ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ RE-Write ] Try..!!! { MarkBam } // THE END

    ลำดับตอนที่ #21 : Level_20

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.81K
      195
      10 ต.ค. 58





    “เมื่อไหร่จะมาว่ะ” 

    ร่างบางที่ขนข้าวของพะรุงพะรังลงมากองไว้หน้าหอเริ่มบ่นออกมาอย่างหัวเสีย 



    “ใจร้อนจังนะมึงทำไมอยากเห็นรังรักเร็วๆรึไง”


    “ส้นตีนเหอะ รังรักเหี้ยไร” 

    ผมหันไปโวยใส่ไอคยอมที่ช่วยขนของลงมาข้างล่างตอนที่ผมบอกมันว่าผมต้องย้ายๆไปอยู่คอนโดนพี่มาร์คแม่งหัวเราะออกมาดังสนั่นหอจนห้องข้างๆมาเคาะห้องนึกว่ามันเป็นอะไรแถมยังรีบไลน์ไปบอกไอเนียร์พอเรื่องถูกกระจายเท่านั้นแหละไลน์กลุ่มนี่เด้งกันพรึ่บพรับและคำแรกที่ไอพวกเพื่อนเวรส่งมาคือ ยินดีด้วยนะไอแบม ผมงงไปพักนึงก่อนพิมพ์ตอบกลับไป ยินดีเหี้ยไร???’ ไลน์เด้งขึ้นอีกครั้ง ก็ยินดีที่มึงจะได้ผัวแล้วไงหลังจากอ่านประโยคนั้นผมก็ส่งคำด่าทั้งหมดที่คิดออกลงไปจนพวกมันต้องเลิกอ่านไลน์ไปในที่สุด ได้ผัวเหี้ยไรล่ะอย่างกูต้องได้เมียเท่านั้น จำไว้ !!!



    “แหมๆทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อน ฮ่าๆๆๆ”



    “สัส..”



    “อ่ะ..นั้นไง มาโน่นแล้วว่าที่ผัวมึงอ่ะ” 

    ผมยกนิ้วกลางส่งไปให้มันก่อนหันไปตามที่มันบอก แลมโบกีนี่สีแดงสดเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้างฟุตบาทที่พวกผมยืนอยู่ ร่างหนาในชุดลำลองดูแปลกตาเล็กน้อยก้าวลงมาจากรถคันหรู



    “โทษทีที่มาช้า”



    “ไม่เป็นไรครับไอแบมมันรอได้ใช่มั้ยมึง..” 

    ไอคยอมกระทุ้งซอกใส่ผมที่ยืนหน้าบูดอยู่ข้างๆ



    “ใครบอกกูรอได้คนอย่างกูไม่เคยรอใครเกินสิบนาทีหรอกเว้ย”



    “แต่มึงก็รอกูแสดงว่ากูสำคัญสินะ” 

    ไอปู่รหัสเอ่ยพร้อมยกยิ้มสูงจนเห็นเขี้ยว


    “หลงตัวเอง..”



    “แล้วกูต้องทำยังไงมึงถึงจะหลงกูบ้างล่ะ”



    “ไอ..” 

    ยังไม่ทันที่คำด่าจะหลุดออกจากปากผมไอคยอมก็เอ่ยแทรกขึ้นซะก่อน



    “ผมว่าเราขนของขึ้นรถกันดีกว่าเดี๋ยวจะดึกดื่นไปกันใหญ่” 

    ผมหรี่ตามองไอหัวเทาอย่างคาดโทษขณะที่มือก็ขนของขึ้นหนูแดงลูกรักของมันไปด้วยใช้เวลาไม่นานนักของทั้งหมดก็ถูกนำไปใส่รถจนหมด



    “ไปๆๆดึกแล้วเดี๋ยวกูต้องทำรายงานอีก ยังไงผมฝากไอแบมด้วยนะพี่ถ้าแม่งดื้อก็จัดการได้เลย” 

