คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทสรุปของการจากลา... [ รีไรท์...]
“ไหนคุณบอกว่าจะไปกินข้าวแล้วพาผมมาที่นี่ทำไม
???”
แบมแบมถามขึ้นในขณะที่มาร์คกำลังเลี้ยวรถเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง
“ฉันอยากกินฝีมือนาย จำได้ว่านายทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าอร่อย”
มาร์คเลี้ยวรถเข้าไปจอดบริเวณลานจอดก่อนจะหันมายิ้มกวนๆให้อีกฝ่าย
“ฝีมือผม”
แบมแบมชี้ตัวเองด้วยท่าทางประหลาดใจจริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาทำอาหารให้มาร์คกินอยู่บ่อยๆ
แต่มันก็นานมากแล้วเขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะจำเรื่องพวกนี้ได้
“ใช่...ปะ ไปซื้อของที่ต้องใช้กัน”
มาร์คก้าวลงจากรถก่อนจะวิ่งอ้อมไปเปิดประตูให้ร่างบาง
แบมแบมลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมลงจากรถ
“เข้าไปข้างในกัน”
สิ้นเสียงมือหนาก็เอื้อมไปกุมมือเรียวอย่างถือวิสาสะ
ก่อนจะจูงอีกฝ่ายให้เดินตามตนเข้าไปด้านในโดยไม่ฟังเสียงค้านใดๆ มาร์คกุมมือเรียวแน่นขึ้นจนสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นชื้นจากมืออีกฝ่าย
แบมแบมกำลัง
ประหม่าเขารู้สึกได้
“......”
และเมื่อคนข้างๆเงียบผิดปกติมาร์คจึงหยุดเดินแล้วหันไปมองร่างบางที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ด้านข้าง
เขาไม่รู้
จริงๆว่าที่อีกฝ่ายหน้าแดงเพราะความโกรธหรือเพราะอายกันแน่
แต่เขาขอโมเมว่าเป็นอย่างหลังก็แล้วกัน
“ไม่สบายเหรอหน้าแดงเชียว”
“เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร
และคุณก็ปล่อยมือผมได้แล้ว”
น้ำเสียงขุ่นๆถูกส่งกลับมา แบมแบมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองอีกฝ่ายตรงๆ
ทำให้ร่างหนาอดที่จะยกยิ้มกับท่าทีที่เห็นไม่ได้
“ไม่ปล่อย
ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ปล่อยให้หนีไปไหนอีกแล้ว”
“เลิกล้อเล่นสักทีเถอะครับคุณมาร์ค
ผมไม่ตลกด้วยหรอกนะ”
“ทำไมแบมถึงคิดว่าพี่ล้อเล่นล่ะ
นี่พี่กำลังพยายามง้อขอเราคืนดีอยู่นะ”
มาร์คเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงอ้อนๆและนั่นทำให้แบมแบมเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของอีกฝ่ายราวกับต้องการหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยินการแทนตัวเองแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่คนตรงหน้าหายไปจากชีวิตของเขา จากที่คิดว่าวันเวลาจะช่วยเยี่ยวยาทุกสิ่ง แต่โชคชะตากับเล่นตลกให้เขาต้องมาพบเจอคนตรงหน้าอีกครั้ง สิ่งต่างๆที่ควรลืมก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวอย่างบ้าคลั่ง มาร์คเป็นรักแรกของเขา เป็นคนที่ทำให้เขารู้ว่าการรักใครสักคนจนหมดหัวใจเป็นยังไง แต่คนๆนี้ก็เป็นคนที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุดเช่นกัน
“พี่งั้นเหรอ...”
