ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] After Close { MarkBam } // รีไรท์

    ลำดับตอนที่ #3 : บทสรุปของการจากลา... [ รีไรท์...]

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 61




    ไหนคุณบอกว่าจะไปกินข้าวแล้วพาผมมาที่นี่ทำไม ???

    แบมแบมถามขึ้นในขณะที่มาร์คกำลังเลี้ยวรถเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง



    ฉันอยากกินฝีมือนาย จำได้ว่านายทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าอร่อย

    มาร์คเลี้ยวรถเข้าไปจอดบริเวณลานจอดก่อนจะหันมายิ้มกวนๆให้อีกฝ่าย



    ฝีมือผม

    แบมแบมชี้ตัวเองด้วยท่าทางประหลาดใจจริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาทำอาหารให้มาร์คกินอยู่บ่อยๆ แต่มันก็นานมากแล้วเขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะจำเรื่องพวกนี้ได้

     


    ใช่...ปะ ไปซื้อของที่ต้องใช้กัน

    มาร์คก้าวลงจากรถก่อนจะวิ่งอ้อมไปเปิดประตูให้ร่างบาง แบมแบมลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมลงจากรถ



    “เข้าไปข้างในกัน”

    สิ้นเสียงมือหนาก็เอื้อมไปกุมมือเรียวอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะจูงอีกฝ่ายให้เดินตามตนเข้าไปด้านในโดยไม่ฟังเสียงค้านใดๆ มาร์คกุมมือเรียวแน่นขึ้นจนสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นชื้นจากมืออีกฝ่าย แบมแบมกำลัง
    ประหม่าเขารู้สึกได้



    “......”

    และเมื่อคนข้างๆเงียบผิดปกติมาร์คจึงหยุดเดินแล้วหันไปมองร่างบางที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ด้านข้าง เขาไม่รู้
    จริงๆว่าที่อีกฝ่ายหน้าแดงเพราะความโกรธหรือเพราะอายกันแน่ แต่เขาขอโมเมว่าเป็นอย่างหลังก็แล้วกัน



    ไม่สบายเหรอหน้าแดงเชียว



    เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร และคุณก็ปล่อยมือผมได้แล้ว

    น้ำเสียงขุ่นๆถูกส่งกลับมา แบมแบมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองอีกฝ่ายตรงๆ ทำให้ร่างหนาอดที่จะยกยิ้มกับท่าทีที่เห็นไม่ได้



    ไม่ปล่อย ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ปล่อยให้หนีไปไหนอีกแล้ว”



    เลิกล้อเล่นสักทีเถอะครับคุณมาร์ค ผมไม่ตลกด้วยหรอกนะ



    ทำไมแบมถึงคิดว่าพี่ล้อเล่นล่ะ นี่พี่กำลังพยายามง้อขอเราคืนดีอยู่นะ

    มาร์คเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงอ้อนๆและนั่นทำให้แบมแบมเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของอีกฝ่ายราวกับต้องการหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยินการแทนตัวเองแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่คนตรงหน้าหายไปจากชีวิตของเขา จากที่คิดว่าวันเวลาจะช่วยเยี่ยวยาทุกสิ่ง แต่โชคชะตากับเล่นตลกให้เขาต้องมาพบเจอคนตรงหน้าอีกครั้ง สิ่งต่างๆที่ควรลืมก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวอย่างบ้าคลั่ง มาร์คเป็นรักแรกของเขา เป็นคนที่ทำให้เขารู้ว่าการรักใครสักคนจนหมดหัวใจเป็นยังไง แต่คนๆนี้ก็เป็นคนที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุดเช่นกัน



    “พี่งั้นเหรอ...”

    ร่างบางเค้นเสียงออกมาจากไรฟันก่อนจะสะบัดแขนออกจากการจับกุม



    “อย่าฝืนพูดเลยครับคุณมาร์ค ผมว่ามันฟังดูน่าขนลุก”



    “แต่ฉันชอบ ต่อจากนี้นายต้องเรียกฉันว่าพี่มาร์คเหมือนเมื่อก่อน และใช่นี่คือคำสั่ง”

    มาร์คยกยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าก่อนเดินนำร่างบางเข้าไปในโซนอาหารสด แบมแบมสบถออกมาเล็กน้อยแล้วจึงเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างหัวเสีย



    “ไหนต้องใช้อะไรบ้าง”

