คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Level_20
“เมื่อไหร่จะมาว่ะ”
ร่างบางที่ขนข้าวของพะรุงพะรังลงมากองไว้หน้าหอเริ่มบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“ใจร้อนจังนะมึงทำไมอยากเห็นรังรักเร็วๆรึไง”
“ส้นตีนเหอะ รังรักเหี้ยไร”
ผมหันไปโวยใส่ไอคยอมที่ช่วยขนของลงมาข้างล่างตอนที่ผมบอกมันว่าผมต้องย้ายๆไปอยู่คอนโดนพี่มาร์คแม่งหัวเราะออกมาดังสนั่นหอจนห้องข้างๆมาเคาะห้องนึกว่ามันเป็นอะไรแถมยังรีบไลน์ไปบอกไอเนียร์พอเรื่องถูกกระจายเท่านั้นแหละไลน์กลุ่มนี่เด้งกันพรึ่บพรับและคำแรกที่ไอพวกเพื่อนเวรส่งมาคือ ‘ยินดีด้วยนะไอแบม’
ผมงงไปพักนึงก่อนพิมพ์ตอบกลับไป ‘ยินดีเหี้ยไร???’ ไลน์เด้งขึ้นอีกครั้ง ‘ก็ยินดีที่มึงจะได้ผัวแล้วไง’ หลังจากอ่านประโยคนั้นผมก็ส่งคำด่าทั้งหมดที่คิดออกลงไปจนพวกมันต้องเลิกอ่านไลน์ไปในที่สุด
ได้ผัวเหี้ยไรล่ะอย่างกูต้องได้เมียเท่านั้น จำไว้ !!!
“แหมๆทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อน ฮ่าๆๆๆ”
“สัส..”
“อ่ะ..นั้นไง มาโน่นแล้วว่าที่ผัวมึงอ่ะ”
ผมยกนิ้วกลางส่งไปให้มันก่อนหันไปตามที่มันบอก
แลมโบกีนี่สีแดงสดเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้างฟุตบาทที่พวกผมยืนอยู่ ร่างหนาในชุดลำลองดูแปลกตาเล็กน้อยก้าวลงมาจากรถคันหรู
“โทษทีที่มาช้า”
“ไม่เป็นไรครับไอแบมมันรอได้ใช่มั้ยมึง..”
ไอคยอมกระทุ้งซอกใส่ผมที่ยืนหน้าบูดอยู่ข้างๆ
“ใครบอกกูรอได้คนอย่างกูไม่เคยรอใครเกินสิบนาทีหรอกเว้ย”
“แต่มึงก็รอกูแสดงว่ากูสำคัญสินะ”
ไอปู่รหัสเอ่ยพร้อมยกยิ้มสูงจนเห็นเขี้ยว
“หลงตัวเอง..”
“แล้วกูต้องทำยังไงมึงถึงจะหลงกูบ้างล่ะ”
“ไอ..”
ยังไม่ทันที่คำด่าจะหลุดออกจากปากผมไอคยอมก็เอ่ยแทรกขึ้นซะก่อน
“ผมว่าเราขนของขึ้นรถกันดีกว่าเดี๋ยวจะดึกดื่นไปกันใหญ่”
ผมหรี่ตามองไอหัวเทาอย่างคาดโทษขณะที่มือก็ขนของขึ้นหนูแดงลูกรักของมันไปด้วยใช้เวลาไม่นานนักของทั้งหมดก็ถูกนำไปใส่รถจนหมด
“ไปๆๆดึกแล้วเดี๋ยวกูต้องทำรายงานอีก ยังไงผมฝากไอแบมด้วยนะพี่ถ้าแม่งดื้อก็จัดการได้เลย”
ไอคยอมหันไปพูดกับไอหัวเทาที่เตรียมก้าวเข้าไปนั่งในรถ
“ไล่กูจัง..มึงเหอะนอนคนเดียวระวังอีแมนนี่บุกเข้ามาข่มขืนนะ”
อีแมนนี่เป็นกระเทยควายประจำรุ่นผมซึ่งมันก็พักอยู่ที่หอในด้วยเหมือนกัน
“เชี่ยแบม..พูดซะกูเสียวตูดเลยห่านี่มึงก็รีบๆไปเหอะพี่มาร์ครอแล้วพรุ่งนี้เจอกันที่คณะ”
มันตบไหล่ผมเบา ผมมองมันยิ้มๆก่อนเข้าไปนั่งในรถที่อีกคนสตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว
“กูไปนะ..”
