คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Level_12《Rewrite》
“ไม่ได้เจอกันนานนะ แบมแบม”
เสียงพี่มาร์คดังขึ้นก่อนที่เขาจะเดินแหวกเพื่อนออกมาและหยุดยืนข้างๆผมพร้อมกับยกแขนแกร่งมาโอบไหล่ผมอย่างถือวิสาสะ
“เดี๋ยวๆ พี่มาอยู่นี่ได้ไง”
“กูไม่เคยบอกเหรอว่ากูเรียนที่นี่”
“ไม่เคยบอกว่าแต่พี่หายไปไหนมาวะ ไลน์ไปก็ไม่ค่อยจะตอบ”
“แหนะ คิดถึงกูอะดิ”
ใบหน้าได้รูปยื่นมากระซิบข้างหูผม
ผมเลยรีบดันตัวเขาให้ถอยห่างออกไปก่อนใครจะสังเกตเห็นแต่คงไม่ทันแล้วเพราะตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่พวกผมอย่างพร้อมเพียง
“น่าสนใจ...น่าสนใจจริงๆ”
เสียงพี่ที่ชื่อฮันบินดังขึ้นตามมาด้วยรุ่นพี่ตาตี๋อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันนัก
“นั่นสิ มึงคิดอย่างที่กูคิดไหมบีหนึ่ง”
รุ่นพี่ตาตี๋คนนั้นตอบกลับมาขำๆ
“กูก็คิดเหมือนที่มึงคิดเป๊ะเลยบีสอง”
พี่ฮันบินหันไปตอบอย่างเข้าคู่กันก่อนหันมามองผมกับพี่มาร์คสลับกับไปมา
“สวัสดีครับน้อง”
พี่เขาเว้นระยะในการพูดทำให้ผมรีบแนะนำตัวเองออกไปทันที
“แบมแบม ครับ ผมชื่อแบมแบม”
“อ่า...น้องแบมแบม พี่ชื่อบ๊อบบี้นะส่วนไอ้นี่ชื่อฮันบิน”
พี่เขายื่นมือออกมาพร้อมเอ่ยแนะนำตัวเองและเพื่อนเสร็จสรรพ
“สวัสดีครับ”
ผมเลยยื่นมือออกไปเพื่อจะจับกับรุ่นพี่ตรงหน้าแต่ก็โดนใครบางคนปัดออกอย่างแรง
“ทำบ้าไรเนี่ยเจ็บนะเว้ย”
ผมหันไปโวยใส่พี่มาร์คที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ
“กูว่าใช่แล้วล่ะบีหนึ่ง”
พี่บ๊อบบี้หันไปบอกพี่ฮันบินก่อนจะยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่น่าพลาดนะบีสอง บีหนึ่งว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ”
“ใช่...เหี้ยไรกัน ไปซุ้มชมรมได้แล้วไป”
พี่มาร์คเอ่ยเสียงกร้าวแต่พี่ทั้งสองคนก็ยังคงหัวเราะออกมาไม่หยุดรวมไปถึงไอ้ยูคยอมที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังด้วย
“พวกมึงจะไปกันดีๆหรือจะไปทั้งน้ำตา”
“ครับๆจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ดุเหลือเกินเฮียกู”
พี่ฮันบินเอ่ยขำๆก่อนหันมายิ้มให้ผมแล้วเดินจากไปพร้อมพี่คนอื่นๆ
“เดี๋ยวครับ...พวกพี่จะไปซุ้มชมรมใช่ไหม พอดีผมหาทางไปชมรมฟุตบอลอยู่ผมขอไปด้วยได้ไหมครับ”
ไอ้ยูคยอมพูดขึ้นทำให้พวกรุ่นพี่ที่กำลังจะเดินไปหันกลับมามอ
“ได้สิ..เดี๋ยวฉันพาไป”
รุ่นพี่หนึ่งในนั้นพูดขึ้นไอ้ยูคยอมเลยหันมาบอกผมว่าจะไลน์มาหาถ้าเสร็จแล้วก็เดินไปพร้อมรุ่นพี่พวกนั้น หลังจากไอ้ยูคยอมเดินไปได้ไม่นานพี่มาร์คก็ลากผมให้เดินตามเขาไปทามกลางสายตารุ่นพี่คนอื่นๆ ร่างหนาลากผมมายังสนามบาสด้านข้างตึกคณะก่อนดันผมให้นั่งลงแล้วนั่งตามลงมา