    เมื่อเดินมาถึงบริเวณตู้แช่มาร์คก็หยุดรอร่างบางที่กำลังเดินบ่นอะไรบ้างอย่างตามมาด้านหลังของเขา



    “นินทาเจ้านายระยะประชิดขนาดนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ คุณกันต์พิมุกต์”



    “อย่ามากล่าวหากันนะ ผมไปนินทาคุณตอนไหน”



    “ไม่นินทาก็แล้วไป ว่าแต่ต้องใช้อะไรบ้างล่ะ จะได้รีบซื้อฉันหิวจะแย่แล้ว”



    “ผมว่าเราไปหาร้านนั่งทานไม่ดีกว่าเหรอครับคุณมาร์ค”



    “ไม่ล่ะ...ฉันอยากกินฝีมือนาย ตกลงต้องใช้อะไรบ้าง”



    “แต่ผมไม่อยากทำ ผมว่านี่มันเกินหน้าที่เลขาแล้วนะครับคุณมาร์ค”



    “คุณมาร์คๆๆ เมื่อกี้ฉันสั่งให้นายเรียกฉันว่ายังไง ลืมแล้วเหรอ”



    “แต่ผมสะดวกเรียกแบบนี้ ถ้าคุณไม่พอใจผมคงต้องขอโทษด้วย”



    “เฮ้อ..เอาเถอะๆ มาเลือกของเร็วๆ ท้องฉันร้องประท้วงไปหมดแล้ว”

    ไม่ว่าเปล่ามาร์คดึงร่างบางเข้ามายืนข้างๆตัวเองและคอยดูให้ร่างบางเลือกซื้อของไปเรื่อยๆจนทั้งคู่เดินมาถึงในส่วนของเครื่องปรุง แบมแบมก็เลือกซื้อของต่ออย่างจำยอมขณะที่มาร์คยังคงเดินประกบเขาไม่ห่าง



    “ครบแล้ว”

    ร่างบางเอ่ยออกมานิ่งๆ มาร์คจึงมองสำรวจในตะกร้าและพบว่ายังขาดบางสิ่งอยู่



    “นายไม่ได้ซื้อหัวหอมใหญ่มานิ”



    “จะซื้อทำไม ก็คุณไม่กิน”

    แบมแบมเผลอเถียงออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะรีบเบือนหน้าไปอีกทางเพราะมาร์คกำลังยกยิ้มกว้างส่งมาให้เขา



    “ชื่นใจจังที่จำได้” 

    รอยยิ้มกว้างยังฉายชัดบนใบหน้าผู้เป็นนาย



    “ยิ้มอะไรนักหนาครับหิวไม่ใช่รึไง รีบไปจ่ายเงินสิ”



    “เขินก็บอก ทำมาเปลี่ยนเรื่อง”

    มาร์คเอ่ยล้อเลียนเบาๆก่อนทั้งคู่จะพากันเดินไปยังเคาน์เตอร์จ่ายเงินและเมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็หิ้วของมาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกลทางออกมากนัก เมื่อเอาของใส่รถหมดมาร์คก็ให้ร่างบางเข้าไปนั่งก่อนจะไปนั่งประจำที่คนขับและออกรถทันที



    “เราจะไปไหนกัน”



    “ห้องฉัน”



    “ห๊ะ !!! ห้องคุณ”

    แบมแบมโผลงออกมาก่อนจะทำหน้าตาตื่นๆ



    “ใช่สิ..นายคิดว่าฉันจะพานายไปทำอาหารที่ไหน”

    มาร์คเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



    “คือ..พอดีผมพึ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ยังไงคุณช่วยจอดส่งผมตรงนี้ได้ไหม”



    “ไม่”



    “แต่..”



    “ไม่มีแต่ วันนี้นายต้องไปทำอาหารให้ฉันกินที่ห้อง อะๆอย่าเถียง”

    มาร์ครีบเอ่ยดักเมื่ออีกฝ่ายอ้าปากกำลังจะเถียงออกมา



    “ผมไม่ไป จอด..”