    ไอคยอมหันไปพูดกับไอหัวเทาที่เตรียมก้าวเข้าไปนั่งในรถ



    “ไล่กูจัง..มึงเหอะนอนคนเดียวระวังอีแมนนี่บุกเข้ามาข่มขืนนะ” 

    อีแมนนี่เป็นกระเทยควายประจำรุ่นผมซึ่งมันก็พักอยู่ที่หอในด้วยเหมือนกัน



    “เชี่ยแบม..พูดซะกูเสียวตูดเลยห่านี่มึงก็รีบๆไปเหอะพี่มาร์ครอแล้วพรุ่งนี้เจอกันที่คณะ” 

    มันตบไหล่ผมเบา ผมมองมันยิ้มๆก่อนเข้าไปนั่งในรถที่อีกคนสตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว



    “กูไปนะ..” 

    ผมเลื่อนกระจกลงมาบอกมันก่อนแลมโบกีนี่คันหรูจะเคลื่อนตัวออกไป



    “เอาของมาหมดแน่นะไม่ลืมอะไรใช่มั้ย” 

    มาร์คหันไปถามร่างบางที่นั่งมองออกไปด้านนอกโดยไม่หันมาสนใจเค้าสักนิดใบหน้าได้รูปหันไปมองผู้โดยสารด้านข้างนิดๆก่อนเลื่อนมือไปว่างบนมือของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะจนร่างบางหันมามองตาขวาง



    “เอามือออกไป” 

    แบมแบมกดเสียงต่ำแต่มีเหรอคนอย่างมาร์คต้วนจะยอม มือหนาออกแรงบีบเบาๆก่อนจับมือเรียวให้หงายขึ้นมาร์คค่อยๆสอดนิ้วเข้าประสานแล้วยกมืออีกฝ่ายมาวางบนตักตัวเอง



    “ขอจับเอาไว้ได้มั้ยกูอยากแน่ใจว่ากูไม่ได้คิดไปเอง” 

    มาร์คเอ่ยเสียงแผ่ว แบมแบมหันไปมองคนขับที่พูดทั้งๆที่ยังมองตรงไปด้านหน้า ใบหน้าหล่อเหลาที่สะท้อนกับแสงจากไฟถนนดูน่ามองอยู่ไม่น้อยร่างบางไม่ได้ตอบอะไรออกไปเค้าได้แต่ปล่อยให้ปู่รหัสจับมืออยู่แบบนั้นในขณะที่ตัวเองหันออกไปมองด้านนอกตามเดิม



    “ถึงแล้ว..” 

    มือเรียวถูกปล่อยออก พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่บอกว่าถึงที่หมายแล้ว มาร์คเลี้ยวรถเข้าลานจอดก่อนดับเครื่องและลงไปยืนด้านนอกผมเห็นอีกคนลงไปแล้วจึงเปิดประตูลงไป



    “มาเอาของไปสิจะได้ขึ้นห้อง” 

    ได้ยินดังนั้นผมก็รีบก้าวเข้าไปรับของจากพี่มาร์คมาถือไว้และเนื่องจากของผมมีไม่มากนักจึงสามารถขนหมดในคราวเดียว เราถือของกันเต็มไม้เต็มมือก่อนเดินตรงไปที่ลิฟต์




    “ชั้นอะไรนะจำไม่ได้..” 

    ผมถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆและใช้ข้อซอกกดลูกศรขึ้น



    “ชั้น9” 

    ไอหัวเทาพูดขึ้นพร้อมๆกับลิฟต์ที่เปิดออก พวกเราก้าวเข้าไปด้านในประตูลิฟต์เลื่อนปิดลงตามมาด้วยความเงียบก็เริ่มก่อตัวขึ้นจนกระทั้งลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 9



    “ออกไปสิ..” 