ร่างบางเค้นเสียงออกมาจากไรฟันก่อนจะสะบัดแขนออกจากการจับกุม
“อย่าฝืนพูดเลยครับคุณมาร์ค
ผมว่ามันฟังดูน่าขนลุก”
“แต่ฉันชอบ ต่อจากนี้นายต้องเรียกฉันว่าพี่มาร์คเหมือนเมื่อก่อน
และใช่นี่คือคำสั่ง”
มาร์คยกยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าก่อนเดินนำร่างบางเข้าไปในโซนอาหารสด
แบมแบมสบถออกมาเล็กน้อยแล้วจึงเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างหัวเสีย
“ไหนต้องใช้อะไรบ้าง”
เมื่อเดินมาถึงบริเวณตู้แช่มาร์คก็หยุดรอร่างบางที่กำลังเดินบ่นอะไรบ้างอย่างตามมาด้านหลังของเขา
“นินทาเจ้านายระยะประชิดขนาดนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ
คุณกันต์พิมุกต์”
“อย่ามากล่าวหากันนะ ผมไปนินทาคุณตอนไหน”
“ไม่นินทาก็แล้วไป
ว่าแต่ต้องใช้อะไรบ้างล่ะ จะได้รีบซื้อฉันหิวจะแย่แล้ว”
“ผมว่าเราไปหาร้านนั่งทานไม่ดีกว่าเหรอครับคุณมาร์ค”
“ไม่ล่ะ...ฉันอยากกินฝีมือนาย
ตกลงต้องใช้อะไรบ้าง”
“แต่ผมไม่อยากทำ
ผมว่านี่มันเกินหน้าที่เลขาแล้วนะครับคุณมาร์ค”
“คุณมาร์คๆๆ เมื่อกี้ฉันสั่งให้นายเรียกฉันว่ายังไง
ลืมแล้วเหรอ”
“แต่ผมสะดวกเรียกแบบนี้
ถ้าคุณไม่พอใจผมคงต้องขอโทษด้วย”
“เฮ้อ..เอาเถอะๆ มาเลือกของเร็วๆ
ท้องฉันร้องประท้วงไปหมดแล้ว”
ไม่ว่าเปล่ามาร์คดึงร่างบางเข้ามายืนข้างๆตัวเองและคอยดูให้ร่างบางเลือกซื้อของไปเรื่อยๆจนทั้งคู่เดินมาถึงในส่วนของเครื่องปรุง
แบมแบมก็เลือกซื้อของต่ออย่างจำยอมขณะที่มาร์คยังคงเดินประกบเขาไม่ห่าง
“ครบแล้ว”
ร่างบางเอ่ยออกมานิ่งๆ
มาร์คจึงมองสำรวจในตะกร้าและพบว่ายังขาดบางสิ่งอยู่
“นายไม่ได้ซื้อหัวหอมใหญ่มานิ”
“จะซื้อทำไม ก็คุณไม่กิน”
แบมแบมเผลอเถียงออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะรีบเบือนหน้าไปอีกทางเพราะมาร์คกำลังยกยิ้มกว้างส่งมาให้เขา
“ชื่นใจจังที่จำได้”
รอยยิ้มกว้างยังฉายชัดบนใบหน้าผู้เป็นนาย
“ยิ้มอะไรนักหนาครับหิวไม่ใช่รึไง
รีบไปจ่ายเงินสิ”
“เขินก็บอก ทำมาเปลี่ยนเรื่อง”
มาร์คเอ่ยล้อเลียนเบาๆก่อนทั้งคู่จะพากันเดินไปยังเคาน์เตอร์จ่ายเงินและเมื่อเสร็จเรียบร้อย
ก็หิ้วของมาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกลทางออกมากนัก เมื่อเอาของใส่รถหมดมาร์คก็ให้ร่างบางเข้าไปนั่งก่อนจะไปนั่งประจำที่คนขับและออกรถทันที
“เราจะไปไหนกัน”
“ห้องฉัน”
“ห๊ะ !!! ห้องคุณ”
แบมแบมโผลงออกมาก่อนจะทำหน้าตาตื่นๆ
“ใช่สิ..นายคิดว่าฉันจะพานายไปทำอาหารที่ไหน”
มาร์คเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“คือ..พอดีผมพึ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ยังไงคุณช่วยจอดส่งผมตรงนี้ได้ไหม”
“ไม่”
“แต่..”
“ไม่มีแต่
วันนี้นายต้องไปทำอาหารให้ฉันกินที่ห้อง อะๆอย่าเถียง”
มาร์ครีบเอ่ยดักเมื่ออีกฝ่ายอ้าปากกำลังจะเถียงออกมา
“ผมไม่ไป จอด..”