    “ทำไม แค่ไปห้องฉันมันทำไมนักเหรอ หรือว่ากลัว”

    กึก..ร่างบางชะงักไปทันที เพราะเขากลัวอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ



    “แบมแบม เป็นอะไร”

    มาร์คเห็นท่าไม่ดีจึงยอมเบี่ยงรถเข้าข้างทางและเปิดไฟกระพริบเอาไว้ก่อนจะหันไปหาอีกฝ่ายทั้งตัว



    “ทำไม”

    อยู่ๆร่างบางก็ก้มหน้าลงและเอ่ยถามออกมาไม่ดังนัก



    “นายพูดว่าอะไรนะฉันได้ยินไม่ชัด”



    “ผมถามว่าทำไม”

    ร่างบางหันมาถามซ้ำพร้อมใบหน้าที่ดูโกรธปนเจ็บปวด มันช่างเป็นสีหน้าที่ดูเจ็บปวดจนทำให้มาร์คนิ่งไป



    “คุณต้องการอะไรกันแน่ ทำแบบนี้ทำไม”



    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันกำลังง้อนายอยู่”



    “เพื่ออะไร”



    “เฮ้อ...ฉันว่านายกำลังหงุดหงิด ไว้นายใจเย็นเราค่อยคุยกันดีไหม”



    “ผมว่าคุยให้จบๆไปเลยดีกว่า อย่างแรกผมไม่รู้ว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร และต่อให้คุณพยายามมากแค่ไหน ผลที่ออกมาก็ยังเหมือนเดิม เพราะผมไม่มีวันกลับไปเป็นเด็กผู้ชายใสซื่อคนนั้นอีกแล้ว คุณได้ยินไหม”

    ร่างบางระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุดซึ่งมาร์คเองก็ได้แต่นิ่งฟังอีกฝ่าย



    “ฉันไม่ได้คาดหวังให้นายกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ฉันแค่อยากขอโทษกับสิ่งที่ฉันทำกับนาย”



    “มันไม่สายไปหน่อยเหรอ”



    “ฉันรู้ว่ามันผ่านมานานแล้ว แต่ฉันเองก็รู้สึกผิดมาตลอดกับสิ่งที่ทำลงไป”

    เมื่อมาถึงขั้นนี้มาร์คก็คงทำได้แค่พูดความในใจออกมาให้อีกฝ่ายได้รู้



    “หึ...คิดได้ก็ดีแล้วนี่ครับ ถ้าคุณแค่อยากขอโทษก็ถือว่าผมรับรู้แล้ว งั้นผมขอตัว”

    ร่างบางทำถ้าจะเปิดประตูออกไปแต่มาร์คไวกว่าเขาเข้าเกียร์และออกรถทันที



    “จอด..ผมบอกให้จอดไง”



    “ไม่ เพราะเรายังคุยกันไม่จบ”

    สิ้นเสียงมาร์คก็ไม่พูดอะไรอีกขณะที่ร่างบางได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นๆ ก่อนจะเบือนหน้าออกไปด้านนอกเพราะรู้จักมาร์คดีจึงรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์เขาเลยเลือกที่จะเงียบแทน



    “ถึงแล้วลงมาสิ”

    รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังคอนโดแห่งหนึ่ง มาร์คหันไปพูดกับร่างบางที่นั่งเงียบมาตลอดทางก่อนจะลงไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย



    “จะลงมาดีๆหรือให้อุ้ม”

    สิ้นเสียงมาร์คก็ทำท่าจะก้มลงไปอุ้มอีกฝ่าย แบมแบมรีบดันเขาออกไปและลงมาจากรถทันที มาร์คเปิดท้ายเพื่อเอาของลง ขณะที่แบมแบมยืนมองอีกฝ่ายนิ่งๆไม่ได้เข้าไปช่วยแต่อย่างใด



    “เอ้า...ยืนนิ่งทำไม มาช่วยถือหน่อยสิ”

    มือหนายื่นถุงในมือไปให้อีกฝ่ายแต่แบมแบมได้แต่ยืนมองโดยไม่รับถุงพวกนั้น



    “ยังโกรธอยู่สินะ งั้นไปนั่งรถเล่นกันเผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น”



    “ผมว่าคุณให้ผมกลับบ้านดีกว่า”



    “ไม่ล่ะ..ปะ ขึ้นรถเดี๋ยวจะพาไปที่นึง”

    มาร์คยัดของในมือเข้ารถตามเดิมพร้อมกับเดินนำร่างบางไปขึ้นรถ แบมแบมมองตามอีกฝ่ายด้วยสีหน้างงๆแต่ก็ยอมขึ้นไปนั่งเพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องขึ้นไปบนห้องของอีกฝ่ายขณะที่อารมณ์ไม่คงที่แบบนี้



    “จะพาผมไปไหน”



    “เอาเถอะน่า...เดี๋ยวถึงก็รู้เอง”

