Call me Black bitch - นิยาย Call me Black bitch : Dek-D.com - Writer
×

    Call me Black bitch

    ชีวิตที่เคยพลาด อาจจะไม่สามารถดึงมันกลับมาได้เสมอไป รักที่ทำให้ตาบอด ก็อาจจะทำให้เลิกบอด แล้วโยนความรักนั้นทิ้งไปได้เช่นกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    56

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    56

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  22 ต.ค. 55 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ** ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีการใช้คำไม่สุภาพในบางครั้ง และควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน ** 
    เนื้อหาเรื่องนี้เป็นการสะท้อนสังคมที่เชื่อว่า ผู้เคยมีประสบการ์ณ 
    ไม่ยอมเปิดเผยเพื่อจะทำให้ตัวเองดูแย่แน่นอน อาจมีเนื้อหาที่แรง
    ในบางบทของเรื่องนี้


    บทที่ 1 จุดเริ่มต้น

     

    “เฮ้ย... พวกมึงคิดว่ากูจะหาคนที่รักกูจริงได้สักคนป่ะว่ะ”
    “นี่มึงคิดจะหาคนที่เค้ารักมึงอีกหรอ คนรักมึงอ่ะเยอะน่ะ แต่คนที่มึงรักอ่ะ กูว่าไม่มี
    มึงไม่คิดจะรักใครเองเว้ย เค้าดีแค่ไหน รวย นิสัยดี มึงก็ทิ้งเค้าหมด”

    “ใช่ๆ เพราะฉนั้น อย่าบ่น! “

     

    กลุ่มเพื่อนรักที่สนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยมนั่งคุยกันท่ามกลางเสียงดังในร้านแมคโดโนลด์
    คนที่เริ่มเปิดประเด็นนี้ คือผมเองครับ  ผมชื่อ ปัท และนี่คือกลุ่มเพื่อนของผม
    ซึ่งสนิทกันมานมนาน เรื่องที่เราคุยกันนั้น ในบางครั้งอาจจะดูไม่แคร์สื่อไปบ้าง
    แต่พวกเราก็คุยกันในแบบพวกเรา ที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ง่ายๆครับ

     

    พอผมเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา มันก็ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปสมัยตอนผมอยู่ ม.4 ทันที
    ในตอนนั้น ผมเป็นเด็กค่อนข้างเกเร แต่เกเรในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องท้าตีท้าต่อยหรอกครับ  แต่กลับเป็นเรื่องของความรัก การเที่ยวกลางคืน กินเหล้า สูบบุหรี่ไปเรื่อย
    แม้กระทั่งการแข่งรถตอนกลางคืน ... ทั้งหมดนั้นแหละครับ คือชีวิตของผมในตอนนั้น

    ในชีวิตของผม แม้จะอายุยังน้อย แต่ผมก็ยังค้นหา และตามหาคนที่จะมาอยู่คู่กันมาตลอด  อาจเป็นเพราะผมมักจะทำอะไรแตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน ซึ่งผมขอยืนยัน ณ ตรงนี้น่ะครับ ว่าทั้งหมด ไม่ได้มาจากความอยากรู้อยากลองของวัยรุ่น แต่เกิดจากความ
    “แรด” และ “แก่แดด” ส่วนบุคคลครับ

     

    สมัยผมอายุ 16  แน่นอน ผมโดดเด่นต่างจากเพื่อนในวัยเดียวกัน และผมก็ต้องบอกเลยว่า ผมก็จัดว่าเป็นเด็กหน้าตาดีคนนึงเลยทีเดียว ความแตกต่างของผม ไม่ใช่เพียงแค่ความคิด แต่รวมไปถึงสิ่งของที่ผมใช้ทุกชิ้น มักจะมีราคา หรือแม้แต่รถที่ขับตอนอายุ 16
    ก็ยังเป็นรถยุโรปเลยครับ   อ่านไปก็คงจะคิดว่าไอ้นี่ขี้โม้ แต่สุดท้ายจะรู้ว่าสิ่งที่ผมมีทั้งหมดทั้งหมด มันกลับให้โทษตัวผมเองครับ 

     

     

    1 สิงหาคม 

     