    พี่มันเอาขาขวางประตูลิฟท์ไว้ไม่ให้ปิดทับผม ผมเดินออกมายืนรอด้านนอกร่างหนาก้าวตามออกมาเค้าเดินนำไปจนถึงห้องที่ผมเคยมาสร้างวีรกรรมเอาไว้



    “เปิดเร็วๆดิ หนัก”



    “แปปดิ หาคีย์การ์ดก่อน”



    “ชักช้า..ไหนเอาไว้ตรงไหน” 

    ผมวางของลงกับพื้นแล้วเดินตรงไปหาคนที่หันรีหันขวางหาคีย์การ์ดอยู่หน้าประตูห้อง



    “กระเป๋ากางเกงข้างซ้าย ล้วงให้หน่อย”



    “ไหนว่ะ” 

    ผมล้วงมือเข้าไปด้านใน แต่กางเกงที่ไอหัวเทาใส่นี่สิฟิตเหลือเกิน มึงจะใส่รัดไปไหนว่ะ



    “ลงไปอีก”



    “หันมาดิหยิบไม่ได้”



    “ล้วงลงไปลึกกว่านั้น”



    “อีกนิดนึง เขย่งหน่อยดิจะถึงแล้ว”



    “แบมแบม”



    “อะไรอีก เนี่ยจะได้แล้ว” 

    ผมล้วงมือลงไปลึกกว่าเดิม ก่อนปลายนิ้วจะสะกิดเข้ากับอะไรบางอย่างด้านใน



    “แบมแบม..!!!



    “อะไรว่ะ เรียกอยู่ได้” 

    ผมยังคงใช้ปลายนิ้วเขี่ยสิ่งที่อยู่ด้านในไปมาแรงๆเพื่อหวังให้มันขยับออกมา


    “หยุด!!!” 

    ผมหยุดมือก่อนเงยหน้ามองคนพูดตอนนี้ไอหัวเทาหูแดงก่ำจ้องมาที่ผมเขม่ง



    “มึงหยุดเขี่ยได้มั้ย ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”



    “อย่าบอกนะ..” 

    ผมรีบชักมือออกจากกระเป๋ากางเกงคนตรงหน้าทันทีไอหัวเทาพยักหน้านิดๆเป็นอันเข้าใจตรงกันว่าที่ผมเขี่ยอยู่นะไม่ใช่คีย์การ์ดแต่เป็นหนอนชาเขียวของมัน



    “เชี่ยเอ้ยยย” 

    ผมสบถออกมาก่อนรีบเช็ดมือกับเสื้อตัวเองอย่างรวดเร็วผมมองมือตัวเองสลับกับเป้าของคนตรงหน้าด้วยสีหน้าขยะแขยง



    “เลิกเว่อร์ได้แล้ว มาเอาของไปถือเดี๋ยวกูหยิบเอง” 

    ผมรีบเอื้อมไปหยิบของมาถือเอาไว้เพื่อให้มันเปิดห้อง



    “เข้ามาสิ..” 

    ร่างหนาหันมาหยิบของจากมือผมไปถือแล้วเดินนำเข้าไปด้านในห้องแสนคุ้นตาปรากฏตรงหน้าอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดูต่างออกไปอาจเพราะคราวก่อนที่มาได้เห็นมากสุดก็แค่ห้องนอนกับด้านนอกอีกนิดหน่อยเท่านั้น



    “วางของลงก่อนเดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้กิน”

    เค้าหันมาพูดกับผมก่อนเดินหายเข้าไปในครัว ผมวางของลงก่อนพาร่างเดินไปนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกดวงตาคู่สวยเริ่มมองสำรวจไปทั่วๆทันทีห้องพี่มาร์คดูไม่ค่อยมีอะไรมากนักห้องถูกตกแต่งแบบบิ้วอินโดยใช้โทนสีขาวดำเป็นส่วนใหญ่และดูเหมือนห้องจะถูกแบ่งออกเป็นห้องนอน ห้องครัว และก็ห้องรับแขก จากที่เห็นทุกอย่างถูกจัดเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ



    “ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเจ้าระเบียบ” 

    ผมหลุดปากออกมาเบาๆ



    “บ่นอะไร..”



    “ป่าว”



    “อ่ะ..” 