    มาร์คหันมาตอบก่อนจะออกรถ ภายในรถตอนนี้ไร้ซึ่งเสียงใดๆมาร์คจึงเลือกที่จะเปิดเพลงคลอไปเบาๆขณะที่แบมแบมเอาแต่มองออกไปด้านนอก ขับไปสักพักมาร์คก็จอดรถและหันไปหาร่างบางซึ่งตอนนี้เผลอหลับไปซะแล้ว



    “ฉันต้องทำยังไง นายถึงจะกลับมา”

    มาร์คมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายก่อนจะปลดสายนิรภัยและเอื้อมไปจับหัวทุยข้างๆให้เอนมาพิงไหล่ตน



    “นายไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ตอนนั้นฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องเลวๆแบบนั้นลงไป ฉันขอโทษนะแบมแบม”

    เสียงทุ้มดังอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมือที่ลูบแก้มเนียนอย่างเบามือ มาร์คมองอีกฝ่ายไปเรื่อยๆก่อนจะผล็อยหลับไปเช่นกัน



    “อื้มม..”

    เสียงดังมาจากร่างบางก่อนที่เขาจะค่อยๆปรือตาขึ้นเพราะรู้สึกถึงบางอย่างที่เอนมาทับหัวของเขาเอาไว้



    “นี่ที่ไหน”

    ร่างบางมองไปรอบๆก่อนจะหันไปเห็นว่าสิ่งที่กำลังทับหัวเขาอยู่คือหัวของคนที่บังคับให้เขามากินข้าวด้วยเมื่อตอนเย็น



    “เฮ้ย !!!

    ด้วยความตกใจแบมแบมผลุดลุกขึ้นเพื่อจะนั่งตัวตรงโดยไม่ทันระวังทำให้หัวของเขาโขกหัวอีกฝ่ายอย่างแรง



    “โอ๊ย..”

    มาร์คร้องเสียงหลงพร้อมกับลูบหัวตัวเองปอยๆไม่ต่างกับร่างบางที่นั่งหน้านิ่วอยู่ข้างๆ



    “ทำอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะ”



    “แล้วคุณทำแบบนั้นทำไม”



    “ฉันทำอะไร”



    “ก็ๆ”

    ร่างบางอึกอักทำให้มาร์คพูดแทรกออกมา



    “ที่จับนายเอนมาพิงไหล่ฉันอะนะ”



    “นั่นแหละ ผมหลับก็ปลุกสิ”



    “จะปลุกทำไมเวลานายหลับน่ารักจะตาย อีกอย่างฉันกลัวนายจะเมื่อยเลยจับให้เอนมาพิงฉัน ทำคุณบูชาโทษจริงๆ”



    “ว่าไงนะ คุณนี่มัน..”



    “ตื่นก็ดีแล้ว ปะลงไปกัน” 

    มาร์คแกล้งไม่ฟังที่อีกฝ่ายโว้ยวาย เขาเปิดประตูลงไปจากรถทันที ทำให้ร่างบางมองตามอีกฝ่ายและเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนร่างบางก็ถึงกับนิ่งค้างก่อนจะค่อยๆก้าวลงมาจากรถและเดินตามร่างหนาไป



    “มานี่สิ..” 

    มาร์คที่หยุดยืนนิ่งหันมากวักมือเรียกร่างบางให้มาหาตน



    “พาผมมาที่นี่ทำไม” 

    แบมแบมหยุดยืนข้างมาร์คก่อนจะมองไปยังหลุมฝังศพตรงหน้า



    “ฉันคิดว่ามันคงคิดถึงนายเลยพามาหา” 

    มาร์คเอ่ยทำให้ร่างบางค่อยๆย่อตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นมือไปปัดเศษใบไม้ที่อยู่บนแผ่นศิลาทำให้รู้ว่าเป็นหลุมฝังศพหมาของเขากับมาร์คหรือจะเรียกว่าลูกก็ไม่ผิดเพราะมันเป็นหมาที่ทั้งเขาและมาร์ครักมาก และเมื่อพวกเขาเลิกกันเขาก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย



    “มันตายหลังจากที่นายไปประมาณเดือนนึงน่ะ ดูเหมือนจะตอมใจ เพราะมันไม่ยอมกินยอมนอนนั่งรอนายหน้าประตูทุกวัน ฉันเองก็จนปัญญา แล้ววันนึงมันก็นอนนิ่งไม่ขยับตัว ฉันพามันไปหาหมอแต่ก็สายเกินไปมันจากฉันไปเหมือนที่นายหายไปยังไงล่ะ” 