ผมเลื่อนกระจกลงมาบอกมันก่อนแลมโบกีนี่คันหรูจะเคลื่อนตัวออกไป
“เอาของมาหมดแน่นะไม่ลืมอะไรใช่มั้ย”
มาร์คหันไปถามร่างบางที่นั่งมองออกไปด้านนอกโดยไม่หันมาสนใจเค้าสักนิดใบหน้าได้รูปหันไปมองผู้โดยสารด้านข้างนิดๆก่อนเลื่อนมือไปว่างบนมือของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะจนร่างบางหันมามองตาขวาง
“เอามือออกไป”
แบมแบมกดเสียงต่ำแต่มีเหรอคนอย่างมาร์คต้วนจะยอม
มือหนาออกแรงบีบเบาๆก่อนจับมือเรียวให้หงายขึ้นมาร์คค่อยๆสอดนิ้วเข้าประสานแล้วยกมืออีกฝ่ายมาวางบนตักตัวเอง
“ขอจับเอาไว้ได้มั้ยกูอยากแน่ใจว่ากูไม่ได้คิดไปเอง”
มาร์คเอ่ยเสียงแผ่ว
แบมแบมหันไปมองคนขับที่พูดทั้งๆที่ยังมองตรงไปด้านหน้า ใบหน้าหล่อเหลาที่สะท้อนกับแสงจากไฟถนนดูน่ามองอยู่ไม่น้อยร่างบางไม่ได้ตอบอะไรออกไปเค้าได้แต่ปล่อยให้ปู่รหัสจับมืออยู่แบบนั้นในขณะที่ตัวเองหันออกไปมองด้านนอกตามเดิม
“ถึงแล้ว..”
มือเรียวถูกปล่อยออก พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่บอกว่าถึงที่หมายแล้ว
มาร์คเลี้ยวรถเข้าลานจอดก่อนดับเครื่องและลงไปยืนด้านนอกผมเห็นอีกคนลงไปแล้วจึงเปิดประตูลงไป
“มาเอาของไปสิจะได้ขึ้นห้อง”
ได้ยินดังนั้นผมก็รีบก้าวเข้าไปรับของจากพี่มาร์คมาถือไว้และเนื่องจากของผมมีไม่มากนักจึงสามารถขนหมดในคราวเดียว เราถือของกันเต็มไม้เต็มมือก่อนเดินตรงไปที่ลิฟต์
“ชั้นอะไรนะจำไม่ได้..”
ผมถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆและใช้ข้อซอกกดลูกศรขึ้น
“ชั้น9”
ไอหัวเทาพูดขึ้นพร้อมๆกับลิฟต์ที่เปิดออก พวกเราก้าวเข้าไปด้านในประตูลิฟต์เลื่อนปิดลงตามมาด้วยความเงียบก็เริ่มก่อตัวขึ้นจนกระทั้งลิฟต์เปิดออกที่ชั้น
9
“ออกไปสิ..”
