เจ้าชายกับชายหนุ่มผมยาว - เจ้าชายกับชายหนุ่มผมยาว นิยาย เจ้าชายกับชายหนุ่มผมยาว : Dek-D.com - Writer

    เจ้าชายกับชายหนุ่มผมยาว

    นิทานเค้าอยู่ดีๆ ก็จับมาทำ YYY เสียดื้อๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    211

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    211

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มี.ค. 56 / 16:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ชายหนุ่มผมยาว
    กับเจ้าชายที่หลงอยู่ในห้วงแห่งรัก

    นิทานคลาสสิค ที่ตอนนี้ได้กลายมาเปน Y อยู่ตรงหน้าท่านแล้ว
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                     กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หุบเขาลึกกลางป่าที่ไร้ผู้คน จะมีก็เพียงสัตว์ร้ายมากมายอาศัยอยู่เท่านั้น ในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าได้มีหอคอยสูงเสียดฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ แต่ถึงกระนั้นหอคอยแห่งนี้ก็ยังไม่มีใครหาพบเจอเพราะหอคอยถูกบดบังด้วยต้นไม้ใหญ่กว่านับร้อยต้น ภายในหอคอยนั้นเองได้มีคนผู้หนึ่งอาศัยอยู่ เขาคนนั้นมีนามว่า ราเซส ชายหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามและเรือนผมยาวสลวย ราวกับไหมสีทองที่เงางามยังมิได้รับการถักทอใด ๆ ราเซสอาศัยอยู่บนหอคอยสูงไม่ใช่เพราะถูกกักขัง แต่เขาอาศัยอยู่ที่นี้ด้วยความเต็มใจ เนื่องจากว่า ถ้าราเซสออกไปยังโลกภายนอกจะถูกนำไปใช้ประโยชน์โดยพวกมนุษย์ที่โง่เง่าและทำให้เขาไม่พบความสุขอีกเลย นี้ก็เพราะว่าราเซสมีร่างกายที่มีความพิเศษยิ่งกว่าใครนั่นเอง

                      ในวันหนึ่งยามที่ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มเงียบสงบ ก้อนเมฆลอยเอื่อยเพราะถูกลมพัดเฉื่อย ๆ ให้ลอยตามแรงลม ราเซส ที่อยู่บนหอคอยก็ยังคงนั่งอยู่ตรงหน้าต่างกว้าง ในสายตาที่เลื่อนลอย เขาไม่ได้ชอบที่จะถูกกักขังอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะออกไปไหน ที่นี้คือที่ ๆ ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขาแล้ว แต่ถึงกระนั้นราเซสก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี้เพียงคนเดียว ยังมีอีกคนที่อาศัยอยู่ร่วมกับเขาบนหอคอยสูงนี้ แต่คน ๆ นั้นจะมาหาราเซสทุก ๆ 7 วัน จะคอยนำข้าวนำน้ำมาให้ คน ๆ นั้นเป็นคนนำราเซสมาอยู่ที่นี้และที่สำคัญคน ๆ นั้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราเซสไม่หนีไปไหนเช่นกัน

                      แต่ความเงียบสบงที่ว่าก็จบลงเมื่อมีเสีย ๆ หนึ่งดังขึ้นมา เป็นเสียงพุ่มไม้สั่นไหวเหมือนกำลังจะมีบางอย่างฝ่าพุ่มไม้เหล่านี้เข้ามา ราเซสรู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นเสียงคนเดิน เพราะราเซสสามารถแยกแยะเสียงฝีเท้าคนกับฝีเท้าสัตว์ออกได้เนื่องจากว่าเขานั่งฟังแบบนี้อยู่ทุกวัน

                      ราเซสรีบลุกขึ้นยืนทันที และมองไปที่ตรง ๆ นั้น ตรงที่จะมีใครคนหนึ่งเดินออกมาและคงมีแต่คน ๆ นั้นเพียงคนเดียวแน่นอนเพราะคนที่รู้ว่าที่นี้มีอยู่ ก็มีแค่คน ๆ นั้นเพียงผู้เดียว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อคนที่เดินเข้ามาในบริเวณหอคอย กลับไม่ใช่คนที่ราเซสคาดคิด...