    มาร์คเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับมองหลุมศพตรงหน้าไปด้วย



    “ฉันขอโทษนะแมคนั่ม ขอโทษที่จากนายไปโดยไม่ลา ขอโทษที่ให้นายต้องมารอฉัน ฮรึก..ฉันผิดเอง” 

    ดวงตากลมเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่าห้ามไม่อยู่ ก่อนน้ำใสจะไหลอาบสองข้างแก้ม ความรู้สึกผิดเขากัดกินหัวใจดวงน้อยทันที เขาเป็นคนทำให้แมคนั่มต้องตาย



    “ไม่ใช่ความผิดของนายที่มันจากไป แต่เพราะฉันนายถึงต้องไป ขอโทษนะแบมแบม” 

    มาร์คย่อตัวลงข้างๆร่างบางก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว เขารู้ว่าร่างบางรักเจ้าแมคนั่มมากขนาดไหน เขาเองก็รักมันไม่ต่างกัน เขาจึงตัดสินใจฝังร่างมันไว้ที่นี่



    “ฮืออ..ฉันขอโทษ แกให้อภัยฉันนะแมคนั่ม ฉันรักแกนะ” 

    ร่างบางปล่อยโฮออกมาอย่างไม่สนใจคนข้างๆ เขารักแมคนั่มมากและเขาก็รู้ดีว่ามาร์คเองก็รักเจ้าแมคนั่มไม่แพ้กัน



    “ชู่..เลิกร้องได้แล้ว เดี๋ยวปวดหัว”

    มือหนาถูกยกมาลูบหัวทุยอย่างเบามือ ก่อนจะเลื่อนลงมาปาดน้ำตาออกจากแก้มเนียน



    “ฉันว่ามันคงรับรู้แล้วล่ะ ว่านายกลับมาหามัน” 

    มาร์คเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาปล่อยให้ร่างบางนั่งอยู่แบบนั้นสักพักอีกฝ่ายก็หยุดร้องไห้มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน



    “ผมอยากกลับบ้าน”



    “นั่งพักก่อนดีไหม นายดูไม่ค่อยดีเลย” 

    มาร์คที่ลุกขึ้นตามร่างบางหันไปพูดเมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของอีกฝ่าย



    “ผมไม่เป็นไร แค่พาผมไปส่งบ้านก็พอ” 

    แบมแบมยืนกรานก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถ มาร์คมองตามก่อนจะหันไปมองหลุมฝังศพอีกครั้ง





    “ช่วยให้แม่แกใจอ่อนหน่อยนะแมคนั่ม” 

    พูดแค่นั้นมาร์คก็เดินตามอีกฝ่ายไป จนถึงรถที่จอดอยู่ เขาแทรกตัวเข้าไปด้านในก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างเชื่องช้า



    “หิวรึเปล่า”



    “.....”



    “เดี๋ยวหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับ ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเย็นไม่ใช่เหรอ”



    “.....” 

    แบมแบมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปด้านนอกเท่านั้น มาร์คมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้าอีกครั้ง ขับมาไม่นานเขาก็เลี้ยวเข้าไปจอดยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง



    “ลงไปหาอะไรกินรองท้องสักหน่อยสิ แล้วจะพาไปส่งบ้าน” 

    ไม่ว่าเปล่าร่างหนาก้าวลงจากรถก่อนจะอ้อมไปเปิดประตูให้ร่างบาง



    “ผมไม่หิว ถ้าคุณหิวก็ไปกินเถอะผมจะรอในรถ”



    “ลงมา...นี่เป็นคำสั้ง” 

    มาร์คลองงัดไม้แข็งมาใช้แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล



    “หมดเวลางานแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”



    “ดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” 

    มาร์คบ่นออกมาไม่จริงจังนักแต่ก็เรียกสายตาร่างบางให้เงยขึ้นไปมองได้ไม่ยาก



    “ยังกล้าถาม” 

    เสียงหวานดังแผ่วก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง ทำให้มาร์คหลุดยิ้มออกมา



    “สรุปจะไม่ลงไปจริงๆใช่ไหม” 

    แบมแบมพยักหน้ารับร่างหนาพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอาหาร สักพักเขาก็กลับออกมาพร้อมถุงในมือ