    มือหนายื่นแก้วน้ำมาตรงหน้าผม



    “ไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆลงไปใช่มั้ย” 

    ผมมองแก้วตรงหน้าอย่างลังเลไอหัวเทาเลยยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนยื่นมาให้ผมอีกครั้ง



    “ระดับกูไม่ต้องใส่หรอก เอ้ากินซะ” 

    ผมเบ้ปากนิดๆแต่ก็ยอมหยิบมากินร่างหนาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆผมก่อนเอ่ยขึ้น



    “กูดีใจนะที่มึงยอมย้ายมาอยู่กับกู”



    “ที่ต้องยอมเพราะพี่บีบบังคับผมไม่ใช่รึไง”



    “ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ยังไงกูก็ดีใจอยู่ดี” 

    มันหันมายิ้มให้ผมจนเขี้ยวโผล่ เอาจริงๆผมก็ไม่เคยสังเกตุหน้ามันใกล้ๆเลยสักครั้งคงเพราะเวลาถูกจูบผมมักจะหลับตาตลอด แต่พอลองพินิจถึงได้รู้ว่ามันหล่ออย่างที่ใครๆเค้าว่าจริงๆนั้นแหละ



    “แล้วจะให้ผมนอนไหน”



    “ห้องกู”



    !!!!” 

    ผมเบิกตากว้างทันที



    “ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นเดี๋ยวมึงไปนอนห้องนอนเล็กแล้วกันกูให้แม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว”



    “อืม..งั้นไปเลยได้มั้ยเหนื่อยอยากนอน”



    “ตามมาสิเดี๋ยวพาไปดู” 

    พี่มาร์คลุกขึ้นเดินนำไปที่ประตูสีขาวที่อยู่ติดกับห้องนอนของเค้า ผมเดินไปหยิบสัมภาระแล้วเดินตามไปมือหนาบิดลูกบิดเปิดออกก่อนกดเปิดสวิตซ์ไฟ ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปภายในห้องมีเพียงเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า แล้วก็โต๊ะหนังสือที่มีแมคบุ๊ควางอยู่ผมก้าวเข้าไปสำรวจด้านในก็พบว่าห้องนี้มีห้องน้ำในตัวด้วยซึ่งถือเป็นเรื่องดี



    “ชอบมั้ย..”



    “ก็ดี..ดีกว่าอยู่หอ”



    “โอเค...งั้นกูไม่กวนแล้วมึงจะได้จัดของ”



    “ขอบคุณ..” 

    ผมเอ่ยออกมาเบาๆในขณะที่อีกคนกำลังจะเดินออกไปจากห้องทำให้ร่างหนาหันกลับมามองพร้อมเอ่ยถาม



    “พูดอะไรได้ยินไม่ชัด”



    “ไม่มีอะไรออกไปเถอะผมอยากอาบน้ำนอน”



    “แต่นี่พึ่งสี่ทุ่มเองนะ”



    “แล้วไง..อยากนอนตอนนี้ไม่ได้รึไง”



    “กูก็ไม่ได้ห้ามนิ”



    “งั้นก็ออกไปสิยืนนิ่งอยู่ได้”



    “เออๆไปก็ได้ ขี้บ่นจริงเว้ย” 

    ร่างหนายอมเดินออกไปแต่โดยดีผมเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง



    “กูลืมบอกมึงไปอย่างนึง” 

    เจ้าของห้องโผล่หัวเข้ามา ทำให้ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง



    “ว่า???



    “ประตูล็อคไม่ได้นะลูกบิดพัง” 

    โยนระเบิดเสร็จก็ผลุบหัวออกไปด้วยความเร็วแสงปล่อยให้ผมนั่งเหวออยู่แบบนั้น 



    “แม่งเอ้ยย..แล้วกูจะหลับลงมั้ยห๊ะ !!!” 