                      “...อึ๊ก! คง..จะหนีพ้นแล้วสินะ” ชาวหนุ่มร่างสูงพูดในขณะที่เดินเข้ามา เขาที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกทำร้าย เลือดเปราะเปื้อนเต็มร่างกายและไหลออกมาไม่หยุดจนหยดเป็นทาง เขาเดินโซซัดโซเซออกมาจากพุ่มไม้และทรุดตัวลงทันที ร่างกายของเขาสาหัสเกินกว่าจะเดินต่อไปได้

                      “...คงมาได้ แค่นี้สินะ...” ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าในใจก็คิดว่าขอเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นท้องฟ้าอย่างเต็มตาก่อนจะสิ้นใจไป แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ต้องพบกับหอคอยสูงใหญ่บดบังท้องฟ้าแต่นั้นก็ไม่เท่ากับการที่เขาได้เห็นบางสิ่งที่อยู่บนหอคอย เขาเห็นราเซสยืนนิ่งมองมายังตัวเขาที่ใกล้สิ้นแรง ทำให้ชายหนุ่มตะลึกกับสิ่งที่เห็นจนแทบลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้น ในใจพลางคิดว่า คนตรงหน้าช่างมีใบหน้างดงามราวเทพมาจุติ รูปหน้าเรียว ดวงตาคมคายบวกกับนัยน์ตาที่กลมโตใส ริมฝีปากบางใสเรียวมน ผิวที่ขาวราวหิมะและเส้นผมสีทองที่งดงามสะท้อนดวงตา สะกดให้ชายหนุ่มมิอาจเบือนสายตาออกไปได้ คน ๆ นี้ช่างงดงามยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ที่เขาเคยพบเจอมา และที่สำคัญกว่าที่สุดก็คือชายหนุ่มเกิด “ตกหลุมรัก” คน ๆ นี้ทันทีที่ได้พบ ทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน จนตัวชายหนุ่มเผลอหลุดปากพูดออกไปว่า...

                      “...แม้เจ้าจะเป็นทูตที่จะมาพาข้าไปสวรรค์หรืออเวจีก็ตาม แต่ข้าก็ดีใจจริง ๆ ที่ข้าได้มาพบเจ้าเพราะในทันทีที่ข้าได้เห็นเจ้าแล้วก็ทำให้เข้าใจทันทีว่าคำว่า รักนั้นเป็นเช่นไร...” ชายหนุ่มยิ้มให้กับราเซสที่อยู่บนหอคอย แม้ราเซสจะไม่ได้ยินในสิ่งที่คน ๆ นี้พูดเลยก็ตาม แต่เข้าก็เห็นรอยยิ้มของคนผู้นี้ ซึ่งบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเลือดและบาดแผลนั้นกลับมีรอยยิ้มที่ช่างอ่อนโยนและทำให้หัวใจของราเซสรู้สึกหวั่นไหวจนแทบหมดเรี่ยวแรง หัวใจของราเซสเต้นรั่วไม่เป็นจังหวะไม่ใช่เพียงเพราะความรู้สึกตื่นเต้นที่มีใครที่ไม่รู้จักหลงเข้ามา แต่ที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าก็คงเป็นการที่คน ๆ นี้กำลังจะสิ้นใจตายต่อหน้า ทั้งที่ราเซสจะไม่ช่วยเขาคนนี้ก็ได้ แต่ราเซสรู้สึกว่าไม่อาจปล่อยคนตรงหน้าทิ้งไว้แบบนี้ ราเซสจึงตัดสิ้นใจทำสิ่งที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปทั้งชีวิต...

                      “เจ้าน่ะ! พอจะลุกขึ้นเดินไหวหรือไม่ มีแรงพอที่จะยึดจับไหวรึเปล่า เราจะส่งเส้นผมของเราลงไปให้เจ้านำมันผูกเอาไว้กับตัวแล้วเรา...จะดึงเจ้าขึ้นมาเอง...” สิ้นคำพูดของราเซส เขาก็โยนเส้นผมสีทองยาวแสนงดงามของเขาลงมาจากหอคอย ซึ่งหอคอยแห่งนี้ก็มีความสูงอยู่มิใช่น้อยแต่เส้นผมของเขายาวมากถึงขั้นที่จะส่งมาถึงยังพื้นดินได้ ชายหนุ่มที่สติและร่างกายเริ่มอ่อนล้าเต็มทน ทำตามที่ราเซสบอกอย่างว่าง่ายในความคิดอันเรือนรางของเขา ชายหนุ่มคิดว่าต่อให้นี้เป็นการเชื้อเชิญจากยมทูตเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธถ้ายมทูตนั้นเป็นคน ๆ เดียวกับที่เขาหลงรักอย่างสุดหัวใจ