    “อ่ะกินซะ ท้องร้องดังไปถึงในร้านแล้ว” 

    มาร์คเปิดประตูฝังแบมแบมก่อนส่งถุงในมือให้อีกฝ่าย



    “ใครท้องร้องคุณอย่ามามั่วนะ”



    “โอเคๆ แต่ถึงไม่ร้องก็ต้องกินอะไรบ้าง เดี๋ยวปวดท้องขึ้นมาจะหาว่าฉันไม่ดูแลอีก”



    “คุณจะสนใจทำไม ที่จริงแค่คุณขับไปส่งผมที่บ้านก็จบแล้ว”



    “ต้องสนสิ และฉันคิดว่านายเองก็พอรู้ว่าทำไมฉันต้องสน กินซะอย่ามัวแต่พูด” 

    มาร์คพูดจบก็ปิดประตูและเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ แต่เขาไม่ยอมออกรถจนร่างบางต้องหันมาถาม



    “ทำไมไม่ออกรถล่ะ”



    “รอนายกินเสร็จ ถ้าไม่กินก็นั่งอยู่แบบนี้แหละ พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปทำงานฉันนั่งกับนายได้ทั้งคืนไม่ต้องกลัว” 

    รอยยิ้มร้ายฉายชัดบนใบหน้าคม ทำให้ร่างบางอดที่จะถลึงตาใส่อีกฝ่ายไม่ได้



    “คุณนี่มัน...” 

    มาร์คทำหน้าไม่สนใจ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อรอให้อีกฝ่ายกินของที่เขาซื้อมาให้ แบมแบมได้แต่ถอยหายใจเซ็งๆก่อนจะยอมกินอาหารตรงหน้า ร่างหนาเหลือบมองเล็กน้อยพร้อมหลุดยิ้มออกมาจางๆ เขาไม่ได้กวนอะไรอีกฝ่ายเพื่อจนร่างบางกินเสร็จและหันมาบอกให้เขาออกรถ



    “ไปได้แล้ว ผมอิ่มแล้ว”



    “ดี..คาดเข็มขัดซะ” 

    พูดจบรถยนต์คันหรูก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป



    “ขอบคุณ” 

    อยู่ๆเสียงหวานก็ดังแผ่วออกมาจาร่างบางเมื่อรถจอดยังที่หมาย



    “ฮะ..อะไรนะ” 

    มาร์คแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งที่จริงๆแล้วเข้าได้ยินอีกฝ่ายชัดทุกคำ



    “ผมบอกว่าขอบคุณ”



    “เรื่องไหนล่ะ”



    “เรื่องอาหารแล้วก็ที่พาไปหาแมคนั่ม”



    “งั้นฉันก็ต้องขอบคุณนายเหมือนกัน”



    ???” 

    แบมแบมขมวดคิ้วเข้าหากันแทบจะทันทีที่ได้ยิน



    “ขอบคุณที่ไม่ต่อยฉันจนคว่ำทั้งๆที่โกรธฉันมากและก็ขอโทษเรื่องที่ฉันเคยทำกับนาย” 

    น้ำเสียงในช่วงท้ายช่างแผ่วเบาจนร่างบางสัมผัสได้



    “คุณเลิกขอโทษเถอะเพราะต่อให้ผมอภัยให้คุณ แต่ยังไงผมก็ไม่มีวันลืม”



    “ฉันไม่ได้ขอให้นายลืม ฉันรู้ว่าตอนนั้นนายต้องเจ็บปวดเพราะฉันขนาดไหน แต่ที่พูดเพราะฉันเสียใจจริงๆ ถ้าย้อนเวลาได้เรื่องแบบนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้น”



    “แต่มันย้อนกลับไปไม่ได้...เพราะฉะนั้นช่วยปล่อยผมไปแล้วทำเป็นไม่รู้จักกันได้ไหมถือว่าผมขอล่ะ ผมแค่อยากทำงานและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หวังว่าคุณคงเข้าใจ” 

    ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง



    “นี่ฉันไม่มีวันทำให้นายกลับมาได้จริงๆเหรอแบมแบม แต่เอาเถอะฉันเข้าใจและจะไม่บังคับนาย”



    “ขอบคุณที่เข้าใจ”



    “แต่ฉันอยากให้นายจำไว้อย่างนึง”



    ???