“ทำไม แค่ไปห้องฉันมันทำไมนักเหรอ
หรือว่ากลัว”
กึก..ร่างบางชะงักไปทันที
เพราะเขากลัวอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ
“แบมแบม เป็นอะไร”
มาร์คเห็นท่าไม่ดีจึงยอมเบี่ยงรถเข้าข้างทางและเปิดไฟกระพริบเอาไว้ก่อนจะหันไปหาอีกฝ่ายทั้งตัว
“ทำไม”
อยู่ๆร่างบางก็ก้มหน้าลงและเอ่ยถามออกมาไม่ดังนัก
“นายพูดว่าอะไรนะฉันได้ยินไม่ชัด”
“ผมถามว่าทำไม”
ร่างบางหันมาถามซ้ำพร้อมใบหน้าที่ดูโกรธปนเจ็บปวด
มันช่างเป็นสีหน้าที่ดูเจ็บปวดจนทำให้มาร์คนิ่งไป
“คุณต้องการอะไรกันแน่ ทำแบบนี้ทำไม”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันกำลังง้อนายอยู่”
“เพื่ออะไร”
“เฮ้อ...ฉันว่านายกำลังหงุดหงิด
ไว้นายใจเย็นเราค่อยคุยกันดีไหม”
“ผมว่าคุยให้จบๆไปเลยดีกว่า
อย่างแรกผมไม่รู้ว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร และต่อให้คุณพยายามมากแค่ไหน ผลที่ออกมาก็ยังเหมือนเดิม
เพราะผมไม่มีวันกลับไปเป็นเด็กผู้ชายใสซื่อคนนั้นอีกแล้ว คุณได้ยินไหม”
ร่างบางระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุดซึ่งมาร์คเองก็ได้แต่นิ่งฟังอีกฝ่าย
“ฉันไม่ได้คาดหวังให้นายกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน
ฉันแค่อยากขอโทษกับสิ่งที่ฉันทำกับนาย”
“มันไม่สายไปหน่อยเหรอ”
“ฉันรู้ว่ามันผ่านมานานแล้ว
แต่ฉันเองก็รู้สึกผิดมาตลอดกับสิ่งที่ทำลงไป”
เมื่อมาถึงขั้นนี้มาร์คก็คงทำได้แค่พูดความในใจออกมาให้อีกฝ่ายได้รู้
“หึ...คิดได้ก็ดีแล้วนี่ครับ
ถ้าคุณแค่อยากขอโทษก็ถือว่าผมรับรู้แล้ว งั้นผมขอตัว”
ร่างบางทำถ้าจะเปิดประตูออกไปแต่มาร์คไวกว่าเขาเข้าเกียร์และออกรถทันที
“จอด..ผมบอกให้จอดไง”
“ไม่ เพราะเรายังคุยกันไม่จบ”
สิ้นเสียงมาร์คก็ไม่พูดอะไรอีกขณะที่ร่างบางได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นๆ
ก่อนจะเบือนหน้าออกไปด้านนอกเพราะรู้จักมาร์คดีจึงรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์เขาเลยเลือกที่จะเงียบแทน
“ถึงแล้วลงมาสิ”
รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังคอนโดแห่งหนึ่ง
มาร์คหันไปพูดกับร่างบางที่นั่งเงียบมาตลอดทางก่อนจะลงไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย
“จะลงมาดีๆหรือให้อุ้ม”
สิ้นเสียงมาร์คก็ทำท่าจะก้มลงไปอุ้มอีกฝ่าย
แบมแบมรีบดันเขาออกไปและลงมาจากรถทันที มาร์คเปิดท้ายเพื่อเอาของลง ขณะที่แบมแบมยืนมองอีกฝ่ายนิ่งๆไม่ได้เข้าไปช่วยแต่อย่างใด
“เอ้า...ยืนนิ่งทำไม มาช่วยถือหน่อยสิ”
มือหนายื่นถุงในมือไปให้อีกฝ่ายแต่แบมแบมได้แต่ยืนมองโดยไม่รับถุงพวกนั้น
“ยังโกรธอยู่สินะ งั้นไปนั่งรถเล่นกันเผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น”
“ผมว่าคุณให้ผมกลับบ้านดีกว่า”
“ไม่ล่ะ..ปะ
ขึ้นรถเดี๋ยวจะพาไปที่นึง”
มาร์คยัดของในมือเข้ารถตามเดิมพร้อมกับเดินนำร่างบางไปขึ้นรถ
แบมแบมมองตามอีกฝ่ายด้วยสีหน้างงๆแต่ก็ยอมขึ้นไปนั่งเพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องขึ้นไปบนห้องของอีกฝ่ายขณะที่อารมณ์ไม่คงที่แบบนี้
“จะพาผมไปไหน”
“เอาเถอะน่า...เดี๋ยวถึงก็รู้เอง”
มาร์คหันมาตอบก่อนจะออกรถ
ภายในรถตอนนี้ไร้ซึ่งเสียงใดๆมาร์คจึงเลือกที่จะเปิดเพลงคลอไปเบาๆขณะที่แบมแบมเอาแต่มองออกไปด้านนอก
ขับไปสักพักมาร์คก็จอดรถและหันไปหาร่างบางซึ่งตอนนี้เผลอหลับไปซะแล้ว
“ฉันต้องทำยังไง นายถึงจะกลับมา”
มาร์คมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายก่อนจะปลดสายนิรภัยและเอื้อมไปจับหัวทุยข้างๆให้เอนมาพิงไหล่ตน
“นายไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
ตอนนั้นฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องเลวๆแบบนั้นลงไป ฉันขอโทษนะแบมแบม”
เสียงทุ้มดังอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมือที่ลูบแก้มเนียนอย่างเบามือ
มาร์คมองอีกฝ่ายไปเรื่อยๆก่อนจะผล็อยหลับไปเช่นกัน
“อื้มม..”