      จากนั้นราเซสก็เริ่มดึกชายแปลกหน้าขึ้นมาบนหอคอย เขาคนนี้หนักยิ่งกว่า”ผู้ดูแล”ของเขาเสียอีก ทำเอาราเซสแทบจะหมดแรงกลางทาง แต่เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่ยังคงมองมาที่เขา ก็จำให้ต้องมีแรงฮึดดึงขึ้นมาอีกครั้งเพราะใจก็นึกกลัวว่าชายหนุ่มจะตาย... เป็นความรู้สึกที่ราเซสไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยนึกห่วงใครเท่านี้มาก่อนเลยแม้กระทั่งกับ”ผู้ดูแล” ก็ตามและเมื่อดึงชายแปลกหน้าขึ้นมาจนสุด ราเซสก็รีบคว้าตัวคน ๆ นั้นเอาไว้จากนอกหน้าต่างให้เข้ามาด้านใน ทันทีที่ชายหนุ่มพ้นหน้าต่างเข้ามาได้ ก็โถมตัวลงทับราเซสที่มีร่างกายเปราะบาง จนทำให้ราเซสถึงกับต้องทรุดตัวลงนั่ง และโอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้

      “นี้เจ้า อย่างพึ่งหลับนะ” ราเซสเอ่ยกับร่างสูงที่อยู่ในอ้อมแขน ร่างสูงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองราเซสที่รนรานทำอะไรไม่ถูก เขายิ้มด้วยใบหน้าที่ดีใจที่สุดในชีวิตและเอ่ยออกมาว่า

      “...มีอยู่จริงสินะ เจ้ามิใช่ภาพลวงตา แต่เจ้ามีชีวิต มีลมหายใจ เสียงหัวใจของเจ้าช่างไพเราะ ข้าไม่นึกเลยว่าจะหลงรักใครตั้งแต่แรกพบได้จริง ๆ” ชายหนุ่มพูดทั้งที่ตัวเองก็แทบจะเต็มกลืนก่อนที่จะ...สลบไปในที่สุด...

      _________________________

      ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ในหัวของเขาช่างว่างเปล่า ความรู้สึกที่ได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่งยังไม่เลือนหายไป และในดวงตาที่เลื่อนลอยนั้นเองกลับสะท้อนภาพของคน ๆ หนึ่ง ใบหน้าได้รูปงดงาม แววตาคมฉาย เรียวปากได้รูปบางสวย แม้จะอยู่ในความมืดแต่ก็ยังเห็นความขาวนวลที่เปล่งออกมาจากผิวบางใส ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาว่าทำไมนางฟ้าในภาพก่อนสิ้นใจจึงมาปรากฏตรงหน้าเขา นี้หรือว่าเขาจะตายไปแล้วได้ขึ้นสวรรค์

      “...ฟื้นแล้วรึ” นางฟ้าพูดในสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงนั้นแม้จะฟังดูไม่ใยดีต่อคู่สนทนาแต่ก็เป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนราวเสียงพิณที่ก้องกังวาน แต่หน้าแปลกที่ตอนนี้นางฟ้าของเขาได้เปลือยท่อนบนจนทำให้เห็นผิวขาวใสอย่างเต็มตาแต่ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งที่คนตรงหน้างดงามเฉกเช่นหญิงสาวแต่ทำไมหน้าอกจึงไร้เนิน มีเพียงก้ามอกและหน้าท้องที่ผอมเพรียวบางเท่านั้นและอีกอย่างท่อนล่างของนางฟ้าก็มีเพียงผ้าผืนเดียวปิดไว้เท่านั้นด้วย

      “นี้เจ้า...เป็นผู้ชายรึ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามทั้งที่สติของเขายังเลือนรางอยู่

      “...ฮือ” คนตรงหน้าตอบเป็นการพยักหน้า เล่นเอาร่างสูงตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยายามรวบรวมสติที่มีทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับเขา เขามาที่นี้ได้อย่างไร และที่สำคัญ...คนตรงหน้าเขาเป็นใครกัน...

      แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยถามสิ่งใด ร่างบางก็ขยับกายเคลื่อนเขาหาชายหนุ่ม จากเดิมที่ร่างบางนั้นนั่งอยู่บนขอบเตียงนอน ตอนนี้เขาขึ้นมาค่อมบนตัวของร่างสูง แล้วก็ค่อย ๆ โน้มตัวลงแล้วใช้ลิ้นโลมเลียไปยังบริเวณแผลที่หน้าอกกำยำของชายหนุ่มที่เขาพึ่งรู้สึกว่ามีเมื่อตอนถูกเลีย จากที่ร่างสูงได้รวบรวมสติไปเมื่อครู่เพื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ มันกลับกระเจิดกระเจิงไปอีกครั้ง นี้มันเรื่องอะไรกัน คนตรงหน้ากำลังทำอะไร ร่างสูงตกตะลึงจนเก็บอารมณ์และสีหน้าไว้ไม่ไหว ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที

      “เจ้า...คิดจะทำอะไร” ร่างสูงพูดทั้งที่ตัวเองยังรู้สึกละอายกับการกระทำของคนตรงหน้าอยู่

      “รักษาแผลให้เจ้าไง” ราเซทตอบเสียงเรียบ ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปเลียบาดแผลต่อ ร่างบางตรงหน้าที่ค่อย ๆ ขยับบนตัวของเขาช้า ๆ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทั้งอบอุ่นและแสนจะยั่วยวนจิตใจ ให้ลอยหายไปตามอารมณ์ และตอนนั้นเองร่างสูงก็พึ่งรู้สึกตัวได้ว่า ตัวเองในตอนนี้ก็ไม่มีเสื้อผ้าปกปิดกายาเลยสักชิ้น จะมีก็เพียงผ้าห่มสีขาวผืนเดียวที่ดูจะเล็กเกินไปสำหรับรูปร่างของชายหนุ่ม

      “...เดี๋ยว!” ร่างสูงตกใจรีบคว้าท่อนแขนของราเซสเอาไว้เพื่อให้หยุดการกระทำ แต่เหมือนร่างกายของเขาจะไม่ทำตามคำสั่งเอาเสียเลย เมื่อจับได้เพียงครู่เดียวก็ต้องยอมปล่อยมือไปเพราะหมดแรงที่จะจับไว้ ร่างกายของร่างสูงตอนนี้เหมือนคนพึ่งฟื้นไข้ ขยับไม่ได้ดั่งใจที่ตัวเองต้องการ

      “อ๊ะ!” ร่างสูงอุทานเบา ๆ แต่ก็ไม่เบาจนราเซสจะไม่ได้ยินมัน ร่างบางขมวดคิ้วบางคมก่อนจะเอ่ยบอกคนตรงหน้าอย่างอ่อนใจ

      “ร่างกายของเจ้าบาดเจ็บหนักเหลือเกินจนวิธีรักษาปกติของเราไม่อาจทำให้เจ้าดีขึ้นกว่านี้ได้ ถ้าจะทำให้ใกล้เคียงกับหายขาดมากที่สุด เราคงต้องสัมผัสเจ้าให้มากกว่านี้ เราคงต้องสัมผัสเจ้าจากภายใน...”

      ทันทีที่พูดจบราเซสก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาจนสุดปลายเท้าของชายหนุ่ม จากนั้นร่างบางก็ค่อย ๆ โค้งตัวลงไปพร้อมกับใช้สองมือเอื้อมไปจับส่วนสำคัญบนร่างกายของร่างสูง ทำเอาผู้ถูกสัมผัสผวาจนร่างกายกระตุกเล็กน้อย ร่างสูงงงกับการกระทำของคนตรงหน้า คน ๆ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ นี้มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก แต่ถึงร่างสูงจะคิดเช่นนั้นเขาก็กลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย และต่อมาร่างบางที่ตอนนี้มีใบหน้าแดงกล่ำเนื่องจากความอายก็ใช้ปากของตนทำการเล้าโลม แทนการใช้มือ ทุกครั้งที่ราเซสเคลื่อนไหวปากของเขาขึ้นลงช้า ๆ ลิ้นที่โลมเลียทำเอาชายหนุ่มรู้สึกสั่นไหวทั้งร่างกายและจิตใจ นี้มันอะไรกัน ทั้งที่มันน่าอับอายมากแท้ ๆ แต่ชายหนุ่มร่างสูงกลับรู้สึกสุขใจอย่างหน้าประหลาด เขารู้สึกดีจนอดกลั้นไว้ไม่ไหวจนกระทั่ง...