    “ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันจะเริ่มต้นจีบนายอีกครั้ง ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องนี้ แล้วเรามาดูกันว่าฉันจะลบล้างเรื่องราวในอดีตที่เคยทำไว้กับนายได้ไหม ยังไงก็เตรียมตั้งรับให้ดีๆล่ะ กันต์พิมุกต์” 

    มาร์คเอ่ยพร้อมรอยยิ้มโชว์เขี้ยว



    “ผมถามจริงๆนะ ที่ทำแบบนี้เพราะคุณอยากเอาชนะผมใช่ไหม”



    “เอาความจริงหรือรักษาน้ำใจ”



    “ความจริง”



    “พี่ไม่เคยลืมนายได้เลยแบมแบมไม่ว่าจะกี่ปี น้ำเสียง ท่าทาง ใบหน้าของนายยังวนเวียนอยู่ในหัวพี่ตลอด ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อแต่นี่คือเรื่องจริง” 

    สรรพนามถูกเปลี่ยนไปอีกครั้งและนั่นทำให้แบมแบมชะงักไป



    “จะให้ผมเชื่อเหรอในเมื่อคุณเป็นคนผลักไส้ผมออกมาเอง คุณทำให้เราเลิกกัน คุณทำให้ผมเจ็บเจียนตาย คิดว่าพูดแบบนี้แล้วผมจะยอมใจอ้อนเหรอ คุณคิดผิดแล้วผมบอกคุณแล้วไงว่าเด็กอ่อนแอคนนั้นตายจากโลกนี้ไปแล้ว”



    “เกลียดพี่มากเลยเหรอ” 

    มาร์คเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทาจนร่างบางนิ่งไป  



    “พี่รู้ว่านายโกรธและก็เกลียดพี่ แต่นายอาจไม่รู้ว่าพี่พยายามตามหานายมาตลอด พี่ไปทุกทีโทรถามทุกคนที่คิดออกแต่ก็ไม่เจอนาย นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะแบม แต่พี่ไม่เคยลืมนายได้เลย พี่พยายามคบคนอื่นไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงเพื่อหวังว่าจะลืมนายแต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วนายจะให้พี่ทำยังไง” 

    สีหน้าเจ็บปวดถูกส่งไปให้ร่างบาง



    “แล้วตอนนั้นพี่ทำทำไม พี่ไปมีคนอื่นทำไม พี่หลอกผม พี่ทำให้ผมดูโง่เง้า พี่คิดว่าผมลืมได้เหรอ ทำไมพี่ถึงเห็นแกตัวแบบนี้มาร์ค ทั้งๆที่ผมพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ผมไม่น่ารับงานนี้เลยไม่น่าเลยจริงๆ” ร่างบางโผงออกมาในที่สุด น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาแอบแก้ม

    “พี่ขอโทษ ตอนนั้นพี่ยังไม่มีหัวคิดถึงได้ทำร้ายนายแบบนั้น พี่ขอโทษนะแบม”

    “ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ ผมพยายามลืมพี่ พยายามเดินหน้าต่อแต่กลายเป็นว่าผมย้ำอยู่กับที่ เรื่องพี่ยังวนเวียนอยู่ในหัว พี่คิดว่าง่ายเหรอที่ต้องเห็นพี่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ต้องได้ยินเสียงพี่ในทีวี ผมเตือนตัวเองเสมอว่าคนเราเจ็บแล้วต้องจำ แต่พี่กลับทำให้เรื่องมันยากขึ้น”



    “ถึงนายจะพูดแบบนั้นแต่คราวนี้พี่ปล่อยนายไปไม่ได้จริงๆ และถ้านายยังรู้สึกเหมือนที่พี่รู้สึก พี่อยากขอโอกาสจากนายอีกสักครั้ง ขอให้พี่ได้พิสูจน์ตัวเองได้ไหมแบมแบม”



    “แต่ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว พอที” 

    ร่างบางก้มลงเอามือปิดหน้าพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังไหลออกมาไม่ยอมหยุด



    “พี่สัญญาว่าคราวนี้พี่จะไม่ทำให้นายเจ็บอีก พี่จะดูแลนายให้ดี ให้โอกาสพี่เถอะนะแบม” 

    มาร์คเอื้อมไปจับร่างบางให้มาเผชิญหน้ากับตน แบมแบมจึงค่อยๆลดมือลงเผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและหยาดน้ำตา



    “พี่รู้แล้วว่านายสำคัญขนาดไหน และพี่จะไม่ยอมเสียนายไปอีก”



