ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Heart, Mind and Soul [ChanKai]

    ลำดับตอนที่ #14 : Say it

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 991
      22
      15 ต.ค. 57

    -14-

    Say it


     

     

    เป็นไปตามที่คาดคือตารางงานของวงน้องๆมีปัญหา บางงานต้องยกเลิก แต่บางงานก็สามารถขึ้นได้แม้จะมีสมาชิกเพียงสามคน

     

    แต่ก็ใช่ว่ามันจะมีแต่ปัญหาเสมอไป ดูเหมือนว่าเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะได้รับความสนใจจากแฟนๆและสื่อมากพอสมควร มันจึงเหมือนเป็นการโปรโมทให้คนรู้จักอีกรูปแบบหนึ่ง วงของพวกเราสองวงเริ่มออกงานด้วยกันน้อยลงแล้วเมื่อพวกเขาเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ และแม้จงอินจะไม่ได้เข้าร่วมรายการต่างๆชื่อของเขาก็ยังถูกพูดถึงเสมอ

     

    ผมนึึกเป็นห่วงจงอินอยู่ตลอดเวลาได้ดูน้องๆออกตามรายการ มันดูขาดๆหายๆเมื่อขาดเขา ซึ่งถ้าเขาอยู่ในห้องและดูรายการของเพื่อนๆก็คงจะต้องรู้สึกอะไรบ้างแน่ๆ

     

    ภาพที่เขาร้องไห้และตาเศร้าๆของจงอินที่โรงพยาบาลยังอยู่ในความคิดผมอยู่ตลอด บางทีผมก็อยากไปหาเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะตอบรับแบบไหน ใจนึงผมก็กลัวว่าเขาจะปฏิเสธความหวังดีของผมเหมือนกับหลายเดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น

     

    แต่จากวันนั้น ตั้งแต่วันที่เขาเจ็บผมก็ไม่มีความคิดจะตัดใจอีก ผมไม่มีความคิดอะไรทั้งนั้น อยากจะปล่อยให้มันเป็นไป เพราะต่อให้บังคับยังไงก็ห้ามใจไม่ได้อยู่ดี

     

    หลังจากพรุ่งนี้มีวันหยุดสามวันนะ อาทิตย์หน้ามีอัดเสียงทั้งอาทิตย์” พี่ฮีชอลบอกระหว่างที่เรานั่งรถกลับหอ พรุ่งนี้เรามีงานแค่ช่วงเช้าและหลังจากนั้นก็ว่างยาวเลยบอกพวกเราไว้เผื่อจะไปไหน

    งั้นผมขอกลับบ้านนะครับ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ ไม่รู้ไอ้เลย์จะมีเวลาหาแฟนกับเขาบ้างไหม

    ผมด้วยๆ” ซูโฮบอกอีกคน สุดท้ายทุกคนก็มีแผนว่าจะกลับบ้าน ยกเว้นผมที่ไม่มีที่ให้กลับ

    มึงจะไปบ้านกูก็ได้นะ ไปเที่ยวไง” เฉินยังคงชวนผมอย่างสม่ำเสมอ พวกมันคงเป็นห่วงเพราะรู้เรื่องครอบครัวของผมดี

    ไม่เป็นไรว่ะ ขออยู่ห้องแต่งเพลงดีกว่า” ความจริงผมไม่อยากไปไหนเพราะคิดไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมเขา แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะยินดีที่เห็นหน้าผมหรือเปล่า

     

     

    ปกติแล้วในวันหยุดผมแทบจะไม่ได้ออกไปไหน ส่วนหนึ่งเพราะมันยุ่งยากวุ่นวายและไม่มีความเป็นส่วนตัวผมจึงใช้เวลาอยู่แต่ในหอพัก

     

    ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ขณะที่กำลังแต่งเพลง วันนี้ผมมีสมาธิมากเวลาจึงไหลผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

     

    ครับ” ผมรับโทรศัพท์ มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแต่แสงไฟตอนกลางคืน ไม่รู้ว่าพระอาทิตย์ตกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

