสูรให้หมดไปจากโลกเสียก่อน
ช่างเป็นกลิ่นหอมหวานสุดถวิลหา
บทจักมา ก็มามิทันรู้ตัว
"คุณเร็นโกคุ!!ใช้ลมหายใจหยุดเลือดก่อนเถิด!"
บทจักไป..
"นั่งเถิดเจ้าหนุ่มคามาโดะ เวลานี้เหมาะควรจักสนทนากันให้มากขึ้น" ตะวันส่องฟ้าฉายฉาบซากปรักหักพังขบวนรถไฟและร่างของบุรุษผู้หนึ่งนั่งคุกเข่าลงกับพื้น แขนของอสูรข้างขึ้นลำดับ 3 สลายไปดั่งเถ้าถ่านจากท้องทะลวงเครื่องในเละเทะเสียแล้ว กลิ่นคาวเลือดคลุ้งหนักปะทะจมูกมากทักษะ ซึมผ่านชุดเครื่องแบบหน่วยพิฆาตอสูรอันน่าภูมิใจชุ่มโชกไหลลงมาเจิ่งนองพื้นเป็นวงกว้างทุกที ทันจิโร่น้ำตานองหน้าทำตามคำขอฟังคำพูดของเสาหลักเพลิงอย่างตั้งใจ พวกเขาต่างรับรู้ดีแก่ใจว่าร่างกายสาหัสเกินเยียวยา เส้นทางรถไฟข้างทางในชนบทกันดารมีป่าเขาเช่นนี้ ไร้หนทางถึงมือหมอได้ทันกาล
คำสั่งเสียอันหนักแน่นไม่เหลือกระทั่งความเสียใจ บอกเล่าผ่านร่างกายบอบช้ำของมนุษย์ที่มิมีวันฟื้นคืนได้ดั่งอสูร กลิ่นของเลือดนั้นช่างเข้มข้นกลบกลิ่นความคิดจนทันจิโร่มิอาจรับรู้ถึงความรู้สึกของบุรุษผู้นี้อีกแล้ว
วางใจ ฝากฝัง ไว้ใจ สู่หน้าที่ปกป้องเพื่อส่งต่อ นั่นคือปณิธานจากเสาหลักเพลิง ช่างเป็นคนกล้าหาญ เก่งกาจเสียจนชั่วขณะหนึ่ง..ทันจิโร่เกิดความคิดที่ว่าหากยอมผ่อนปรนให้ใครสักคนปกป้องบ้างคงดีมิใช่น้อย ช่างเป็นความอ่อนแออันน่าละอายใจ กว่าจักรู้ตัวว่าเผลอมีความคิดเพ้อฝันร่างกายก็บาดเจ็บ ความสามารถก็อ่อนแอ กำแพงที่ข้ามมาได้กลับต้องพบกำแพงสูงกว่ารออยู่
"ฮึก..หากข้าสามารถใช้ชีวิตเผาถ่านดั่งเดิมและมีใครสักคนคอยปกป้องก็คงดี.."
จากไปโดยมิทันรู้ตัว
เร็นโกคุ เคียวจูโร่ หลุดสีหน้าตกตะลึงหลังฟังคำพร่ำเพ้อของหนุ่มน้อยตรงหน้า
"..ข้าขอโทษ" เคียวจูโร่เอ่ยทั้งเสียงแผ่วเบา ไร้เรี่ยวแรงขยับร่างกาย หูตาพร่ามัวทุกขณะ ทันจิโร่รู้ความหมายของคำว่า 'ขอโทษ' หัวใจของเขาบีบรัดแน่นขนัด หายใจไม่ทั่วท้องซึ่งก็คงมิแปลกอันใด
พบพานไม่กี่ชั่วยาม
กลิ่น..คงมีเพียงข้าข้างเดียว..
อนาคตมิอาจรู้แจ้ง ดังนั้นจงกระทำทุกสิ่งในปัจจุบันให้ดี ทว่าทันจิโร่รู้สึกว่าตนยังทำได้ไม่ดีพอ ย่ามใจว่าจบภารกิจคงได้คุยด้วยกันอีกมากทั้งที่เวลานั้นนับถอยหลังตามเลือดทะลักแทนนาฬิกาทราย ใบหน้าหวานนองน้ำตาสบตาสีเพลิงที่คราวนี้หันมามองเขาตรงๆเสียที รอยยิ้มอ่อนโยนผิดรูปลักษณ์วาดลงบนหน้าคมคายโชกเลือด ตาแหลกเละไปข้างหนึ่ง ทั้งหมด..คือ..บุรุษที่ขโมยหัวใจไปในช่วงอันแสนสั้น
"ลืมข้าเสียเถิด ข้าผ่านมาเพื่อให้เจ้าเรียนรู้"
"ฮ...ฮึก...ฮ..ฮือ..."