      “...อึก” ร่างสูงสะอึกในลำคอ เขาทำมันลงไปเสียแล้ว

      น้ำสีขาวข้นที่เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าของราเซส ดูแล้วช่างยั่วยวนยิ่งนัก ภายในปากของร่างบางยังคงมีน้ำสีขาวไหลเปื้อนออกมาอยู่ ดวงตาใส ๆ ของราเซสมีน้ำตาคลออยู่เล็กน้อย ใบหน้าของเขาแดงเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่อีก ร่างสูงที่มองอยู่ตอนนี้สติเขาเริ่มหลุดลอย ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องของราเซส มีแต่เรื่องของร่างบางที่อยู่ตรงหน้า อยากจะจับ อยากจะสัมผัสด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะร่างกายไม่ไปพร้อมกับจิตใจ ในช่วงเวลาที่แสนจะหอมหวานและยั่วยวนนี้ทำเอาร่างสูงตกอยู่ในภวังค์รัก ที่ไม่อาจถอนตัวได้เสียแล้ว

      “...สิ่งที่เรากำลังจะกระทำก็ถือว่าทำบุญให้เพื่อนมนุษย์ก็แล้วกัน แต่ขอให้จำไว้ด้วยว่า เมื่อเจ้าแข็งแรงดีแล้ว ให้ออกไปจากที่นี้ซะ อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก รีบไปซะก่อนที่ ชาว์ล จะมาพบเจ้า” เมื่อสิ้นคำพูด ร่างบางก็เปลี่ยนตำแหน่งการนั่งของร่างกาย เขาเคลื่อนตัวให้สะโพกของตนขึ้นมาคร่อมอยู่ตรงบริเวณส่วนสำคัญของร่างกายชายหนุ่ม แล้วร่างบางก็ค่อย ๆ ใช่มือข้างหนึ่งจับแกนกลางของร่างสูงเอาไว้ ก่อนจะดันส่วนนั้นเข้าไปในกายของตนอย่างยากลำบาก ราเซสในใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเปรอะทำหน้าเหยเก น้ำตาที่แค่คลอเบ้าเริ่มไหลรินออกมาเป็นสาย ราเซสเปล่งเสียงโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับเสียงสะอื้นไห้

      ร่างสูงที่ขยับร่างกายไม่ไหวทำได้แต่มองคนตรงหน้ากระทำกับร่างกายของตน ภายในใจก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อยที่ต้องมาเห็นคนตรงหน้าต้องทรมารแต่ก็สุขใจเป็นที่สุดในเวลาเดียวกัน มันช่างเพลิดเพลิน ถ้าไม่ใช้คนตรงหน้าเขาคงจะไม่รู้สึกแบบนี้แน่ ถ้าไม่ใช่คนที่เขาหลงรักคนนี้ คงจะไม่มีความสุขแบบนี้แน่

      “อ๊า!...อ๊า!ๆ...”

      ราเซสพยายามเต็มที่ ที่จะขยับกายของตนแต่มันก็ช่างยากลำบากเสียเหลือเกิน สำหรับคน ๆ นี้ มันทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งว่ากระทำกับ ชาว์ล ผู้ดูแลของเขาเสียอีก ร่างกายของร่างบางแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ราเซสกลับรู้สึกดีจนหน้าประหลาด ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับชาว์ลเลยจริง ๆ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว...

      เมื่อสิ้นสุดการเสือกกายครั้งสุดท้าย ราเซสกรีดร้องลั่นก่อนร่างกายที่แสนจะเหนื่อยร้าก็ค่อย ๆ ฟุบลงไปบนตัวของชายหนุ่ม ลมหายใจที่เมื่อครู่หอบเสียงดังค่อย ๆ ผ่อนคลายลง หัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะกระเด็นหลุดจากร่างกายก็สงบลงเช่นกัน แต่ที่น่าสงสารคือราเซสที่ร่างกายสั่นระริกเพราะความเจ็บปวดจากการกระทำเมื่อครู่ยังไม่จางหายจนร่างสูงรู้สึกได้ ชายหนุ่มที่เริ่มมีแรงขึ้นมาแล้วน้อยนิด ค่อย ๆ ยกแขนที่เต็มไปด้วยมัดก้ามขึ้นโอบกอดคนเปราะบางคล้ายการปลอบโยน ก่อนจะเชยใบหน้าแสนสวยขึ้นมาจูบอย่างดูดดื่มด้วยความรัก ราเซสรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ ก่อนจะเพลียหลับไปไม่ได้สติ...