“ไม่เจอตั้งสองอาทิตย์ คิดถึงว่ะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“หุบปากไปเลย
ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีไหนบอกจะแข่งบาสกับผมอีกรอบไงและนี่อะไรหายหัวไปเลย”
“ก็กูมีซ้อมแถมมีรายงานต้องทำอีก มึงอย่างอนดิ”
“ใครงอน
พูดให้มันดีๆ”
“ก็มึงไง งอนที่กูไม่ยอมแข่งด้วยใช่ไหมล่ะ ไม่เอาน่าเดี๋ยวพอมึงเข้ามาเรียนที่นี่เราค่อยแข่งกันก็ได้เพราะยังไงมึงก็อยู่ชมรมเดี๋ยวกับกูอยู่แล้ว”
“พี่อยู่ชมรมอะไร”
“ถามแปลกก็ต้องชมรมบาสอยู่แล้ว”
“และรู้ได้ไงว่าผมจะเข้า ผมอาจไม่อยากอยู่ชมรมบาสแล้วก็ได้”
“มึงไม่มีทางเลือกเพราะกูลงชื่อให้มึงไปแล้ว อีกอย่างมึงก็เข้ามาเรียนที่นี้โดยใช้โควต้าบาสไม่ใช่รึไง”
“ก็ใช่ แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยนะแบบนี้มันมัดมือชกกันนี่หว่า”
“แล้วไง อย่าบ่นน่าเพราะถ้ามึงอยู่ชมรมบาส กูก็จะไม่แข่งกับมึงเหมือนกัน เลือกเอา”
“นี่พี่ขู่ผมเหรอ”
“ไม่ได้ขู่กูพูดจริง และนี่จับสายรหัสรึยัง”
“จับแล้ว”
“ได้อะไร”
ผมล้วงกระดาษในกระเป๋าเสื้อออกมาให้พี่มาร์คดูเขาหยิบไปดูก่อนส่งคืนมาให้ผม
“เจ้าชายน้ำแข็งเป็นสายรหัสแบบไหนกันแน่ ทำไมคนอื่นถึงต้องแตกตื่นกันด้วย”
“ไม่บอก..หาเอาเองสิ”
“บอกหน่อยดิ ใบ้มาแค่นี้ใครจะไปหาเจอวะ”
“เดี๋ยวก็เจอไม่ยากหรอกพยายามเข้าล่ะน้องใหม่”
พี่มาร์คยกมือขึ้นขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิงไปหมด
ผมปัดมือนั้นออกก่อนส่งสายตาคาดโทษไปให้อีกฝ่าย กริ๊งๆๆ
เสียงโทรศัพท์พี่มาร์คดังขึ้นเขาจึงหยิบมากดรับสาย
“ว่าไง เออๆๆ เดี๋ยวกูรีบไป”
พูดเสร็จเขาก็กดวางสายก่อนหันมามองทางผม
“กูต้องไปแล้วเดี๋ยวค่ำๆโทรหารับโทรศัพท์ด้วยนะ”
พูดจบก็ก้มลงมาหอมแก้มผมและรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“เชี่ย...ไอ้โรคจิต ไม่ต้องโทรมานะโทรมาก็ไม่รับหรอกเว้ย..บ้าเอ้ยย”
ผมตะโกนไล่หลังคนที่พึ่งวิ่งออกไปจากสนามบาส มันกลับมาอีกแล้วสินะไออาการใจเต้นแรงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ นี่ผมเป็นโรคหัวใจรึเปล่าสงสัยต้องไปหาหมอซะแล้ว
การรับน้องวันที่ 1
“ผมมีหน้าที่คุมการรับน้องในวันนี้และสิ่งที่ผมพูดถือเป็นเด็ดขาดถ้าใครขัดคำสั่ง ผมจะถือว่าไม่เคารพรุ่นพี่และโดนแยกออกจากกลุ่ม
ผมหวังว่าการรับน้องในครั้งนี้จะทำให้พวกคุณได้ประสบการณ์ที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหนและจดจำมันไปอีก
4 ปีที่อยู่ที่นี่เริ่มการรับน้องได้...”