    เสียงเย็นชาจัง จำไม่ได้เหรอ” ผมไม่ได้ดูชื่อจึงไม่รู้ว่าเป็นซอฮยอน แต่พอรู้ว่าเป็นเธอผมก็รู้สึกดีใจ คิดว่าเราจะขาดการติดต่อกันไปหลังจากกลับจากญี่ปุ่น

    จำได้ครับ คุณเป็นยังไงบ้าง”

    ไม่รู้สิ ตอนนี้เหงา อยากมีเพื่อนดินเนอร์”

    ผมว่ามันคงไม่เหมาะเท่าไหร่” แน่นอนว่าเธอน่าจะเข้าใจว่าที่นี่กับญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน ไม่ใช่จะไปไหนมาไหนได้อย่างใจ

    เสียดายจัง”

    แต่ถ้าคุณสะดวก ผมอยู่ที่ห้อง เราดินเนอร์กันที่นี่ก็ได้นะครับ”

    เอางั้นก็ได้”

     

    เธอตอบตกลง หลังจากนั้นผมก็รอเธออยู่พักใหญ่ๆ เธอมาถึงพร้อมๆกับอาหารที่ผมโทรสั่งพอดิบพอดี

     

    ทำไมวันนี้คุณดื่มเยอะจัง” ผมถาม มองดูเธอรินไวน์ที่เธอเอามาเอง ก่อนหน้านี้เราจัดการอาหารหมดไปตั้งนานแล้ว และเวลานี้เธอก็เอาแต่ดื่ม

    คุณก็ดื่มเป็นเพื่อนฉันด้วยสิ เอาแต่มองอยู่ได้” ผมยกไวน์ขึ้นจิบตามใจเธอ

    วันนี้มาแปลก”

    ไม่แปลกหรอน่า คิดมาก ว่าแต่ฉันมากวนคุณรึเปล่า คุณกำลังทำงานอยู่ใช่ไหม” เธอมองเข้าไปในห้องทำงานที่ยังไม่ได้ปิดไฟ คอมพิวเตอร์ก็ยังไม่ได้ปิด โต๊ะทำงานตอนนี้ดูรกไปหมดพอมองจากข้างนอก

    ไม่กวนหรอก ผมทำงานทั้งวันแล้ว ดีซะอีกมีเพื่อทานข้าวเย็น”

    ทำไมคุณไม่กลับบ้านเหมือนเพื่อนๆล่ะ อยู่คนเดียวเหงาจะตาย” ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไรเธอ

     

    เธอดื่มไวน์จนหมดขวด บรรยากาศตอนนี้เหมือนจะเป็นใจดึงดูดเราเข้าหากัน เราจูบกัน พัวพันกันอยู่พักใหญ่ๆ แต่แล้วต่างคนก็ต่างหยุด

     

    ผมมีเรื่องให้คิด เธอก็คงมีเรื่องให้คิด ใจเราต่างก็ไม่ได้อยู่กับคนตรงหน้า บางครั้งบางทีเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆเสมอไป

     

    ฉับกลับก่อนดีกว่า”

     

    เธอพูด และนั่นคือทางออกที่ดีสำหรับเวลานี้ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะจงอินอยู่ใกล้ผมมากเกิดกว่าจะคิดถึงเรื่องอื่นๆได้

     

    ซอฮยอนลุกขึ้นและเซเล็กน้อย ผมคว้าตัวเธอไว้ ก่อนจะเดินออกมาส่ง

     

    ระหว่างที่ยืนรอลิฟท์ เธอยืนซบผมนิ่ง ทำให้ผมรู้สึกห่วงว่าเธออาจจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง แต่เราสองคนไม่เคยพูดถึงเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ผมจึงรู้สึกว่าไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปถามก้าวก่าย

     

    เสียงลิฟท์ดังพร้อมๆกับประตูที่เปิดออก ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เจอคนที่คิดถึงอยู่ตลอด เพียงแต่ว่าสถานการณ์ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่

     

    จงอินไม่แสดงออกอะไรทางสีหน้าสักนิด เขามองผมและซอฮยอนที่ซบกันอยู่นิ่งๆ จากนั้นก็จับไม้ค้ำเดินเลี่ยงพวกผมออกมา

     