เสียงดังมาจากร่างบางก่อนที่เขาจะค่อยๆปรือตาขึ้นเพราะรู้สึกถึงบางอย่างที่เอนมาทับหัวของเขาเอาไว้
“นี่ที่ไหน”
ร่างบางมองไปรอบๆก่อนจะหันไปเห็นว่าสิ่งที่กำลังทับหัวเขาอยู่คือหัวของคนที่บังคับให้เขามากินข้าวด้วยเมื่อตอนเย็น
“เฮ้ย !!!”
ด้วยความตกใจแบมแบมผลุดลุกขึ้นเพื่อจะนั่งตัวตรงโดยไม่ทันระวังทำให้หัวของเขาโขกหัวอีกฝ่ายอย่างแรง
“โอ๊ย..”
มาร์คร้องเสียงหลงพร้อมกับลูบหัวตัวเองปอยๆไม่ต่างกับร่างบางที่นั่งหน้านิ่วอยู่ข้างๆ
“ทำอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะ”
“แล้วคุณทำแบบนั้นทำไม”
“ฉันทำอะไร”
“ก็ๆ”
ร่างบางอึกอักทำให้มาร์คพูดแทรกออกมา
“ที่จับนายเอนมาพิงไหล่ฉันอะนะ”
“นั่นแหละ ผมหลับก็ปลุกสิ”
“จะปลุกทำไมเวลานายหลับน่ารักจะตาย
อีกอย่างฉันกลัวนายจะเมื่อยเลยจับให้เอนมาพิงฉัน ทำคุณบูชาโทษจริงๆ”
“ว่าไงนะ คุณนี่มัน..”
“ตื่นก็ดีแล้ว ปะลงไปกัน”
มาร์คแกล้งไม่ฟังที่อีกฝ่ายโว้ยวาย เขาเปิดประตูลงไปจากรถทันที ทำให้ร่างบางมองตามอีกฝ่ายและเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนร่างบางก็ถึงกับนิ่งค้างก่อนจะค่อยๆก้าวลงมาจากรถและเดินตามร่างหนาไป
“มานี่สิ..”