สิ้นเสียงการเปิดพิธีรับน้องเสียงโห่ร้องจากรุ่นพี่คนอื่นๆก็ดังขึ้งพร้อมเสียงกลอง
พวกผมถูกจับแบ่งกลุ่มโดยผมถูกจับแยกกับไอ้ยูคยอม
ในช่วงเช้าของการรับน้องยังไม่มีอะไรมากแค่แนะนำตัวและออกไปเต้นนิดๆหน่อยๆแต่พอเข้าช่วงบ่ายเท่านั้นแหละ
นรกแตกเลยทีเดียวเพราะรุ่นพี่สั่งให้พวกผมออกไปยืนกลางแดดบริเวณลานหน้าคณะและคือแดดโคตรแรงเรียกได้ว่ายืนกันจนน้ำลายหนืดคอไปหมดสักพักรุ่นพี่ก็ออกคำสั่งใหม่โดยให้น้ำมากลุ่มละ
1 แกลลอนกลุ่มไหนกินหมดก่อนจะได้เข้าร่มแค่เห็นแกลลอนที่ยื่นมาให้น้ำตาก็พาลจะไหลอย่างน้อยรุ่นพี่พวกนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายจนเกินไปผมรีบหยิบแกลลอนน้ำจากรุ่นพี่ขึ้นมาดื่มทันที
พรวด...เชี่ยน้ำเกลือนี่หว่าแล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จะแดกหมด ผมมองเพื่อนๆในกลุ่มที่กำลังส่งสายตาคาดหวังมาให้ผมทำให้ผมต้องกลั้นใจกินเข้าไป แม่งโคตรเค็ม เค็มแบบเลิกแดกแล้วยังเค็มติดลิ้นอยู่ผมอยากรู้จริงๆว่าบ้านพวกพี่เขาทำนาเกลือรึป่าว
พวกผมพยายามฝืนใจช่วยกันกินจนหมดและได้เข้าไปนั่งในร่มจนได้
“นายชื่อแบมแบมใช่ไหม เราชื่อฮานะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เพื่อนผู้หญิงที่นั่งข้างๆผมเอ่ยขึ้นผมเลยหันไปมองพร้อมเอ่ยรับด้วยรอยยิ้ม จะไม่ให้ยิ้มได้ไงในเมื่อเธอคนนี้สวยหยดจนเพื่อนผู้ชายในรุ่นหลายๆคนแอบรอบมองมาที่เธอเป็นระยะ
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันฮานะ”
ผมตอบกลับไปเธอยิ้มรับก่อนเริ่มชวนผมคุยพวกเราคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนผมได้รู้ว่าเธอเรียนม.ต้นที่โรงเรียนเก่าผม
ก่อนเธอจะออกไปเรียนต่อม.ปลายที่อื่นทำให้ผมไม่เคยเจอเธอก่อนหน้านี้
“นายเป็นเพื่อนจินยองเหรอโลกกลมจังเราเคยเรียนห้องเดียวกับเขาตอนม.ต้นน่ะ”
“เฮ้ย...จริงดิ ถ้างั้นฮานะก็ต้องรู้จักยูคยอมสิมันก็เรียนที่นั้นเหมือนกัน”
“ก็รู้จักนะแต่ไม่เคยคุยกันเพราะเรียนคนละห้องแต่ยูคยอมก็เรียนที่นี่กับพวกเราใช่ไหม เราว่าเราเห็นเขานะ”
“ใช่ เรากับมันเข้ามาเรียนที่นี่ด้วยกัน...โน้นไงพูดถึงก็มาพอดี”
ไอ้ยูคยอมเดินหมดสภาพมาทางผมก่อนทิ้งตัวลงนั่งด้วยสภาพไร้เรี่ยวแรง
“ไงมึงสารรูปดูไม่ได้เลย”
“เหนื่อยชิบหาย นี่รับน้องหรือค่ายทหารวะ”
มันบ่นออกมาไม่ยอมหยุดจนผมกับฮานะหลุดขำกับท่าทีของมัน ปรี๊ด...เสียงนกหวีดเรียกรวมแถวดังขึ้นพวกผมจึงรีบวิ่งไปรวมตัวกันบริเวณที่พวกรุ่นพี่ยืนอยู่ทันที
“วันนี้ผมขอจบการรับน้องไว้เพียงเท่านี้แล้วพรุ่งนี้ 8 โมงตรงมาเจอกันที่นี่ ผมหวังว่าจะไม่มีใครมาสาย อีกเรื่องนึงพวกคุณคงยังไม่ลืมภารกิจตามหาสายรหัสกันใช่ไหม เนื่องจากวันนี้ผมเห็นความตั้งใจของพวกคุณผมจะให้คำใบ้เกี่ยวกับสายรหัสเพิ่มเติม โดยจะมีรุ่นพี่เดินแจกคำใบ้ให้แต่ละคน ผมหวังว่าพวกคุณจะหาสายรหัสเจอก่อนการรับน้องจบลงขอให้โชคดีเลิกแถวได้”