    “ เฮ้ย พวกมึง กูเหงาว่ะ “ ผมพูดขึ้นกลางวงที่ร้านยำใกล้โรงเรียน

    เชอ เพื่อนของผม ซึ่งสนิทกันตั้งแต่ผมเข้าโรงเรียนนี้วันแรก และเป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุด

    พูดขึ้นมาทันทีหลังจากผมเริ่มเรื่อง  “ เอ้าอีนี่ ผู้ชายในสต็อคหายไปไหนหมดล่ะค่ะ คุณเพื่อน “   ถึงตอนนี้ คงจะทราบกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าผมเป็นเพศอะไร
    ผมรีบสวนกลับเพื่อนผมไปในทันที “ หาคนที่ทำให้รักไม่ได้เลยว่ะ เค้ารักกู แต่กูไม่รักเค้า
    มันจะมีค่าอะไร ในเมื่อถ้าไม่รัก สุดท้ายกูก็ต้องทำให้เขาเจ็บ ... เอาจริงๆป่ะมึง กูอยากได้ใครสักคนที่เข้ามาทำให้กูรัก ไม่ต้องหล่อเว้ย กูขอแค่ทำให้กูรักได้ก็พอ “

    “ แล้วพี่หมอล่ะ ? เค้าก็ออกจะหล่อ รวย แถมเรียนเก่งอีก เรียนมหาลัยอันดับ 1 เลยน่ะมึง  นิสัยก็ดี ไมมึงไม่รักเค้าว่ะ “

     

    “ ดีอะดีน่ะ แต่ว่ากูไม่รัก  ไม่รู้สิ อาจจะเพราะเค้าดีมั๊ง  “

    “ สงสัยจะชอบคนเลวๆ “  เชอพูด

    “ เออ สงสัยแบบนั้นแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า  “ ผมตอบก่อนที่เราจะแยกกันกลับบ้าน 

     

     

    คืนนั้นเอง ผมก็ได้เปิดโปรแกรมแชทยอดฮิตของยุคนั้น เรียกว่า MSN แน่นอน
    หลายๆคนก็คงคุ้นเคยกันดีกับโปรแกรมนี้  แต่ด้วยความแก่แดดของผม
    ทำให้ผมมี 2 อีเมล แล้วแยกคุยระหว่างเพื่อน กับ เอาไปโพสหาคนคุยตามเว็บครับ

     

    สำหรับผมทุกคืนก็เหมือนๆเดิมครับ คนแอ๊ดมาคุยกัน เดี๋ยวอีกวันตื่นมาก็จำกันไม่ได้แล้วครับ เหตุการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ และโดยปกติแล้ว ผมจะขอดูรูปก่อนที่จะบอกชื่อปลอมของตัวเองไปเสียอีก แต่วันนี้เหมือนเป็นวันที่แปลกล่ะครับ เพราะผมคุยกับคนที่ไม่ให้ดูแม้แต่รูปของเขา 

     

    RiCo :
    ดีคับ
    Me : 

    คับผม
    RiCo :
    ชื่ออะไรคับ   อย สส นน 

    Me : 

    บอลคับ ( ชื่อปลอมของผม )  15 170 48 ครับ
    พี่ล่ะครับ ?  เอ๊ะ ที่ดิสเพใช่ C-Class รึเปล่าครับ ?
    Rico :
    รู้ได้ยังไงครับ ผมชื่อ เบล ครับ 19 170 67 ครับ 

    ว่าแต่ ทำไมถึงรู้ล่ะครับว่าเป็น C-Class
    Me :

    ผมก็เล่นรถเหมือนกันครับ รถพี่เองเลยหรอครับ
    RiCo :

    ใช่ครับ แล้วน้องขับอะไร อายุยังน้อยอยู่เลย เรียนไหนเอ่ย ?