มาร์คที่หยุดยืนนิ่งหันมากวักมือเรียกร่างบางให้มาหาตน
“พาผมมาที่นี่ทำไม”
แบมแบมหยุดยืนข้างมาร์คก่อนจะมองไปยังหลุมฝังศพตรงหน้า
“ฉันคิดว่ามันคงคิดถึงนายเลยพามาหา”
มาร์คเอ่ยทำให้ร่างบางค่อยๆย่อตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นมือไปปัดเศษใบไม้ที่อยู่บนแผ่นศิลาทำให้รู้ว่าเป็นหลุมฝังศพหมาของเขากับมาร์คหรือจะเรียกว่าลูกก็ไม่ผิดเพราะมันเป็นหมาที่ทั้งเขาและมาร์ครักมาก
และเมื่อพวกเขาเลิกกันเขาก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย
“มันตายหลังจากที่นายไปประมาณเดือนนึงน่ะ ดูเหมือนจะตอมใจ เพราะมันไม่ยอมกินยอมนอนนั่งรอนายหน้าประตูทุกวัน ฉันเองก็จนปัญญา แล้ววันนึงมันก็นอนนิ่งไม่ขยับตัว ฉันพามันไปหาหมอแต่ก็สายเกินไปมันจากฉันไปเหมือนที่นายหายไปยังไงล่ะ”
มาร์คเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับมองหลุมศพตรงหน้าไปด้วย
“ฉันขอโทษนะแมคนั่ม ขอโทษที่จากนายไปโดยไม่ลา ขอโทษที่ให้นายต้องมารอฉัน ฮรึก..ฉันผิดเอง”
ดวงตากลมเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่าห้ามไม่อยู่ ก่อนน้ำใสจะไหลอาบสองข้างแก้ม
ความรู้สึกผิดเขากัดกินหัวใจดวงน้อยทันที เขาเป็นคนทำให้แมคนั่มต้องตาย
“ไม่ใช่ความผิดของนายที่มันจากไป แต่เพราะฉันนายถึงต้องไป ขอโทษนะแบมแบม”
มาร์คย่อตัวลงข้างๆร่างบางก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว เขารู้ว่าร่างบางรักเจ้าแมคนั่มมากขนาดไหน
เขาเองก็รักมันไม่ต่างกัน เขาจึงตัดสินใจฝังร่างมันไว้ที่นี่
“ฮืออ..ฉันขอโทษ แกให้อภัยฉันนะแมคนั่ม ฉันรักแกนะ”
ร่างบางปล่อยโฮออกมาอย่างไม่สนใจคนข้างๆ
เขารักแมคนั่มมากและเขาก็รู้ดีว่ามาร์คเองก็รักเจ้าแมคนั่มไม่แพ้กัน
“ชู่..เลิกร้องได้แล้ว เดี๋ยวปวดหัว”
มือหนาถูกยกมาลูบหัวทุยอย่างเบามือ
ก่อนจะเลื่อนลงมาปาดน้ำตาออกจากแก้มเนียน
“ฉันว่ามันคงรับรู้แล้วล่ะ ว่านายกลับมาหามัน”
มาร์คเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เขาปล่อยให้ร่างบางนั่งอยู่แบบนั้นสักพักอีกฝ่ายก็หยุดร้องไห้มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ผมอยากกลับบ้าน”
“นั่งพักก่อนดีไหม นายดูไม่ค่อยดีเลย”
มาร์คที่ลุกขึ้นตามร่างบางหันไปพูดเมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของอีกฝ่าย
“ผมไม่เป็นไร แค่พาผมไปส่งบ้านก็พอ”
แบมแบมยืนกรานก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถ
มาร์คมองตามก่อนจะหันไปมองหลุมฝังศพอีกครั้ง
“ช่วยให้แม่แกใจอ่อนหน่อยนะแมคนั่ม”
พูดแค่นั้นมาร์คก็เดินตามอีกฝ่ายไป จนถึงรถที่จอดอยู่
เขาแทรกตัวเข้าไปด้านในก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างเชื่องช้า
“หิวรึเปล่า”
“.....”
“เดี๋ยวหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับ
ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเย็นไม่ใช่เหรอ”
“.....”
แบมแบมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปด้านนอกเท่านั้น
มาร์คมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้าอีกครั้ง
ขับมาไม่นานเขาก็เลี้ยวเข้าไปจอดยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ลงไปหาอะไรกินรองท้องสักหน่อยสิ แล้วจะพาไปส่งบ้าน”
ไม่ว่าเปล่าร่างหนาก้าวลงจากรถก่อนจะอ้อมไปเปิดประตูให้ร่างบาง
“ผมไม่หิว
ถ้าคุณหิวก็ไปกินเถอะผมจะรอในรถ”
“ลงมา...นี่เป็นคำสั้ง”
มาร์คลองงัดไม้แข็งมาใช้แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“หมดเวลางานแล้ว
คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”
“ดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
มาร์คบ่นออกมาไม่จริงจังนักแต่ก็เรียกสายตาร่างบางให้เงยขึ้นไปมองได้ไม่ยาก
“ยังกล้าถาม”
เสียงหวานดังแผ่วก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง ทำให้มาร์คหลุดยิ้มออกมา
“สรุปจะไม่ลงไปจริงๆใช่ไหม”
แบมแบมพยักหน้ารับร่างหนาพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอาหาร
สักพักเขาก็กลับออกมาพร้อมถุงในมือ
“อ่ะกินซะ ท้องร้องดังไปถึงในร้านแล้ว”
มาร์คเปิดประตูฝังแบมแบมก่อนส่งถุงในมือให้อีกฝ่าย
“ใครท้องร้องคุณอย่ามามั่วนะ”
“โอเคๆ แต่ถึงไม่ร้องก็ต้องกินอะไรบ้าง
เดี๋ยวปวดท้องขึ้นมาจะหาว่าฉันไม่ดูแลอีก”
“คุณจะสนใจทำไม ที่จริงแค่คุณขับไปส่งผมที่บ้านก็จบแล้ว”
“ต้องสนสิ และฉันคิดว่านายเองก็พอรู้ว่าทำไมฉันต้องสน กินซะอย่ามัวแต่พูด”
มาร์คพูดจบก็ปิดประตูและเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ แต่เขาไม่ยอมออกรถจนร่างบางต้องหันมาถาม
“ทำไมไม่ออกรถล่ะ”
“รอนายกินเสร็จ ถ้าไม่กินก็นั่งอยู่แบบนี้แหละ พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปทำงานฉันนั่งกับนายได้ทั้งคืนไม่ต้องกลัว”
รอยยิ้มร้ายฉายชัดบนใบหน้าคม ทำให้ร่างบางอดที่จะถลึงตาใส่อีกฝ่ายไม่ได้
“คุณนี่มัน...”
มาร์คทำหน้าไม่สนใจ
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อรอให้อีกฝ่ายกินของที่เขาซื้อมาให้ แบมแบมได้แต่ถอยหายใจเซ็งๆก่อนจะยอมกินอาหารตรงหน้า
ร่างหนาเหลือบมองเล็กน้อยพร้อมหลุดยิ้มออกมาจางๆ เขาไม่ได้กวนอะไรอีกฝ่ายเพื่อจนร่างบางกินเสร็จและหันมาบอกให้เขาออกรถ
“ไปได้แล้ว ผมอิ่มแล้ว”
“ดี..คาดเข็มขัดซะ”
พูดจบรถยนต์คันหรูก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป
“ขอบคุณ”
อยู่ๆเสียงหวานก็ดังแผ่วออกมาจาร่างบางเมื่อรถจอดยังที่หมาย
“ฮะ..อะไรนะ”
มาร์คแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งที่จริงๆแล้วเข้าได้ยินอีกฝ่ายชัดทุกคำ
“ผมบอกว่าขอบคุณ”
“เรื่องไหนล่ะ”
“เรื่องอาหารแล้วก็ที่พาไปหาแมคนั่ม”
“งั้นฉันก็ต้องขอบคุณนายเหมือนกัน”
“???”
แบมแบมขมวดคิ้วเข้าหากันแทบจะทันทีที่ได้ยิน
“ขอบคุณที่ไม่ต่อยฉันจนคว่ำทั้งๆที่โกรธฉันมากและก็ขอโทษเรื่องที่ฉันเคยทำกับนาย”
น้ำเสียงในช่วงท้ายช่างแผ่วเบาจนร่างบางสัมผัสได้
“คุณเลิกขอโทษเถอะเพราะต่อให้ผมอภัยให้คุณ
แต่ยังไงผมก็ไม่มีวันลืม”
“ฉันไม่ได้ขอให้นายลืม
ฉันรู้ว่าตอนนั้นนายต้องเจ็บปวดเพราะฉันขนาดไหน แต่ที่พูดเพราะฉันเสียใจจริงๆ ถ้าย้อนเวลาได้เรื่องแบบนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้น”
“แต่มันย้อนกลับไปไม่ได้...เพราะฉะนั้นช่วยปล่อยผมไปแล้วทำเป็นไม่รู้จักกันได้ไหมถือว่าผมขอล่ะ ผมแค่อยากทำงานและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นี่ฉันไม่มีวันทำให้นายกลับมาได้จริงๆเหรอแบมแบม
แต่เอาเถอะฉันเข้าใจและจะไม่บังคับนาย”
“ขอบคุณที่เข้าใจ”
“แต่ฉันอยากให้นายจำไว้อย่างนึง”
“???”