    “ผมไม่รู้ ฮรึก..ผมไม่”



    “ชู่..เงียบซะ อย่าร้องไห้ พี่ผิดไปแล้ว” 

    มือหนาถูกยกขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะไปจับใบหน้าเด็กขี้แยเอาไว้และใช้หน้าผากชนกับหน้าผากอีกฝ่าย



    “ผมยังให้อภัยพี่ตอนนี้ไม่ได้จริงๆมาร์ค ผมต้องการเวลา” 

    แบมแบมผละออกพร้อมกับจ้องตาอีกฝ่าย มาร์คเองก็จ้องกลับไปเช่นกัน



    “พี่เข้าใจและพร้อมจะรอจนกว่านายจะยอมเปิดใจให้พี่อีกครั้ง” 

    มาร์คยิ้มจางๆส่งไปให้อีกฝ่ายมือหนาลูบแก้มเนียนเบาๆ ขณะที่แบมแบมก็มองกลับมาแต่ไม่ได้พูดอะไรพวกเขามองกันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนมาร์คจะบอกให้ร่างบางเข้าบ้านซึงแบมแบมก็ทำตามแต่ก่อนที่ร่างบางจะเปิดประตูออกไปมาร์คได้เอ่ยบางอย่างออกมา



    “พี่รักนายนะแบม รักตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปจีบจนตอนนี้ ถึงจะเคยทำให้นายเจ็บปวดแต่พี่อยากให้รู้ไว้”



    “อืม..งั้นผมไปนะ ขับรถดีๆล่ะ” 

    แบมแบมพยักหน้ารับแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไรมากนัก เขาเปิดประตูลงไปยืนด้านนอกแต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงร่างบางก็ก้มลงมาและเอ่ยบางอย่างที่ทำให้มาร์คยกยิ้ม



    “ผมไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่หวังว่าพี่จะรอเก่งอย่างที่พูดนะ ระหว่างนี้ก็ช่วยดีกับผมหน่อยนะครับท่านประธาน” 

    สิ้นเสียงร่างบางก็ปิดประตูและเดินเข้าบ้านไป ถึงร่างบางยังไม่ให้อภัยเขาแต่คำพูดเมื่อกี้ถือเป็นลางดีหลังจากนี้เขาคงต้องเดินหน้าตามง้ออีกฝ่ายอย่างเต็มสูบ



    “เอาวะ งานนี้สู้ไม่ถอยแน่ พี่จะทำให้เราใจอ่อนให้ได้แบมแบม” 

    มาร์คมองตามร่างบางที่เดินเข้าไปในบ้านก่อนสตาร์ทรถและขับออกไปโดยหารู้ไม่ว่าแบมแบมเองก็แอบมองเขาอยุ่เหมือนกัน



    “พยายามเข้านะครับพี่มาร์ค แล้วผมจะรอดูว่าพี่จะทำได้อย่างที่พูดไหม” 

    ร่างบางหลุดยิ้มออกมา เพราะที่จริงเขาเองก็ยังรักอีกฝ่ายอยู่เช่นกันแต่เรื่องที่อีกฝ่ายทำเอาไว้ก็ยากเกินจะให้อภัยในตอนนี้ งานนี้คงต้องใช้เวลาเป็นตัวตัดสินว่าความรักที่เคยมีจะกลับมาผลิบานได้อีกหรือไม่...ไม่แน่หลังจากนี้พวกเขาอาจจะกลับมาสวีทหวานกว่าเดิมก็ได้ใครจะรู้ล่ะ จริงไหม ???



    ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่มีใครอยากเจ็บปวดเพราะความรัก ถ้าคุณได้เจอและรักใครสักคนอย่างจริงใจโปรดอย่าทำร้ายเขา

    เพราะถ้าเขาตัดสินใจเดินจากไปตัวคุณเองนั่นแหละที่จะต้องเจ็บปวดไปตลอดกาล 



    Don’t hurt Your Love. Because sometimes forgive but not forget !!!



    THE END



    ****************************************


     เย้ๆๆ ในที่สุดก็รีไรท์ครบ 100% แล้วยังไงก็ขอบคุณทุกๆท่านที่เผลอกดเข้ามาอ่าน SF เรื่องนี้นะคะ

    หวังว่าจะชอบฟิคเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยน้า สามารถคอมเม้นติชมได้เต็มที่เช่นเคยค่าา...


    Tag #ฟิคเลิกรา    By : BlueTear 









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×