      ภายใต้แสงจันทร์ทั้งคู่นอนกอดแนบชิดใกล้ ร่างสูงแม้จะได้สติ จำเรื่องราวทุกอย่างได้และรู้สึกแข็งแรงดีขึ้นแล้ว แต่เขากลับไม่ลุกหนีไปไหน ร่างสูงกลับกระชับวงแขนของตนให้แน่นกว่าเดิม แน่นพอที่จะประคองผู้แสนงดงามให้อยู่ไม่ห่างตัว เขาค่อย ๆ พรมจูบกลางหน้าผากของร่างบางและสูดกลิ่นเส้นผมสีทองยาวสลวยอย่างหลงใหล เขาคิดในใจไม่อยากให้ค่ำคืนนี้จบลงเลย ค่ำคืนอันแสนหวาน แต่ยังไงไมนานก็คงเช้า ชายหนุ่มตั้งใจว่าเมื่อรุ่งเช้าคนตรงหน้าตื่นขึ้น ร่างสูงจะตั้งใจขอความรักจากคน ๆ นี้ ในหัวของเขาไม่มีเลยที่จะนึกเรื่องร่างกายของราเซสที่มีความพิเศษรักษาบาดแผลได้เขาแทบจะมองข้างเรื่องนี้ไปแทบหมดสิ้น สำหรับร่างสูงมันช่างเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความรักที่ตนมีให้คนตรงหน้า แม้จะพึ่งพบได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวใจที่มีแต่รักของร่างสูงได้ และเขาก็หลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยให้ตัวเองพักผ่อนไปกับช่วงเวลาที่แสนวิเศษนี้ต่อไป เคียงข้างชายผมยาวผู้งดงามที่เขาหลงรักสุดหัวใจ...

      __________________________

      ชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากภวังค์แห่งการหลับใหล ทันทีที่รู้สึกตัวสิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำคือการรีบมองหาร่างบางที่เคยนอนอยู่ข้างกายทันที

      “(...หายไปไหน)”

      “ออกไปซะ...” น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากบริเวณหน้าต่างของห้อง ชายหนุ่มผมยามนั่งกอดเข่าสายตามองมาที่ร่างสูงราวกับนึกเคียดแค้นอยู่ในใจ สายตาและท่าทางที่ไม่เป็นมิตรของราเซส ดูขัดกับบุคลิกแสนสวยของเขาเหลือเกิน

      “เจ้าเฝ้าข้าอยู่ตลอดเลยรึ” ร่างสูงกลับถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเป็นมิตร

      “เราไม่มีอะไรจะต้องพูดกับเจ้า นอกเสียจากว่าบอกให้เจ้ารีบ ๆ ลงจากหอคอยไปเสียที หรือให้เราต้องจับเจ้าโยนลงไป” ราเซสพูดในน้ำเสียงที่สงบนิ่งราวกับสายน้ำ ราวกับว่าเตรียมใจที่จะพูดไว้อย่างดิบดีแล้ว

      ส่วนร่างสูงที่เฝ้าคิดถึงแต่คนตรงหน้า ก็พึ่งมารู้สึกตัวว่าแขนของตนถูกมัดด้วยเชือกเส้นไม่หนานัก ในสภาพหยาบ ๆ เพียงแค่ร่างสูงกระตุกเบา ๆ เชือกก็คงจะหลุดแล้ว และร่างกายของร่างสูงตอนนี้ก็เป็นปกติเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมาก่อนเสียด้วยซ้ำ มันเกิดขึ้นได้ยังไงนะ  

       “เจ้าทำได้ยังไงน่ะ รักษาแผลข้าจนหายสนิดเลย” ร่างสูงพูด

      “...” ราเซสเงียบไม่ตอบ

      “อ๊ะ โทษที ข้าชื่อ เนโร ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วเจ้าชื่ออะไร”  เนโรอ่อนโยนให้กับราเซสแต่ดูเหมือนจะไม่มีผลเลย ราเซสยังคงนิ่งแต่สายตาของเขากลับมองมาที่เนโรร่างสูง เหมือนจะมองตาขวางนิด ๆ ด้วย

      “(ไม่พอใจอะไรงั้นรึ)” เนโรคิดในใจ

      “ขอบคุณที่ช่วยข้าเอาไว้นะ แต่ถึงเจ้าจะบอกให้ข้ารีบออกไป แต่จะทำได้ยังไงล่ะ ก็เจ้าเล่นมัดข้าเอาไว้แบบนี้” เนโรแกล้งพูด เพื่อดึงความสนใจของราเซส ซึ่งความจริงแล้วเชือกเส้นบาง ๆ แค่นี้ เนโรกระตุกเบา ๆ ก็หลุดแล้ว