พี่มันเอาขาขวางประตูลิฟท์ไว้ไม่ให้ปิดทับผม
ผมเดินออกมายืนรอด้านนอกร่างหนาก้าวตามออกมาเค้าเดินนำไปจนถึงห้องที่ผมเคยมาสร้างวีรกรรมเอาไว้
“เปิดเร็วๆดิ หนัก”
“แปปดิ หาคีย์การ์ดก่อน”
“ชักช้า..ไหนเอาไว้ตรงไหน”
ผมวางของลงกับพื้นแล้วเดินตรงไปหาคนที่หันรีหันขวางหาคีย์การ์ดอยู่หน้าประตูห้อง
“กระเป๋ากางเกงข้างซ้าย ล้วงให้หน่อย”
“ไหนว่ะ”
ผมล้วงมือเข้าไปด้านใน แต่กางเกงที่ไอหัวเทาใส่นี่สิฟิตเหลือเกิน
มึงจะใส่รัดไปไหนว่ะ
“ลงไปอีก”
“หันมาดิหยิบไม่ได้”
“ล้วงลงไปลึกกว่านั้น”
“อีกนิดนึง เขย่งหน่อยดิจะถึงแล้ว”
“แบมแบม”
“อะไรอีก เนี่ยจะได้แล้ว”
ผมล้วงมือลงไปลึกกว่าเดิม ก่อนปลายนิ้วจะสะกิดเข้ากับอะไรบางอย่างด้านใน
“แบมแบม..!!!”
“อะไรว่ะ เรียกอยู่ได้”
ผมยังคงใช้ปลายนิ้วเขี่ยสิ่งที่อยู่ด้านในไปมาแรงๆเพื่อหวังให้มันขยับออกมา
“หยุด!!!”
ผมหยุดมือก่อนเงยหน้ามองคนพูดตอนนี้ ไอหัวเทาหูแดงก่ำจ้องมาที่ผมเขม่ง
“มึงหยุดเขี่ยได้มั้ย ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”
“อย่าบอกนะ..”
ผมรีบชักมือออกจากกระเป๋ากางเกงคนตรงหน้าทันทีไอหัวเทาพยักหน้านิดๆเป็นอันเข้าใจตรงกันว่าที่ผมเขี่ยอยู่นะไม่ใช่คีย์การ์ดแต่เป็นหนอนชาเขียวของมัน
“เชี่ยเอ้ยยย”
ผมสบถออกมาก่อนรีบเช็ดมือกับเสื้อตัวเองอย่างรวดเร็วผมมองมือตัวเองสลับกับเป้าของคนตรงหน้าด้วยสีหน้าขยะแขยง
“เลิกเว่อร์ได้แล้ว มาเอาของไปถือเดี๋ยวกูหยิบเอง”
ผมรีบเอื้อมไปหยิบของมาถือเอาไว้เพื่อให้มันเปิดห้อง
“เข้ามาสิ..”
ร่างหนาหันมาหยิบของจากมือผมไปถือแล้วเดินนำเข้าไปด้านในห้องแสนคุ้นตาปรากฏตรงหน้าอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดูต่างออกไปอาจเพราะคราวก่อนที่มาได้เห็นมากสุดก็แค่ห้องนอนกับด้านนอกอีกนิดหน่อยเท่านั้น
“วางของลงก่อนเดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้กิน”
เค้าหันมาพูดกับผมก่อนเดินหายเข้าไปในครัว
ผมวางของลงก่อนพาร่างเดินไปนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกดวงตาคู่สวยเริ่มมองสำรวจไปทั่วๆทันทีห้องพี่มาร์คดูไม่ค่อยมีอะไรมากนักห้องถูกตกแต่งแบบบิ้วอินโดยใช้โทนสีขาวดำเป็นส่วนใหญ่และดูเหมือนห้องจะถูกแบ่งออกเป็นห้องนอน ห้องครัว และก็ห้องรับแขก จากที่เห็นทุกอย่างถูกจัดเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเจ้าระเบียบ”
ผมหลุดปากออกมาเบาๆ
“บ่นอะไร..”
“ป่าว”
“อ่ะ..”