ระหว่างการพูดก็มีรุ่นพี่ประมาณสามสี่คนเดินแจกคำใบ้ตามแถว พี่คนนึงเดินมาหยุดตรงผมก่อนถามชื่อและรหัสนักศึกษา ผมตอบกลับไปรุ่นพี่คนนั้นเริ่มไล่นิ้วไปตามรายชื่อในกระดาษเขาหยิบแคปซูลรูปไข่ส่งมาให้ผม ผมเอื้อมมือไปรับก่อนเปิดออกดู ‘ หล่อ รวย ปากหมา เป็นนักกีฬามหาลัย ’ หลังจากได้อ่านคำใบ้สมองอันน้อยนิดของผมก็เริ่มประมวลผลทันทีคณะผมเกินครึ่งเป็นนักกีฬาของมหาลัยและเกิน 45% รูปหล่อ พ่อรวย ในขณะที่ 99.99 % ปากโคตรหมา
โอ๊ย...ทำไมมันหายากหาเย็นนักวะชาตินี้จะเจอไหม คำใบทำให้ผมขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด
“มึงได้คำใบ้ว่าอะไร”
ไอ้ยูคยอมเดินตรงเข้ามาหาผมหลังจากเลิกแถว
“อะ...มึงเอาไปดูเอง ใบ้แบบนี้ไม่ต้องใบ้ดีกว่าไม่ได้ช่วยห่าอะไรเลย”
“ไหนเอามาดูดิ” ผมยื่นกระดาษในมือให้มัน ไอ้ยูคยอมหยิบไปดูก่อนหลุดขำออกมา
“ขำเหี้ยไรของมึง”
“ให้กูเดาไหมว่าสายรหัสมึงเป็นใคร”
มันยื่นกระดาษคืนมาให้ผม ผมจึงรับมาก่อนเพ่งพินิจข้อความในกระดาษอีกครั้ง
“มึงรู้เหรอว่าใคร”
“แล้วมึงคิดว่าใครล่ะ ลองเดาเล่นๆดูดิ”
“อย่ากวนส้นตีน รู้ก็บอกมาอย่าลีลา”
“กูก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่ไม่น่าพลาดนะ”
“ใครวะ ??? “
“กูว่าเป็นใครสักคนในกลุ่มพี่มาร์ค”
“พวกไอ้พี่มาร์คเนี่ยนะ อย่าพูดให้กูขำหน่อยเลยกูคงไม่ซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“ไม่เชื่อมึงคอยดู ว่าจริงอย่างที่กูพูดไหม”
ไอ้ยูคยอมลอยหน้าลอยตาพูด
ผมเบ้ปากส่งไปให้มันด้วยความหมั่นไส้แต่ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าเป็นอย่างที่มันพูดจริงๆจะเป็นยังไง
เพราะดูท่าทางพี่แต่ละคนไม่ธรรมดาและชีวิตในรั้วมหาลัยของผมก็คงไม่มีวันสงบสุขอีกเลย
แค่คิดก็สยองแล้ว
“ไอ้แบมมาอยู่นี่เองกูเดินหาตั้งนาน”
เสียงอันแสนจะคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังผมหันกลับไปก็เจอลูกพี่ลูกน้องหน้ากวนที่วิ่งหืดหอบเข้ามาหา
“อ้าวแล้วทำไมไม่โทรหาผมอ่ะ”
“กูโทรแล้วแต่มึงปิดเครื่อง”
“เออว่ะ แล้วนี่เฮียถ่อมาทำอะไรถึงนี่”
“มาตามหาหัวใจ”
“ถุย...จะอ้วก ไปตามหาไกลๆไปน้ำเน่าชิบหายเลย”
“ถุยเบาๆก็ได้มั้งเต็มหน้ากูเลย ว่าแต่น้องแจแจของเฮียไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”
ผมส่ายหัวด้วยความเอือมระอาคือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ ตั้งแต่วันจบการศึกษาที่เฮียแจ๊คไปส่งไอ้ยองแจที่บ้าน กลับมาก็พล่ามถึงมันไม่ยอมหยุดบอกว่าชอบอย่างโน้นอย่างนี้ แถมขอร้องให้ผมช่วยอีก ไอ้ผมก็เห็นแกความเป็นพี่เป็นน้องเลยยอมช่วยแต่สุดท้ายเหมือนไอ้ยองแจไม่เล่นด้วย ส่วนเฮียแกก็ไม่ยอมเลยเข้าเกียร์เดินหน้าตามจีบแบบเต็มสตรีม อยากไปไหนอยากได้อะไรเฮียแกจัดให้หมดเรียกได้ว่างานนี้โคตรทุ่มทุนสร้าง