    Me :
    ผมเรียน PIS คับ  อ่อ ตอนนี้ผมขับ E200 คับ พอดีแม่พึ่งให้รถขับ

     

    RiCo : 

    เฮ้ยย จริงหรอ พี่ PIS Alumni คับ แต่พี่ออกไปตั้งแต่ตอนขึ้น Grade 10 พอดีพี่ติดที่อื่นคับ  แต่น้องของพี่ยังเรียนอยู่ที่นั่นน่ะ ไม่แน่ใจเราจะรู้จักรึเปล่า
    Me :

    ผมไม่ค่อยรู้จักใครหรอกคับ ไม่ค่อยสนใจโลกภายนอกเท่าไหร่ อยู่แต่กับเพื่อนในกลุ่ม

    RiCo : 

    พี่ขอเบอร์เราได้ป่ะคับ อยากโทรคุย พอดีพี่จะออฟไลน์แล้วคับ

    Me : 

    เอาพินไปแทนได้ไหมคับ 

    RiCo :
    พี่ไม่ได้ใช้ Blackberry คับ ใช้ Samsung Omnia คับ 

    Me : 

    เวรกำ งั้นเอาเบอร์ไปก็ได้ นี่เบอร์ผมคับ 01-992-712X

    RiCo :

    อ้าว แล้วตัวสุดท้ายล่ะคับ 

    Me :

    หาเองสิคับ  

    RiCo : 

    เอ้ พรุ่งนี้วันเสาร์ ถ้าพี่ทายเบอร์ถูก ต้องไปกินข้าวกับพี่น่ะ ?

    Me :

    ก็ให้ถูกแล้วกัน ผมจะคอยรับโทรศัพท์

    RiCo :

    โอเคคับ คอยดูแล้วกัน 

     

     

    ------ RiCo is Offline ------ 

     

     

     

    ในตอนนั้นผมรู้อยู่แล้วครับว่ายังไงเขาก็ต้องเจอเบอร์ของผม แต่ไอ้เรื่องที่จะไปนัดเจอกัน
    บอกได้เลย ว่าผมไม่เคยเจอใครผ่านทางนี้มาก่อนครับ แต่สำหรับคนนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงอยากเจอ อาจจะเพราะว่าได้เครดิตที่ว่าเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน (ซึ่งไม่เคยเจอหน้ากัน) จึงทำให้ผมรู้สึกให้เครดิตผู้ชายคนนี้มากกว่าคนอื่นๆในโลกออนไลน์ก็เป็นไปได้

     

    ไม่ถึง 10 นาที พี่เบลก็โทรมาหาผมครับ คำแรกที่พี่เบลพูดกับผมก็คือการทวงสัญญา
    ที่จะไปกินข้าวด้วยกัน แต่น้ำเสียงที่ใช้ ช่างยียวนกวนประสาทผมเสียจริง ระบุใจความได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ กวนตีน ได้ที่เลยคับ แต่กลับกลายเป็นว่า ทำให้ผมนอนคุยโทรศัพท์กับเขายาวไปจนเกือบเช้า 

    “ พี่ง่วงแล้วน่ะ  เราก็ไปนอนได้แล้วล่ะจะเช้าแล้ว  อย่าลืมสัญญาของเราพรุ่งนี้น่ะ แล้วพี่จะโทรไปหาน่ะคับ “

     

    “ โอเคคับ ฝันดีคับ  อ้อ ส่ง SMS มาก็ได้น่ะคับ บางทีผมขี้เกียดรับสาย “

     

    “ แอบแฟนล่ะสิ เลยไม่รับสายเนี่ย เจ้าชู้ใช่ย่อยน่ะเรา “

     

    “ มีแฟนให้แอบก็ดีสิพี่   อย่าว่าผมเจ้าชู้เลย ว่าตัวเองดีกว่าป่ะ “

     

    “ เออๆๆ ไม่มาเถียงด้วยละ คอยดูเองแล้วกัน   แต่ยังไง พี่ขอจีบเราน่ะ “

     

    และด้วยความกวนประสาทของผม ก็ทำให้ผมสวนกลับด้วยคำแนวเดิมที่ใช้กับทุกคนที่ผ่านมาคือคำว่า    “ จีบได้ แต่ให้ติดละกันพี่ “

     

    “ เคคับ พ่อคนหล่อ    พี่นอนแล้วน่ะ ฝันดีคับ “

     

    “ เคๆ ฝันดีคับ Alumni “ 

     

     

     