มือหนายื่นแก้วน้ำมาตรงหน้าผม
“ไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆลงไปใช่มั้ย”
ผมมองแก้วตรงหน้าอย่างลังเลไอหัวเทาเลยยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนยื่นมาให้ผมอีกครั้ง
“ระดับกูไม่ต้องใส่หรอก เอ้ากินซะ”
ผมเบ้ปากนิดๆแต่ก็ยอมหยิบมากินร่างหนาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆผมก่อนเอ่ยขึ้น
“กูดีใจนะที่มึงยอมย้ายมาอยู่กับกู”
“ที่ต้องยอมเพราะพี่บีบบังคับผมไม่ใช่รึไง”
“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ยังไงกูก็ดีใจอยู่ดี”
มันหันมายิ้มให้ผมจนเขี้ยวโผล่
เอาจริงๆผมก็ไม่เคยสังเกตุหน้ามันใกล้ๆเลยสักครั้งคงเพราะเวลาถูกจูบผมมักจะหลับตาตลอด
แต่พอลองพินิจถึงได้รู้ว่ามันหล่ออย่างที่ใครๆเค้าว่าจริงๆนั้นแหละ
“แล้วจะให้ผมนอนไหน”
“ห้องกู”
“!!!!”
ผมเบิกตากว้างทันที
“ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นเดี๋ยวมึงไปนอนห้องนอนเล็กแล้วกันกูให้แม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว”
“อืม..งั้นไปเลยได้มั้ยเหนื่อยอยากนอน”
“ตามมาสิเดี๋ยวพาไปดู”
พี่มาร์คลุกขึ้นเดินนำไปที่ประตูสีขาวที่อยู่ติดกับห้องนอนของเค้า
ผมเดินไปหยิบสัมภาระแล้วเดินตามไปมือหนาบิดลูกบิดเปิดออกก่อนกดเปิดสวิตซ์ไฟ ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปภายในห้องมีเพียงเตียงนอน
ตู้เสื้อผ้า แล้วก็โต๊ะหนังสือที่มีแมคบุ๊ควางอยู่ผมก้าวเข้าไปสำรวจด้านในก็พบว่าห้องนี้มีห้องน้ำในตัวด้วยซึ่งถือเป็นเรื่องดี
“ชอบมั้ย..”
“ก็ดี..ดีกว่าอยู่หอ”
“โอเค...งั้นกูไม่กวนแล้วมึงจะได้จัดของ”
“ขอบคุณ..”
ผมเอ่ยออกมาเบาๆในขณะที่อีกคนกำลังจะเดินออกไปจากห้องทำให้ร่างหนาหันกลับมามองพร้อมเอ่ยถาม
“พูดอะไรได้ยินไม่ชัด”
“ไม่มีอะไรออกไปเถอะผมอยากอาบน้ำนอน”
“แต่นี่พึ่งสี่ทุ่มเองนะ”
“แล้วไง..อยากนอนตอนนี้ไม่ได้รึไง”
“กูก็ไม่ได้ห้ามนิ”
“งั้นก็ออกไปสิยืนนิ่งอยู่ได้”
“เออๆไปก็ได้ ขี้บ่นจริงเว้ย”
ร่างหนายอมเดินออกไปแต่โดยดีผมเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
“กูลืมบอกมึงไปอย่างนึง”
เจ้าของห้องโผล่หัวเข้ามา ทำให้ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ว่า???”
“ประตูล็อคไม่ได้นะลูกบิดพัง”
โยนระเบิดเสร็จก็ผลุบหัวออกไปด้วยความเร็วแสงปล่อยให้ผมนั่งเหวออยู่แบบนั้น
“แม่งเอ้ยย..แล้วกูจะหลับลงมั้ยห๊ะ !!!”