"เจ้าหนุ่มคามาโดะ เจ้ายังต้องเติบใหญ่อีกมาก..มีเวลาได้พบผู้คนอีกมาก.." เคียวจูโร่มองใบหน้านักล่าอสูรรุ่นน้อง พร่ามัวไปทุกที ชีวิตช่างน่าขัน หาได้มีสิ่งใดแน่นอนกระทั่งความตายอันน่าหลงใหลสะท้อนถึงการเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อมาเยือนถึงตัวกลับต้องมาเห็นหน้าเด็กหนุ่มที่รู้จักเพียงช่วงสั้นๆ พูดคุยกันน้อยนิด
"แต่.." เคียวจูโร่เว้นวรรคครู่หนึ่ง พิศมองใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความเศร้า กวาดตามองให้ครบถ้วนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลมหายใจจะหมดสิ้น
"หากชาติหน้ามีจริง ข้า..ก็อยากรู้จักเจ้าให้มากกว่านี้" เพลาคนทางนี้หมดลงแล้ว..
"คุณเร็นโกคุ!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
ว่างเปล่า ล่องลอย ดับมอด
.
.
.
"กลิ่นของความรัก ข้ารู้จักมันครั้นพานพบเปลวเพลิง"
ตาสีอำพันหรี่ตาอ่านข้อความในกระดาษก่อนตวัดมองเจ้าของลายมือหวัด เซ็นอิทสึถอนหายใจ มองคนหน้าหม่นหมองบันทึกเรื่องราวลงสมุดเล่มแยกต่างหากเอาไว้นอกจากเล่มอื่นที่บันทึกการฝึกปราณวารี ตั้งแต่กลับมาจากภารกิจตรวจสอบรถไฟ ระหว่างพักฟื้นหลายวันแม้นแผลกายจักดีขึ้นมาก เว้นเสียแต่แผลใจของคามาโดะ ทันจิโร่ ดูชอกช้ำหนักกว่าใครทั้งหมด
"ทันจิโร่ ข้าล่ะสงสารเจ้านัก เจ้าลองออกไปพบปะผู้คนกับข้าหรือไม่ ข้ารู้มาว่าไม่ไกลจากที่นี่มีโรงน้ำชาตั้งอยู่ สาวก็งามนัก-"
"เซ็นอิทสึ..ข้า..ขออยู่ลำพังสักระยะเถิด" คำขอจากหนุ่มผมสีน้ำตาลปลายแดง ใบหน้าหวานปานแดงบนขมับแสนหม่นหมองทำเอาเซ็นอิทสึกลืนคำพูดไป จำต้องถอนหายใจยอมปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งจมในห้องพักเพียงลำพัง ทั้งที่ตอนเจอพูดคุยเหมือนได้เจอกันอีกหลายครั้งและมีเรื่องให้ทำร่วมกันอีกมาก ใครจักรู้ว่ารัตติกาลเดียวดับคำพูดสัญญาแสนมาดมั่นจากปากเสาหลักเพลิงได้ในพริบตา ทิ้งหัวใจคนอยู่ต่อให้เต้นส่ำยามนึกถึง น้ำตารวมตัวเป็นหยดปริ่มขอบตาสวย กระทบหล่นลงบนกระดาษ หมึกฟุ้งกระจายตัวเลอะเลือนกลอนบอกรักแรกพบที่มิอาจฟื้นคืน
ผ่านมาให้เรียนรู้และเก็บเป็นความทรงจำ
ง่ายดายแต่ก็เกิดขึ้นโดยมิทราบสาเหตุ ทันจิโร่วางมือบนอกซ้าย เรียนรู้หลายสิ่งจากเร็นโกคุ เคียวจูโร่ ถึงมิใช่ดั่งหวังก็ตาม
"กา!กา!" อีกาสีดำร่อนปีกลงเกาะหน้าต่าง แจ้งภารกิจต่อไป หมดเวลาคร่ำครวญถึงผู้ตาย คนอยู่ต่อเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ กดความรู้สึกส่วนตัวอย่างที่ทำเสมอในฐานะลูกคนโต แบกรับชีวิตคนมากมายด้วยดาบและชุดแต่งกายในฐานะสมาชิกหน่วยพิฆาตอสูร
"จงก้าวต่อไป ข้าเชื่อในตัวพวกเจ้า"
มีแต่ต้องสู้ต่อก็เท่านั้นจนกว่าความตายถึงคราวมาเยือน ทันจิโร่พึงวิงวอนเสมอในทุกเพลาต่อจากนี้ หากชาติหน้ามีจริงดั่งคำสอน ขอวิงวอนขอชีวิตสงบสุขเผาถ่านขายไปวันๆและมีใครสักคนปกป้อง..ใครคนนั้น..
"คุณเร็นโกคุ" เสียงแตกหนุ่มเปรยกับแสงไฟในตะเกียง สีสันช่างเหมือนนัยน์ตาคมทอประกายมุ่งมั่นคู่นั้นนัก ยิ้มให้กำลังใจตัวเอง เป่าลมดับตะเกียงก่อนสะพายกล่องแบกน้องสาวในคราบอสูรขึ้นหลัง กุมดาบข้างเอวให้มั่นและก้าวออกไปจากห้องพักใต้คืนรัตติกาล
กาลครั้งหนึ่งที่รักคุณ
END
++++++++++++
อินจัด อินไม่หยุด กาวฟิคเสีย
#bloodhana
ไปก่อนนะ บายจ้า
หลังจากฟังhomuraแล้ว ก็ไม่เคยหยุดชอกช้ำจากการสูญเสียได้เลยค่ะ ของคุณที่เขียนนะคะ ชอบมากๆ เลยค่ะ