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันจะเริ่มต้นจีบนายอีกครั้ง ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องนี้ แล้วเรามาดูกันว่าฉันจะลบล้างเรื่องราวในอดีตที่เคยทำไว้กับนายได้ไหม ยังไงก็เตรียมตั้งรับให้ดีๆล่ะ กันต์พิมุกต์”
มาร์คเอ่ยพร้อมรอยยิ้มโชว์เขี้ยว
“ผมถามจริงๆนะ ที่ทำแบบนี้เพราะคุณอยากเอาชนะผมใช่ไหม”
“เอาความจริงหรือรักษาน้ำใจ”
“ความจริง”
“พี่ไม่เคยลืมนายได้เลยแบมแบมไม่ว่าจะกี่ปี
น้ำเสียง ท่าทาง ใบหน้าของนายยังวนเวียนอยู่ในหัวพี่ตลอด
ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อแต่นี่คือเรื่องจริง”
สรรพนามถูกเปลี่ยนไปอีกครั้งและนั่นทำให้แบมแบมชะงักไป
“จะให้ผมเชื่อเหรอในเมื่อคุณเป็นคนผลักไส้ผมออกมาเอง
คุณทำให้เราเลิกกัน คุณทำให้ผมเจ็บเจียนตาย คิดว่าพูดแบบนี้แล้วผมจะยอมใจอ้อนเหรอ
คุณคิดผิดแล้วผมบอกคุณแล้วไงว่าเด็กอ่อนแอคนนั้นตายจากโลกนี้ไปแล้ว”
“เกลียดพี่มากเลยเหรอ”
มาร์คเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทาจนร่างบางนิ่งไป
“พี่รู้ว่านายโกรธและก็เกลียดพี่ แต่นายอาจไม่รู้ว่าพี่พยายามตามหานายมาตลอด พี่ไปทุกทีโทรถามทุกคนที่คิดออกแต่ก็ไม่เจอนาย นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะแบม แต่พี่ไม่เคยลืมนายได้เลย พี่พยายามคบคนอื่นไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงเพื่อหวังว่าจะลืมนายแต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วนายจะให้พี่ทำยังไง”
สีหน้าเจ็บปวดถูกส่งไปให้ร่างบาง
“แล้วตอนนั้นพี่ทำทำไม พี่ไปมีคนอื่นทำไม
พี่หลอกผม พี่ทำให้ผมดูโง่เง้า พี่คิดว่าผมลืมได้เหรอ ทำไมพี่ถึงเห็นแกตัวแบบนี้มาร์ค
ทั้งๆที่ผมพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ผมไม่น่ารับงานนี้เลยไม่น่าเลยจริงๆ” ร่างบางโผงออกมาในที่สุด
น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาแอบแก้ม
“พี่ขอโทษ
ตอนนั้นพี่ยังไม่มีหัวคิดถึงได้ทำร้ายนายแบบนั้น พี่ขอโทษนะแบม”
“ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้
ผมพยายามลืมพี่ พยายามเดินหน้าต่อแต่กลายเป็นว่าผมย้ำอยู่กับที่
เรื่องพี่ยังวนเวียนอยู่ในหัว พี่คิดว่าง่ายเหรอที่ต้องเห็นพี่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ต้องได้ยินเสียงพี่ในทีวี
ผมเตือนตัวเองเสมอว่าคนเราเจ็บแล้วต้องจำ แต่พี่กลับทำให้เรื่องมันยากขึ้น”
“ถึงนายจะพูดแบบนั้นแต่คราวนี้พี่ปล่อยนายไปไม่ได้จริงๆ
และถ้านายยังรู้สึกเหมือนที่พี่รู้สึก พี่อยากขอโอกาสจากนายอีกสักครั้ง
ขอให้พี่ได้พิสูจน์ตัวเองได้ไหมแบมแบม”
“แต่ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว พอที”
ร่างบางก้มลงเอามือปิดหน้าพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังไหลออกมาไม่ยอมหยุด
“พี่สัญญาว่าคราวนี้พี่จะไม่ทำให้นายเจ็บอีก พี่จะดูแลนายให้ดี ให้โอกาสพี่เถอะนะแบม”
มาร์คเอื้อมไปจับร่างบางให้มาเผชิญหน้ากับตน แบมแบมจึงค่อยๆลดมือลงเผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและหยาดน้ำตา