ผมตะโกนออกมาดังลั่นไม่รู้หรอกว่ามันได้ยินรึเปล่าแต่ที่รู้ๆผมคงต้องนอนระแวงทั้งคืนแน่ๆงานนี้
“กูจะรอดมั้ยเนี่ย โอ้ยยย..คิดแล้วอยากจะบ้าตายยอมมาอยู่กับมันทำไมว่ะหาเรื่องใส่ตัวชิบหาย”
ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสียแต่ก็ทำได้แค่บ่นเพราะดวงตาใกล้จะปิดลงเต็มทนคงเพราะความเหนื่อยล้าจากการแข่งบวกกับการเสียพลังงานโดยใช่เหตุไปกับการย้ายห้อง
ผมเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดตัวและของใช้ออกมาก่อนเดินตรงไปยังห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็จัดการตัวเองเรียบร้อย
ขาเรียวก้าวไปที่เตียงแทบจะทันทีร่างบางทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน
แบมแบมขยันหมอนให้เข้าที่มือเรียวกดปิดไฟแต่ก็ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตั้งปลุกก่อนที่เค้าจะจมลงสู่หวงนิทราอย่างรวดเร็ว
แก๊ก..เสียงบานประตูถูกเปิดออกพร้อมร่างของใครบางคนที่กำลังเดินตรงไปหาร่างที่นอนหลับไหลภายใต้เงามืด
มือหนาถูกส่งไปว่างบนหัวทุยๆนั้นก่อนลูบอย่างเบามือ
แล้วเค้าก็ต้องชะงักไปเมื่อแบมแบมเริ่มขยับตัวพร้อมขมวดคิ้วงุ้นร่างบางส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังฝันร้าย
มาร์คยกมืออีกข้างขึ้นเพื่อใช้ประคองหน้าหวานให้หันมาหาตน
เค้ากดจูบลงไประหว่างคิ้วเพียงเล็กน้อยก่อนผละออกมาแล้วเอ่ยถ้อยคำแสบอบอุ่น
“กูขอให้มึงไม่ฝันร้าย”
ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อแบมแบมเริ่มผ่อนคลายและหายใจสม่ำเสมอมากขึ้น
มาร์คยิ้มบางๆออกมาก่อนจัดการผ้าห่มให้เข้าที่และเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ
ร่างหนาเดินตรงไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนดวงตาคู่สวยปิดลงช้าๆคิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“พวกมึงมีแผนอะไรกันแน่”
มาร์คลืมตาขึ้นก่อนจ้องออกไปนอกระเบียงอย่างใช้ความคิด
ใช่..ผมกำลังคิดถึงเรื่องที่ไอเซฮุนพูดเมื่อตอนเย็น
การที่แอชลี่กลับมาไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ที่แปลกคือไอเซฮุนมาบอกผมทำไม
มันต้องการอะไรแล้วทำไมถึงยอมบอกผมว่าแอชกับมาแล้วทั้งๆที่มันพยายามกีดกันแอชออกจากผมทุกวิถีทางตั้งแต่มีเรื่องกันตอนนั้น
“มึงต้องการอะไรกันแน่ไอเซฮุน...”
ความเงียบโรยตัวลงช้าๆมาร์คนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไป
เช้าวันรุ่งขึ้น...
ผมที่มีเรียนบ่ายยังคงนอนอุตุอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
เอาจริงๆคือไอเตียงบ้านี่มันนอนสบายซะจนไม่อยากขยับเขยื่อนตัวไหนจะแอร์เย็นฉ่ำกับผ้าห่มผืนหนาบอกได้คำเดียวว่าโคตรฟิน
การย้ายมาอยู่กับไอปู่รหัสก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูเรียกสายตาของผมให้เส่ไปมองทันที
“ตื่นรึยัง..”
เสียงทุ่มต่ำดังมาจากด้านนอกผมเหลือบตามองเล็กน้อยโดยไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปเปิดประตูแต่อย่างใด ดีนะที่ยังมีมารยาทเคาะประตูก่อน
“กูจะไปมหาลัยแล้วนะ เดี๋ยวเที่ยงๆจะกลับมากินข้าวด้วยมีเรียนบ่ายใช่มั้ย”
“........”