    ผมตะโกนออกมาดังลั่นไม่รู้หรอกว่ามันได้ยินรึเปล่าแต่ที่รู้ๆผมคงต้องนอนระแวงทั้งคืนแน่ๆงานนี้



    “กูจะรอดมั้ยเนี่ย โอ้ยยย..คิดแล้วอยากจะบ้าตายยอมมาอยู่กับมันทำไมว่ะหาเรื่องใส่ตัวชิบหาย” 

    ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสียแต่ก็ทำได้แค่บ่นเพราะดวงตาใกล้จะปิดลงเต็มทนคงเพราะความเหนื่อยล้าจากการแข่งบวกกับการเสียพลังงานโดยใช่เหตุไปกับการย้ายห้อง ผมเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดตัวและของใช้ออกมาก่อนเดินตรงไปยังห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็จัดการตัวเองเรียบร้อย ขาเรียวก้าวไปที่เตียงแทบจะทันทีร่างบางทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน แบมแบมขยันหมอนให้เข้าที่มือเรียวกดปิดไฟแต่ก็ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตั้งปลุกก่อนที่เค้าจะจมลงสู่หวงนิทราอย่างรวดเร็ว



    แก๊ก..เสียงบานประตูถูกเปิดออกพร้อมร่างของใครบางคนที่กำลังเดินตรงไปหาร่างที่นอนหลับไหลภายใต้เงามืด มือหนาถูกส่งไปว่างบนหัวทุยๆนั้นก่อนลูบอย่างเบามือ แล้วเค้าก็ต้องชะงักไปเมื่อแบมแบมเริ่มขยับตัวพร้อมขมวดคิ้วงุ้นร่างบางส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังฝันร้าย มาร์คยกมืออีกข้างขึ้นเพื่อใช้ประคองหน้าหวานให้หันมาหาตน เค้ากดจูบลงไประหว่างคิ้วเพียงเล็กน้อยก่อนผละออกมาแล้วเอ่ยถ้อยคำแสบอบอุ่น



    “กูขอให้มึงไม่ฝันร้าย” 

    ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อแบมแบมเริ่มผ่อนคลายและหายใจสม่ำเสมอมากขึ้น มาร์คยิ้มบางๆออกมาก่อนจัดการผ้าห่มให้เข้าที่และเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ ร่างหนาเดินตรงไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนดวงตาคู่สวยปิดลงช้าๆคิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย



    “พวกมึงมีแผนอะไรกันแน่” 

    มาร์คลืมตาขึ้นก่อนจ้องออกไปนอกระเบียงอย่างใช้ความคิด ใช่..ผมกำลังคิดถึงเรื่องที่ไอเซฮุนพูดเมื่อตอนเย็น การที่แอชลี่กลับมาไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ที่แปลกคือไอเซฮุนมาบอกผมทำไม มันต้องการอะไรแล้วทำไมถึงยอมบอกผมว่าแอชกับมาแล้วทั้งๆที่มันพยายามกีดกันแอชออกจากผมทุกวิถีทางตั้งแต่มีเรื่องกันตอนนั้น



    “มึงต้องการอะไรกันแน่ไอเซฮุน...” 

    ความเงียบโรยตัวลงช้าๆมาร์คนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไป

     

     


    เช้าวันรุ่งขึ้น...



    ผมที่มีเรียนบ่ายยังคงนอนอุตุอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน เอาจริงๆคือไอเตียงบ้านี่มันนอนสบายซะจนไม่อยากขยับเขยื่อนตัวไหนจะแอร์เย็นฉ่ำกับผ้าห่มผืนหนาบอกได้คำเดียวว่าโคตรฟิน การย้ายมาอยู่กับไอปู่รหัสก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูเรียกสายตาของผมให้เส่ไปมองทันที



    “ตื่นรึยัง..” 

    เสียงทุ่มต่ำดังมาจากด้านนอกผมเหลือบตามองเล็กน้อยโดยไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปเปิดประตูแต่อย่างใด ดีนะที่ยังมีมารยาทเคาะประตูก่อน



    “กูจะไปมหาลัยแล้วนะ เดี๋ยวเที่ยงๆจะกลับมากินข้าวด้วยมีเรียนบ่ายใช่มั้ย”



    “........” 