      “หากเจ้าจะไป เราจะรีบแก้มัดให้ทันที” ราเซสตอบกลับมาสั้น ๆ ได้ใจความ

      “แต่...จะดีหรือที่ปล่อยข้าไป เจ้ารักษาบาดแผลของข้าด้วยพลังวิเศษที่ไม่มีใครมี หากข้าออกไปแล้วไปนำพรรคพวกมาเพื่อพาตัวเจ้าไปใช้ประโยชน์ล่ะ เจ้าจะแย่เอานะ” เนโรพูดเพื่อทำให้ราเซสลังเลใจ แต่ไม่เลย ราเซสไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

      “ก็ตามใจเจ้าสิ จะพามากันสักกี่คนก็ช่าง ถ้าถึงเวลานั้นจริง  ๆ ข้าก็จะ ฆ่าตัวตาย ทันที แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

      ราเซสพูดในสีหน้าเรียบ สายตาที่ดุดันกลับเปลี่ยนมาเป็นเย็นชาจนหน้าหวันใจ ราวกับว่าร่างบางพร้อมที่จะปลิดชีพตนเองทุกเมื่อที่ตนพอใจ ถึงจะทำใจไว้แล้วก็เถอะ แต่มันหน้าเศร้าเกินไปสำหรับมนุษย์ที่อยู่ ๆ ก็จะทิ้งชีวิตของตนอย่างไร้ความหมาย

                      “ทำไม เจ้าถึงคิดจะฆ่าตัวตาย ทำไมถึงคิดจะตายอย่างง่ายดายอย่างนั้น” เนโรถามกลับไป ในใจของเขารู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างหน้าประหลาด แค่คิดว่าคนตรงหน้าต้องหายไป เขาก็แทบทนไม่ได้แล้ว

                      “ก็ถ้าถูกพวกเจ้าพาตัวไป ข้าก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่ดี สู้ตายไปก่อนเสียดีกว่า ข้าเคยเจอมาแล้ว ช่วงเวลาที่ราวกับอยู่ในนรกนั้น...” ราเซสพูดให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่โดดเดี่ยวและทรมารมานานแสนนาน ทำเอาร่างสูงแทบทนไม่ไหวอยากจะเข้าไปกอดเพื่อปลอบใจ แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนตรงหน้าต้องหวาดกลัว

      “แล้ว...เจ้าจะช่วยข้าไว้ทำไม การช่วยคนแปลกหน้าก็เท่ากับเจ้าต้องตายไม่ใช่รึ” ร่างสูงถามกลับไปคล้ายแทงใจดำ ราเซสส่งสายตาลนลายอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

      “เราก็แค่อยากช่วยเพื่อนมนุษย์เท่านั้น พูดมากน่ารำคาญ เจ้ารีบลงไปเสียที ก่อนเราจะหมดความอดทน โยนเจ้าลงไป” ราเซสพูดเป็นการขู่แต่ดูเหมือนจะไร้ผลกันร่างสู

      “ถ้าเจ้าโยนข้าลงไปจริง ข้าคงบาดเจ็บหนัก เช่นนั้นเจ้าจะช่วยรักษาข้าแบบเมื่อคืนใช่มั้ย” เนโรถามอย่างเจ้าเล่ ในความคิดเพียงต้องการเย้าแหย่คนตรงหน้าเท่านั้น

      “ไม่ ไม่ทำให้แล้ว เจ้าบ้า” ร่างบางรีบเถียงกลับมาอย่างกับเด็กน้อย ใบหน้าตอนงอนช่างไร้เดียงสา จนคนตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้

      “จ้าๆ ข้าจะลงไปก็ได้ แต่เป็นไปได้มั้ยที่ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีก” เนโรพูดถามน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน

      “ไม่ต้องกลับมาดีกว่านะถ้าผู้ดูแล ของเรามาเห็นเข้า จะแย่เอา” ราเซสก้มหน้าก้มตาพูดเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

      “หมายความว่าอย่างไรผู้ดูแล” เนโรรีบถามกลับไป ในใจรู้สึกหวัน ๆ เมื่อได้ยินคำ ๆ นี้

      “เราจะอยู่บนหอคอยสูงนี้คนเดียวได้อย่างไร ถ้าไม่มีคนส่งข้าวส่งน้ำให้เรา เพราะฉะนั้นเจ้าคงไม่ต้องมาแล้ว ไปเสียเถอะ ข้ามีคนดูแลอยู่แล้ว” ราเซสไล่คนตรงหน้าอีกครั้ง ทั้งที่ใจจริงก็ไม่อยากทำเสียเท่าไหร่ ราเซสรู้สึกดีกับเนโรอยู่พอตัว ไม่รู้เพราะอะไร และก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไรด้วย เพราะราเซสไม่เคยออกไปโลกภายนอกเลย ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ หรือความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของโลก จะมีก็แต่เรื่องเล่าที่ ผู้ดูแล มันจะมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ นั้นเป็นสิ่งบันเทิงสิ่งเดียวที่ราเซสมี ราเซสจึงดูใส และไร้เดียงสากว่าคนอายุรุ่นคราวเดียวกันนัก