    น้องคนนั้นใช่ไหมที่ตกเวที” ผมได้ยินเธอถามแต่ก็ไม่ได้ตอบ จ้องมองตามหลังเขาที่ค่อยๆเดิน รู้สึกไม่ชอบใจอยู่หน่อยๆที่ขาเป็นแบบนี้เขายังออกไปข้างนอก

    ชานยอล…ส่งฉันตรงนี้ก็ได้” เธอจูบแก้มผมเบาๆแล้วเดินเข้าไปในลิฟท์ ผมรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นเธอโบกมือลาพร้อมลิฟท์ที่ค่อยๆปิด และพอมันปิดสนิทเท่านั้นผมก็รีบวิ่งไปหาจงอินที่กำลังเปิดประตูห้อง

     

    โชคดีที่เขาทำอะไรไม่สะดวกนักผมจึงวิ่งไปทัน ผมหยิบคีย์การ์ดมาจากมือเขาแล้วเปิดประตูให้

     

    ออกมาข้างนอกทำไมยังไม่หายดีเลย” เขาฟังแต่ก็ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินและไม่ได้ตอบ

    กินข้าวเย็นรึยัง” ผมยังคงถาม มองท่าทางลำบากของเขาจากการใช้ไม้ค้ำ ซึ่งดูเหมือนเขาจะไม่คุ้นชิน ผมเดินเข้าไปจะช่วยเขาพยุงแต่เขากลับเบี่ยงตัวหนีมือผม

     

    พอเห็นท่าทางรังเกียจของเขาผมก็นึกหงุดหงิด ผมดึงไม่ค้ำของเขาออกแล้วโยนไปทางอื่น ในที่สุดเขาก็หันมามองผมด้วยความตกใจเมื่อผมช้อนตัวเขาขึ้นอุ้ม

     

    ทำอะไร!” จงอินพูดเสียงดัง ดูไม่พอใจและลนลานขึ้นมาจนผมต้องยิ้ม

    ไม่ได้ทำอะไร แค่จะช่วย” ผมอุ้มเขามาวางบนโซฟา ส่วนตัวผมก็นั่งลงข้างล่าง ในตอนนี้พวกเพื่อนๆของเขาคงออกไปทำงาน ในห้องจึงดูเงียบเหงาเหมือนห้องของผม

     

    ผมมองเขา ยังคงไม่ไปไหน เหมือนกับว่านานแล้วที่เราไม่ได้อยู่กันสองคนแบบนี้ จากตอนแรกที่เขาพยายามไม่สนใจผม พอผมจ้องเขามากๆเขาก็หันกลับมามอง จากนั้นก็จ้องผมนิ่งนาน ภายในดวงตาสั่นไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง

     

    มีอะไรอยากพูดกับพี่รึเปล่า” ผมจำวันนั้นที่โรงพยาบาลที่เขาเรียกผมได้ เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรกับผมสักอย่าง

    ก่อนหน้านี้มี…” เขาพูดแล้วก็เว้นช่วง ก่อนจะเอื้อมมือมาที่แก้มของผม มันทำให้ผมใจกระตุก

    แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว…” จงอินเอานิ้วเช็ดที่แก้มของผม เช็ดซ้ำๆหลายๆครั้ง

    หมายความว่าไง” ผมจับมือเขาให้หยุด ผมไม่เข้าใจทั้งการกระทำและคำพูดที่เขากำลังพูด

    ไม่มีอะไร…พี่กลับไปเถอะ” เขาก้มลงมองมือตัวเองที่ผมจับอยู่

     

    สายตาเขากำลังมองรอยลิปสติกที่เขาเพิ่งจะเช็ดออกจากแก้มของผม

     

    จงอิน…พูดเถอะนะ…” ผมอยากให้เขาพูด พูดอะไรก็ตามที่เขารู้สึก เพราะผมไม่อยากคิดไปเองฝ่ายเดียว ตอนนี้ผมอึดอัดจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

     

    พี่กำลังทำให้ผมเป็นบ้า…ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย…”

     

    นี่มันเป็นคำพูดแบบไหน ทำไมใจผมมันถึงเต้นแรงขนาดนี้

     