ผมยังคงเงียบไม่ตอบอะไรกลับไป
“กูรู้ว่ามึงตื่นแล้ว”
นั้นเสือกรู้อีกมึงไม่ได้ติดกล้องในห้องนี้ใช่มั้ยผมเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆห้องหวังว่ามันคงไม่ทำอย่างที่ผมคิดหรอกนะยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่ด้วย แก๊ก..เสียงลุกบิดถูกเปิดออกผมเห็นดังนั้นก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโป้งทันทีสักพักก็รับรู้ได้ว่าเตียงด้านข้างยวบลงผมหลับตาลงแทบจะทันทีไม่ได้กลัวหรอกนะแต่ขี้เกียจเห็นหน้า รำคาญ...
“จะแกล้งหลับอีกนานมั้ย”
ผ้าห่มถูกเลื่อนลงไปกองอยู่ที่อกผมยังคงนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติ่ง เอาสิ..กูไม่ลืมตาซะอย่างใครจะทำไม จุ๊บ..สัมผัสนุ่มๆอุ่นๆแตะลงมาที่ริมฝีปากของผมเค้ากดมันค้างเอาไว้อย่างงั้นอยู่พักใหญ่ในขณะที่ผมยังคงคอนเซ็ปนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวเอาไว้ทำให้เค้ายอมผละออกไปในที่สุด
“หลับจริงๆงั้นหรอ..”
มือหนาวางลงมาบนหัวของผมนิ้วโป้งเริ่มลูบไล้หน้าผากผมไปมาเบาๆก่อนจะสัมผัสได้ถึงปลายจมูกโด่งกับลมหายใจร้อนๆที่กดลงมาที่หน้าผากของผม
พี่มาร์คไม่ได้พูดอะไรต่อเค้าได้แต่ขยับผ้าห่มให้เข้าที่และเดินออกจากห้องไปทันทีที่ได้ยังเสียงปิดประตูผมก็รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้จนมิด
“บ้าเอ้ยย..”
ผมเอ่ยออกมาเบาๆหน้ามันร้อนวูบวาบไปหมดไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นกลัวถูกจับได้หรือเพราะอายกันแน่
แต่ที่รู้ๆตอนนี้หัวใจของผมสั่นไหวไปกับสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับจนต้องเลื่อนมือลงไปกุมเอาไว้แน่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอแบม นั่นมันผู้ชายนะเว้ย มึงจะหวั่นไหวทำไม”
ผมบอกกับตัวเองเหมือนพยายามดึงสติที่หลุดลอยไปให้กลับเข้าร่างอีกครั้งผมนอนใจเต้นแรงอยู่แบบนั้นจนผล่อยหลับไปอีกรอบ ปิ๊บๆๆๆ เสียงปลุกจากไอโฟนบนโต๊ะหัวเตียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องผมเอื้อมไปหยิบมากดปิดก่อนลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
“กี่โมงแล้วว่ะเนี่ย”
ผมค่อยๆปลือตามองเวลาในโทรศัพท์พร้อมขยี้หัวจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงกว่าๆแล้ว
ตายห่า..สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
“เชี่ยยย !!! “
ผมกระโดดลงจากเตียงมือเรียวรีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีใช้เวลาไม่นานก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จผมรีบก้าวออกมาแต่งตัวอย่างร้อนรนผมจัดการสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว
กางเกงดำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบเน็คไทติดมือมาด้วยผมเดินออกไปด้านนอกในขณะที่ยังไม่ได้ติดกระดุมชุดนักศึกษาแม้แต่เม็ดเดียว
“คิดจะยั่วกูรึไง”
เสียงทุ้มต่ำดังมาจากเคาน์เตอร์บ่าที่ตอนนี้มีร่างหนาในชุดนักศึกษานั่งอยู่
“อย่ากวนประสาทได้มั้ยคนยิ่งรีบๆอยู่”
ผมบอกปัดๆพร้อมยกมือขึ้นติดกระดุมโดนไม่ได้สนใจสายตาที่อีกฝ่ายส่งมา
“ถ้ารีบก็มากินข้าวเร็วๆเดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ทันแล้ว เดี๋ยวค่อยไปหาอะไรกินที่มอ”
“มากินเถอะน่ากูซื้อข้าวมาเผื่อแล้ว”
“ไม่ดีกว่า..สายแล้วเดี๋ยวโดนเช็คขาด”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธก่อนรีบเดินไปใส่รองเท้าที่หน้าประตูมือเรียวจับลูกบิดเตรียมจะเปิดออกไปแต่กลับถูกมือหนายันประตูเอาไว้ผมหันกลับไปมองคนด้านหลังตาขวาง
“เอามือออกไป”
“มากินข้าว”
“ไม่กิน”
“ทำไมดื้อนักว่ะ”
ไอหัวเทาขมวดคิ้วจ้องมาที่ผมเขม่งก่อนมือข้างที่ไม่ได้ยันประตูจะล่วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก
“ไอยูควันนี้มึงเรียนคาบเดียวกับแบมแบมใช่มั้ย งั้นกูฝากเช็คชื่อให้ด้วยนะมันจะไปสายนิดหน่อย”
ผมเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินบทสนธนานี่ถึงขั้นมีเบอร์ไอคยอมเลยเหรอว่ะ
คุยกันอยู่สักพักมือหนาก็กดว่างสายแล้วหันมาสนใจผมอีกครั้ง
“ทีนี้กินข้าวได้รึยัง”
“ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันจะไม่มากไปหน่อยรึไง”
“แล้วการที่กูอยากกินข้าวกับมึงนี่มันเป็นปัญหามากนักรึไง !!!” มาร์คโวยวายขึ้นอย่างหัวเสีย
“พี่เป็นเหี้ยอะไร..ทำไมต้องโวยวายด้วยกับอีแค่กินข้าวมันจะอะไรกันนักกันหนาว่ะ”
ผมที่เริ่มหมดความอดทนตะคอกใส่คนตรงหน้าเสียงดังลั่นก็แล้วมันใช่เรื่องมั้ยที่มาโวยวายใส่ผมเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
น่าหงุดหงิดชิบหาย
“เฮ้ออ..ขอโทษที่กูโวยวายมากินข้าวเหอะ”
คำขอโทษถูกส่งออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูนิ่งไป
มันเดินนำผมไปยังโต๊ะกินข้าวที่มีกับข้าวสองสามอย่างถูกว่างเอาไว้กลางโต๊ะผมเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามไอปู่รหัสที่ตอนนี้นั่งตักข้าวใส่ปากไม่พูดไม่จามือหนาตักข้าวใส่ปากอย่างรวดเร็วเหมือนไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ชาติปรางก่อน
“จะรีบกินไปไหน ทำอย่างกับไม่ได้กินอะไรมาเป็นชาติ”
ผมเห็นดังนั้นก็อดแซะคนตรงหน้าไม่ได้ก็มันจริงนี่จะรีบไปไหนว่ะเดี๋ยวก็ติดคอตายห่า
“......”