    ผมยังคงเงียบไม่ตอบอะไรกลับไป



    “กูรู้ว่ามึงตื่นแล้ว” 

    นั้นเสือกรู้อีกมึงไม่ได้ติดกล้องในห้องนี้ใช่มั้ยผมเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆห้องหวังว่ามันคงไม่ทำอย่างที่ผมคิดหรอกนะยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่ด้วย แก๊ก..เสียงลุกบิดถูกเปิดออกผมเห็นดังนั้นก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโป้งทันทีสักพักก็รับรู้ได้ว่าเตียงด้านข้างยวบลงผมหลับตาลงแทบจะทันทีไม่ได้กลัวหรอกนะแต่ขี้เกียจเห็นหน้า รำคาญ...



    “จะแกล้งหลับอีกนานมั้ย” 

    ผ้าห่มถูกเลื่อนลงไปกองอยู่ที่อกผมยังคงนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติ่ง เอาสิ..กูไม่ลืมตาซะอย่างใครจะทำไม จุ๊บ..สัมผัสนุ่มๆอุ่นๆแตะลงมาที่ริมฝีปากของผมเค้ากดมันค้างเอาไว้อย่างงั้นอยู่พักใหญ่ในขณะที่ผมยังคงคอนเซ็ปนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวเอาไว้ทำให้เค้ายอมผละออกไปในที่สุด



    “หลับจริงๆงั้นหรอ..” 

    มือหนาวางลงมาบนหัวของผมนิ้วโป้งเริ่มลูบไล้หน้าผากผมไปมาเบาๆก่อนจะสัมผัสได้ถึงปลายจมูกโด่งกับลมหายใจร้อนๆที่กดลงมาที่หน้าผากของผม พี่มาร์คไม่ได้พูดอะไรต่อเค้าได้แต่ขยับผ้าห่มให้เข้าที่และเดินออกจากห้องไปทันทีที่ได้ยังเสียงปิดประตูผมก็รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้จนมิด



    “บ้าเอ้ยย..” 

    ผมเอ่ยออกมาเบาๆหน้ามันร้อนวูบวาบไปหมดไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นกลัวถูกจับได้หรือเพราะอายกันแน่ แต่ที่รู้ๆตอนนี้หัวใจของผมสั่นไหวไปกับสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับจนต้องเลื่อนมือลงไปกุมเอาไว้แน่น



    “หยุดเดี๋ยวนี้นะไอแบม นั่นมันผู้ชายนะเว้ย มึงจะหวั่นไหวทำไม” 

    ผมบอกกับตัวเองเหมือนพยายามดึงสติที่หลุดลอยไปให้กลับเข้าร่างอีกครั้งผมนอนใจเต้นแรงอยู่แบบนั้นจนผล่อยหลับไปอีกรอบ ปิ๊บๆๆๆ เสียงปลุกจากไอโฟนบนโต๊ะหัวเตียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องผมเอื้อมไปหยิบมากดปิดก่อนลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่



    “กี่โมงแล้วว่ะเนี่ย” 

    ผมค่อยๆปลือตามองเวลาในโทรศัพท์พร้อมขยี้หัวจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงกว่าๆแล้ว ตายห่า..สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย



    “เชี่ยยย !!!

    ผมกระโดดลงจากเตียงมือเรียวรีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีใช้เวลาไม่นานก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จผมรีบก้าวออกมาแต่งตัวอย่างร้อนรนผมจัดการสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงดำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบเน็คไทติดมือมาด้วยผมเดินออกไปด้านนอกในขณะที่ยังไม่ได้ติดกระดุมชุดนักศึกษาแม้แต่เม็ดเดียว



    “คิดจะยั่วกูรึไง” 

    เสียงทุ้มต่ำดังมาจากเคาน์เตอร์บ่าที่ตอนนี้มีร่างหนาในชุดนักศึกษานั่งอยู่



    “อย่ากวนประสาทได้มั้ยคนยิ่งรีบๆอยู่” 

    ผมบอกปัดๆพร้อมยกมือขึ้นติดกระดุมโดนไม่ได้สนใจสายตาที่อีกฝ่ายส่งมา



    “ถ้ารีบก็มากินข้าวเร็วๆเดี๋ยวไปส่ง”