    ผมดึงเขาเข้ามากอด เขาไปนิ่งสักพัก จากนั้นเข้าก็เริ่มต่อต้าน เขาผลักผมออก ผลักอย่างแรงราวกับไม่ต้องการอยู่ใกล้ๆผม

     

    ผมไม่เข้าใจเขาเลย…ไม่เลยสักนิดเดียว

     

    พี่จะถามจงอินอีกครั้งเดียว ขอแค่ตอบตรงๆ อย่าโกหก…” ผมจับแขนเขาให้อยู่นิ่งๆ บีบแขนเขาแน่นให้ขืนตัวออกไม่ได้และบังคับให้เขามองตาผม

     

    จงอินรู้สึกเหมือนกับพี่รึเปล่า”

     

    ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขา มองอย่างขอร้องให้พูดมันออกมา จากที่ผ่านมาทั้งหมด ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรกับผมบ้าง…เขาจะต้องรู้สึกอะไรกับผมบ้าง ผมอยากจะเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น

     

    ไม่เหมือน…” สุดท้ายเขาก็ตอบ และใช่…มันไม่ใช่อย่างที่ผมหวัง

    พี่กับซอฮยอนไม่ได้เป็นอย่างที่จงอินคิดหรอกนะ ถ้าหากว่าจงอินเข้าใจผิด…”

    ไม่ต้องอธิบายหรอก มันไม่เกี่ยวกับผม”

    เกี่ยวสิ มันต้องเกี่ยว” ผมจับมือเขาที่ยังมีรอยลิปสติกขึ้นมาตรงหน้าเราสองคน มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไง ไอ้สิ่งนี้มันทำให้เขาไม่ยอมรับความรู้สึกที่มีให้กับผม

    จงอินจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เลยงั้นสิ…ใช่ไหม…” ผมคาดคั้น บีบบังคับทุกทาง ทั้งขอร้องทั้งประชดประชัน ถ้าหากเขาไม่ใช่คนดื้อรั้นปากแข็ง มันก็เป็นไปได้อีกทางเดียวคือเขาไม่รู้สึกกับผมจริงๆ

    ใช่…” เขาตอบ และน้ำตาก็ไหลลงมาหลังจากนั้น สายตาของเขามันเจ็บปวด แล้วจะให้ผมเชื่อได้ยังไง

     

    โกหก”

     

    เหมือนเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกโมโหเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมกดจูบลงไปที่ริมฝีปากเขาอย่างแรง บดจูบลงไปทั้งๆที่เขาต่อต้าน สุดท้ายที่เจ็บปวดที่สุดคือเขากัดริมฝีปากของผม ความเจ็บอย่างกะทันหันทำให้ผมผละออกจากเขา

     

    พี่ก็โกหกเหมือนกัน รู้ไหม…ปากพี่ยังมีรสลิปสติกอยู่เลย ตัวพี่ก็มีแต่กลิ่นน้ำหอม แล้วมายุ่งกับผมทำไม!”

     

    เขารู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา คำพูดของเขามันขัดแย้งกับคำพูดก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

     

    พี่รักจงอิน แต่สิ่งที่จงอินให้พี่มันมีแต่ความเย็นชา พี่ไม่ใช่คนเข้มแข็งที่จะทนได้ตลอดหรอกนะ” ผมพูดตัดพ้อ ไม่รู้หรอกว่าเขาจะเข้าใจมันไหม

    ถ้าผมมันเย็นชาแล้วพี่มารักผมทำไม มาอยู่ใกล้กันทำไม…มันเป็นเพราะพี่ทั้งนั้น” เขาว่าผม โทษผม น้ำตาเขาไหลลงมาเรื่อยๆโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

     

    มันเหมือนกับว่าเราคุยกันคนละเรื่อง แต่ผมเข้าใจเขาแล้วแม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับมัน การแสดงออกทุกอย่างของเขามันบอกว่าเขารู้สึกยังไงกับผม

     

    ได้อยู่ใกล้ๆจงอินพี่มีความสุขมาก แต่ก็เจ็บมากเหมือนกันนะ…” ผมเช็ดน้ำตาให้เขา “ที่พี่พยายามทั้งหมด ไม่รู้เลยเหรอว่าพี่รักจงอินแค่ไหน”