“พี่รู้แล้วว่านายสำคัญขนาดไหน
และพี่จะไม่ยอมเสียนายไปอีก”
“ผมไม่รู้ ฮรึก..ผมไม่”
“ชู่..เงียบซะ อย่าร้องไห้ พี่ผิดไปแล้ว”
มือหนาถูกยกขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะไปจับใบหน้าเด็กขี้แยเอาไว้และใช้หน้าผากชนกับหน้าผากอีกฝ่าย
“ผมยังให้อภัยพี่ตอนนี้ไม่ได้จริงๆมาร์ค ผมต้องการเวลา”
แบมแบมผละออกพร้อมกับจ้องตาอีกฝ่าย มาร์คเองก็จ้องกลับไปเช่นกัน
“พี่เข้าใจและพร้อมจะรอจนกว่านายจะยอมเปิดใจให้พี่อีกครั้ง”
มาร์คยิ้มจางๆส่งไปให้อีกฝ่ายมือหนาลูบแก้มเนียนเบาๆ ขณะที่แบมแบมก็มองกลับมาแต่ไม่ได้พูดอะไรพวกเขามองกันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนมาร์คจะบอกให้ร่างบางเข้าบ้านซึงแบมแบมก็ทำตามแต่ก่อนที่ร่างบางจะเปิดประตูออกไปมาร์คได้เอ่ยบางอย่างออกมา
“พี่รักนายนะแบม
รักตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปจีบจนตอนนี้ ถึงจะเคยทำให้นายเจ็บปวดแต่พี่อยากให้รู้ไว้”
“อืม..งั้นผมไปนะ ขับรถดีๆล่ะ”
แบมแบมพยักหน้ารับแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไรมากนัก เขาเปิดประตูลงไปยืนด้านนอกแต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงร่างบางก็ก้มลงมาและเอ่ยบางอย่างที่ทำให้มาร์คยกยิ้ม
“ผมไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่หวังว่าพี่จะรอเก่งอย่างที่พูดนะ ระหว่างนี้ก็ช่วยดีกับผมหน่อยนะครับท่านประธาน”
สิ้นเสียงร่างบางก็ปิดประตูและเดินเข้าบ้านไป ถึงร่างบางยังไม่ให้อภัยเขาแต่คำพูดเมื่อกี้ถือเป็นลางดีหลังจากนี้เขาคงต้องเดินหน้าตามง้ออีกฝ่ายอย่างเต็มสูบ
“เอาวะ งานนี้สู้ไม่ถอยแน่ พี่จะทำให้เราใจอ่อนให้ได้แบมแบม”
มาร์คมองตามร่างบางที่เดินเข้าไปในบ้านก่อนสตาร์ทรถและขับออกไปโดยหารู้ไม่ว่าแบมแบมเองก็แอบมองเขาอยุ่เหมือนกัน
“พยายามเข้านะครับพี่มาร์ค แล้วผมจะรอดูว่าพี่จะทำได้อย่างที่พูดไหม”
ร่างบางหลุดยิ้มออกมา เพราะที่จริงเขาเองก็ยังรักอีกฝ่ายอยู่เช่นกันแต่เรื่องที่อีกฝ่ายทำเอาไว้ก็ยากเกินจะให้อภัยในตอนนี้ งานนี้คงต้องใช้เวลาเป็นตัวตัดสินว่าความรักที่เคยมีจะกลับมาผลิบานได้อีกหรือไม่...ไม่แน่หลังจากนี้พวกเขาอาจจะกลับมาสวีทหวานกว่าเดิมก็ได้ใครจะรู้ล่ะ จริงไหม ???
ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่มีใครอยากเจ็บปวดเพราะความรัก ถ้าคุณได้เจอและรักใครสักคนอย่างจริงใจโปรดอย่าทำร้ายเขา
เพราะถ้าเขาตัดสินใจเดินจากไปตัวคุณเองนั่นแหละที่จะต้องเจ็บปวดไปตลอดกาล
Don’t hurt Your Love. Because sometimes
forgive but not forget !!!
THE END
****************************************
เย้ๆๆ ในที่สุดก็รีไรท์ครบ 100% แล้วยังไงก็ขอบคุณทุกๆท่านที่เผลอกดเข้ามาอ่าน SF เรื่องนี้นะคะ
หวังว่าจะชอบฟิคเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยน้า สามารถคอมเม้นติชมได้เต็มที่เช่นเคยค่าา...
Tag #ฟิคเลิกรา By : BlueTear
ความคิดเห็น