    “ไม่ทันแล้ว เดี๋ยวค่อยไปหาอะไรกินที่มอ”



    “มากินเถอะน่ากูซื้อข้าวมาเผื่อแล้ว”



    “ไม่ดีกว่า..สายแล้วเดี๋ยวโดนเช็คขาด” 

    ผมส่ายหน้าปฏิเสธก่อนรีบเดินไปใส่รองเท้าที่หน้าประตูมือเรียวจับลูกบิดเตรียมจะเปิดออกไปแต่กลับถูกมือหนายันประตูเอาไว้ผมหันกลับไปมองคนด้านหลังตาขวาง



    “เอามือออกไป”



    “มากินข้าว”



    “ไม่กิน”



    “ทำไมดื้อนักว่ะ” 

    ไอหัวเทาขมวดคิ้วจ้องมาที่ผมเขม่งก่อนมือข้างที่ไม่ได้ยันประตูจะล่วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก



    “ไอยูควันนี้มึงเรียนคาบเดียวกับแบมแบมใช่มั้ย งั้นกูฝากเช็คชื่อให้ด้วยนะมันจะไปสายนิดหน่อย” 

    ผมเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินบทสนธนานี่ถึงขั้นมีเบอร์ไอคยอมเลยเหรอว่ะ คุยกันอยู่สักพักมือหนาก็กดว่างสายแล้วหันมาสนใจผมอีกครั้ง



    “ทีนี้กินข้าวได้รึยัง”



    “ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันจะไม่มากไปหน่อยรึไง”



    “แล้วการที่กูอยากกินข้าวกับมึงนี่มันเป็นปัญหามากนักรึไง !!!” มาร์คโวยวายขึ้นอย่างหัวเสีย



    “พี่เป็นเหี้ยอะไร..ทำไมต้องโวยวายด้วยกับอีแค่กินข้าวมันจะอะไรกันนักกันหนาว่ะ” 

    ผมที่เริ่มหมดความอดทนตะคอกใส่คนตรงหน้าเสียงดังลั่นก็แล้วมันใช่เรื่องมั้ยที่มาโวยวายใส่ผมเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ น่าหงุดหงิดชิบหาย



    “เฮ้ออ..ขอโทษที่กูโวยวายมากินข้าวเหอะ” 

    คำขอโทษถูกส่งออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูนิ่งไป มันเดินนำผมไปยังโต๊ะกินข้าวที่มีกับข้าวสองสามอย่างถูกว่างเอาไว้กลางโต๊ะผมเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามไอปู่รหัสที่ตอนนี้นั่งตักข้าวใส่ปากไม่พูดไม่จามือหนาตักข้าวใส่ปากอย่างรวดเร็วเหมือนไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ชาติปรางก่อน



    “จะรีบกินไปไหน ทำอย่างกับไม่ได้กินอะไรมาเป็นชาติ” 

    ผมเห็นดังนั้นก็อดแซะคนตรงหน้าไม่ได้ก็มันจริงนี่จะรีบไปไหนว่ะเดี๋ยวก็ติดคอตายห่า



    “......”  

    มันเหลือกตาขึ้นมามองผมนิดๆก่อนหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ



    "นี่อย่าบอกนะว่าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า” 

    ผมลองเอ่ยหยั่งเชิดดูและดูเหมือนข้อสันนิฐานของผมจะเป็นจริงเมื่อมือหนาที่กำลังตักผัดผักชะงักไปแต่หยุดอยู่ไม่นานก็ชักมือกลับไปตักข้าวเข้าปากเหมือนเดิม



    “ทำไมไม่กินไม่หิวรึไง”



    “หิว”



    “หิวแล้วทำไมไม่กิน”



    “รอกินพร้อมมึง” 

    มันตอบในขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก ผมที่ได้ยินดังนั้นถึงกับชะงักไป สรุปที่มันโมโหแล้วโวยวายใส่ผมเพราะมันตั้งใจจะรอกินข้าวพร้อมผมงั้นเหรอ ผมเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีก็ผมไม่รู้นิว่ามันจะอุตริอดข้าวอดน้ำรอกินพร้อมผมถ้ารู้ผมคงตื่นมากินตั้งนานแล้ว



    “แล้วทำไมไม่เข้าไปปลุกจะได้ตื่นมากินก่อน” 

    ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงขณะเอื้อมมือไปตักไข่เจียวใส่จานคนตรงหน้ามันเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดๆก่อนเอ่ยตอบ



    “เห็นมึงนอนสบายเลยไม่อยากปลุก”



    “ทีหลังก็ปลุกสิจะได้ออกมานั่งกินเป็นเพื่อน”



    “ช่างเหอะ..มึงรีบๆกินเถอะสายมากแล้ว” 

    มันเอ่ยเสียงเรียบจนผมจับสังเกตุได้ว่าคนตรงหน้าเข้าสู่โหมดน้อยเนื้อต่ำใจแล้วแน่ๆ



    “เฮ้อ..” 

    ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจ้องคนตรงหน้านิ่งๆ



    “อิ่มแล้วเหรอ”



    “ยัง”



    “แล้วทำไมไม่กิน”



    “....” 

    ผมไม่ได้อะไรตอบกลับไปแต่เลือกที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนข้างไอหัวเทาแทน มันหันมามองผมนิดๆแต่ไม่ได้พูดอะไร



    “ทีหลังถ้าอยากให้ทำอะไรก็บอกเพราะผมไม่สามารถตรัสรู้ได้เองหรอกว่าพี่ต้องการอะไรถ้าไม่พูดออกมาและก็ขอโทษที่ตะคอกใส่เมื่อกี้”



    “อืม..กูก็ผิดที่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องของมึงมากเกินไป”



    “งั้นตั้งแต่วันนี้ถ้ามีอะไรก็บอก ผมก็จะบอกพี่เหมือนกันตกลงมั้ย” 

    ผมยื่นมือออกไปด้านหน้า



    “ตกลง” 

    พี่มาร์คจึงยื่นมือมาจับพร้อมเขย่าเบาๆ



    “อ่อ..อีกเรื่องนึงผมว่าพี่เลิกทำตัวขี้งอนสักทีเหอะว่ะ มันไม่ได้ดูน่ารักนักหรอกนะโตเป็นควายแล้วยังงอนเป็นเด็กๆอยู่ได้”



    “ไม่ได้งอน..กูแค่น้อยใจ”



    “แล้วมันต่างกันตรงไหนขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ชอบง้อใคร”



    “แต่เมื่อกี้มึงก็ยอมง้อกู”



    “นี่เป็นกรณีพิเศษ ถ้ามีคราวหน้าอีกอย่าฝันเลยว่าผมจะทำแบบนี้ เข้าใจมั้ย”



    “คร้าบๆ...รับทราบทุกคำสั่งครับผม ดุกว่าแม่กูอีกนะ ฮ่าๆๆ” 

    เสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มกว้างฉายชัดบนใบหน้าได้รูปอีกครั้ง ผมคงต้องยอมรับว่าชอบให้มันยิ้มออกมามากกว่าทำหน้าตาบูดบึ้งเป็นไหนๆ ผมยืนมองรอยยิ้มนั้นก่อนเผลอยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ ดูไปดูมาก็น่ารักดีเหมือนกันนะ มาร์ค ต้วน... 




    +++++++++++++++++++++++++++++++++



    >>> TBC <<<


    ในที่สุดก็ย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันจนได้และดูเหมือนพี่มาร์คก็มีมุมอ่อนโยนกับเค้าเหมือนกัน

    แถมยังขี้น้อยใจซะจนน้องต้องเอ่ยปรามแล้วอย่างงี้การใช้ชีวิตภายใต้ชายคาเดียวกันจะเป็นยังไง 

    มันลุ้นไปด้วยกันนะคะ  ^ ^   #ฟิคลองของ





    ?THE ORA


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×