     

    เรื่องคนอื่นอธิบายคงไม่มีประโยชน์ ผมจึงได้แต่บอกให้เขาเชื่อว่าผมรักเขา

     

    วันนี้จงอินยังไม่ต้องบอกก็ได้…แต่พี่จะรอ…”

     

    เขามองผมทั้งๆที่ยังร้องไห้ แววตาสับสน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

     

    เราเงียบกันอยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงที่หน้าห้อง เราสองคนยังไม่ทันขยับออกห่างประตูก็ถูกเปิดออก เป็นเซฮุนที่เข้ามาคนแรก ตามด้วยแบคฮยอน จื่อเทา และพี่คังอิน

     

    เซฮุนดูตกใจที่เห็นผมอยู่ในห้องในทีแรก จากนั้นก็มองไปที่จงอินที่กำลังร้องไห้

     

    เกิดอะไรขึ้น! พี่ทำอะไร!” เซฮุนถามเสียงกร้าว เดินมาฉุดผมให้ออกห่างจากจงอิน

    ไม่มีอะไร…เราแค่ทะเลาะกัน” ผมบอก แต่เซฮุนดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อ เขามองที่ปากของผม มองแผลที่จงอินเป็นคนกัด มันอาจจะยังคงทิ้งรอยเลือดเอาไว้…

     

    ไม่ทันตั้งตัวผมก็ถูกหมัดของเซฮุนกระแทกหน้า ความเจ็บปวดที่ปากเจ็บซ้ำตรงจุดเดิม ผมล้มนั่งลงกับพื้น ไม่คิดจะสวนเพราะผมไม่ได้โกรธ

     

    เซฮุน!” จงอินเรียกด้วยความตกใจ พวกเพื่อนๆรั้งตัวเซฮุนเอาไว้ด้วยแม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างก็งงกับเหตุการณ์ตรงหน้า

    ใจเย็นก่อนดิวะ” จื่อเทาว่า

    จงอินมึงเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” แบคฮยอนถาม

    กูไม่ได้เป็นอะไรหรอก ไม่มีอะไรจริงๆ” ทุกคนดูยังสงสัยกับคำตอบของจงอินแต่ก็เงียบ เพราะรู้ว่าถามไปเราก็คงไม่มีทางบอก

    ชานยอลกลับห้องไปก่อนไป” พี่คังอินที่ยืนดูอยู่เอ่ยปากเพื่อเคลียร์สถานการณ์ เมื่อเป็นคำสั่งผมก็ปฏิเสธไม่ได้

     

    ผมกลับมาที่ห้องแล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ในปากยังได้รสคาวเลือดแต่ผมก็ไม่ใส่ใจจะทำแผลหรือใส่ใจจะทำอะไรทั้งนั้น ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ของผมกับเขา

     

    คำพูด แววตา การกระทำ

     

    ผมคิดวนเวียนซ้ำๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง เขากำลังบอกว่ารักผมแล้วใช่รึเปล่า ผมคิดและถามตัวเองอยู่อย่างนั้นทั้งคืน

     

     

    ไอ้ชานยอล! พวกกูไม่อยู่มึงไปทำอะไรมา” เฉินกลับมาที่หอคนแรกถามเมื่อเห็นสภาพผม

    เล่าทีเดียวได้ไหม” ผมถามมัน และคิดว่าไอ้พวกที่เหลือต้องสงสัยเหมือนกันแน่ๆ

     

    กว่าพวกมันจะกลับมาครบก็เย็นแล้ว ทุกคนพอเห็นปากช้ำๆก็ถามคำถามเดียวกันหมด ผมเลยเล่าให้พวกมันฟังคร่าวๆไม่ได้ลงรายละเอียดไปถึงความรู้สึก แต่ก็คิดว่าพวกมันคงพอเข้าใจ

     

    เซฮุนมันโกรธขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ซูโฮสงสัย พวกมันไม่มีใครรู้เรื่องราวระหว่างจงอินกับเซฮุน และผมก็ไม่เคยพูด