มันเหลือกตาขึ้นมามองผมนิดๆก่อนหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
"นี่อย่าบอกนะว่าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า”
ผมลองเอ่ยหยั่งเชิดดูและดูเหมือนข้อสันนิฐานของผมจะเป็นจริงเมื่อมือหนาที่กำลังตักผัดผักชะงักไปแต่หยุดอยู่ไม่นานก็ชักมือกลับไปตักข้าวเข้าปากเหมือนเดิม
“ทำไมไม่กินไม่หิวรึไง”
“หิว”
“หิวแล้วทำไมไม่กิน”
“รอกินพร้อมมึง”
มันตอบในขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก ผมที่ได้ยินดังนั้นถึงกับชะงักไป สรุปที่มันโมโหแล้วโวยวายใส่ผมเพราะมันตั้งใจจะรอกินข้าวพร้อมผมงั้นเหรอ ผมเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีก็ผมไม่รู้นิว่ามันจะอุตริอดข้าวอดน้ำรอกินพร้อมผมถ้ารู้ผมคงตื่นมากินตั้งนานแล้ว
“แล้วทำไมไม่เข้าไปปลุกจะได้ตื่นมากินก่อน”
ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงขณะเอื้อมมือไปตักไข่เจียวใส่จานคนตรงหน้ามันเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดๆก่อนเอ่ยตอบ
“เห็นมึงนอนสบายเลยไม่อยากปลุก”
“ทีหลังก็ปลุกสิจะได้ออกมานั่งกินเป็นเพื่อน”
“ช่างเหอะ..มึงรีบๆกินเถอะสายมากแล้ว”
มันเอ่ยเสียงเรียบจนผมจับสังเกตุได้ว่าคนตรงหน้าเข้าสู่โหมดน้อยเนื้อต่ำใจแล้วแน่ๆ
“เฮ้อ..”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจ้องคนตรงหน้านิ่งๆ
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ยัง”
“แล้วทำไมไม่กิน”
“....”
ผมไม่ได้อะไรตอบกลับไปแต่เลือกที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนข้างไอหัวเทาแทน
มันหันมามองผมนิดๆแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ทีหลังถ้าอยากให้ทำอะไรก็บอกเพราะผมไม่สามารถตรัสรู้ได้เองหรอกว่าพี่ต้องการอะไรถ้าไม่พูดออกมาและก็ขอโทษที่ตะคอกใส่เมื่อกี้”
“อืม..กูก็ผิดที่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องของมึงมากเกินไป”
“งั้นตั้งแต่วันนี้ถ้ามีอะไรก็บอก ผมก็จะบอกพี่เหมือนกันตกลงมั้ย”
ผมยื่นมือออกไปด้านหน้า
“ตกลง”
พี่มาร์คจึงยื่นมือมาจับพร้อมเขย่าเบาๆ
“อ่อ..อีกเรื่องนึงผมว่าพี่เลิกทำตัวขี้งอนสักทีเหอะว่ะ มันไม่ได้ดูน่ารักนักหรอกนะโตเป็นควายแล้วยังงอนเป็นเด็กๆอยู่ได้”
“ไม่ได้งอน..กูแค่น้อยใจ”
“แล้วมันต่างกันตรงไหนขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ชอบง้อใคร”
“แต่เมื่อกี้มึงก็ยอมง้อกู”
“นี่เป็นกรณีพิเศษ ถ้ามีคราวหน้าอีกอย่าฝันเลยว่าผมจะทำแบบนี้ เข้าใจมั้ย”
“คร้าบๆ...รับทราบทุกคำสั่งครับผม ดุกว่าแม่กูอีกนะ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มกว้างฉายชัดบนใบหน้าได้รูปอีกครั้ง ผมคงต้องยอมรับว่าชอบให้มันยิ้มออกมามากกว่าทำหน้าตาบูดบึ้งเป็นไหนๆ
ผมยืนมองรอยยิ้มนั้นก่อนเผลอยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ ดูไปดูมาก็น่ารักดีเหมือนกันนะ มาร์ค ต้วน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
>>> TBC <<<
ในที่สุดก็ย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันจนได้และดูเหมือนพี่มาร์คก็มีมุมอ่อนโยนกับเค้าเหมือนกัน
แถมยังขี้น้อยใจซะจนน้องต้องเอ่ยปรามแล้วอย่างงี้การใช้ชีวิตภายใต้ชายคาเดียวกันจะเป็นยังไง
มันลุ้นไปด้วยกันนะคะ ^ ^ #ฟิคลองของ
ความคิดเห็น