    จนถึงตอนนี้ ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมยอมคุยกับเขาและนอนยิ้มกับหมอนข้างแบบนี้ ทั้งที่เขาไม่ให้ดูแม้กระทั่งรูป หรือ Hi5 ของเขาเลยด้วยซ้ำไป
    วันพรุ่งนี้ ผมกะจะไปเจอเขาครับ  .... แต่ไม่ไปคนเดียวแน่ๆ คงต้องหาเพื่อนเหน็บไปด้วยสักคนนึงเพื่อความปลอดภัย 

     

     

     

    2 สิงหาคม 

     

    เสียงโทรศัพท์ดังข้างหูผมตอนเวลาประมาณ 10 โมงครึ่งในวันเสาร์ 

    “ โอ้ยยยยยย ใครโทรมาว่ะ “ ผมบ่นกับตัวเองก่อนหยิบโทรศัพท์มาดู 

    แน่นอน สายเรียกเข้าของผมคือ พี่เบล ครับ   ถึงแม้ว่าผมจะแรดแค่ไหน แต่เรื่องนอน

    ถือเป็นเรื่องสำคัญสุดสำหรับผมก็ว่าได้ครับ  ผมไม่รอช้าที่จะหยิบโทรศัพท์มากดรับ
    แล้วพูดแบบเหวี่ยงเบาๆว่า “ นอนอยู่ เดี๋ยวค่อยคุย จะนอน ตื่นแล้วจะ BB ไปบอก “

    พี่เบลตอบผมสั้นๆ “ เคคับ เจ้าชายนิทรา ส่ง SMS มาละกัน “ จากนั้นผมไม่รอฟังไรต่อจากเขาอีก ผมกดวาง แล้วสลบต่อไปเลย 

     

    ประมาณบ่าย 2 ผมก็ฟื้นคืนชีพในวันเสาร์ที่แสนชิวครับ  ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นขี้ลืม

    ผมก็ไม่โทรกลับหรือส่งข้อความอะไรหาเขา แต่กลับรีบอาบน้ำแต่งตัวไปเดินเล่นกับเพื่อนๆที่สยามเหมือนทุกวันเสาร์ที่ผ่านๆมา     ระหว่างที่ผมนั่งกินน้ำแข็งใสอยู่ในร้านดังร้านหนึ่งกับเพื่อน  ก็มีคนส่ง SMS มาว่า    “ หลับหรือตาย ? “ แน่นอนอยู่แล้ว ภาษากวนส้นตีนแนวนี้ ไม่พ้นพี่เบลหรอกครับ  ผมเลยส่งกลับไปว่า “ เดินตายอยู่สยามกิน Ice Monster อยู่ โทดทีลืมบอก “  จากนั้นเขาก็โทรกลับมาถามเรื่องนัดว่าสรุปจะไปกินด้วยกันที่ไหน กินเป็นข้าวเย็นไปเลยดีกว่าไหม ตามประสาครับ   

     

    ผมใช้เวลาในการคุยราว 10 นาทีได้ครับ ทำให้เพื่อนเริ่มสงสัยว่า นี่ใครกัน ทำไมคุยไปยิ้มไปหัวเราไป แถมคุยนานอีก    หลังจากวางสายเพื่อนๆก็เริ่มซักผมเหมือนผมเป็นนักโทษก่อคดีข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 12 กันเลยทีเดียว

     

    พอเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังเสร็จแล้ว เพื่อนนอกโรงเรียนของผม ชื่อ “ ริว “ ซึ่งก็ถือเป็นเพื่อนสนิทของผมคนนึงเลยครับ ได้อาสาไปกินข้าวด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน 

     

    พอเวลาประมาณเกือบๆ 2 ทุ่ม ผมกับริว ก็ถึงที่นัดหมายครับ หลังจากจอดรถเสร็จ
    ก็มีรถ C-Class ป้ายแดงมาจอดต่อผมทันที 

     

    และแน่นอน นั่นแหละคือ “ พี่เบล “

     




    ------- ติดตามต่อในบท 2 กันน่ะคับ ว่าพี่เบลจะเป็นอย่างไร -------
    ถ้ามีอะไรแนะนำเกี่ยวกับการแต่งเรื่อง สามารถคอมเม้นช่วยแนะนำได้เลยคับ 
    ขอโทษสำหรับบางคน เนื่องจากเนื้อหาบางช่วงอาจดูแรง 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น