“ไม่อยู่แต่กำลังจะไปหามันที่คณะ”
“กูไปด้วยดิไม่เจอหน้าตั้งแปดชั่วโมงโคตรคิดถึง”
“พี่แจ๊คสันผมถามจริงๆนะพี่เห็นอะไรในตัวไอ้ยองแจวะทำไมดูหลงมันจัง”
ไอ้ยูคยอมหันไปถามเฮียแจ๊คที่เดินอยู่ข้างๆผม
“ไม่รู้ดิ กูก็แค่ชอบ”
“เฮ้อ...ผมว่าพี่ต้องโดนของแน่ๆที่ไปหลงรักไอ้เด็กติดมือถือนั้น”
“กูไม่ได้โดนของและกูก็มั่นใจว่าทำให้มันหันมาติดกูแทนมือถือได้”
“มั่นหน้าไปอีก ระวังกินแห้วนะเฮีย”
ผมแกล้งเอ่ยแซวขำๆ
“แดกไม่กลัว กลัวไม่ได้แดกเว้ย แต่กูชอบเพื่อนมึงจริงๆนะไม่เชื่อกูเหรอ”
“ไม่ได้ไม่เชื่อก็แค่สงสัยเฉยๆ นั่นไง...สุดที่รักของเฮียโดนผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลังอยู่พอดีเลย”
ผมชี้ไปทางกลุ่มคนจำนวนหนึ่งบริเวณหน้าป้ายคณะวิศวะที่ตอนนี้มีไอ้ยองแจถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าชายฉกรรจ์นับสิบ
เฮียแจ๊ครีบปรี่เข้าไปกระชากมันออกมาด้วยความเร็วแสงผมกับไอ้ยูคยอมกำลังจะห้ามแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
“โอ๊ย...เจ็บนะเว้ย ทำบ้าไรเนี่ย”
ไอ้ยองแจสะบัดแขนออกก่อนหันไปโวยใส่เฮียแจ๊คที่ยืนหน้าเครียดอยู่ข้างๆมัน
“........”
เฮียแจ๊คไม่ตอบอะไรเขาได้แต่จ้องหน้าไอ้ยองแจด้วยสายตานิ่งๆ
“เป็นอะไร ผีเข้าเหรอ”
ไอ้ยองแจถามออกมาขณะมองเฮียแจ๊คด้วยสีหน้างงๆ ส่วนเฮียแกก็ยังคงทำหน้านิ่งไม่ยอมตอบมัน
“จะไม่พูดใช่ไหม ก็ดี...ไม่ต้องพูดและก็เลิกตามตื้อสักทีมันน่ารำคาญ”
ไอ้ยองแจพูดจบก็ทำท่าจะเดินมาหาพวกผมแต่ยังไม่ทันก้าวขาก็ถูกเฮียแจ๊คคว้าแขนเอาไว้ซะก่อน
“มานี่ !!!”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงเฮียลากแขนมันเดินไปต่อหน้าต่อตาพวกผม ทำให้ผมกับไอ้ยูคยอมได้แต่ยืนเหวออยู่แบบนั้นคือทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากรู้สึกตัวอีกทีไอ้ยองแจก็ถูกเฮียลากหายไปทามกลางฝูงชนแล้ว
ผมกับไอ้ยูคยอมเลยได้แต่หันมองหน้ากันงงๆ
“มึงว่ามันจะรอดปะวะ”
ไอ้ยูคยอมถามขึ้นมา
“กูว่างานนี่รอดยากว่ะ”
“โถ่...ไอ้ยองแจไม่น่าเลยแล้วพวกกูจะทำบุญไปให้นะเพื่อน”
ไอ้ยูคยอมพูดไปทำตาละห้อยไปจนผมหลุดขำออกมาหวังว่าเฮียแจ๊คคงไม่ทำอะไรบ้าๆนะยิ่งไม่ค่อยมีสติอยู่ด้วย
ชักน่าเป็นห่วงซะแล้วสิ
+++++++++++++++++++++++++++++
>>> TBC <<<
คู่แจ็คแจกำลังดุเดือดเลยทีเดียวเชียว แม่ยกแจ็คแจห้ามพลาดเลเวลหน้าเด็ดขาด
แอบกะซิบมีฉากสวีทด้วยน้า อ่านแล้วคอมเม้นติชมได้เลยนะคะ น้อมรับทุกความเห็นครับผม ^ ^
#ฟิคลองของ
ความคิดเห็น