      “ข้าเข้าใจแล้ว แต่ก่อนไปข้าขอกล่าวอะไรเสียหน่อย” ร่างสูงลุกขึ้นยืน กระตุกเชือกบาง ๆ ที่รัดข้อมือเอาไว้ออกอย่างง่ายดาย เขาหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ ก่อนจะเดินตรงไปหาราเซสที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างหอคอย ราเซสรีบลุกขึ้นยืน

      “ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกพบ หัวใจของข้าไม่เคยเรียกร้องใครเท่าเจ้ามาก่อนในชีวิต ข้าไม่อาจแยกจากดวงใจอีกดวงของข้าได้ เพราะฉะนั้น แค่เพียงเฝ้ามองก็ยังดี ให้ข้าได้กลับมาหาเจ้าอีกครั้ง ให้ข้าได้กลับมาเติมเต็มหัวใจและเฝ้าดูจิตใจอันบริสุทธิของเจ้าอีกครั้งเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ สุดที่รักของข้า” ร่างสูงพูดพร้อมค่อย ๆ ยื่นมือขวาสัมผัสใบหน้าขาวบางเบา ๆ ร่างบางทำตาฉงนในคำพูดเล็กน้อย ก่อนตอบกลับมาว่า

      “เพราะเหตุใดเจ้าจึงหลงรัก และคำว่ารักนั้นหมายถึงอะไร เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูดหรอก แต่เราแค่รู้ว่าถ้ารักแล้วจะโหยหาและคิดถึง ถ้าไม่ได้เจอจะต้องตาย เพราะผู้ดูแลของเราก็เป็นเช่นนั้น ถ้าจะมาหาก็อีกเสียสามวันค่อยมาจะได้ไม่พบกับผู้ดูแลของเราแล้วกัน” ราเซสตอบซื่อ ๆ ใบหน้าราวเด็กน้อย ความคิดที่ใจดีและใสซื่อ จนร่างสูงคิดทันทีเลยว่า ดีแล้วที่ให้ราเซสอยู่ที่แห่งนี้ ถ้าออกไปโลกภายนอกราเซสคงต้องเจอกับภัยอันตราย ทั้งคำหลอกลวงและการแก่งแย่ง ให้ร่างบางอยู่ที่นี้ดีแล้ว

      “ก่อนจะไปบอกชื่อข้าก่อนได้หรือไม่ คนที่ข้าหลงรัก” ร่างสูงถามพร้อมเอื่อมจับเส้นผมที่ราเซสเตรียมไว้ให้ก่อนก้าวออกหน้าต่าง

      “...ราเซส” ร่างบางเอ่ยก่อนค่อย ๆ ส่งเนโรลงสู้พื้นดิน

      “ราเซส ที่รักของข้า” ชื่อนี้คงสลักอยู่กลางดวงใจร่างสูงจนวันตาย เมื่อร่างสูงถูกส่งถึงพื้น ก็แหงนขึ้นมองราเซสอีกครั้งก่อนโบกมือลา

      แต่เมื่อเนโรหันหลังกลับเพื่อเดินเข้าป่าไป สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที ในใจของเขาครุ่นคิด ผู้ดูแลที่ว่าคือใคร ทำไมถึงมาอยู่ใกล้ชิดราเซส ทำไมราเซสถึงถูกขังอยู่แบบนี้ มีคำถามมากมายพุดขึ้นในหัวของเขา เขาต้องค่อย ๆ เรียบเรียงความคิด แต่ประเด็นหลักของทั้งหมดก็คือ จะทำอย่างไรถึงจะได้หัวใจของราเซสมาเป็นของเขา

      เนโรตัดสินในไม่ออกจากบริเวณหอคอย เขาเฝ้ารอเพื่อรอเห็นคนที่ราเซสเรียกว่า ผู้ดูแล ผู้ที่น้ำราเซสที่แสนวิเศษมากักขังเอาไว้ ใครกัน ... ร่าสูงได้แต่เฝ้ารออยู่หลังพุ่งไม้ใหญ่อยู่เงียบ ๆ จนกว่าเป้าหมายจะมา

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×