    ก็คงจะเป็นห่วงเพื่อน” เลย์พยายามมองในแง่ดี

    แต่กูว่ามันยังไงๆแล้วล่ะ” เฉินว่า ดูพวกมันจะเริ่มวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเราสามคนผมก็เลยตัดบทซะก่อน

    ช่างเหอะว่ะ ปล่อยให้มันจบไปเหอะ”

    เรื่องมึงกับน้องนี่ยาวเป็นมหากาพย์ กูต้องลุ้นอีกี่ซีซั่นวะ” ซูโฮดูเหมือนจะท้อแท้แทนผม

    แต่กูว่ามีลุ้นแล้วนะ มาขนาดนี้แล้ว” คยองซูพูด ซึ่งมันก็ทำให้ผมมีความหวังอย่างมาก

    จากนี้ก็เดินหน้าเต็มที่ ไม่ต้องคิดตัดใจแล้ว” เลย์ตบบ่าผมให้กำลังใจ พวกที่เหลือก็พากันพยักหน้าหงึกหงัก

     

    ี่ฮีชอลดูเหมือนจะรู้เรื่องจากพี่คังอินแล้วจึงไม่ได้ถามอะไรมาก แต่ก็บ่นยาวเหยียดหลายนาทีโทษฐานไม่ดูแลรักษารูปลักษณ์ที่ใช้หากิน พวกเราก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ ยังดีที่ช่วงนี้เข้าห้องอัด ไม่ต้องออกสื่อ ไม่งั้นหูคงชากันหมด

     

    เราอัดเพลงกันหามรุ่งหามค่ำหลายวันผมจึงไม่ได้เจอกับเขาอีกหลังจากวันนั้น

     

    และจากเหตุการณ์นั้น ดูเหมือนว่าจะเข้าใกล้เขาได้ยากขึ้น ทั้งเซฮุน และพี่ผู้จัดการทั้งสองที่ไม่อยากให้พวกผมพบกันเพื่อป้องกันปัญหา

     

    วันนี้งานของเราเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เที่ยง ผมและเพื่อนๆออกจากสตูดิโอเพื่อกลับหอนอนพักผ่อนหลังวันอันยาวนาน

     

    พอถึงห้องทุกคนก็พากันแยกย้าย ผมคิดถึงเขาขึ้นมาจึงเดินออกมาที่ระเบียงและกดโทรศัพท์โทรหา ผ่านมาก็เดือนนึงแล้วหลังอุบัติเหตุ คิดว่าเขาน่าจะดีขึ้นมากและอีกไม่นานคงจะกลับไปทำงานได้แล้ว

     

    ผมโทรหาเขาสี่ห้าครั้งเขาก็ไม่รับ แต่มันก็เป็นปกติ ผมยังไม่ละความพยายามโทรกลับไปอีกครั้ง มองลงไปข้างล่าง สายตาผมไม่ได้ตั้งใจโฟกัสไปที่ไหนระหว่างรอ

     

    มันอาจจะเป็นความบังเอิญที่ประจวบเหมาะเมื่อผมมองลงไปในสวนเล็กๆของหอพักที่อยู่ชั้นล่างและเห็นคนที่ผมกำลังโทรหา จากมองแค่ไกลๆผมก็รู้ว่าเป็นเขา ผมเห็นเขาเดินช้าๆมานั่งในสวน จูงมงกูลงมาเดินเล่นด้วย

     

    เห็นอย่างนั้นผมก็รีบเร่งไปที่ลิฟท์เพื่อลงไปข้างล่าง แต่พอจะเดินออกไปที่สวนผมก็นึกชั่งใจ มองเขาอยู่ห่างๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเขา

     

    ผมได้ยินเสียงสัญญาณพร้อมๆกับที่เขายกโทรศัพท์ในมือขึ้นดู ผมเคยสงสัยมาตลอดว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหนเมื่อผมโทรไป เขาจะเพิกเฉยไม่สนใจหรือนึกลังเลที่จะรับบ้างไหม

     

    จงอินมองโทรศัพท์ในมือนิ่งนาน เขาไม่รับ เพียงแต่ตามองดูมันที่อาจจะมีชื่อผมปรากฏอยู่ และแม้ผมจะกดตัดสายไปแล้วเขาก็ยังคงไม่ละสายตา ยังคงมองอยู่อย่างนั้นจนผมเดินเข้าไปใกล้เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว

     

    ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจที่จู่ๆผมมายืนอยู่ตรงหน้า

     

    แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตอบ ผมก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะตอบผมหรอก แค่ถามไปอย่างนั้น ผลละความสนใจจากเขาไปที่มงดูที่พยายามเข้ามาเลียหน้าผมด้วยความคิดถึง ยังดีที่มันยังจำผมได้จากที่ผ่านมาหลายเดือน ดูมันกระตือรือร้นมากจนผมต้องนอนลงกับพื้นหญ้าให้มันเลียได้ถนัด หลังจากสาสมใจแล้วมันก็วางหัวของมันนอนเกยหน้าท้องผมนิ่งๆ

     

    ขาหายรึยัง” ผมเงยหน้ามองเขาที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้วถาม

    ใกล้แล้ว ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย”

    หายแล้วก็อย่าเพิ่งเต้นเลยนะ ให้มันหายดีจนแน่ใจก่อน เดี๋ยวจะกลับมาเจ็บอีก”

    ผมเลี่ยงไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องเต้น”

    งั้นก็อย่าเต้นแรง”

    ผมดูแลตัวเองได้”

    ดูแลได้แล้วจะเจ็บแบบนี้ได้ไง” เขาเริ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจกับคำพูดที่ไม่เข้าหู

    ผมเจ็บ พี่ไม่ได้เจ็บสักหน่อย แล้วก็ใช่ว่าผมจะอยากให้มันเป็นแบบนี้”

     

    ผมอยากจะบอกว่าผมก็เจ็บเหมือนกันที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น แต่ไม่พูดไปจะดีว่า เวลานี้ยังไม่ควรไปรุกเร้าอะไรมาก เดี๋ยวเขาจะถอยกลับไปอีก

     

    ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้นอกจากความรู้สึกของเขาก็คือเรื่องของเขากับเซฮุน เขาทำเหมือนกับว่ามีใจให้ผม แต่ถ้าพวกเขายังคบกันมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย และสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ก็คือเรื่องผิดที่คิดแย่งคนรักของคนอื่น

     

    ทำไมเรื่องราวมันถึงวุ่นวายได้ขนาดนี้

     

    พี่โกรธเซฮุนรึเปล่า วันนั้น…” เขาถามผม ดูเหมือนว่าเราจะคิดถึงเรื่องของเซฮุนอยู่เหมือนๆกัน

    ไม่หรอก…”

    มันไม่ควรทำแบบนั้น แต่พี่อย่าไปโกรธมันเลยนะ” แค่ได้ยินผมก็รู้สึกไม่พอใจ ผมไม่อยากได้ยินเขาแก้ตัวแทนเซฮุนเลยสักนิด

    ก็บอกว่าไม่ได้โกรธ พี่เข้าใจ”

    เข้าใจว่าอะไร” ผมลุกขึ้นนั่ง มองเขาอย่างสงสัย ทำไมเขาถึงต้องการคำอธิบาย แค่คำว่าเข้าใจทำไมถึงยังไม่พอ

    “…จงอินกับเซฮุนคบกันอยู่ มันก็สมควรแล้วที่เขาจะทำอย่างนั้น…และพี่ไม่ได้โกรธ” พูดไปเลยก็ดีเหมือนกัน อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะโต้ตอบผมมาว่าอะไร จะบอกผมหรือเปล่าว่าความสัมพันธ์ของเขากับเซฮุนกำลังเป็นแบบไหน

     

    ผมกับเซฮุน…เราแค่เคยคบกัน”

     

    จงอินหลบเลี่ยงสายตาผมที่จ้องเขาหลังจากที่ได้ยิน เขากำลังอธิบายให้ผมเข้าใจใช่หรือเปล่า ในอกผมมันปั่นป่วนไปหมด

     

    ผมกำลังดีใจ

    ทั้งดีใจ ทั้งมีความหวัง

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×